▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เรื่องเล่าสยองขวัญ
บันทึกนักเดินทาง
สิ่งลี้ลับ (mystery)
มอเตอร์ไซค์
ประสบการณ์หลอน (399โค้ง)
https://m.pantip.com/topic/40080083?
โดยหัวข้อที่ต่างจากกระทู้นี้ แต่สำหรับกระทู้นี้ จะมีรายละเอียดมากขึ้นกับสถานการณ์ที่พบเจอครับ
เนื่องจากว่าเมื่อต้นเดือนกรกฏาคม..ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเที่ยวกาญจนบุรี 2วัน1คืน..ทำให้ได้รับประสบกาณ์หลอนมาเติมเต็มชีวิต
เริ่มเรื่องกันเลย..เนื่องจากเมื่อเดือนกรกฏาคม เป็นเดือนสุดท้ายที่ได้พักผ่อนและจะต้องกลับไปทำงานอีกครั้ง จึงได้วางแผนไปเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีเป็นครั้งแรกและตัดสินใจไปคนเดียว..แผนของผมก็คือ กรุงเทพ-ปีล๊อค-เนินช้างศึก-สะพานมอญ-ห้วยซองกาเลีย-เขื่อนวชิราลงกรณ์-กรุงเทพ โดยใช้เวลา 2วัน1คืน โดยเลือกที่พักอยู่ที่สะพานมอญ..ผมได้เดินทางออกจากกรุงเทพเวลา 21:00 ตั้งใจจะไปให้ถึง..ปั้มน้ำมันสน.ปตท. หจก. สินผาทอง เวลาตี 02:00 เนื่องจากเป็นปั้มสุดท้าย(ติดริมถนน) ก่อนเดินทางขึ้นทั้งสังขละและหมู่บ้านอีต่อง เพื่อเตรียมตัวเดินทางต่อในเวลา 03:00 ขึ้นไปหมู่บ้านอีต่อง จุดหมายนั้นคือ..เนินช้างศึกตั้งใจจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น หลังออกเดินทางจากกรุงเทพเวลา 21.00 ระยะทางจาก กรุงเทพ-ถึงปั้ม 272ก.ม ก็เริ่มเข้าถนนเส้น 323เลี่ยงเมืองบ้านโป่ง หรือ อุทยานแห่งชาติไทรโยคนั้น ช่วงเวลานั้นประมาณ 22:30-00:00 นับรถยนต์และบรรทุกได้รวมไม่ถึง10คัน....ในเส้นทาง323ที่เดินทางนั้นจะเป็นถนนสองเลนสวน หากต้องการแซงจะต้องเบี่ยงออกไปเลนสวนเพื่อเร่งแซง..ในขนาดที่ขับเดินทางยืนพื้นความเร็ว100-110เพราะรู้ตัวเองแล้วว่าจะไปถึงปั้มก่อนเวลาที่ตั้งไว้ 02:00 จึงขับช้าลงโดยให้ถึงไม่ช้ามากและเร็วเกินไป..จู่ๆก็มีรถพบาบาลเปิดไซเร็นแต่ไม่มีเสียงมาแต่ไกลๆข้างหลัง..ด้วยความเร็วน่าจะ120k.m ผมจึงออกซ้ายเพื่อให้รถแซงไป..ขี่ไปได้ราวๆ 20น.ทก็ได้เจอรถพยาบาลคันนั้นจอดรถปิดไฟทั้งคันอยู่ตรงโซนบ้านซ้ายมือ ผมก็ได้ขับต่อไปไม่คิดอะไรมากแต่.. (สิ่งที่ผิดปกติระหว่างเส้นทางนี้ก่อนถึงปั้มน้ำมัน..ผมนั้นบ่นเหงา ว่าเส้นทางนี้มืดดีจริงๆรถก็แทบจะไม่มีเลย...หลังจากที่ผมบ่นในใจได้ไม่นานก็ได้ขับรถไปเรื่อยๆตามเส้นทาง..ก็ได้พบเจอรถบรรทุกหนึ่งคันกำลังเลี้ยวเข้าโค้งพอดี..ก็เลยคิดในใจว่าพอบ่นปุ๊ปก็เจอรถเลย...แต่เมื่อผมไปถึงโค้งนั้นก็พบว่ารถบรรทุกนั้นก็ได้หายไปแล้ว..ระยะที่เห็นคือสามารถมองเห็นอักษรทะเบียนคันนั้นได้..แต่ก็คิดว่าเพราะเราขับช้าหรือเปล่ารถบรรทุกคงเลี้ยวโค้งไปอีก..ก็ขับจนพ้นโค้งอีกก็ไม่เจอด้วยความสงสัยทำให้บิดเร่งความเร็วตามไปดูจนพ้นอีก2โค้ง..ก็ปรากฏว่าไม่พบเจอรถบรรทุกคันนั้นเลย..ทำให้ผมอดสังสัยไม่ได้ว่าหายไปได้อย่างไรทั้งๆไม่มีทางแยกจากเส้นทางหลักและระหว่างเส้นทางที่ขับอยู่ตอนนั้นเป็นเส้นทางเขาจะไม่มีบ้านคนสองข้างทางจะมีแต่ริมเขาหรือเหวและที่กั้นเหล็กทั้งสองฝั่งเท่านั้น หรือ หากจะเลี้ยวจอดเข้าบ้านตามข้างทางที่พอมีให้เห็นนานๆที..มันก็ไม่น่าจะพ้นสายตาเราไปได้เพราะรถคันใหญ่ขนาดนั้น..แม้แต่รถพยาบาลผมยังมองเห็นจำได้เลยทำไมรถบรรทุกคันขนาดนี้จะพลาดสายตาไปได้..สิ่งเดียวที่ผมคิดออกก็คือ..เขาอาจจะทราบว่าในใจของผมนั้นบ่นเหงา ว่าเส้นทางนี้มืดดีจริงๆ รถก็ไม่ค่อยจะมีก็เลยมาขี่เป็นเพื่อนให้หายเหงาชั่วครู่แล้วก็หายไปทิ้งไว้พร้อมกับความมึนงง) แต่ตัวผมก็ไม่คิดอะไรมากเขาคงจอดเข้าริมทางและจังหวะผมขี่เร็วก็เลยมองพลาดไปก็ได้...ก็ขี่ไปเรื่อยๆโดยไม่คิดอะไร..จนผมถึงปั้มก่อนเวลาจากเดิม 02:00 เป็น 00:30 แทน ทำให้นั่งพักเอาแรงเตรียมร่างกายและรถก่อนเดินทางขึ้นบ้านอีต่องต่อในเวลาตี03:00
หลังจาก 03:00 ก็ได้เริ่มเดินทางต่อจากปั้มน้ำมันมุ่งสู่เส้นทาง 3272 ท่ามกลางฝนที่รินตลอดทาง..เมื่อเริ่มเดินทางผ่านหน้าทางเข้า..เขื่อนวชิราลงกรณ์..ก็จะเป็นการเดินทางผ่านเส้นทางป่าเขาอย่างเต็มตัว..ในบรรยากาศในตอนนั้นค่อนข้างดี..ฝนหยุดและรินเป็นช่วง..สองข้างทางในเวลา03:30..นั้นมองไม่เห็นอะไรนอกจากแสงไฟหน้ารถของผมเอง..ในระหว่างเดินทางก็เริ่มรู้สึกแปลกๆเหมือนมีคนคอยจับจ้องตลอดเวลา..แต่ก็เข้าใจว่าคิดไปเอง..เนื่องจากเป็นคนกลัวความมืดเพราะมันจะทำให้ผมจิตนการไปต่อได้หลายอย่าง..แต่ผมเป็นคนไม่กลัวผีและไม่เชื่อทำให้ไม่ได้ไปคิดถึงอะไรพวกนี้มากนัก..ในระหว่างที่ขับๆไปก็จะผ่านจุดหมู่บ้านคนบ้าง..ก็พอได้อุ่นใจ..เนื่องจากมีแสงไฟหน้าบ้านบางดวงเปิดทิ้งไว้..เมื่อเดินทางไกล้ถึงแยกบ้านไร่..ก็ได้พบกับซากสุนัขนอนตายอยู่กลางถนน..สภาพเหมือนถูกสัตว์ป่าทำร้ายเพราะท้องถูกคว้านออกและไส้ไหล..ในหัวก็คิดไปสนุกๆว่าคงไม่มีตัวอพไรมาวิ่งไล่เราหรอกมั้ง...หลังจากเดินทางถึงแยกบ้านไร่ก่อนเลี้ยวซ้ายมุ่งสู่ปิล๊อกก็ได้ตัดสินใจนั่งพักที่กระต๊อบ..เพื่อพักรถและหลบฝนที่ตกแรงขึ้น..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นั่งพักได้อยู่สิบนาทีก็มีเหตุให้ต้องเดินทางต่อเพราะว่าน้องหมาที่อยู่แถวนั้นเห่าไล่ผมทั้งๆที่ก่อนหน้านั่งมาตั้งนานไม่เห่ามันก็น่าแปลกใจ...อย่างกับไม่อยากให้เราอยู่ตรงนี้นานกว่านี้...ในระหว่างเส้นทางก็พบเจอโค้งมากมายและเส้นทางเป็นหลุมบ้างและทางที่ไม่ดี..ท่ามกลางบรรยากาศที่มืดสนิทอย่างกับหนังสยองขวัญมองเห็นแต่ไฟหน้ารถเท่านั้นที่เป็นที่พึ่ง..เนื่องจากเป็นการเดินทางขึ้นเขาทำให้สัณญาณอินเทอร์เน็ตนั้นไม่มีไม่เชื่อดูภาพข้างล่าง..ทำให้เพลงที่ฟังจากspotifyขาดหายเป็นช่วงๆ..บรรยากาศรอบข้างก็มีเพียงแต่ต้นไม้ที่ล้อมรอบไปทั้ง2ฝั่งโอบเข้าหากัน..เยอะจนไม่สามารถพึ่งแสงของพระจันทร์ได้ เวลาขนาดนั้นคือ 04:30 โดยประมาณ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
(บรรยากาศสองข้างทาง ณตอนนั้นเป็นต้นไม้โอบล้อมหาตัวผม หมอกลงบางๆในระดับที่ไฟรถสาดเห็นฝนรินเบาๆ ก้อนเมฆบด
..ในระหว่างที่ได้เดินทางอยู่นั้นก็เกิดเสียงดัง ปั้ง!!! ผมตกใจมากนึกว่าต้นไม้ล้มแต่เปล่า...มันคือเสียงช่วงนึงของเพลงที่เปิดทิ้งไว้ในSpotifyที่ดังขึ้นเสี้ยววิหลังจากที่เงียบหายไปเพราะไม่มีสัณญาณ..คงเป็นเพราะได้รับสัณญาณมาเสี้ยววิทำให้เพลงเล่นต่อแต่..ตอนนั้นมันเป็นจังหวะนรกจริงๆผมตกใจจนสดุง....หลังจากรู้ต้นตอของเสียงผมก็ขี่ต่อไปได้สักระยะประมาณครึ่งทางแล้ว..ตัวของผมเองก็ได้มีอาการเมาโค้ง...ก็ได้แต่ภาวนาจะไปเจอจุดพักรถไวๆ....หลังจากขับไปได้ไม่นานก็ได้ไปพบกับเหมือนศาลาพักรถ..ซึ่งเข้าใจว่าใช่นั้นแหละเพราะแสงไฟรถสาดไปเห็นเหมือนที่นั่ง..ณช่วงเวลานั้นอยู่ในเวลา 04:00กว่าๆ..และมีแสงอยู่นิดหน่อยเข้าใจว่าน่าจะเป็นหลอดไฟเล็กๆ..ก็เลยขับเทียบออกขวาไปจอดพอมองขวาเข้าไปก็พบว่ามันไม่ใช่ที่พักรถ..ผมต้องร้องออกมาในใจว่าจรเข้มันไม่ใช่ที่พักรถแต่เป็นศาลของทางอุทยานซึ่งจะอยู่ขวามือสำหรับขาขึ้น....ทำเอาผมตกใจไปเลยหลายคนที่เคยไปน่าจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง....ทำให้ผมขี่ไปต่ออย่างทันทีโดยที่ไม่หันไปมองว่าข้างหลังเป็นยังไงรู้แต่เพียงว่ากับเวลาแบบนี้สถานที่เวลานี้มันไม่ใช่ที่..ที่เราจะหยุดแน่ๆ..ผมเลยกัดฟันจนถึงจุดชมทิวทัศน์ทางขึ้นเหมืองปิล๊อกหรือจุดชมวิวที่หนึ่ง..ก็เลยขับรถไปจอดฝั่งชมวิวตรงข้ามกับที่พักในตอนนั้นมันมืดไปหมดมองเห็นแต่เพียงช่วงหน้ารถเท่านั้น..ในจุดที่นั่งพักรถที่มีขนาดใหญ่ยังแทบจะมองไม่เห็นประตูเลย..ผมจึงตัดสินใจกลับทิศรถหันหน้ารถสาดไฟไปที่ถนนแทนเพื่อให้แสงไฟสาดให้เห็นกว้างที่สุดและเปิดไฟสูงทำให้จากเดิมที่ผมและรถจะหันหลังให้จุดนั่งพัก..จะกลายเป็นว่าที่จุดนั่งพักจะอยู่ขวามือของรถและขวามือผม..ในขณะที่สาดไฟไปนั้นก็ได้หันไปมองในที่พักขวามือที่มืดมากๆมันมองไม่เห็นอะไรเห็นแต่เพียงของประตูเท่านั้นที่สะท้อนแสงพระจันทร์เล็กน้อยเวลาขนาดนั้น 05:00โดยประมาณ...ก็เหลือบๆเหมือนจะเป็นคนยืนมองมาที่ผม..แต่ผมก็ไม่ได้จะสนใจอะไร...ก็ยืนเล่นโทรศัพท์ต่อไปเพราะเมาโค้งและคิดว่าตาฟาดเพราะจ้องแสงไฟรถนานเกินไป..หลังจากยืนพักได้ประมาณห้านาที ก็ได้เดินทางมุ่งเข้าสู่บ้านอีต่องถึงในเวลา ประมาณ 06:00 โดยไม่พบเจออะไรผิดปกติอีก
(ทั้งนี้ทั้งนั้นที่ผมมาแชร์ไม่ใช่ว่าเจอผีหรืออะไรแปลกๆนะครับ แต่อยากจะมาแชร์ความรู้สึกอารมณ์บรรยากาศกับมอเตอร์ไซค์หนึ่งคันหนึ่งคน
ที่เดินทางขึ้นปิล๊อกคนเดียว ท่ามกลางบรรยากาศที่เรียกได้ว่ามืดที่สุดในชีวิตตั้งแต่ได้เดินทางมาก็เพียงเท่านั้น) ขอบคุณครับ