มีเงิน 300,000 ลงทุนอะไรดี ปี 2021 (อยากให้เงินงอกเงย อยากรวย ต้องดู)
หากคุณมีเงินลงทุนหลักแสน หรือราว ๆ 3 แสนบาท คุณจะนำเงินนี้ไปลงทุนอะไรได้บ้าง?!
และแต่ละอย่างมีความเสี่ยงแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน?!
แล้วลงทุนอะไรความเสี่ยงถึงจะน้อยที่สุด และให้ผลงอกเงยคุ้มค่ากับความเสี่ยงที่เราลงทุนไป?!
สำหรับใครที่มีเงินเก็บมักจะตั้งคำถามว่า “มีเงินเก็บแล้วจะลงทุนอะไรดี” นั้น ก็อาจจะมีตั้งแต่เงินหมื่นไปจนถึงเงินล้านก็มี ซึ่งผมก็ได้เขียนบทความเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว(โดยคุณสามารถติดตามบทความได้ในกระทู้ วรัทภพ รชตนามวงษ์ WARATTAPOB ทั้งในเว็บไซต์ Pantip และ เด็กดี) แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่อง “มีเงิน 300,000 ลงทุนอะไรดี” เพราะคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในกลุ่มนี้มักจะเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีการเก็บเงินออมเงินมาได้สักระยะ ซึ่งถือว่าเป็นเงินเก็บที่ไม่น้อยเกินไปจนหวังผลอะไรจากการลงทุนไม่ได้ และก็ไม่มากเกินไปจนคนส่วนใหญ่มีเงินไม่ถึง ทีนี้คุณก็ต้องมาดูแล้วว่าธุรกิจไหนกันที่เหมาะกับการลงทุนในยุคนี้และมีความเสี่ยงน้อยที่สุด เพราะแน่นอนว่าทุกธุรกิจย่อมมีความเสี่ยง แต่จะเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยเท่านั้นเองครับ
และในตอนนี้ทางเลือกหลัก ๆ ที่คนคนส่วนใหญ่มีเงินลงทุนแต่มีความลังเลว่าจะลงทุนอะไรดีนั้น ก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง การเล่นหุ้น และ การทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งความเสี่ยงและข้อดีข้อเสียในแต่ละธุรกิจก็มีความแตกต่างกันออกไป ฉะนั้น วันนี้ผมจะอธิบายให้คุณเข้าใจถึงการลงทุนที่ว่า “ลงทุนแบบไหนถึงจะเสี่ยงน้อยที่สุด” และจะต้องทำอย่างไรให้การลงทุนในครั้งนี้ไม่เสียเปล่า…
โดยที่ผมจะเริ่มจากการ “ลงทุนหุ้น” ก่อน เพราะคนบางคนมีความเข้าใจที่ว่า การลงทุนหุ้นแลดูจะเป็นการลงทุนที่สร้างกำไรให้คุณอย่างมหาศาล แต่!! สำหรับใครที่เป็นมือใหม่การลงทุนสิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องไกลตัว และต้องใช้ดวงนำทาง ปัจจุบันมีช่องทางในการลงทุนหุ้นที่หลากหลาย คุณสามารถเลือกลงทุนเองได้โดยตรง หรือลงทุนผ่านการซื้อกองทุนรวมก็ได้ ซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่ทว่าการลงทุนหุ้นในช่วงแรกคุณจำเป็นที่จะต้องลงทุนผ่านการซื้อกองทุนรวมไปก่อน เพราะหุ้นประเภทนี้เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในลงทุนมากนัก ไม่ต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง มีมืออาชีพคอยบริหารการลงทุนให้กับคุณ แต่อย่างที่ผมเคยได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า ทุกธุรกิจย่อมมีความเสี่ยง เนื่องจากการลงทุนหุ้นในกองทุนรวมมีมืออาชีพบริหารจัดการให้ จึงมีค่าธรรมเนียมมากกว่าการลงทุนด้วยตัวเอง และหุ้นประเภทนี้คุณจำเป็นที่จะต้องลงทุนตามนโยบายที่กองทุนกำหนด ชอบหรือไม่ชอบหุ้นตัวไหนในกองทุนนั้นจะไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ก็เปรียบเสมือนได้ว่า ธุรกิจที่คุณลงทุนไปมันไม่ใช่ธุรกิจของคุณแบบ 100% เพราะคุณไม่สามารถรู้อะไรได้เลยเกี่ยวกับการลงทุนในครั้งนี้ แถมถ้าเมื่อไหร่ที่คุณดวงไม่ดีหรือมืออาชีพที่บริหารจัดการการเล่นหุ้นของคุณพลาด เงินที่คุณลงทุนไปอาจเท่ากับ 0 ก็เป็นได้

ต่อไปเป็น “การลงทุนธุรกิจส่วนตัว” ผมเชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนจำนวนมากใฝ่ฝันอยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และความรู้สึกในการทำธุรกิจส่วนตัวจะมีความแตกต่างกับการเล่นหุ้นโดยสิ้นเชิง เพราะธุรกิจนี้ไม่ว่าคุณจะรวยหรือคุณจะเจ๊งอย่างน้อยมันก็คือ ธุรกิจของคุณและคุณสามารถควบคุมมันได้ แน่นอนว่าการทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากคือจะทำยังไงให้ประสบความสำเร็จ เพราะมีธุรกิจมากมายที่ต้องขาดทุน ปิดกิจการ ยิ่งถ้าไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีด้วยแล้ว โอกาสสำเร็จก็ยิ่งน้อย ฉะนั้น เทคนิคในการลงทุนธุรกิจส่วนตัว คุณไม่จำเป็นที่จะต้องควักเงินเก็บของคุณออกมาทั้งหมด แต่อาจจะแบ่งออกเป็นงวดหรือเป็นรอบในการลงทุนธุรกิจส่วนตัวในแต่ละครั้ง
ยกตัวอย่าง ตอนนี้คุณมีเงินเก็บ 300,000 บาท คุณก็สามารถแบ่งออกมาลงทุน 10% ของเงินเก็บ ก็อาจจะอยู่ที่ 30,000 บาทก่อน แล้วมาดูกันว่าธุรกิจใดสามารถเริ่มจากเงินที่คุณแบ่งออกมาแล้วทำเป็นธุรกิจของคุณได้เลย ซึ่งผมมีตัวเลือกให้คุณได้พิจจารณาออกมาดังนี้
1. อสังหาริมทรัพย์ หลายคนสนใจที่จะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่มักปรับตัวตามอัตรา เงินเฟ้อ ซึ่งการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นการลงทุนที่ใช้เงินลงทุนสูง ถึงแม้ว่าคุณจะมีเงินเก็บ 300,000 บาทหรือจะแบ่งออกมาลงทุนก็ตาม อย่างไรคุณก็ไม่สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้เป็นชิ้นเป็นอัน ถึงแม้ว่าคุณจะสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ คุณก็อย่าลืมคำนึงถึงภาระค่าใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ ด้วยนะครับ เช่น ค่าซ่อมแซม ค่าดูแลรักษา ค่าการตลาดในกรณีที่ต้องหาผู้เช่า นอกจากจะเป็นธุรกิจที่มีการลงทุนสูงแล้ว การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังมีสภาพคล่องต่ำ เพราะส่วนใหญ่ใช้เวลาซื้อขายนาน ดังนั้น คุณควรจะต้องศึกษาและพร้อมที่จะรับความมือกับความเสี่ยงนี้ได้ในระดับหนึ่ง เช่น หากไม่มีคนเช่าห้องคุณก็จะมีเงินสำรองไปผ่อนได้นานกี่เดือน หากขายที่ดินไม่ได้เราจะถือไว้ได้นานแค่ไหน นั่นเอง
2. ธุรกิจด้านการขายสินค้า ซึ่งต้องเป็นสินค้าออนไลน์เท่านั้น เนื่องจากธุรกิจขายของออนไลน์ ไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องมีพนักงานขายเพื่อออกหาลูกค้า ไม่ต้องมีแผนกจัดส่งสินค้า แต่อาจเติบโตได้โดยใช้เงินทุนที่คุณมีอยู่ ถึงแม้จะใช้เวลานานพอสมควรในการสร้างตัวเองให้เป็นที่รู้จักของลูกค้า ปัจจุบันคุณสามารถที่จะทำการขายสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของคุณ หรือถ้าให้ผมแนะนำถ้าคุณจะเน้นการขายของออนไลน์ ให้คุณมุ่งไปที่แอปพลิเคชั่นบนห้างสรรพสินค้าออนไลน์อย่าง Lazada, Shopee จะดีที่สุด เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่คุณขายสินค้าแค่เพียงในแพลตฟอร์มส่วนตัวอย่าง Facebook, Instagram, Twitter คุณก็จะขายได้ในช่วงแรกกับคนรู้จักเพียงเท่านั้น เพราะแพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่ได้สร้างขึ้นมาให้คุณขายของโดยเฉพาะ ซึ่งถ้าคุณอยากขายดีคุณก็ต้องมีการทำการตลาดและเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มในการยิงโฆษณา นั่นเอง
แต่ในความเป็นจริงสินค้าทุกประเภทสามารถขายได้อยู่แล้วเพียงแต่ว่าไม่ใช่สินค้าทุกแบรนด์ที่จะขายดีได้เพียงเท่านั้น แล้วการขายของออนไลน์ถือว่ามีความเสี่ยงที่ไม่มาก เพราะคุณสามารถกำหนดต้นทุนที่คุณลงทุนได้ และก็ได้กำไรโดยตรงที่ไม่ต้องผ่านพ่อค้าแม่คนกลาง อาทิเช่น คุณได้แบ่งเงินลงทุนสำหรับทำธุรกิจขายของออนไลน์อยู่ที่ 30,000 บาท โดยอาจจะมีการทำบัญชีต้นทุนสินค้าอยู่ที่ชิ้นละ 100 บาท ซึ่งแสดงว่าคุณจะได้สินค้านั้น มาขายเป็นจำนวน 300 ชิ้น เมื่อถ้าคุณสามารถขายสินค้าดุ้ณก็จะได้กำไรเลย แต่อาจจะมีการหักค่าธรรมเนียมในแอปพลิเคชั่น นั้น ๆ เพียงเล็กน้อย นอกจากนี้แล้วคุณยังมีเงินเก็บและสามารถต่อทุนได้อีก หรือไม่ก็นำเงินที่เหลือแบ่งออกมาบางส่วนไปทำเรื่องการตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นได้อีกด้วย

3. ธุรกิจด้านการบริการ ถ้าหากคุณสังเกตดูให้ดี ส่วนใหญ่ธุรกิจประเภทนี้นอกจากต้องใช้เงินลงทุนในการเช่าสถานที่ อุปกรณ์การทำธุรกิจ ยังมีสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ แรงงานคน ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนที่สูงที่สุดในการทำธุรกิจประเภทนี้ และเป็นค่าใช้จ่ายที่คุณต้องจ่ายในทุก ๆ เดือน แล้วถ้าเกิดโชคร้ายหากธุรกิจด้านการบริการของคุณไม่มีคนใช้บริการหรือถึงจุดที่ไม่คุ้มทุนกับสิ่งที่คุณลงทุนไปโอกาสที่คุณจะเจ๊งก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน
ดังนั้น ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง เพียงแต่ว่าจะเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย เพราะไม่ว่าจะธุรกิจไหน ๆ จำเป็นอย่างมากที่คุณจะต้องหาข้อมูลและศึกษาก่อนลงทุน และการลงทุนที่ดีมีความเสี่ยงน้อยที่สุด และสามารถควบคุมหรือยืดหยุ่นในธุรกิจของคุณได้ “อย่างธุรกิจขายของออนไลน์” ที่คุณสามารถรู้ถึงเหตุการณ์รู้ถึงความต้องการของผู้บริโภค และที่สำคัญธุรกิจนี้มีการลงทุนน้อยและมีผลตอบแทนที่ดีถ้าคุณรีบลงมือทำ และศึกษาเรื่องการตลาดด้านการขายไปพร้อม ๆ กัน หรือคุณคิดว่าอย่างไร สามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ
=================================================================
สำหรับใครที่อยากได้รับอรรถรสเพิ่มมากขึ้น สามารถคลิกวีดีโอได้ตามด้านล่างนี้นะครับ
มีเงิน 300,000 ลงทุนอะไรดี ปี 2021 (อยากให้เงินงอกเงย อยากรวย ต้องดู)
โดยที่ผมจะเริ่มจากการ “ลงทุนหุ้น” ก่อน เพราะคนบางคนมีความเข้าใจที่ว่า การลงทุนหุ้นแลดูจะเป็นการลงทุนที่สร้างกำไรให้คุณอย่างมหาศาล แต่!! สำหรับใครที่เป็นมือใหม่การลงทุนสิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องไกลตัว และต้องใช้ดวงนำทาง ปัจจุบันมีช่องทางในการลงทุนหุ้นที่หลากหลาย คุณสามารถเลือกลงทุนเองได้โดยตรง หรือลงทุนผ่านการซื้อกองทุนรวมก็ได้ ซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่ทว่าการลงทุนหุ้นในช่วงแรกคุณจำเป็นที่จะต้องลงทุนผ่านการซื้อกองทุนรวมไปก่อน เพราะหุ้นประเภทนี้เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในลงทุนมากนัก ไม่ต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง มีมืออาชีพคอยบริหารการลงทุนให้กับคุณ แต่อย่างที่ผมเคยได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า ทุกธุรกิจย่อมมีความเสี่ยง เนื่องจากการลงทุนหุ้นในกองทุนรวมมีมืออาชีพบริหารจัดการให้ จึงมีค่าธรรมเนียมมากกว่าการลงทุนด้วยตัวเอง และหุ้นประเภทนี้คุณจำเป็นที่จะต้องลงทุนตามนโยบายที่กองทุนกำหนด ชอบหรือไม่ชอบหุ้นตัวไหนในกองทุนนั้นจะไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ก็เปรียบเสมือนได้ว่า ธุรกิจที่คุณลงทุนไปมันไม่ใช่ธุรกิจของคุณแบบ 100% เพราะคุณไม่สามารถรู้อะไรได้เลยเกี่ยวกับการลงทุนในครั้งนี้ แถมถ้าเมื่อไหร่ที่คุณดวงไม่ดีหรือมืออาชีพที่บริหารจัดการการเล่นหุ้นของคุณพลาด เงินที่คุณลงทุนไปอาจเท่ากับ 0 ก็เป็นได้
1. อสังหาริมทรัพย์ หลายคนสนใจที่จะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่มักปรับตัวตามอัตรา เงินเฟ้อ ซึ่งการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นการลงทุนที่ใช้เงินลงทุนสูง ถึงแม้ว่าคุณจะมีเงินเก็บ 300,000 บาทหรือจะแบ่งออกมาลงทุนก็ตาม อย่างไรคุณก็ไม่สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้เป็นชิ้นเป็นอัน ถึงแม้ว่าคุณจะสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ คุณก็อย่าลืมคำนึงถึงภาระค่าใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ ด้วยนะครับ เช่น ค่าซ่อมแซม ค่าดูแลรักษา ค่าการตลาดในกรณีที่ต้องหาผู้เช่า นอกจากจะเป็นธุรกิจที่มีการลงทุนสูงแล้ว การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังมีสภาพคล่องต่ำ เพราะส่วนใหญ่ใช้เวลาซื้อขายนาน ดังนั้น คุณควรจะต้องศึกษาและพร้อมที่จะรับความมือกับความเสี่ยงนี้ได้ในระดับหนึ่ง เช่น หากไม่มีคนเช่าห้องคุณก็จะมีเงินสำรองไปผ่อนได้นานกี่เดือน หากขายที่ดินไม่ได้เราจะถือไว้ได้นานแค่ไหน นั่นเอง
2. ธุรกิจด้านการขายสินค้า ซึ่งต้องเป็นสินค้าออนไลน์เท่านั้น เนื่องจากธุรกิจขายของออนไลน์ ไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องมีพนักงานขายเพื่อออกหาลูกค้า ไม่ต้องมีแผนกจัดส่งสินค้า แต่อาจเติบโตได้โดยใช้เงินทุนที่คุณมีอยู่ ถึงแม้จะใช้เวลานานพอสมควรในการสร้างตัวเองให้เป็นที่รู้จักของลูกค้า ปัจจุบันคุณสามารถที่จะทำการขายสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของคุณ หรือถ้าให้ผมแนะนำถ้าคุณจะเน้นการขายของออนไลน์ ให้คุณมุ่งไปที่แอปพลิเคชั่นบนห้างสรรพสินค้าออนไลน์อย่าง Lazada, Shopee จะดีที่สุด เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่คุณขายสินค้าแค่เพียงในแพลตฟอร์มส่วนตัวอย่าง Facebook, Instagram, Twitter คุณก็จะขายได้ในช่วงแรกกับคนรู้จักเพียงเท่านั้น เพราะแพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่ได้สร้างขึ้นมาให้คุณขายของโดยเฉพาะ ซึ่งถ้าคุณอยากขายดีคุณก็ต้องมีการทำการตลาดและเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มในการยิงโฆษณา นั่นเอง
แต่ในความเป็นจริงสินค้าทุกประเภทสามารถขายได้อยู่แล้วเพียงแต่ว่าไม่ใช่สินค้าทุกแบรนด์ที่จะขายดีได้เพียงเท่านั้น แล้วการขายของออนไลน์ถือว่ามีความเสี่ยงที่ไม่มาก เพราะคุณสามารถกำหนดต้นทุนที่คุณลงทุนได้ และก็ได้กำไรโดยตรงที่ไม่ต้องผ่านพ่อค้าแม่คนกลาง อาทิเช่น คุณได้แบ่งเงินลงทุนสำหรับทำธุรกิจขายของออนไลน์อยู่ที่ 30,000 บาท โดยอาจจะมีการทำบัญชีต้นทุนสินค้าอยู่ที่ชิ้นละ 100 บาท ซึ่งแสดงว่าคุณจะได้สินค้านั้น มาขายเป็นจำนวน 300 ชิ้น เมื่อถ้าคุณสามารถขายสินค้าดุ้ณก็จะได้กำไรเลย แต่อาจจะมีการหักค่าธรรมเนียมในแอปพลิเคชั่น นั้น ๆ เพียงเล็กน้อย นอกจากนี้แล้วคุณยังมีเงินเก็บและสามารถต่อทุนได้อีก หรือไม่ก็นำเงินที่เหลือแบ่งออกมาบางส่วนไปทำเรื่องการตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นได้อีกด้วย
3. ธุรกิจด้านการบริการ ถ้าหากคุณสังเกตดูให้ดี ส่วนใหญ่ธุรกิจประเภทนี้นอกจากต้องใช้เงินลงทุนในการเช่าสถานที่ อุปกรณ์การทำธุรกิจ ยังมีสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ แรงงานคน ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนที่สูงที่สุดในการทำธุรกิจประเภทนี้ และเป็นค่าใช้จ่ายที่คุณต้องจ่ายในทุก ๆ เดือน แล้วถ้าเกิดโชคร้ายหากธุรกิจด้านการบริการของคุณไม่มีคนใช้บริการหรือถึงจุดที่ไม่คุ้มทุนกับสิ่งที่คุณลงทุนไปโอกาสที่คุณจะเจ๊งก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน
ดังนั้น ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง เพียงแต่ว่าจะเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย เพราะไม่ว่าจะธุรกิจไหน ๆ จำเป็นอย่างมากที่คุณจะต้องหาข้อมูลและศึกษาก่อนลงทุน และการลงทุนที่ดีมีความเสี่ยงน้อยที่สุด และสามารถควบคุมหรือยืดหยุ่นในธุรกิจของคุณได้ “อย่างธุรกิจขายของออนไลน์” ที่คุณสามารถรู้ถึงเหตุการณ์รู้ถึงความต้องการของผู้บริโภค และที่สำคัญธุรกิจนี้มีการลงทุนน้อยและมีผลตอบแทนที่ดีถ้าคุณรีบลงมือทำ และศึกษาเรื่องการตลาดด้านการขายไปพร้อม ๆ กัน หรือคุณคิดว่าอย่างไร สามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ