สำหรับเนื้อหานี้ ขอพักยกเรื่องความสวยงามไว้แป๊ป…. เพราะเรามีเคล็ดลับฉบับพอดีคำในการเลือกซื้ออุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับห้องขนาดกะทัดรัดมาแนะนำ เผยฟังก์ชันและองค์ประกอบอันเอื้อต่อความสะดวกสบายในการใช้งาน สามารถทำให้ชีวิตการอยู่อาศัยนั้นง่ายขึ้นเยอะ…
1. ยืดได้หดได้ ฟังก์ชันปรับขยายที่มากับเฟอร์นิเจอร์ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเพิ่มพื้นที่ใช้งานชั่วคราวให้กว้างขึ้นในพริบตา เช่น โต๊ะอาหารที่มีฟังก์ชันพับหรือปรับขยายจาก 4 ที่นั่ง เป็น 6-8 ที่นั่ง ซึ่งสามารถรับแขกผู้มาเยือนได้ลงตัว แถมสิ้นสุดงานเลี้ยงก็ปรับเข้าสู่โหมดเดิมทำให้ไม่เปลืองเนื้อที่ หรือการเลือกซื้อโซฟาเบดที่สามารถปรับยืดนอนเอกขเนกได้ก็น่าสนใจ

2. บทบาทเยอะ การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่มีหน้าที่มากกว่าหนึ่งถือว่าคุ้มค่า เพราะเปรียบเสมือนเราได้ของแถมพ่วงมาจากการซื้อของ เช่น เตียงพับที่สามารถปรับเปลี่ยนใช้เป็นโซฟาได้ (บางผลิตภัณฑ์ติดตั้งระบบโช้คแก๊สไว้สำหรับเปิด-ปิดและเก็บซ่อน ซึ่งใช้งานง่ายดายทีเดียว)

3. เก็บซ่อนพรางตา ปฏิเสธไม่ได้ว่าการจัดเก็บที่ทำให้ห้องดูไม่อึดอัดคับแคบ สวยเรียบตาที่สุดก็คือการใช้ตู้ที่มีหน้าบานเปิด-ปิด หรือตู้ลิ้นชักในการจัดเก็บ ถ้าจะให้ดีควรเลือกบานไร้มือจับ เปิด-ปิดด้วยระบบ Push to Open หรือระบบ Soft Close เพื่อความเรียบโล่งสะอาดตายิ่งขึ้น
4. ใช้สอยพื้นที่แนวดิ่ง การใช้ตู้ติดผนังนอกจากเป็นวิธีหนึ่งในการเซฟพื้นที่ในห้องขนาดกะทัดรัดแล้ว ปัจจุบันยังมีอุปกรณ์บานเปิดลักษณะเป็นบานพับและตั้งค้าง สำหรับเปิดให้สอดรับกับการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น ทำให้คุณสามารถหยิบของในพื้นที่จำกัดได้สะดวกตามต้องการ

5. กฎแห่งการสะท้อน หากพื้นที่แต่งตัวของคุณมีพื้นที่เล็กแคบ สามารถแก้ไขให้ดูกว้างขึ้นด้วยวิธีเลือกหาตู้เสื้อผ้าหน้าบานกระจกเงามาจัดวาง สำหรับใช้ส่องสวยและส่องลวงพื้นที่ให้กว้างขว้างมากยิ่งขึ้น หรือติดตั้งบานสไลด์กระจกเต็มผนัง กั้นพื้นที่ระหว่าง Walk in Closet กับห้องนอน ก็เป็นวิธีที่ทำให้ห้องดูโปร่งสบายตาได้เช่นกัน

6. เข้ามุมอย่าจนมุม ในส่วนของงานบิลท์-อินตู้เก็บของในห้องครัว จุดที่เข้ามุม อย่าปล่อยปละให้เปล่าประโยชน์ ลองเลือกหาอุปกรณ์ตะแกรงเข้ามุมมาติดตั้ง เป็นระบบชั้นแบบหมุนได้ ซึ่งออกแบบเพื่อตอบโจทย์มุมตู้แบบเข้ามุมที่เหลือพื้นที่การทำหน้าบานไม่มาก ให้กลายเป็นที่เก็บของสุดครีเอททีเดียว
7. ผสมผสานสร้างประโยชน์ หากตัดสินใจทำพื้นที่ Walk in Closet ควรคำนึงถึงการจัดเก็บที่หลากหลาย มีราวแขวน ชั้นวางต่างๆ แล้ว ควรออกแบบให้มีตู้ลิ้นชักเล็กๆ ไว้สำหรับเก็บข้าวของจุกจิกอย่างเครื่องประดับ หมวก ผ้าพันคอ ฯลฯ ไว้ด้วย และหากติดตั้งโครงอะลูมิเนียมแบบลอยตัวซึ่งมีพื้นที่ด้านบนและด้านล่างเหลือ ควรเลือกหากล่องใบสวยสัก 3-4 ใบมาไว้ใส่ของซะ เพื่อความเป็นระเบียบ และใช้พื้นที่ว่างให้เกิดประโยชน์คุ้มค่านั่นเอง
7 เคล็ดลับฉบับย่อ เลือกอุปกรณ์/เฟอร์นิเจอร์ให้ถูกโฉลกกับห้องขนาดเล็ก
1. ยืดได้หดได้ ฟังก์ชันปรับขยายที่มากับเฟอร์นิเจอร์ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเพิ่มพื้นที่ใช้งานชั่วคราวให้กว้างขึ้นในพริบตา เช่น โต๊ะอาหารที่มีฟังก์ชันพับหรือปรับขยายจาก 4 ที่นั่ง เป็น 6-8 ที่นั่ง ซึ่งสามารถรับแขกผู้มาเยือนได้ลงตัว แถมสิ้นสุดงานเลี้ยงก็ปรับเข้าสู่โหมดเดิมทำให้ไม่เปลืองเนื้อที่ หรือการเลือกซื้อโซฟาเบดที่สามารถปรับยืดนอนเอกขเนกได้ก็น่าสนใจ
2. บทบาทเยอะ การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่มีหน้าที่มากกว่าหนึ่งถือว่าคุ้มค่า เพราะเปรียบเสมือนเราได้ของแถมพ่วงมาจากการซื้อของ เช่น เตียงพับที่สามารถปรับเปลี่ยนใช้เป็นโซฟาได้ (บางผลิตภัณฑ์ติดตั้งระบบโช้คแก๊สไว้สำหรับเปิด-ปิดและเก็บซ่อน ซึ่งใช้งานง่ายดายทีเดียว)
3. เก็บซ่อนพรางตา ปฏิเสธไม่ได้ว่าการจัดเก็บที่ทำให้ห้องดูไม่อึดอัดคับแคบ สวยเรียบตาที่สุดก็คือการใช้ตู้ที่มีหน้าบานเปิด-ปิด หรือตู้ลิ้นชักในการจัดเก็บ ถ้าจะให้ดีควรเลือกบานไร้มือจับ เปิด-ปิดด้วยระบบ Push to Open หรือระบบ Soft Close เพื่อความเรียบโล่งสะอาดตายิ่งขึ้น
4. ใช้สอยพื้นที่แนวดิ่ง การใช้ตู้ติดผนังนอกจากเป็นวิธีหนึ่งในการเซฟพื้นที่ในห้องขนาดกะทัดรัดแล้ว ปัจจุบันยังมีอุปกรณ์บานเปิดลักษณะเป็นบานพับและตั้งค้าง สำหรับเปิดให้สอดรับกับการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น ทำให้คุณสามารถหยิบของในพื้นที่จำกัดได้สะดวกตามต้องการ
5. กฎแห่งการสะท้อน หากพื้นที่แต่งตัวของคุณมีพื้นที่เล็กแคบ สามารถแก้ไขให้ดูกว้างขึ้นด้วยวิธีเลือกหาตู้เสื้อผ้าหน้าบานกระจกเงามาจัดวาง สำหรับใช้ส่องสวยและส่องลวงพื้นที่ให้กว้างขว้างมากยิ่งขึ้น หรือติดตั้งบานสไลด์กระจกเต็มผนัง กั้นพื้นที่ระหว่าง Walk in Closet กับห้องนอน ก็เป็นวิธีที่ทำให้ห้องดูโปร่งสบายตาได้เช่นกัน
6. เข้ามุมอย่าจนมุม ในส่วนของงานบิลท์-อินตู้เก็บของในห้องครัว จุดที่เข้ามุม อย่าปล่อยปละให้เปล่าประโยชน์ ลองเลือกหาอุปกรณ์ตะแกรงเข้ามุมมาติดตั้ง เป็นระบบชั้นแบบหมุนได้ ซึ่งออกแบบเพื่อตอบโจทย์มุมตู้แบบเข้ามุมที่เหลือพื้นที่การทำหน้าบานไม่มาก ให้กลายเป็นที่เก็บของสุดครีเอททีเดียว
7. ผสมผสานสร้างประโยชน์ หากตัดสินใจทำพื้นที่ Walk in Closet ควรคำนึงถึงการจัดเก็บที่หลากหลาย มีราวแขวน ชั้นวางต่างๆ แล้ว ควรออกแบบให้มีตู้ลิ้นชักเล็กๆ ไว้สำหรับเก็บข้าวของจุกจิกอย่างเครื่องประดับ หมวก ผ้าพันคอ ฯลฯ ไว้ด้วย และหากติดตั้งโครงอะลูมิเนียมแบบลอยตัวซึ่งมีพื้นที่ด้านบนและด้านล่างเหลือ ควรเลือกหากล่องใบสวยสัก 3-4 ใบมาไว้ใส่ของซะ เพื่อความเป็นระเบียบ และใช้พื้นที่ว่างให้เกิดประโยชน์คุ้มค่านั่นเอง