JJNY : สาวป่วยโควิดแชทหาส.ส.พท.│'ก้าวไกล'จับมือ'กลุ่มเส้นด้าย'│สภาอุตฯลุยต่อ│หนุ่ย แบไต๋อดสูระบบคอมฯ│WHO อนุมัติ Moderna

สาว 22 ป่วย 'โควิด' แชทหา ส.ส. พรรคเพื่อไทย ขอช่วยพาไปรพ.สนาม
https://www.khaosod.co.th/politics/news_6374149

 สาววัย 22 ปี แชทหา สุภาภรณ์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย หายใจไม่ออก ไม่รู้กลิ่นรส 5 วัน หวั่นแพร่เชื้อทั้งคอนโด เร่งประสานรถโรงพยาบาล รับกลางดึก
 
เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2564 นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 64 เวลา 19.48 น. มีผู้หญิงคนหนึ่งไลน์เข้ามายังทีมงานพรรคเพื่อไทย ทราบภายหลังว่า เป็นผู้หญิง อายุ 22 ปี เป็นพนักงานบริษัทเอกชน อาศัยอยู่กับแฟนที่อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งในซอยบางแวก 65
 
ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทราบข่าวว่ามีผู้เข้าพักอาศัยในอพาร์ทเมนท์เดียวกันติดเชื้อ โควิด ทำให้ตนเองต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น แล้วเมื่อประมาณวันที่ 25 เม.ย. 64 ที่ผ่านมา ตนเริ่มมีอาการจมูกไม่ได้กลิ่นและลิ้นไม่รับรส วันที่ 26 เม.ย. 64 ตนจึงไปตรวจเชื้อ โควิด แบบราคาประหยัดที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้โทรกลับมาแจ้งผลว่าตนเองติดเชื้อ โควิด-19
 
แต่เนื่องจากตนเองไปตรวจแบบราคาประหยัดจึงไม่มีเอกสารรับรองผลให้ ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าอาการยังไม่รุนแรงให้กักตัวอยู่บ้าน แต่ถ้าอาการหนักขึ้นและจำเป็นค่อยมารับเอกสารทีหลัง ตนคิดว่า ตัวเองอายุยังน้อย แข็งแรงดี อาการน่าจะไม่รุนแรง จึงไม่ได้ไปขอเอกสารจากโรงพยาบาลดังกล่าว
 
ต่อมาวันที่ 27 เม.ย. 64 เริ่มมีอาการปวดหัว เวียนศีรษะ บ้านหมุน ปวดเมื่อยตามตัว วันที่ 29 เม.ย. 64 อาการเริ่มหนักขึ้นจนรู้สึกหายใจไม่สะดวก ไม่รู้จะทำอย่างไร เห็นข่าวว่ามีคนประสานงานส.ส.พรรคเพื่อไทยแล้วได้รับการส่งต่อรักษาตัว ตนจึงรีบพยายามทุกวิถีทาง
 
ทั้งโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ส.ส.ทุกคนที่หาได้ พยายามส่งข้อความไปยัง ส.ส.หลายคนในกล่องข้อความว่า 
 
ช่วยทีคะ ไม่มีรถมารับหนูเลย หนูกลัวเชื้อโควิดจะลงปอด ตอนนี้หนูไม่ได้กลิ่นไม่รู้รสมา 4-5 วัน ช่วยหนูทีคะ หนูไม่อยากทำให้ที่ตึก(อพารท์เม้น)เดือดร้อน กลัวตัวเองจะแย่ด้วย
 
นางสุภาภรณ์ กล่าวต่อว่า ภายหลังที่ได้ประสานงาน ตรวจสอบข้อมูล โดยผู้ป่วยกล่าวว่า 
 
หนูเริ่มใจเสียแล้วพี่ หนูร้องไห้แล้ว หนูอยู่กับแฟน ส่วนพ่อแม่อยู่อีกที่หนึ่ง ห้องข้างบนอพาร์ทเม้นหนูก็แอบได้ยินข่าวว่า มีคนติดเชื้อ หนูไม่รู้ว่าจริงไหม แต่หนูก็อยากรีบไปหาหมอเร็ว ๆ เพราะไม่ต้องการให้คนอื่นในอพาร์ทเม้นนี้ต้องติดเชื้อเพราะหนู ช่วยหนูด้วยค่ะพี่
  
เมื่อทีมงานทราบยืนยันผลตรวจจากโรงพยาบาลแล้ว ตนจึงรีบประสานงานตามขั้นตอนไปจนถึงโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลผู้สูงอายุ บางขุนเทียน จนเมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. รถโรงพยาบาลสนาม ก็มารับตัวผู้ป่วยจากบ้านพักไปกักตัวตามขั้นตอนทันที
  
นางสุภาภรณ์ กล่าวอีกว่า เราได้รับรายงานเคสกักตัวเองและเริ่มมีอาการป่วยเพิ่มมากขึ้นทุกวัน เคสนี้ยังช่วยเหลือตัวเองได้ และมีความรับผิดชอบต่อสังคม เพียงกังวลว่า หากอาการรุนแรงขึ้น อาจแพร่เชื้อไปยังผู้อาศัยร่วมอพาร์ทเมนท์คนอื่น จึงรีบพยายามย้ายไปกักตัวที่โรงพยาบาลสนาม อย่างไรก็ตามต้องคิดถึงว่ามีผู้ป่วยอีกจำนวนมากที่อาการหนักและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
  
โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวแล้วติดเชื้อ แค่โทร 1669 ยังเป็นเรื่องยากมาก ๆ สำหรับผู้ป่วย รัฐต้องคิดต่อว่า ถ้าผู้ป่วยสูงอายุแบบนี้โทรศัพท์ยังลำบาก เคสเหล่านี้จะเข้าไปช่วยเหลือเขาได้อย่างไรไม่ปล่อยให้เขาตายคาบ้านแบบที่เป็นข่าวอย่างทุกวันนี้



'ก้าวไกล' จับมือ 'กลุ่มเส้นด้าย' ประสานหาเตียงผู้ป่วย กังขาเจอเคสปล่อยผู้ป่วยโควิดเรียกแท็กซี่กลับบ้านเอง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2701783
 
‘ก้าวไกล’ จับมือ ‘กลุ่มเส้นด้าย’ ประสานหาเตียงผู้ป่วย กังขาเจอเคสปล่อยผู้ป่วยโควิดเรียกแท็กซี่กลับบ้านเอง
 
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา ร.อ.ท.ธนเดช เพ็งสุข อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เขตลาดพร้าวและวังทองหลาง พร้อมด้วย นายอภิวัฒน์ ด่านศรีชาญชัย ว่าผู้สมัคร ส.ก. เขตจตุจักร และนายนฤธัช สีบุญเรือง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตวังทองหลาง พรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมทีมงานกลุ่มเส้นด้าย ได้ลงพื้นที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อประสานการส่งผู้ติดเชื้อไปรักษา ณ โรงพยาบาล แต่พบกรณีการความไม่ชัดเจนในการบริหารจัดการเตียงและการรักษาระหว่างผู้กำหนดนโยบายกับการปฏิบัติจริงหน้างานจึงจำเป็นต้องถามไปยังผู้รับผิดชอบว่าจะกำหนดแนวทางที่ชัดเจนอย่างไร และจะจัดการอย่างไรกับกรณีที่เกิดขึ้น
 
จากการลงพื้นที่และมีการประสานส่งตัวผู้ติดเชื้อกับโรงพยาบาลภูมิพล เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ผู้ติดเชื้อรายหนึ่งได้แจ้งต่อทีมงานซึ่งมีทั้ง ผู้สมัคร ส.ก.พรรคก.ก. และทีมงานกลุ่มเส้นด้ายที่ทำงานร่วมว่า เขาได้รับการตรวจและยืนยันว่าพบเชื้อเเละพร้อมเข้าสู่ในขั้นตอนการรักษาที่โรงพยาบาล โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้โทรมาแจ้งว่าให้เตรียมตัวเพื่อเข้ารับการรักษา เเต่พอเมื่อผู้ติดเชื้อเดินทางไปถึงโรงพยาบาลกลับได้รับแจ้งว่าไม่มีเตียงสำหรับพักรักษา เเละกล่าวว่าปอดของเขายังมีอาการเเข็งเเรงจึงอนุญาตให้กลับบ้าน แต่จากที่ทางทีมงานได้สอบผู้ป่วยพบว่าบางรายมีอาการค่อนข้างหนักและไม่สามารถดูเเลตนเองได้” ร.อ.ท.ธรเดช กล่าว
 
ร.อ.ท.ธนเดช ระบุต่อไปว่า โรงพยาบาลจะต้องชี้เเจงในกรณีที่เกิดขึ้น คือ ประเด็นเเรก หากผู้ป่วยตรวจพบว่าติดเชื้อ สิ่งเเรกที่โรงพยาบาลต้องปฏิบัติ คือ โรงพยาบาลต้องรับรักษา หากเต็ม ต้องหาที่รักษาให้ ไม่เช่นนั้นจะผิดพระราชบัญญัติควบคุมโรค พ.ศ.2558 แต่ในกรณีนี้ทางรพ.ไม่ได้รับรักษาที่ รพ.ภูมิพล หรือส่งต่อยัง รพ.สนาม เเละ hospitel สิ่งที่เเย่กว่านั้นคือขณะที่ตรวจผู้ป่วยตรวจเสร็จเป็นยามวิกาล เจ้าหน้าที่ปล่อยให้คนไข้อยู่เพียงตามลำพังตรงบริเวณจุดรับ-ส่ง ผู้โดยสาร และเรียกเเท็กซี่ให้มารับ โดยกรณีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งเเรก เเต่มีอีกหลายเคสที่ถูกปฏิบัติเช่นเดียวกัน
 
ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าว ตนพร้อมทีมงานกลุ่มเส้นด้าย ได้ลงพื้นที่เพื่อสอบถามความชัดเจนต่อกรณีที่เกิดขึ้นและตามหารถเเท็กซี่คันที่รับผู้ป่วย เเต่ทางเจ้าหน้าที่ให้คำตอบไม่ตรงประเด็นโดยอ้างว่า ผู้ป่วยปฏิเสธไม่รับรักษาที่ รพ.สนาม ซึ่ง รพ.สนามของโรงพยาบาลภูมิพลก็ยังมีที่เพียงพอ เเต่กลับไม่ส่งตัวผู้ป่วย ในวันเดียวกันตนได้พบกับเจ้าหน้าที่ทหารเวรที่ประจำจุดรับส่งผู้ป่วยซึ่งได้ให้ข้อมูลว่า เตียงสำหรับรักษาผู้ป่วยเต็ม เเละเป็นคนให้ผู้ป่วยเดินทางกลับด้วยรถแท็กซี่ โดยให้เปิดกระจกเเละไม่ให้บอกต่อคนขับเเท็กซี่ว่าเป็นผู้ติดเชื้อโควิด 19 ให้สวมหน้ากากอนามัยอย่างมิดชิด ซึ่งการกระทำเช่นนี้เป็นการเสี่ยงต่อการเเพร่เชื้อ
 
จากกรณีดังกล่าว นายอภิวัฒน์ ตั้งข้อสังเกตว่า โรงพยาบาลภูมิพล ใช้อำนาจใดในการตัดสินใจให้ผู้ป่วยกลับบ้านเอง เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุข และศบค. ยังไม่ได้มีการออกมาตรการที่สามารถให้ผู้ติดเชื้อที่มีอาการขั้นต้น สามารถพักรักษาดูอาการที่บ้านได้ ดังนั้น ตนในฐานะว่าที่ผู้สมัครส.ก. ที่จะเข้าไปทำงานเป็นตัวแทนของประชาชนขอให้ รพ.ชี้เเจงต่อกรณีที่เกิดขึ้น เเละขอให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เเละรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้คำตอบรวมถึงชี้เเจงต่อบทลงโทษต่อโรงพยาบาลภูมิพล ในฐานะผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด เพื่อเป็นกรณีตัวอย่างเเละปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกัน
 

 
สภาอุตฯลุยต่อ “วัคซีนทางเลือก” ลั่น“เหลือดีกว่าขาด”
https://www.thansettakij.com/content/Macro_econ/478136
 
สภาอุตสาหกรรมฯ สั่งลุยต่อร่วมบริษัทฯ-โรงพยาบาลเอกชนจัดหาวัคซีนทางเลือก ห่วงรัฐจัดหาไม่ได้ตามแผน กระทบเศรษฐกิจฟื้นตัว ชี้วัคซีนเหลือดีกว่าขาด ยกตัวอย่างอังกฤษตุนวัคซีนมากกว่า 3 เท่าของประชากร
 
แม้นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจะตีความคำพูดนายกรัฐมนตรีหลังประชุมร่วมหอการค้าไทย เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา โดยได้ออกประกาศระบุนายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบคุณที่หอการค้าไทยและภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมเสริมการทำงาของภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความพยายามในการจัดหาวัคซีนทางเลือกเพื่อฉีดให้กับพนักงานของตัวเองเพื่อแบ่งเบาภาระของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้แจ้งว่าปริมาณวัคซีนที่ภาครัฐจัดหามานั้น(100 ล้านโดส)มีจำนวนเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนทุกคน พร้อมเร่งดำเนินการในการนำเข้าวัคซีน ซึ่งกำลังทยอยเข้ามาเป็นลำดับ ดังนั้นภาคเอกชนจึงไม่จำเป็นต้องมีการจัดหามาเพิ่มเติม และจะได้ไม่เป็นภาระในเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งภาคเอกชนต่างก็ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อยู่แล้ว  ดังนั้นหอการค้าไทยจึงปิดการรับแจ้งความประสงค์ของบริษัทเอกชนที่ต้องการวัคซีนทางเลือก โดยจะรวบรวบข้อมูลที่แจ้งมาก่อนหน้านี้ส่งต่อให้กับภาครัฐเพื่อเป็นข้อมูลในการจัดลำดับการฉีดวัคซีนที่ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละพื้นที่ หรือประชาชนในกลุ่มเสี่ยงต่าง ๆ ต่อไป หากตีความตามนี้ในส่วนหอการค้าไทยได้ส่งสัญญาณสมาชิกไม่ต้องช่วยรัฐจัดหาวัคซีนทางเลือกอีกต่อไปแล้ว
 
ขณะที่ในฝั่งของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)อีกสถาบันเอกชนที่ใหญ่ไม่แพ้กันได้เห็นต่างและตีความต่างกัน โดยนายสุพันธุ์  มงคลสุธี ประธานส.อ.ท.ได้ออกสารจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ใจความสำคัญระบุว่า จากการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เม.ย.2564 นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณเอกชนที่ร่วมแสดงเจตจำนงในการจัดหาวัคซีนเพิ่ม โดยทางรัฐบาลจะเร่งจัดหาวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดส เพื่อให้เพียงพอกับคนไทย และในเดือนพ.ค.จะมีวัคซีนเพิ่มเข้ามาอีกแน่นอน ซึ่งรัฐบาลย้ำว่าได้เปิดกว้างให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนมาได้ภายใต้กฎเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข หากตีความในความเห็นของส.อ.ท.คือ เอกชนยังสามารถจัดหา และนำเข้าวัคซีนทางเลือกเข้าได้นอกเหนือจาก 100 ล้านโดสที่รัฐบาลประกาศจะจัดหาให้ได้ภายในปีนี้ โดยทางสภาอุตสาหกรรมฯจะทำหน้าที่ประสานกับกับภาคเอกชนที่จะนำเข้าวัคซีนรวมทั้งสมาคมโรงพยาบาลเอกชน และยังเชิญชวนให้ภาคเอกชนที่มีความต้องการเร่งด่วนในการจัดซื่อเพื่อฉีดวัคซีนให้กับพนักงานเอง ให้แจ้งความต้องการที่เว็บไซต์ของสภาอุตสาหกรรมฯ เพื่อได้ดำเนินการประสานการฉีดวัคซีนกับภาคเอกชนที่นำเข้าวัคซีนโดยเร็ว

นายเกรียงไกร  เธียรนุกุล  รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า เรื่องจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมนี้ ทางส.อ.ท.ได้เดินหน้าไปมาก และยังยินดีช่วยสนับสนุนรัฐบาลในการจัดหาคงไม่ได้ถึงกับหยุด แต่ที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศจะเร่งจัดหาวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ อย่างน้อยก็ถือเป็นข่าวดีในระดับหนึ่ง ที่ภาคเอกชนได้เห็นถึงความพยายามของของรัฐบาล แต่ภาคเอกขนก็ยังเป็นห่วงว่า การได้วัคซีนมาจนถึงสิ้นปีนี้  จะได้มาเร็วแค่ไหน ได้แน่นอนครบตามเป้าหมายหรือไม่  จำนวนในแต่ละเดือนเป็นอย่างไร เพียงพอกับความต้องการหรือไม่ และจะเร่งฉีดได้เร็วแค่ไหน ทันกับเวลาที่ตั้งไว้หรือไม่
 
วัคซีนยิ่งนำเข้ามาได้เร็ว และมีจำนวนมากอย่างเพียงพอยิ่งดี เพราะประเทศที่ประสบความสำเร็จในการฉีดวัคซีนไปได้มากเวลานี้ อาทิ สหรัฐฯ อิสราเอล  ยูเค(อังกฤษ) เป็นต้น จะเห็นได้ว่าการติดเชื้อหรือการระบาดในแต่ละวันของประเทศเหล่านี้ลดลงอย่างฮวบฮาบ สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการที่จะออกมาใช้ชีวิต  และดำเนินชีวิตตามปกติ จะส่งผลทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และกิจกรรมทางสังคมทุกอย่างค่อย ๆ ฟื้นตัว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่