JJNY : 6in1 ย้ายประเทศทะลุล้าน│ห้างร้าง│เต็นท์รถมือสองอ่วม│ชานมไข่มุกดังปิด│สพฐ.แจงเลิกจ้างครู│เพจหมอยันซิโนแวคฉีดกันตาย

ยอดเข้าร่วมกลุ่มเฟซบุ๊ก แลกเปลี่ยนความรู้การย้ายประเทศ ทะลุล้านแล้ว 
https://www.matichon.co.th/politics/news_2716560
 
เมื่อวันที่ 10 พ.ค. จากกรณี ปรากฏการณ์กรุ๊ป “ย้ายประเทศกันเถอะ” ผุดขึ้นกลางเฟซบุ๊ก ตามด้วยยอดสมาชิกที่กรูกันเข้ามากว่า หลายแสนในชั่วข้ามคืน หนึ่งในความคิดเห็นจากสมาชิกกลุ่ม สะท้อนความสิ้นหวังของคนจำนวนที่มีต่อดินแดนนี้ ด้วย “อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี” แต่มองรัฐบาลกี่ทีก็หมดหวัง เมื่อผู้นำสร้างบาดแผลและกดทับ จึงถึงเวลาหันไปหาหนทางอื่น

โดยกลุ่มดังกล่าว ได้ทำการเปิดตัวขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากเปิดตัวไปภายในระยะเวลาเพียงแค่ 10 วันเท่านั้น ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 10 พ.ค. มีรายงานว่ากลุ่มดังกล่าวซึ่งไปเปลี่ยนชื่อเป็น “โยกย้าย มาส่ายสะโพกโยกย้าย” ได้มีสมาชิกกลุ่มทะลุ 1 ล้านคนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับ กลุ่มเฟซบุ๊กดังกล่าว ซึ่งมีขึ้นเพื่อแชร์วิธี ให้คำปรึกษาในการหลีกหนีการใช้ชีวิตในประเทศไทย ย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ประเทศอื่น ในช่วงแรกมีการตั้งกลุ่มจำแนกตามประเทศต่างๆ ที่น่าสนใจ และเปิดโอกาสให้คนไทยสามารถเข้าไปทำงาน สร้างอาชีพตั้งรกรากยังต่างประเทศได้ ต่อมา มีชาวไทยจำนวนมาก จากทั่วทุกมุมโลก เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ ความเห็น ประสบการณ์การอยู่ต่างประเทศ หลายคนเป็นคนไทยที่ประสบความสำเร็จ ทำงานอยู่ในตำแหน่งระดับสูงอยู่ในองค์กรและบริษัทชั้นนำของโลก ขณะที่คนจำนวนไม่น้อย ก็เข้าไปทำงานทั่วไป แม้ไม่ได้มีตำแหน่งสูง แต่ก็มีคุณภาพชีวิตที่ดี และอยู่ในสภาพแวดล้อม สังคม และการเมืองที่ดี

นอกจากความฝันในการตั้งรกรากออกไปหางานทำต่างประเทศ ยังมีการตั้งกลุ่ม จัดคอร์ส แบ่งปันความรู้ทางภาษา ความรู้ทางกฎหมาย วิธีการเปลี่ยนสัญชาติ การขอใบอนุญาตทำงานอย่างถูกกฎหมาย การสอบราชการ และอื่นๆ อยู่ตลอดเวลา และคึกคัก



พิษโควิด!ห้างร้างในวันไร้ต่างชาติ ร้านรวงปิดเรียบรอวันฟื้น
https://www.dailynews.co.th/regional/842489
 
โลกโซเชียลแห่แชร์ภาพ ศูนย์อาหารห้างดังที่แต่ก่อนเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ทั้งจีน ทั้งเวียดนาม จนหาที่นั่งแทบไม่ได้ แต่ปัจจุบันแทบไม่มีคนเดิน

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก เฮ้ย นี่มันฟุตบาทไทยแลนด์ ได้โพสต์ภาพบรรยากาศศูนย์อาหารของบิ๊กซี ราชดำริ พร้อมระบุข้อความว่า 

เอาภาพมาฝากครับ ศูนย์อาหาร บิ๊กซี ราชดำริ ..ที่แต่ก่อนเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ทั้งจีน ทั้งเวียดนาม  จนหาที่นั่งแทบไม่ได้
..แต่ปัจจุบันด้วยสถานการณ์โควิด ก็มีสภาพ ตามที่เห็น ..
 
รอนักท่องเที่ยวกลับมาพื้นเศรษฐกิจประเทศครับ
 
https://www.facebook.com/thailandfootpath/posts/1732988710216984
 


เต็นท์รถมือสองอ่วมพิษเศรษฐกิจ ลุ้นไฟแนนซ์ขยายวงเงินสินเชื่อ
https://www.prachachat.net/motoring/news-664752
 
โควิดระลอก 3 ทุบเต็นท์รถมือสองอ่วม รายเล็กทยอยปิดตัว รายใหญ่สายป่านยาวยังไหว บ่นอุบหารถป้อนเข้าพอร์ตยาก ลานประมูลหายกว่าครึ่ง เหตุรถยึดน้อยหลังแบงก์ไฟแนนซ์อุ้มผู้เช่าซื้อ ชี้หลังระดมฉีดวัคซีนตลาดมือสองพุ่ง ผู้จัดงาน “ฟาสต์ ออโต้ โชว์” ลุ้นทันเวลาปลดล็อก
 
แหล่งข่าวในวงการรถยนต์มือสอง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตลาดรถมือสองได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้บรรดากลุ่มผู้ประกอบการรายเล็กและเต็นท์รถรายย่อยแบกรับภาระต้นทุนและดอกเบี้ยไม่ไหว ทยอยปิดไปเป็นจำนวนมาก ที่จะเหลืออยู่คือพวกที่มีสายป่านยาว ซึ่งกลุ่มนี้รอเวลาตลาดฟื้นตัว ซึ่งคาดว่าหลังรัฐระดมฉีดวัคซีนทุกอย่างน่าจะดีขึ้น
 
นายภิญโญ ธนวัชรภรณ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ของตลาดรถยนต์ใช้แล้วหรือรถมือสองในช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) ถือว่าอยู่ในภาวะทรงตัวถ้าเทียบกับธุรกิจอื่น ๆ ที่ต้องเผชิญกับโควิดระลอก 3 และตรงข้ามกับรถใหม่ป้ายแดง ซึ่งตอนนี้ทั้งทราฟฟิก กำลังซื้อหดหายไปมาก กลุ่มที่ต้องการใช้รถเลือกที่จะซื้อรถเก่ามากกว่า เพราะพิจารณาเรื่องความคุ้มค่าที่มากกว่า
  
ปัญหาหลักของผู้ประกอบการตอนนี้คือ ไม่มีรถมือสองซัพพลายให้เพียงพอต่อดีมานด์ สาเหตุหลักก็เพราะผู้ใช้รถใหม่ยืดระยะเวลาการเปลี่ยนรถ และมาตรการพักชำระหนี้ของแบงก์ไฟแนนซ์ ส่งผลให้ยอดรถยึดมีจำนวนลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด ลานประมูลรถหายไปกว่าครึ่ง ทำให้ไม่มีรถมือสองเข้ามาหมุนเวียนในระบบ ผู้ประกอบการต้องซื้อรถเข้าเต็นท์ในราคาสูง
  
ขณะที่ราคาขายออกต้องแข่งขันกันมาก บางคันยอมขายขาดทุนก็มีเพื่อแบกรับต้นทุนกันยาว ๆ ไม่ไหว
 
ตลาดรถยนต์มือสองในปีที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 10-15% ส่วนปีนี้คาดว่าคงใกล้เคียงปีที่แล้ว หรืออาจจะลดลงเล็กน้อยขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาดของโควิด
 
ด้าน นายอัษฎาวุธ อาสาสรรพกิจ รองประธานจัดงาน ฝ่ายรถยนต์ใช้แล้ว งานฟาสต์ ออโต้ โชว์ และในฐานะผู้เชี่ยวชาญตลาดรถยนต์ใช้แล้ว (มือสอง) กล่าวเสริมกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า คีย์หลักของรถมือสองคือซัพพลายรถที่เข้าสู่ตลาด ตอนนี้รถยึดจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่จะเข้าตามลานประมูลหายไปกว่า 50% จากเดิมประมูลกันครั้งละ 3,000 คัน ปัจจุบันมีเหลือรถประมูลราว 1,500 คันเท่านั้น ทำให้ราคาโดยรวมของรถใช้แล้วขยับขึ้นไป 10-15%
 
แต่ถือเป็นเรื่องดี เนื่องจากผู้ประกอบการเน้นคัดรถยนต์ที่มีคุณภาพเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น สำหรับตลาดรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบหลักจะเป็นรถในกลุ่มรถยนต์พีพีวี อย่างโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ และอีซูซู มิว-เอ็กซ์ เพราะกลุ่มรถใหม่ป้ายแดงทำโปรโมชั่นกันแรงมาก ทำให้ลูกค้าลังเล
 
นายอัษฎาวุธกล่าวอีกว่า หลังรัฐบาลเร่งฉีดวัคซีน เชื่อว่าตลาดน่าจะกลับมาขยายตัวมากขึ้น ประกอบกับช่วงนี้สถาบันการเงิน 4-5 รายเริ่มผ่อนคลายมาตรการความเข้มงวดและเพิ่มยอดจัด ต่างจากก่อนหน้านี้ที่ให้ราคาแค่ 40-50% ของราคารถ ทำให้ผู้ซื้อต้องดาวน์เยอะขึ้น ตอนนี้ขยับมาเป็น 70-80%  เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณที่ดี งานฟาสต์ ออโต้ โชว์ ซึ่งมีรถมือสองรวมอยู่ด้วยก็รอลุ้นให้โควิดจบ ซึ่งในปีนี้จัดช่วงเดิมคือวันที่ 30 มิ.ย.-4 ก.ค. ที่ไบเทค บางนา
 
ด้าน นายวิสิทธิ์ พึ่งพรสวรรค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีไอเอ็มบี ไทย ออโต้ และในฐานะประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้วยังคงมีการแข่งขันกันต่อเนื่อง
 
โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มที่มีศักยภาพและประวัติการชำระหนี้ที่ดี จะมีการเสนอโปรโมชั่นแข่งขันการตลาด เช่น ดาวน์ 0% เป็นต้น อย่างไรก็ดี ภายใต้การระบาดโควิด-19 ระลอก 3 นโยบายการปล่อยสินเชื่อหลังจากนี้คาดว่าจะกลับมาเข้มงวดอีกครั้ง
 
โดยนโยบายการปล่อยสินเชื่อจะพิจารณาตามเซ็กเตอร์ กลุ่มที่มีความเสี่ยง และอยู่ในพื้นที่เสี่ยง โดยจะต้องมีการวางเงินดาวน์เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20-30% หรือกลุ่มที่มีความเสี่ยงมาก เช่น กลุ่มการบินเงินดาวน์อาจจะสูงถึง 50% หรือบางกลุ่มมีความเสี่ยงสูงจะชะลอหรือหยุดปล่อยสินเชื่อ อย่างไรก็ดี การพิจารณาวางเงินดาวน์ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสถาบันการเงิน อาจจะกำหนดไม่เท่ากันในแต่ละแห่ง
 
ตอนนี้ตลาดรถมือสองยังคงแข่งขันเสนอโปรโมชั่นและให้ราคาดี เพราะตลาดยังไปได้ คนนิยม เพราะหลังจากมีโควิด-19 ระบาด ทำให้คนไม่กล้าใช้รถขนส่งสาธารณะ จึงหันมาซื้อรถมือสองมากขึ้น อย่างไรก็ดี การพิจารณาปล่อยกู้ก็ขึ้นตามความเสี่ยงของกลุ่มลูกค้าเช่นกัน หากมีความเสี่ยงจะต้องวางเงินดาวน์ เป็นต้น
 

 
ร้านชานมไข่มุกดังไปต่อไม่ไหว ประกาศปิดกิจการถาวร หลังเจอพิษโควิดระบาดซ้ำ
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_6389476
 
ร้านชานมไข่มุกดังไปต่อไม่ไหว ประกาศปิดกิจการถาวร หลังเจอพิษโควิดระบาดซ้ำ บรรดาลูกค้าเศร้าใจคอมเมนต์ให้กำลังใจ และรู้สึกเสียดาย
 
วันที่ 10 พ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก NOBRAND แบรนด์ร้านชานมไข่มุก ประกาศปิดกิจการถาวร ทุกสาขา เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย โดยเป็นผลจากกการแพร่ระบาดของโควิด-19
 
โดยเพจเฟซบุ๊ก NOBRAND ระบุว่า
 
เรียนคุณลูกค้าทุกท่าน ร้าน NOBRAND ทุกสาขา มีความจำเป็นที่จะต้องปิดกิจการอย่างถาวร เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย โดยเป็นผลมาจากการระบาดของโรค COVID-19
 
ร้าน NOBRAND ทุกสาขาจะเปิดให้บริการถึง วันที่ 21 พ.ค.64 เป็นวันสุดท้าย โดยตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 21 พ.ค. สาขาสวนหลวงสแควร์ จะเปิดให้บริการเวลา 9:00 – 17:00 น. ขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนอย่างดีตลอดมาค่ะ
 
ส่วนลูกค้าและสาวกชานมไข่มุกร้าน NOBRAND ต่างเข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจ และรู้สึกเสียดาย เนื่องจากเป็นร้านชานมไข่มุกอีกหนึ่งร้านชื่นชอบ รวมถึงมีรสชาติที่อร่อย พร้อมหวังว่าหากสถานการณ์ดีขึ้น ทางร้านจะกลับมาเปิดให้บริการอีก


 
สพฐ.แจงเลิกจ้างครูวิทย์-คณิต 1,964 คน
https://dailynews.co.th/education/842378

เลขาธิการกพฐ.แจง เลิกจ้างครูวิทย์-คณิต 1,964 คน เหตุไม่ได้ต่อสัญญาโครงการ หลังแบกรับงบประมาณการจ้าง 200 ล้านบาท ส่งผลกระทบงบพัฒนาด้านอื่นๆ เผย รมว.ศธ.ห่วง เตรียมหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยา

นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่มีกลุ่มเพื่อนครูในตำแหน่งบุคลากรวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ โครงการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษากิจกรรมครูคลังสมอง ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 1,964 คน ซึ่งเป็นโครงการตั้งแต่ปี 2561  โดยเมื่อเร็วๆนี้ สพฐ.มีหนังสือแจ้งด่วนที่สุดที่ ศธ.04010/ว.34 ลงวันที่ 7 ม.ค.2564 ระบุว่า โครงการดังกล่าวจะสิ้นสุดการจัดสรรงบประมาณในวันที่ 30 ก.ย.2564 โดยสพฐ.จะเลิกจ้างบุคลากรวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ จำนวน 1,964 คน ซึ่งทำให้ครูกลุ่มนี้ได้รับความเดือดร้อน เพราะจะต้องตกงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้นั้น ขณะนี้สพฐ.ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว

            เลขาธิการกพฐ.กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้สพฐ.ขอชี้แจงว่าโครงการนี้กำลังจะสิ้นสุดระยะเวลาของการดำเนินโครงการเราจึงแจ้งให้กลุ่มครูอัตราจ้างได้รับทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 7 เดือนก่อนจะถึงเดือนที่สิ้นสุดโครงการในเดือนก.ย.นี้ เพื่อให้กลุ่มครูอัตราจ้างได้มีช่องทางในการเตรียมตัว เพราะสพฐ.ไม่ได้มีการเตรียมงบประมาณให้ดำเนินโครงการต่อในปี 2565 ซึ่งขณะนี้สพฐ.ต้องจัดสรรเงินจ่ายให้เฉพาะกลุ่มอัตราจ้างปีละ 2,000 กว่าล้านบาท โดยการจ้างครูในโครงการนี้ใช้งบประมาณ จำนวน 200 ล้านบาท และจะส่งผลให้เราไม่มีงบพัฒนาในด้านอื่นๆ  แต่อย่างไรก็ตามน.ส.ตรีนุช รมว.ศึกษาธิการ ได้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วและมีความห่วงใยกลุ่มครูอัตราจ้างโครงการฯดังกล่าวเป็นอย่างมาก โดยกำลังหาแนวทางว่าจะมีวิธีการใดบ้างที่จะช่วยเหลือหรือเยียวยาให้ตามความเหมาะสม

ส่วนการเลิกจ้างกลุ่มครูอัตราจ้างในโครงการดังกล่าวจะส่งผลให้สพฐ.ต้องขาดครูวิทยาสตร์และคณิตศาสตร์นั้น ขอยืนยันว่าเราไม่ขาดครู เพราะโครงการนี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานที่ต้องการเสริมทักษะให้ผู้เรียนเก่งวิทยศาสตร์และคณิตศาสตร์ ไม่ได้เกิดโครงการขึ้นเพราะการขาดครูแต่อย่างใด อีกทั้งขณะนี้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้เดินหน้าโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (สควค.)  ระยะที่ 4 (พ.ศ. 2564 - 2567) เพื่อผลิตครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ระบบโรงเรียน” นายอัมพร กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่