สวัสดีครับพี่ ๆ น้อง ๆ ทุกท่านวันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์เรื่องการพิมพ์งานด้วยเสียงและการใช้งานโปรแกรมให้ทุกท่านทราบ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับท่านในโอกาสต่อไปไม่มากก็น้อย
 
        ผมเคยได้ยินเรื่องการพิมพ์ด้วยเสียงในโทรศัพท์มาหลายครั้ง และล่าสุดก็ได้ยินจากคุณเดือนเอกที่มาคอมเม้นไว้ในเรื่อง “ตัดสินใจ” ของผมว่าการพิมพ์ด้วยเสียงพูดหรือการสั่งงานด้วยเสียงพูดในโทรศัพท์จะออกมาเป็นตัวอักษรทำให้ประหยัดเวลาได้มากผมจึงลองใช้งานโปรแกรมในโทรศัพท์แล้วปรากฏว่ายุ่งยากนิดหน่อยในการนำข้อความมาไว้ใน Word และมาลงในพันทิป
 
        จึงได้ค้นใน Google ดูว่าการพิมพ์ด้วยเสียงมีแบบไหนอีกบ้างก็ปรากฏว่าใน ใน Google เองมีเครื่องมือมากมายให้เลือกใช้งาน ซึ่งจริง ๆ แล้วถ้าเราไม่เคยใช้งานมาก่อนก็จะดูหน้าตาไม่ออกว่าเครื่องมือที่ให้มานั้นใช้งานอะไรหรือใช้แบบไหน
 
        เมื่อรู้วิธีแล้วผมก็ทดลองเรื่องแรกเลยนั่นก็คือเรื่อง “เสียดาย” ที่เพิ่งลงไปอย่างที่ท่านได้อ่านผ่านไปและถ้าท่านสังเกตดูจะเห็นชัดว่าเรื่องเสียดายนั้นจะแกว่ง ๆ แปลก ๆ คล้าย ๆ กับสำนวนเปลี่ยนไปมาก นี่ขนาดผมไม่ได้ใช้เสียงพูดอย่างเดียวนะครับใช้เสียงพูดผสมกับการพิมพ์ยังแกว่งขนาดนั้น นั่นไม่ใช่เป็นเพราะตัวโปรแกรมแต่เป็นเพราะผมยังไม่ชินกับการใช้งานนั่นเอง
 
        ไหน ๆ ก็ทดลองใช้แล้ว บทความที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้ผมเลยใช้เสียงพูดทั้งหมดอ่านลงในโปรแกรมแล้วให้โปรแกรมถอดออกมาเป็นตัวอักษร โดยที่ผมจะแก้เฉพาะคำผิดเท่านั้นสำหรับบทความนี้ เพื่อจะลองทบทวนอ่านดูอีกครั้งว่าสำนวนนั้นแกว่งไปแกว่งมาอย่างไร
 
        ข้อดีของโปรแกรมนี้ก็คือเหมาะสำหรับหลาย ๆ ท่านที่สายตาไม่สู้ดี การพิมพ์งานและเพ่งอยู่หน้าจอนาน ๆ บางครั้งก็ล้าและปวดลูกตาได้ง่าย ๆ อีกทั้งบางครั้งแสงสว่างน้อยก็ทำให้การพิมพ์เป็นไปได้อย่างยากลำบากพอสมควร ดังนั้นเมื่อใช้การพูดโดยที่ไม่ต้องเพ่งที่จอนานเกินไป แล้วใช้เวลาในการเพ่งสำหรับแค่ตรวจทานอย่างเดียว ก็จะทุ่นเวลาลงไปได้มากสำหรับการใช้สายตา
 
        ข้อดีอีกข้อหนึ่งก็คือการออกเสียงพูดจะเป็นธรรมชาติมากกว่าการเขียน ดังนั้นบางครั้งจังหวะการออกเสียงออกมาจะเหมือนกับการสนทนาในชีวิตจริงมากกว่าการที่ต้องมานั่งคิดคำพูดทีละคำแล้วพิมพ์ออกมา
 
       ส่วนข้อเสียอย่างเดียวที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้สำหรับโปรแกรมพิมพ์ด้วยเสียง ก็คือหลายท่านเป็นนักเขียนไม่ใช่นักพูด ดังนั้นการที่จะมาพูดอะไรยาว ๆ ออกไปให้เป็นเรื่องเป็นราวหลาย ๆ หน้ากระดาษ หลาย ๆ ตัวอักษร ผมคิดว่าอารมณ์หรือจังหวะอะไรต่าง ๆ ก็ดี จะไม่เหมือนกับพิมพ์ไปอ่านไปหรือพิมพ์ไปแล้วย้อนอ่านตอนต้นลงมา
 
        ก็สุดแล้วแต่ท่านจะพิจารณานะครับเพราะหลายๆท่านใช้การพิมพ์ด้วยแป้นพิมพ์มาทั้งชีวิต การจะเปลี่ยนมาเป็นการใช้เสียงแล้วให้โปรแกรมถ่ายทอดมาเป็นตัวอักษร บางท่านที่ยังไม่ชินก็อาจจะพูดออกมาไม่เป็นเรื่องเป็นราว
 
       ส่วนในเรื่อง “เสียดาย” นั้นผมไม่มีความเคยชินแม้แต่นิดเดียวเพราะเป็นการใช้โปรแกรมเป็นครั้งแรก ก็เลยใช้สลับกันโดยเปิดโปรแกรมไว้แล้วพิมพ์งานไปเรื่อย ๆ แบบที่เคยทำ และพอมีบางจังหวะที่บทในหัววิ่งเร็วมากจนพิมพ์ออกมาไม่ทัน ตอนนั้นผมถึงจะเปิดใหม่แล้วใช้เสียงพูดบรรยายไป ก็จะเป็นตัวอักษรแกว่งไปแกว่งมาตามที่ท่านได้เห็นในเรื่อง “เสียดาย”
 
        พอลองใช้ดูแล้วเห็นข้อดีข้อเสียแล้ว ก็เลยคิดว่าจะดึงส่วนดีออกมาใช้งานให้ได้มากที่สุด จึงได้นำประสบการณ์นี้มาแชร์ให้ทุกท่านได้รับทราบไปพร้อม ๆ กัน สำหรับท่านที่รู้จักการทำงานของโปรแกรมนี้ดีอยู่แล้วผมก็ขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วยครับส่วนท่านที่เพิ่งเริ่มใช้เป็นครั้งแรกก็แนะนำให้ใช้ผสมกันนะครับ พิมพ์ไปตามปกติในโปรแกรมแล้วเมื่อเรื่องราววิ่งเร็วมากจนพิมพ์ไม่ทันหรือรายละเอียดมากจนจะทำให้สายตาแย่สำหรับการพิมพ์ต่อเนื่องยาว ๆ ก็ใช้เสียงพูดลงในโปรแกรมแทนการพิมพ์ก็น่าจะช่วยได้พอสมควรนะครับ
 
        การใช้โปรแกรมพิมพ์ด้วยเสียงนี้ส่วนที่ต้องเพิ่มเติมมาสำหรับ PC หรือคอมบ้านก็คือไมโครโฟน ไมโครโฟนถ้าท่านมีอยู่แล้วก็ใช้ได้เลยนะครับถ้าท่านใดยังไม่มีแนะนำให้ซื้อไมโครโฟนที่ราคาตัวละ 300 บาทขึ้นไปนะครับ ไม่ต้องหลาย ๆ พันบาทอย่างนักอ่านอัดเสียงมืออาชีพก็ได้นะครับ แต่แต่ถ้าหลักร้อยต้นๆ 100 กว่าบาทหรือ 200 ผมเคยลองใช้แล้วคุณภาพจะแย่มาก ๆ บางยี่ห้อต้องเอาปากเข้าไปจ่อกับไมค์เลยถึงจะมีเสียงออกมา สำหรับ Notebook มีไมโครโฟนในตัวอยู่แล้วก็ไม่ต้องเพิ่มขึ้นมา เปิดโปรแกรมแล้วพูดเข้าไปได้เลย เพียงแต่ถ้าท่านเห็นว่าเสียงที่เข้าไปไม่สม่ำเสมอ ทำให้การพิมพ์เป็นตัวอักษรออกมาขาดขาดหายหาย อยากจะเพิ่มไมค์นอกเข้ามาสักตัวหนึ่งก็หาซื้อได้ไม่ยากนะครับ
 
        เรามาเริ่มใช้โปรแกรมกันเลยดีกว่านะครับ ง่าย ๆ เพียงท่านเข้าไปใน Google แล้วลงทะเบียนตามที่ท่านได้ตั้งค่าชื่อบัญชีไว้โดยพิมพ์ชื่อและรหัสผ่านเข้าไป เมื่อเข้าเรียบร้อยแล้วก็ให้ท่านกดที่จุดไข่ปลามุมซ้ายบนของจอหรือขวามือของเรานะครับ จุดไข่ปลา 9 จุดนั้นเมื่อกดเข้าไปก็จะมีเครื่องมือการใช้งานของ Google เรียงลงมาให้เราเลือก ให้ท่านเลื่อนลงมาแล้วเลือกที่  เอกสาร  แล้วคลิกเข้าไปนะครับ

         คอยดูรูปไมค์ไว้ด้วยนะครับ ถ้าเราหยุดพูดสักระยะหนึ่ง  ไมค์จะปิดเองและเห็นเป็นสีดำ  ต้องเปิดให้เป็นสีแดงก่อนนะครับจึงจะพูดลงไป
 
 
        ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยสำหรับขั้นตอนการเปิดโปรแกรมพิมพ์ด้วยเสียงของ Google ต่อไปท่านก็บันทึกสิ่งที่ท่านต้องการลงไปได้เลยและ Copy ส่วนที่เสร็จแล้วทยอย Copy ใส่ไว้ในโปรแกรมเอกสารในคอมนะครับ

        เมื่อท่านอ่านไปจนหมดที่ต้องการแล้วก็ค่อยมานั่งทบทวน เคาะเว้นวรรคแก้คำผิด หรือแก้ไขคำบางคำได้ตามต้องการ แต่บทความนี้ผมจะไม่แก้ไขที่สำนวนนะครับ จะทำแค่เคาะย่อหน้าเคาะเว้นวรรคและแก้คำผิดเท่านั้น ส่วนสำนวนไว้มีเวลาตอนค่ำ ๆ จะลองมานั่งอ่านดูว่าระหว่างการพูดกับการพิมพ์ด้วยแป้นพิมพ์ ความแตกต่างจะมีมากน้อยแค่ไหน และต้องปรับปรุงตรงจุดไหนเพื่อการใช้งานได้คล่องตัวยิ่ง ๆ ขึ้นไป
 
        หวังว่าบทความนี้คงมีประโยชน์ต่อทุกท่านไม่มากก็น้อยนะครับ เพราะส่วนดีของโปรแกรมนี้มีอยู่ สำหรับท่านที่สายตาไม่สู้ดีนั่งเพ่งนั่งพิมพ์นาน ๆ อาจจะใช้การพูดแล้วให้โปรแกรมสร้างตัวอักษรแทนตัวเรา โดยไปใช้สายตาอีกครั้งหนึ่งตอนนั่งอ่านทบทวนก็คิดว่าจะประหยัดเวลาและจะรักษาดวงตาไปด้วยในตัว ส่วนหลายท่านที่ถ้าลองดูแล้วสู้การพิมพ์ด้วยแป้นพิมพ์ไม่ได้ เพราะอารมณ์ในการพูดกับการพิมพ์ดูแล้วจะไปคนละทางกัน ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดานะครับ ส่วนผมเองจะลองใช้ดูสักระยะหนึ่ง แล้วจะหาจุดที่ต้องแก้ไขในสำนวนตัวเองที่แกว่ง ๆ ไป ถ้าบังเอิญลงตัวได้และใช้ได้ดี โดยที่สำนวนไม่ผิดเพี้ยนลายมือไม่เปลี่ยนไป ผมก็คิดว่าโปรแกรมนี้จะช่วยในการสร้างงานได้ออกมารวดเร็วกว่าที่เคยอย่างแน่นอน
 
        ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านมาถึงบรรทัดนี้นะครับ บทความนี้เป็นบทความที่ใช้เสียงพูดทั้งหมด โดยที่ไม่ได้แก้ไขสำนวนตรงส่วนไหนเลยท่านที่เคยอ่านเรื่องของผมมาบ้างก็ลองอ่านบทความนี้แล้วลองเปรียบเทียบดูนะครับว่าการพูดกับการเขียน จุดแตกต่างมีมากน้อยเพียงใด ขอรบกวนทุกท่านเพียงแค่นี้นะครับขอบคุณมาก ๆ ครับสวัสดีครับ 
 
  

                                                                                                                                                            ลุงแผน
                                                                                                                                                  ๕  พฤษภาคม  ๒๕๖๔