" Posidonia " พืชวิเศษแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน




พืช Posidonia Oceanica ถูกเรียกว่า "ปอดแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน" (Credit: Rafael Estefania)



ตามแนวชายฝั่งอันเงียบสงบของ Formentera เกาะเล็ก ๆที่ทอดตัวอยู่นอกชายฝั่งตะวันออกของสเปน และด้วยทะเลสีฟ้าคราม ทำให้เป็นชายหาดที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าความงามส่วนใหญ่ของเกาะเกิดจากพืช " Posidonia Oceanica " พืชเฉพาะถิ่น ซึ่งเป็นหญ้าใต้น้ำที่ถูกเรียกว่า "ปอดแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน" (the lungs of the Mediterranean)

พืชได้รับการตั้งชื่อตาม " Poseidon " เทพเจ้าแห่งท้องทะเลของกรีก โดยเป็นหญ้าทะเลที่แพร่หลายที่สุด ที่เจริญเติบโตอยู่ในทุ่งหญ้าใต้ดินที่อัดแน่นในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งสามารถขยายออกไปได้หลายร้อยกิโลเมตรและมีชีวิตยืนยาวกว่า 100,000 ปี ทำให้ Posidonia เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
นอกจากนี้ พืชยังมีประสิทธิภาพอย่างเหลือเชื่อในการกรองน้ำและผลิตออกซิเจน โดย Posidonia 1 ตารางเมตรสามารถผลิตออกซิเจนได้มากถึง 1 เฮกตาร์ของป่าฝนอเมซอน จนถูกให้สมญาว่า "super plant" 

แม้จะมีกฎหมายของสหภาพยุโรปเพื่อปกป้องสายพันธุ์นี้ แต่ Posidonia ก็อยู่ในภาวะถูกคุกคามอย่างร้ายแรงที่จะหายไปในอีกในไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า
อันเนื่องมาจาก การรวมกันของมลพิษในกิจกรรมการประมงที่เพิ่มขึ้น และสิ่งปฏิกูลที่ไม่ได้รับการบำบัดที่ทิ้งลงทะเล ทั้งการลากสมอเรือจากจำนวนเรือที่เพิ่มขึ้นนอกชายฝั่ง Formentera ที่ได้กวาดล้างทุ่งหญ้า Posidonia ไปมากกว่า 30% ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งยังเป็นการคุกคามระบบนิเวศของทะเลด้วย

 
(Posidonia oceanica ปอดของภูมิภาค Med-O-Med)


Posidonia Oceanica เรียกอีกอย่างว่า Neptune Grass เป็นหญ้าทะเลเฉพาะถิ่นในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่โดยทั่วไปมักเข้าใจผิดว่าเป็นสาหร่าย
แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นพืชและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศ เนื่องจากผลิตออกซิเจนเป็นผลพลอยได้ถึง 5 เท่าเมื่อเทียบกับป่าฝนอเมซอน

นอกจากนี้ ทุ่งหญ้า Posidonia ยังเป็นสัญลักษณ์สำคัญสำหรับน้ำที่สะอาดและไม่มีมลพิษ และทำหน้าที่เป็นที่พักพิงของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ราว 1,000 ชนิดรวมถึงหอย Noble Pen Shells (Pinna Nobilis) ที่ใกล้สูญพันธุ์ , ทากทะเล (Nudibranchs) และ ปลาจิ้มฟันจระเข้ (Pipefish)

หน้าที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ช่วยควบคุมการกัดเซาะของน้ำทะเลตามชายฝั่ง โดยรากและเหง้าของ Posidonia จะยึดติดกับพื้นทรายเพื่อป้องกันการสูญเสียตะกอนเนื่องจากกระแสน้ำและคลื่น และสิ่งที่น่าสนใจอย่างมากเกิดขึ้นเมื่อ ใบของมันตายและชะล้างขึ้นบนบก ทำให้เกิดอินทรียวัตถุขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกันชน (buffers) เมื่อคลื่นซัดเข้าหาชายหาดเพื่อป้องกันการสูญเสียทราย

ทุ่งหญ้า Posidonia นั้น คิดเป็นเพียง 3% ของพื้นผิวใต้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทั้งหมด โดยหนึ่งในทุ่งหญ้าที่รู้จักกันดีที่สุดแห่งหนึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะ Ibiza ที่ทอดยาวไปถึงเมือง Formentera ในระยะทางประมาณ 8 กม. ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี 1999 อย่างไรก็ตาม จากการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา ความครอบคลุมของ Posidonia ทั้งหมดหายไประหว่าง 13% ถึง 38% จนถึงปัจจุบัน ทุ่งหญ้าได้สูญเสียความหนาแน่นไปกว่า 50% (ที่มา: การอนุรักษ์ทางชีวภาพ )

การดูดซึมคาร์บอนและการสังเคราะห์แสงในทุ่งหญ้า Posidonia 
โดยเซลล์พิเศษภายในพืชที่เรียกว่าคลอโรพลาสต์ ใช้พลังงานจากดวงอาทิตย์เพื่อเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำเป็นคาร์โบไฮเดรต
(หรือน้ำตาล) และออกซิเจนผ่านการสังเคราะห์ด้วยแสง ส่วนรากและเหง้าจะดูดซับและกักเก็บธาตุอาหารและช่วยยึดต้นไม้ให้อยู่กับที่

Posidonia Oceanica เป็นสายพันธุ์ที่มีความสำคัญทางนิเวศวิทยา และเป็นกุญแจสำคัญสำหรับความยั่งยืนของมรดกทางธรรมชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่ Med-O-Med Posidonia ในฐานะ "ปอดแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน" สำหรับแหล่งที่มาของการผลิตออกซิเจน (หนึ่งตารางเยื่อจะผลิตได้ประมาณ 10 ลิตรต่อวัน) และดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

แม้ว่าในปัจจุบัน ชื่อวิทยาศาสตร์ posidonia จะอ้างอิงถึงเทพเจ้าแห่งท้องทะเลของกรีก แต่ก่อนหน้านั้นมันมีอีกหลายชื่อก่อนการจัดตั้งระบบการตั้งชื่ออย่างเป็นระบบโดย Linneo ใน 18 THศตวรรษ โดยในสเปนมันรู้จักกันในชื่อ “ the seaweed of glass manufacturers ” เนื่องจากใช้เป็นตัวป้องกันการแตกในการบรรจุสำหรับแก้วและเซรามิกที่มาจากเวนิสและโรม และเนื่องจากมันยังมีคุณสมบัติในการอนุรักษ์ จึงถูกใช้ห่อปลาที่ส่งไปยัง Madrid ด้วย
ทั้งนี้ ในเมือง Almeria เรียกมันว่า “ lijo ” และเรียกว่า “ altina ”  ในเมือง Catalonia

นอกจากนี้ ยังเป็นที่ทราบกันดีในหมู่ชาวประมงว่า Posidonia มีคุณสมบัติในการรักษาเนื้อเยื่อและแผลเป็น โดยชาวประมงเคยเอา posidonia ที่ขึ้นมากับอวนใช้เป็นยาฆ่าเชื้อด้วยการชุบแอลกอฮอล์แล้วทาแผล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักธรรมชาติวิทยาและแพทย์ชาวสเปนที่ชื่อ  Andrés Laguna ในศตวรรษ
ที่ 16  ที่ระบุว่ากลิ่นของมันสามารถขับไล่ปรสิตได้


เมื่อมันมันถูกพัดขึ้นชายฝั่งจะช่วยลดผลกระทบความเสียหายที่เกิดจากพายุ และยังทำหน้าที่เป็นกันชนธรรมชาติจากการกัดเซาะชายฝั่ง

แม้แต่สมเด็จพระสันตะปาปา Julio ที่ 3 ยังใช้ใบแห้งของ Posidonia  ใส่ในที่นอนเพื่อขับไล่ตัวเรือด และแพทย์บางคนยังใส่ในหมอนหนุนเพื่อรักษาผู้ที่ป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบ ซึ่งในอียิปต์ยังมีบันทึกว่าใช้รักษาโรคคอ โรคผิวหนัง อาจเป็นทางเลือกในการรักษาสิวและบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากเส้นเลือดขอดด้วย

สำหรับการใช้งานอื่น ๆ Posidonia มักถูกใช้เป็นทรัพยากรเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เป็นฉนวนกันความร้อน รวมทั้งใช้เป็นอาหารสำหรับสัตว์ และผู้คนยังเก็บเหง้าแห้งบนชายหาดไปใช้ในรูปแบบต่างๆเช่น ให้ความร้อนแก่อาหาร หรือใช้เป็นส่วนประกอบในอิฐตากแดด นอกจากนั้น ในเกาะ Tabarca หรือที่ชายหาด Calnegre (ทั้งสองแห่งตั้งอยู่ในสเปน) ยังนำผลของมันใช้เลี้ยงสุกร

ซึ่งผลของมันจะมีลักษณะเป็นลูกเล็ก ๆ สีเขียวเหมือนมะกอก จึงได้รับชื่อเรียกว่า " olives of the sea " ที่อุดมไปด้วยสาร ซึ่งเมื่อสุกแล้วจะแยกออกจากลำต้นที่ออกดอกและลอยอยู่บนผิวน้ำทะเล เมื่อผลไม้ย่อยสลายมันก็จะจมลงไปที่ด้านล่างและเมล็ดที่อยู่ข้างในสามารถสร้างพืชใหม่ได้

ทั้งนี้ เนื่องจากการสูญพันธุ์ของพวกมันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก พืชเหล่านี้จึงได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายของยุโรปและระดับประเทศ เพื่อการจัดการกับการคุกคามและสิ่งกีดขวางด้วยวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมต่อไป
 
 
ทุ่งหญ้า Posidonia oceanica: แหล่งทรัพยากรในเกาะ Elba ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
Posidonia oceanica fruit
Cr.https://commons.wikimedia.org/wiki/Fileเค้าล้อเล่นosidonia_oceanica_fruit.jpg
ประมาณ 20% ของสปีชีส์เมดิเตอร์เรเนียนทั้งหมดอาศัยอยู่ใน  ทุ่งหญ้า Posidonia
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่