JJNY : 4in1 “ยิ่งลักษณ์”รำลึกสลายชุมนุมปี53│ญี่ปุ่นห้ามไทยและอีก6ชาติเข้า│'ข้าวไทย'อ่วม│กระแสตีกลับพิมรี่พายหลังโต้โทนี่

“ยิ่งลักษณ์” รำลึกสลายชุมนุมปี 53 วอนเป็นความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายของไทย
https://www.thairath.co.th/news/politic/2096027
 
วันที่ 19 พ.ค. 2564 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก รวมถึงโซเชียลมีเดียอื่นๆ ถึงการรำลึกเหตุการณ์การสลายชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้าน [เผล่ะจัง] แห่งชาติ (นปช.) ว่า
 
ขอร่วมรำลึกถึงความสูญเสียของประชาชนจากการสลายชุมนุมปี 2553 ที่ประชาชนเป็นผู้ถูกกระทำจากฝ่ายรัฐ และขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมคืนความจริงให้กับทุกคนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในวันนั้น

“ดิฉันขอวิงวอนว่าความเจ็บปวดที่ครอบครัวของเหยื่อการเมืองไทยและผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น จะเป็นความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายสำหรับประเทศไทยค่ะ #11ปี19พฤษภา”
 
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/posts/4370995599611528


 
สกัดโควิด! ญี่ปุ่นห้ามคนต่างชาติจากไทย และอีก 6 ชาติเข้าประเทศ มีผลทันทีศุกร์นี้
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2732347
 
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ห้ามชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศไทยและอีก 6 ประเทศเดินทางเข้าญี่ปุ่น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
 
มาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ โดยนอกจากไทยแล้ว ประเทศที่ถูกห้ามเดินทางเข้าญี่ปุ่นยังประกอบด้วยกัมพูชา ศรีลังกา ติมอร์ตะวันออก มองโกเลีย เซนต์ลูเซีย และเซเชลส์
  
ทั้งนี้นักเดินทางต่างชาติที่เดินทางไปยังประเทศทั้ง 7 ประเทศภายใน 14 วันก่อนเดินทางมาถึงญี่ปุ่นจะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าญี่ปุ่น เว้นแต่จะมีเหตุผลพิเศษ ขณะที่ข้อห้ามดังกล่าวไม่มีผลบังคับใช้กับคนญี่ปุ่นแต่อย่างใด


 
ผู้นำเข้า ชี้ 'ข้าวไทย' อ่วมแข่งยากราคาสูงกว่าคู่แข่ง คนฟิลิปปินส์ชี้คุณภาพรสชาติดี แต่ราคาแรง 
https://www.khaosod.co.th/economics/news_6406516
 
ผู้นำเข้า ชี้ ‘ข้าวไทย’ อ่วมแข่งยากราคาสูงกว่าคู่แข่ง ไม่มีข้าวพื้นนุ่มขายตามตลาดต้องการ ผู้บริโภคฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่เห็นว่าข้าวไทยเป็นข้าวคุณภาพรสชาติดี แต่ราคาแรง
   
วันที่ 19 พ.ค.64 นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าภายหลังการ ประชุมร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและผู้นำเข้าข้าวฟิลิปปินส์ผ่านระบบ Video Conference ว่าเป็นครั้งแรกที่ไทยมีโอกาสได้พบปะกับผู้นำเข้าฟิลิปปินส์หลังจากที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ ยกเลิกนโยบายการจำกัดการนำเข้าข้าวเชิงปริมาณและอนุญาตให้ผู้นำเข้าเอกชนสามารถนำเข้าข้าวได้อย่างเสรี
 
โดยภายหลังการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่งผลให้ฟิลิปปินส์กลายเป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ในปี 2562 ด้วยปริมาณการนำเข้าข้าวสูงถึง 2.77 ล้านตัน และมีแนวโน้มว่าฟิลิปปินส์จะมีบทบาทสำคัญ ในอุตสาหกรรมค้าข้าวโลกต่อไปอีกในช่วง 2-3 ปีนี้ ทั้งนี้ มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมประชุมหารือในครั้งนี้กว่า 22 ราย ประกอบด้วย ผู้นำเข้า ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกและตัวแทน ผู้กระจายสินค้า
 
ในการประชุมครั้งนี้ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยรายงานสถานการณ์การผลิตข้าวไทยให้ผู้นำเข้าฟิลิปปินส์ทราบว่า ในปีนี้ไทยจะมีผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูกข้าว ซึ่งจะส่งผลให้ราคาข้าวไทยลดลงในระดับที่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้มากขึ้น
 
นอกจากนี้ ไทยยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาข้าวขาวพื้นนุ่มพันธุ์ กข 79 และ กข 87 ซึ่งคาดว่าจะสามารถออกสู่ตลาดได้ภายในระยะเวลา 1–2 ปีโดยผู้นำเข้าฟิลิปปินส์ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ข้าวในประเทศว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายการนำเข้าข้าว ส่งผลให้ตลาดข้าวในฟิลิปปินส์มีการแข่งขันกันมากขึ้น
 
อย่างไรก็ดี ราคาข้าวถือเป็นปัจจัยหลัก ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ ซึ่งข้าวไทยมีราคาสูงกว่าข้าวจากประเทศอื่น เช่น อินเดียและเวียดนาม นอกจากนี้ กลุ่มผู้นำเข้าได้ให้ข้อมูลว่าปัจจุบันผู้บริโภคข้าวฟิลิปปินส์ มีความนิยมการบริโภคข้าวขาวพื้นนุ่มที่มีราคาไม่แพง โดยเฉพาะข้าวใหม่ที่มีอายุน้อยกว่า 6 เดือน เนื่องจากจะมีรสชาติอร่อยและนุ่มกว่าข้าวเก่า
 
ทั้งนี้ ผู้บริโภคฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่เห็นว่าข้าวไทยเป็นข้าวคุณภาพที่มีรสชาติดี แต่มีราคาสูงเมื่อเทียบกับข้าวจากแหล่งอื่น
 
กลุ่มผู้นำเข้าได้เสนอให้จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการขายข้าวไทยในฟิลิปปินส์ เช่น การจัดกิจกรรม Instore – Promotion ในห้างสรรพสินค้าหรือห้างค้าปลีก โดยในช่วงแรกเสนอให้มีการลดราคาข้าวไทยเพื่อให้ผู้บริโภคฟิลิปปินส์ได้ลองชิมรสชาติข้าวไทย เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้สูงขึ้นต่อไป
โดยผู้นำเข้าฟิลิปปินส์มีความยินดีที่จะร่วมมือกับรัฐบาลไทยและสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยในการจัดกิจกรรมดังกล่าว
 
ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา ในฐานะเซลล์แมน ประเทศมีแผนจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการได้รับรู้และความต้องการข้าวไทยในกลุ่มผู้บริโภคฟิลิปปินส์ โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินกิจกรรมดังกล่าวได้ในช่วงไตรมาสที่3–4 หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น ทั้งนี้ ในระยะต่อไปกรมฯ มีแผนหารือกับบังกลาเทศ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อผลักดันและส่งเสริมให้ข้าวไทยมีส่วนแบ่งในตลาดเป้าหมายเพิ่มขึ้นต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่