อิสราเอล กำลังบอกอะไรเรารึเปล่าครับ "คุณภาพประชากร สำคัญกว่า ปริมาณประชากร" ชาวฮิบรูผู้อยู่ท่ามกลางดงเท้าชาวอาหรับ

ก่อนอื่นอันนี้ผมขอออกตัวไว้ก่อนนะครับว่าไม่ได้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์อะไรนะครับ แค่มาเล่ามาซุยให้อ่าน เหมือนอ่านนิทานละกันนะครับ ผมก็ไปอ่านๆ ฟังๆ เขาเล่ามาอีกทีแล้วคุยกับเพื่อนๆ ในมุมมองผมอีกที่นะครับ บอกไว้ก่อนมันจะฟุ้งๆ ไปด้วยความเห็น ยสตน... 

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เพื่อนๆ สังเกตมั้ยครับว่า อิสราเอลส่วนใหญ่ คือ ชาวฮิบรู หรือ ชาวยิว ที่ห้อมล้อมไปด้วยชนชาติอริที่เป็นชาวอาหรับทั้งสิ้น แทนที่จะโดนรุมบดขยี้ แต่กลายเป็นว่าอิสราเอลไปไล่ตบเรียงตัวชาติอาหรับรอบๆซะงั้น ผมนี่กดทึ่งและงงไปเลยครับ มันเป็นไปได้ไง?
ผมว่านะครับดินแดนแห่งนี้เจ้าที่เค้าแรงจริงๆ คือ มันเกิดกรณีพิพาทเกิดสงครามแถบนี้เพื่อแย่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ตั้งแต่อดีตกาลมาเป็นพันปี คือ ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันทำไมถึงสำคัญกับพวกเขาขนาดนั้น แต่ที่แน่ๆ จะเรียกว่าความซวยรึเปล่า เหมือนว่าการมาบรรจบพบเจอกันในสตอรี่ความศรัทธาดันมีจุดร่วมเดียวกัน ถึง 3 ศาสนา คือ ศาสนายูดาห์, ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม คือ ยอมหักไม่ยอมงออยุ่ร่วมกันไม่ได้ ประเด็นข้อพิพาทดินแดนมันมีมาตั้งแต่ยุคโบราณ จนมาถึงปัจจุบัน ไม่น่าเชื่อนะครับ ว่ามันไม่เคยจบ และมันอาจจะไม่มีวันจบ คือ ดินแดนนี้มันมีการเปลี่ยนมือหลายอารยธรรมเลยครับ อารมณ์ประมาณสมบัติผลัดกันชม ไล่ตีกันตลอด ไล่ตั้งแต่ ยุค ซาโลมอน > บาบิโลเนีย > ยิว > กรีก > โรมัน > เปอร์เซีย....คือเปลี่ยนมือบ่อยมาก

ในอดีตเท่าที่ผมไปอ่านๆ มา ชนเผ่าฮิบรู หรือยิว เป็นชนเผ่าเร่ร่อนไปทั่วกระจัดกระจายไปตามประเทศต่างๆ ทั้งในแถบอาหรับ และในยุโรป แต่ไม่ได้มีประเทศเป็นของตัวเอง  แต่ด้วยความเชื่อเรื่องพันธสัญญากับพระเจ้าของเขา ชาวยิวทั่วโลกจะเหมือนรู้กัน เหมือนเขาจะมีจุดศูนย์รวมใจเกี่ยวกับศรัทธาพันธสัญญากับพระเจ้า พวกเขามักจะให้ความช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อสนับสนุนซึ่งกันและกันในกลุ่มชาวยิวด้วยกันอย่างเหนียวแน่น ผมน่าจะประมาณว่า ไม่ว่าคุณอยู่มุมไหนของโลกแต่ถ้าคุณเป็นยิว คุณคือครอบครัวเดียวกัน น่าจะประมาณนั้นนะครับ สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นคือ  เขายิดมั่นในพันธสัญญากับพระเจ้า ชาวยิวทั่วโลกมีความเชื่อว่า "พระเจ้าจะนำพวกเขากลับไปยังดินแดนที่พระเจ้าเลือกไว้ คือ อิสราเอล" ประเด็นอยู่ตรงนี้ครับ

แต่ก่อนที่จะมาเป็นประเทศอิสราเอลของชนชาติยิวเต็มรูปแบบ ณ ปัจจุบัน ก่อนหน้าเป็นของชาวอาหรับอยู่ แต่ด้วยความฉลาดของคนยิว แม้จะกระจัดกระจายอยู่ประเทศต่างๆ พวกเขาพัฒนาตัวเองให้มีอิทธิพลในด้านสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเศรษฐกิจ การเงิน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ผู้คิดค้นต่างๆ ในแต่ละประเทศที่พวกเขาไปอยู่ อย่างที่ผมบอกหล่ะครับ ว่า คนยิวเขามีความเชื่อเรื่อง พันธสัญญากับพระเจ้า เป้าหมายพวกเขาชัดเจน พวกเขาเลยพยายามรวบรวบเงิน ลงขันทยอยซื้อที่ดินในอิสราเอลจากชาวอาหรับ พอซื้อสะสมไปเรื่อยๆ สุดท้ายเจ้าของก็เปลี่ยนมือเป็นของคนยิว ได้อิสราเอลครอบครองแทนไปโดยปริยาย (อันนี้ที่ผมฟังๆ เขาเล่ามานะครับ ถ้าผิดพลาดยังไง แก้ได้นะครับ คือ ผมเข้าใจประมาณนี้)

ผมก็ไม่รุ้ว่าทำไมคนยิวถึงได้ฉลาด เค้าบอกว่า เป็นชนชาติที่ฉลาดสมองเป็นกรดที่สุดในโลก แต่เท่าที่เราดู ก็พอจะเข้าใจได้ เพราะไม่อย่างงั้นการไปอยู่ดงชาติอาหรับขนาดนั้นไม่สามารถรับมือได้ขนาดนี้  เดี๋ยวเพื่อนๆจะหาว่าผมไปอวยเขา คือ ผมดูจากบริบทแล้ว ชาติในอาหรับรอบๆ อิสราเอล โดนไล่ตบหมด แม้แต่อียิปลูกพี่แถวนั้นก็ไม่กล้าแส่หาเรื่องกับอิสราเอล

เขาบอกว่าในกองทัพของอิสราเอลจะมีหน่วยวิจัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีด้วย ซึ่งผมถึงบอกว่า คุณภาพประชากรของอิสราเอล ถึง ดูน้อยกว่าชาติในอาหรับที่มีจำนวนมากกว่า แต่พวกเขาสามารถเอาอยู่ได้

อาจจะเป็นเพราะว่าในอดีตชาวฮิบรูโดนกดขี่อย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็น กองทัพบาบิโลน กองเปอร์เซีย กองทัพโรม ที่น่าจะเลวร้ายสุดน่าจะเป็นพรรคนาซีเยอรมัน เพราะอย่าลืมว่าชาวฮิบรูในอดีตคือชนเผ่าเร่ร่อน พออารยธรรมไหนมายิดอิสราเอล ชาวฮิบรูก็เหมือนพลเมืองชั้นสองที่รับชะตากรรมในการโดนกดขี่หลายๆ ยุค เขาเลยต้องปรับตัวสู้มากกว่าหลายเท่าตัว ความแร้นแค้นทำให้ต้องสู้ปรับตัวจนแข็งแกร่ง 
สิ่งหนึ่งที่ชาวยิวโดนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 จำนวนมาก เขาเล่าว่า ก่อนที่ลุงหนวดจิ๋มจะมาเริ่มมีอำนาจในเยอรมัน ก่อนหน้านี้ ชาวยิวในเยอรมันมีอิทธิพลในสังคมเยอรมันเป็นอย่างมาก กิจการส่วนใหญ่ก็เป็นของชาวยิว แล้วเหมือนว่าลุงหนวดจิ่มเขาไปอ่านหนังสือลัทธิเผด็จการอะไรสักอย่างนี่แหละครับ แล้วหูแว่ว ว่ากลัวอิทธิพลคนยิวจะครอบงำในเยอรมัน นั่นแหละน่าจะเป็นที่มาการต้อนไปล้างบางให้หมด
คือ ผมก็เข้าใจนะด้วยความที่คนยิวเขาค่อนข้างจะเหนียวแน่นในชาติพันธ์ของตัวเอง มันเลยทำให้มีอิทธิพลกับสังคมแต่ละประเทศที่เขาไปอยู่ มันก็อดคิดระแวงไม่ได้ กลัวจะมาครอบงำหรือผูกขาด น่าจะอารมณ์ประมาณนั้นอ่ะครับ

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะชนชาติไหน พวกเราจะอยู่ร่วมกันไม่ได้เลยหรือ ผมไม่อยากให้ใครทะเลาะกันหรอกครับ สุดท้ายปลายทางมันมีแต่พังกับพังไม่จบไม่สิ้น
โควิดก็หนักแล้ว มาเจอสงครามอีก ไปกันใหญ่....
จับมือไขว้กันล้อมวงแล้วมาร้องเพลง สามัคคีชุมนุมดีกว่าครับ โลกจะได้สงบสุข แต่มันก็คือโลกในอุดมคติ ที่ก็อยากให้เกิดขึ้นจริง...
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
จริงๆ แล้วก่อนหน้าที่ยิวจะเป็นพวกเร่ร่อนก็เคยมีดินแดนมาก่อน ในรูปนี้สีเทาคือดินแดนสมัยกษัตริย์เดวิดซึ่งเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 2 ของราชอาณาจักรอิสราเอล ช่วงนี้เป็นช่วงเวลา 975 ก่อนคริสตกาล คือก่อนที่จะมีนับค.ศ. ต่อมาภายหลัง พื้นที่ก็มีเปลี่ยนไปและเหลือตรงที่เป็นพื้นที่สีส้มกับสีเหลือง ตอนนั้นก็เป็นช่วงเวลา 733 ก่อนคริสตกาล ต่อมาก็อยู่ภายใต้อาณาจักรอื่นแต่ยังมีพื้นที่ของตัวเองอยู่ จนกระทั่งตอนที่อยู่ภายใต้การปกครองของโรมัน ชาวยิวก่อปฏิวัติหลายครั้ง โรมันก็เลยมาถล่มเมืองราบคาบทำให้ชาวยิวเป็นกลุ่มคนเร่ร่อนตั้งแต่นั้นมา




ดังนั้นการที่ชาวยิวจะมาตั้งเมืองตรงนี้อาจจะไม่ใช่แค่อิงจากเรื่องศาสนาอย่างเดียวอาจจะอิงจากประวัติศาสตร์ตรงนี้ด้วยว่าแต่ก่อนพวกเค้าเคยมีดินแดนตรงนี้

แต่การสร้างเมืองก็ต้องยอมรับว่าชาวยิวเก่งเหมือนกัน

นี่เป็นภาพตอนที่ครอบครัวชาวยิวมาสร้างเมือง Tel Aviv ในปี ค.ศ.1909 ตรงกับปีพ.ศ. 2452 ก็ราวๆ สมัยร.5 เนื่องจากซื้อที่ดินได้แต่พื้นที่กันดารจึงต้องทำยังไงก็ได้ต้องอยู่ในพื้นที่อย่างนี้ให้ได้ ซึ่งเมืองนี้ต่อมาก็เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล



เมือง Tel Aviv ในปี ค.ศ. 1922 หรือปีพ.ศ. 2465 ก็ราวๆ สมัยร.6



ปัจจุบัน Tel Aviv ก็มีสภาพเป็นอย่างนี้



ส่วนการเลี้ยงลูก ลองอ่านบทความนี้ดูครับ "เลี้ยงลูกสไตล์อิสราเอล" https://www.thaipost.net/main/detail/41556
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่