💚มาลาริน/ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด "หญิงลี" รีวิวฉีดวัคซีนซิโนแวค เผยแม่ผ่าสมอง ป่วยเบาหวาน ก็ไม่มีอาการใดๆ

เพี้ยนมโนไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด "หญิงลี" รีวิวฉีดวัคซีนซิโนแวค เผยแม่ผ่าสมอง ป่วยเบาหวาน ก็ไม่มีอาการใดๆ

เผยแพร่: 12 พ.ค. 2564 12:00   ปรับปรุง: 12 พ.ค. 2564 12:00   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หญิงลี" หน้าตาสดชื่น แชร์ประสบการณ์ฉีดวัคซีนซิโนแวค ไม่มีอาการใดๆ คนงานกว่า 10 คนก็ไร้ผลข้างเคียง แม้แต่คุณแม่ที่เป็นเบาหวาน ผ่าตัดสมองก็ไร้อาการ ดีใจมากที่ได้ฉีดวัคซีน ฝันร้ายมา 1 ปีเพราะโควิด โอดเหงา คิดถึงคอนเสิร์ต เตรียมเทค่าตัว ทั้งวงไม่ต้องถึงแสน เป็นราคาฟื้นใจ

ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด สำหรับ "หญิงลี ศรีจุมพล" นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง หลังออกมาให้สัมภาษณ์กับรายการครอบครัวบันเทิงออนไลน์ทางช่อง 3 ด้วยหน้าตาสดใส หลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคไปเรียบร้อยแล้วในโดสแรก โดยเผยว่าเจ้าตัวเป็น 1 ใน 8 กลุ่มเสี่ยง เป็นเจ้าของรีสอร์ตให้บริการคนทั่วไป ซึ่งเป็นการจัดสรรค์ของจังหวัดบุรีรัมย์ โดยหญิงลีได้รีวิวการฉีดวัคซีนของตนเองให้ฟังว่า...✏
 
"หญิงลีดีใจมากที่ได้ฉีด และเป็นตัวอย่างของสังคม เหมือนเป็นความเสี่ยงลำดับต้นๆ ในกลุ่มโรงแรม รีสอร์ตเป็นหน่วยกล้าตาย เราทำให้คนอื่นได้เห็นว่าหญิงลีปลอดภัยดี ช่างก่อสร้าง คนงานทุกอย่างฉีดหมดเลย ทุกคนไม่มีอาการข้างเคียงอะไรเลย สดชื่น ดีใจกันหมด

ตอนแรกหญิงก็งงว่าทำไมเราได้ฉีดวัคซีนก่อน สาธารณสุขอำเภอมาบอก เขาไปบอกทั้งตลาด ตลาดสด แต่ตลาดสด แม่ค้าลงทะเบียนฉีดแค่ 7 คน เราไม่ได้เส้นสายใหญ่โตนะคะ เขาบอกทุกกลุ่ม นายอำเภอ ผอ.รพ. ต้องเข้าตลาดไปเจรจา ให้แม่ค้าในตลาดมาฉีดวัคซีน มันก็ดูยิ่งใหญ่เหมือนกัน อันนี้เป็นเรื่องประเทศชาติเลยค่ะ

ก็คิดว่าเขากลัวค่ะ ถามว่าเรากลัวไหมก็มีส่วนกลัวนะคะ เพราะเห็นข่าวค่อนข้างเยอะ แต่ถ้ามัวแต่กลัวก็ไม่ได้ฉีดวัคซีนซะที หญิงลีก็เป็นคนสาธารณะ ควรทำเป็นตัวอย่างให้คนอื่นเห็นว่าเราก็กล้าฉีดนะ"

คิดไม่นานก่อนฉีด เพราะรอวันนี้มานานแล้ว

"ไม่ใช้เวลาคิดเลยค่ะ หญิงเข้าห้องน้ำ พอทีมงานบอกสาธารณสุขอำเภอมา รพ.มา พนักงานหญิงในรีสอร์ตไปฉีดวัคซีนทุกคนเลย 10 กว่าคน เราก็ดีใจ เราได้ฉีดก่อนเลยเหรอ ทำไม เขาเอาเอกสารให้ดู เราเป็น 8 กลุ่มเสี่ยงต้องฉีดก่อน เราดีใจ ก็รีบไปฉีดเขาให้สิทธิ์เรา ไม่ได้คิด รีรอ ตลอดเวลา 1 ปี ต้องการวัคซีนให้คนไทย เพื่อได้ไปทำงานปกติ ต้องการตกปลากันเอง ถ้าเรารอปลาคนอื่นตกมาให้กิน วันนึงก็ต้องหมดไป
เราในฐานะทำหน้าที่บริการ เปิดรีสอร์ต เราเจอคนเยอะจริงๆ บางทีก็กลัวเหมือนกัน บางทีก็อยากปิดบริการชั่วคราว แต่ไม่มีคำสั่งให้ปิด เราก็ต้องให้พนักงานมีรายได้ มันปิดไม่ได้ ต้องอยู่อย่างอดทนกัน

ถามว่าตอนฉีดคิดยังไง ไม่คิดอะไรเลย มีแต่ความดีใจ คุณหมอฉีดไม่เจ็บเลย คุณหมออาจมือเบาด้วย หลังฉีดเสร็จ 30 นาทีนั่งรอตรงนั้น ห้ามไปไหนจะมีเตียงปฐมพยาบาลดีมาก มีเครื่องมือทุกอย่าง คุณหมอก็ไม่ได้ให้ใครขี่รถออกไปเลย เผื่อเป็นลมเป็นแล้ง หลัง 30 นาที ก็ให้ใบนัดอีกทีเป็นโดสที่สอง มีตารางให้กรอกว่า 1-7 วัน อาการเป็นยังไง โดสที่สองคือฉีดวันที่ 31 พ.ค.

ถ้าหญิงฉีดครบก็ไม่ต้องกักตัว หญิงจะมีภูมิคุ้มกันมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ แต่เราก็ยังต้องล้างมือ เจล แอลกอฮอล์ สวมหน้ากาอนามัย เพราะคนในประเทศยังไม่ได้ฉีด เราจะมีภูมิคุ้มกันคนเดียวไม่ได้ ต้องมาสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เหมือนที่คุณหมอขอร้องให้ฉีดวัคซีน แล้วหญิงถามว่าเราสามารถฉีดวัคซีนเพิ่มได้มั้ย ถ้าวัคซีนดีๆ ที่เขาลือกันว่าดี จะฉีดอีกได้ไหม หมอก็บอกว่าได้

หลังฉีดดีใจที่ไม่มีใครเป็นอะไร ญาติพี่น้องไม่เป็นอะไร ดีใจ และรู้สึกว่าได้รับวัคซีนแล้วเหรอ ฝันร้าย 1 ปีที่ผ่านมา หวังว่าถ้าคนไทยได้ฉีดมากๆ วันหนึ่งเราจะได้มาเบียดกันดูคอนเสิร์ต เบียดกันไปตลาดสดได้ ก็จะเป็นความสุขของเรา แต่หมอแนะนำว่าต้องใส่หน้ากาก จนกว่าประเทศจะประกาศอิสรภาพ

เผยคุณแม่เป็นเบาหวาน ผ่าตัดสมองมาก่อนก็ไร้ปัญหา

"คุณแม่หญิงลีอายุมากแล้ว เป็นโรคเบาหวาน มีผ่าตัดสมอง เอาเลือดออกจากสมอง 3 ปีก่อน แม่ก็ไปฉีดก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย พวกหนูเตรียมตัวอย่างดี กาแฟไม่ดื่ม นอนให้พอ กินยาแก้ไข้ก่อนฉีด 2 เม็ด แต่แม่หญิงลีไม่ได้กินอะไรเลย ท่านก็ไม่ได้เป็นอะไรนะคะ ซึ่งคุณหมอก็ฉีดซิโนแวคกันทุกคน"

โอดเหงา คิดถึงคอนเสิร์ต หลังจากออกงานได้ จะเทค่าตัว ยกทั้งวงไม่ต้องถึงแสนก็ได้
"เหงามากค่ะคิดถึงคอนเสิร์ต สงสารทีมงานไม่ค่อยมีตังค์ใช้กัน ไม่ค่อยได้ออกงาน หญิงอยากเทราคาขาย ฟื้นใจโควิด ฟื้นเศรษฐกิจ หลังโควิดทั้งวงไม่ต้องถึงแสน เป็นราคากระตุ้นเศรษฐกิจ ราคาฟื้นใจ ฝากพี่ๆ สื่อแชร์ข้อมูลไปเลย แนะนำให้ศิลปินใช้ราคาฟื้นใจ เราจะได้ไปคอนเสิร์ตกันได้"



https://mgronline.com/entertainment/detail/9640000045525

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

แหม..อย่างนี้อยากขอใจเธอแลกเบอร์โทรค่ะ....เลิฟถอดรหัสใจรัก

อยากให้ยกวงมาเล่นที่บ้าน  อยากจะเลี้ยงฉลองข่าวดี

คงต้องอดใจรอสิ้นปีนี้ค่ะ.....
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
นานาเรียนข้อควรรู้ประสิทธิภาพ "วัคซีนโควิด" จากแพทย์จุฬาฯ

แพทย์จุฬาฯ เผย ข้อควรรู้ประสิทธิภาพ "วัคซีนโควิด" ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบว่าชนิดไหนมีประสิทธิภาพดีกว่ากัน

ท่ามกลางข้อสงสัยที่ว่า "วัคซีนโควิด" ชนิดไหน จากผู้ผลิตประเทศอะไรดีกว่ากัน  มีข้อมูลจาก รศ.นพ.นภชาญ เอื้อประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาอยุรศาสตร์และคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ในเฟซบุ๊คส่วนตัวที่อธิบายตามหลักสถิติทางการแพทย์เกี่ยวกับตัวเลขประสิทธิภาพวัคซีนว่าป้องกัน symptomatic infection หรือการติดเชื้อที่มีอาการของโควิดมาเปรียบเทียบว่าวัคซีนตัวไหนมีประสิทธิภาพดีกว่ากันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะไม่ได้หมายความว่าวัคซีน Pfizer มีประสิทธิภาพ  95% AstraZeneca มีประสิทธิภาพ 70%  และ Sinovac มีประสิทธิภาพ 50% เเล้วตัวเลขนี้คืออะไร

ข้อควรรู้ประสิทธิภาพ"วัคซีนโควิด"จากแพทย์จุฬาฯ

Sinovac มีประสิทธิภาพ 50% เป็นตัวเลขเฉพาะในบราซิลที่ทำการศึกษาใน บุคคลากรทางการแพทย์ (healthcare worker) แต่ถ้าเป็นการศึกษาของ Sinovac ที่ตุรกีตัวเลขจะอยู่ที่ 80% 
ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่า วัคซีน Pfizer มีประสิทธิภาพ 95% คือ คนที่ฉีดวัคซีนของ Pfizer 100 คนติดเชื้อ 5 คน (5%) ส่วนคนที่ไม่ฉีดวัคซีนของ Pfizer 100 คนติดเชื้อทั้ง 100 คน (100%) 

ดังนั้นวัคซีน Pfizer มีประสิทธิภาพ 100-5 = 95% แต่สิ่งที่ใช้คิดคำนวณประสิทธิภาพของวัคซีนคือ relative risk reduction หรือ การลดความเสี่ยงสัมพัทธ์ คือ เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนระหว่างคนที่ฉีดวัคซีนและไม่ฉีดวัคซีนแล้ว สามารถลดการติดเชื้อสัมพัทธ์ได้กี่ % 

รศ.นพ.นภชาญ ยกตัวอย่างว่า จากการศึกษาของ Pfizer ในคนทั่วไปพบว่าคนที่ฉีดวัคซีนของ Pfizer 17,411 คน ติดเชื้อโควิดแบบมีอาการ 8 คน หรือ 0.046% ส่วนคนที่ฉีดวัคซีนหลอก 17,511 คน ติดเชื้อโควิดแบบมีอาการ 162 คน หรือ 0.925% ดังนั้น relative risk reduction = (0.925-0.046)/0.925 x 100 = 95.0% ซึ่งวิธีนี้ใช้คำนวนประสิทธิภาพวัคซีนที่รายงานในผลการวิจัยของทุกวัคซีนทุกชนิด 

ถ้าเปรียบเทียบกับวัคซีนของ AstraZeneca ที่ทำการศึกษาในบุคคลทั่วไปและในบุคลากรทางการแพทย์จะพบว่าคนที่ฉีด AstraZeneca 5,807 ราย ติดเชื้อโควิดแบบมีอาการ 30 คน หรือ 0.517% ส่วนคนที่ฉีดวัคซีนหลอก 5,829 ราย ติดเชือโควิดแบบมีอาการ 101 คน หรือ 1.733% ดังนั้น relative risk reduction = (1.713-0.517)/1.713 x 100 = 70.2% 

ส่วนวัคซีนของ Sinovac เฉพาะข้อมูลที่ได้จากบราซิลซึ่งทำการศึกษาเฉพาะในบุคลากรทางการแพทย์ พบว่าบุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดวัคซีนของ Sinovac 4,953 ราย ติดเชื้อโควิดแบบมีอาการ 85 ราย หรือ 1.716% ส่วนคนที่ฉีดวัคซีนหลอก 4780 รายติดเชื้อ 168 ราย หรือ 3.45% ทำให้ relative risk reduction = (3.45-1.716)/3.45 x 100 = 50.3% 

ดังนั้นคงบอกไม่ได้ว่าตัวเลข 95% ดีกว่า 70% และดีกว่า 50% แบบตรงๆ ชัดๆ ไม่ได้ การศึกษาของ AstraZeneca และ Sinovac ทำการศึกษาในประชากรที่มีการติดเชื้อสูงกว่า จะเห็นได้ว่าคนที่ฉีดวัคซีนหลอกในการศึกษา Pfizer  AstraZeneca และ Sinovac ติดเชื้อไม่เท่ากันคือ 0.925% 1.733% และ 3.45% ตามลำดับ 

การศึกษาทำในช่วงที่มีการระบาดต่างกัน และประชากรที่ศึกษาก็ต่างกัน การศึกษาของ AstraZeneca และ Sinovac รวมบุคลากรทางแพทย์ด้วย 

หากเรามาดู absolute risk reduction หรือการเปรียบความแตกต่างของการติดเชื้อในกลุ่มที่ฉีดวัคซีนและไม่ได้ฉีดวัคซีน ซึ่งในกรณีของ Pfizer จะมี absolute risk reduction = 0.925-0.046 = 0.879% ถ้าเปรียบเทียบกับ absolute risk reduction ของ AstraZeneca = 1.733-0.517 = 1.216% และของ Sinovac = 3.45-1.716 = 1.734% 

หมายความว่า วัคซีนของ Pfizer ลดการติดเชื้อที่มีอาการได้ 0.879% ของ AstraZeneca ลดการติดเชื้อที่มีอาการได้ 1.216% และของ Sinovac ลดการติดเชื้อที่มีอาการได้ 1.734%

หากนำคำนวน number needed to treat หรือ NNT (จำนวนที่ต้องรักษา) หรือในที่นี้คือ ต้องฉีดวัคซีนกี่คนถึงจะป้องกันติดเชื้อที่มีอาการได้ 1 คน ซึ่งคำนวนจาก 100/absolute risk reduction จะได้ตัวเลขจำนวนคนที่ต้องฉีดวัคซีนของ Pfizer AstraZeneca และ Sinovac เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่มีอาการได้ 1 คน คือ 100/0.879 = 114 (Pfizer), 100/1.216 = 83 (AstraZeneca) และ 100/1.734 = 58 (Sinovac) 
 
“อย่างนี้จะบอกได้มั้ยว่า NNT ของ Sinovac ดีที่สุด คำตอบคือบอกไม่ได้ การเอา NNT เฉยๆ บอกว่าความคุ้มค่าหรือประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ กรณีของ Pfizer ต้องแปลว่า ในประชากรที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนที่มีอัตราการติดเชื้อประมาณ 0.9% ต้องฉีดวัคซีนของ Pfizer 114 คนถึงป้องกันการติดเชื้อที่มีอาการได้ 1 คน หรือในประชากรที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนที่มีอัตราการติดเชื้อประมาณ 1.7% ต้องฉีดวัคซีนของ AstraZeneca 83 คนถึงป้องกันการติดเชื้อได้ 1 คน และสำหรับ Sinovac ต้องแปลว่า ในประชากรที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนที่มีอัตราการติดเชื้อประมาณ 3.5% ต้องฉีดวัคซีนของ Sinovac 58 คนถึงป้องกันการติดเชื้อได้ 1 คนดังนั้นอย่าได้เอาเป็นเอาตายกับตัวเลขประสิทธิภาพที่ป้องกันการติดเชื้อที่มีอาการที่วัดจากการคำนวณ relative risk reduction ในประชากรศึกษาที่ต่างกัน ในช่วงเวลาที่ต่างกัน ในประเทศที่ต่างกัน และในช่วงที่มีอัตราการระบาด และจำนวนสัดส่วน variant ของเชื้อที่แตกต่างกัน และหากไปดูรายละเอียดการให้นิยามของคำว่า symptomatic infection ยังไม่เหมือนกันในแต่ละ trial ด้วยซ้ำ”

รศ.นพ.นภชาญ ยังระบุอีกว่า แม้จะเชื่อว่าในทางทฤษฎี mRNA vaccine เป็นเทคโนโลยีซึ่งผลิตจากชิ้นส่วนสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสของ Pfizer น่าจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีกว่า Adenovirus vector ที่ใช้อะดิโนไวรัสเป็นตัวนำพา ของ AstraZeneca และดีกว่า inactivated virus vaccine ที่เป็นวัคซีนเชื้อตายของ Sinovac 

แต่ไม่ได้หมายความว่าตัวเลข 95%, 70% หรือ 50% คือ ตัวเลขที่สามารถเทียบประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้แบบตรงไปตรงมาแบบที่เข้าใจ ที่สำคัญคือ หากประสิทธิภาพของวัคซีนสามารถลดความรุนแรงของโรค ลดการใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือลดอัดตราการตายได้ ก็สามารถลดผลกระทบอย่างรุนแรงที่มีต่อระบบสาธารณสุขโดยรวมได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม รศ.นพ.นภชาญ ได้ย้ำว่า การทำตัวเลขสรุปของวัคซีนที่มีคนพูดถึงมากๆ ในประเทศไทยอย่าง Pfizer Moderna AstraZeneca Johnson and Johnson และ Sinovac ตัวเลขที่เรียกว่าประสิทธิภาพกี่ % นั้นมันได้มาอย่างไร ทำไมถึงไม่ควรนำมาเทียบกันตรงๆ 
 
“การเล่นกับสถิตินั้นสามารถนำไปเป็นเครื่องมือหลอกลวงให้ไขว้เขวสำหรับคนที่ไม่เข้าใจสถิติจริงๆ ได้ ผมยังเชื่อว่าประชาชนทั่วไปอาจไม่เข้าใจ แต่บุคลากรทางการแพทย์ก็ควรหยุดเล่นตัวเลขประสิทธิภาพของวัคซีน  เพราะจริงๆ แล้วการลด symptomatic infection หรือ การติดเชื้อแบบแพร่กระจาย ควรเป็น primary outcome รึเปล่ายังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่เลย และการแปลผลการประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนแต่ละตัวจริงๆ เขียนได้หลายหน้า และต้องอ่านละเอียดมาก อย่าเอาแค่ตัวเลขตัวเดียวมาตัดสินทุกอย่าง”

https://www.thansettakij.com/content/covid_19/479252
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่