น้ำเอย..น้ำใจ

กระทู้คำถาม
"กลับมาแล้วเรอะพ่อแสน"

เสียงทักมาจากข้างรั้ว
แม้ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองแต่แสนรัก  ก็รู้ว่าใคร

"ครับผม...สวัสดีครับ
ผมไม่อยู่ตั้งหลายวันป้าต้น
เหงารึเปล่า"

"แหม...มันก็มีมั่งแหละ
คนเคยคุยกันทุกวัน"

"งั้น...เดี๋ยวผมอาบน้ำแล้ว
จะแวะมาหานะครับ  มีของ
ฝากป้าด้วยละ"

ป้าต้นยิ้มก่อนส่งถ้วยไก่ต้ม
ข่าข้ามรั้วไปให้  

"เอาไปด้วยเลยพ่อแสน
ป้ากำลังจะเอาไปให้พ่อหนู
พอดี"

"ขอบพระคุณครับ  ลาภ
ปากผมอีกแล้ว"

ตั้งแต่วันแรกที่แสนรักพา
พ่อมาเช่าบ้านอยู่ที่นี่
เขาก็พยายามผูกมิตรกับ
เพื่อนบ้านข้างเคียง
มาตลอด   เพราะพ่อเคย
บอกเขาว่า

'ถ้ามีเพื่อนบ้านดี  รั้วบ้าน
ก็ไม่จำเป็น'

และชายหนุ่มก็รู้ว่าพ่อพูดถูก  เพราะเวลาที่เขาไม่อยู่
เพื่อนบ้านก็จะแวะเวียนมา
พูดคุย  มาดูแลพ่อให้เขา
เสมอ  บางครั้งยังอุตส่าห์
มาช่วยพ่อเขารดน้ำกล้วย
ไม้ที่พ่อเขาเลี้ยงไว้แก้เหงา
อีกด้วย

และเขาก็รู้ว่า  ไม่มีอะไรจะ
ตอบแทนให้ทุกคนได้ดีไปกว่า  น้ำใจ

วันแรกที่เขาเข้ามาดูบ้าน
ชายหนุ่มแอบรู้สึกว่า
มันเล็กไปหน่อย  เป็นบ้าน
ยกพื้นสูง  มีห้องน้ำอยู่ข้าง
ล่าง  มีบันไดเก้าขั้น  
ข้างบนมี2ห้องนอน  (เล็กๆ)
1ห้องครัว(ก็เล็กอีกแหละ)
ระเบียงกว้างรอบบ้าน (ไว้ดูดาวและรับแขก)   บันได
หลังบ้านต่อกับท่าน้ำติด
คลอง(ใช้สำหรับใส่บาตร
เช้า หลวงพ่อ,หลวงพี่จะ
พายเรือเข้ามารับบาตรวันละสองรูปทุกวัน)

บ้านหลังนี้เจ้าของปล่อย
ให้เช่า เพราะแต่งงานและ
ย้ายตามสามีไปอยู่เมืองนอก  ดังนั้นชายหนุ่มจึง
มีแค่กระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียว
ก็อยู่ได้แล้ว(เพราะชุดรับ
แขก,เครื่องครัว,โรงรถ มี
พร้อมหมดแล้ว)

แต่พอได้ใช้งานจริง  ชายหนุ่มก็ได้ตระหนักว่า
ที่นี่สะดวก สบายเกินกว่าภาพที่เห็นมากนัก  เขาอด
จะขอบคุณ โชคชะตาหรือ
อะไรก็ไม่รู้ละ ที่ชักนำให้
เขาเข้ามาดูที่นี่เป็นแห่งแรก
และตัดสินใจเช่า(ทั้งที่ตอน
แรกก็ยังไม่ถูกใจนัก)

และเจ้าของบ้านก็ไม่ได้ทิ้ง
แค่บ้านน่ารัก  เครื่องครัว
ดีๆ ชุดรับแขกเล็กๆแต่หรู
ไว้ให้เท่านั้น  แต่เธอยังแถม
ตุ๊กแกเสียงหวานไว้ให้อีก
ตัวหนึ่งด้วย(เพื่อตอกย้ำ
คำว่า 'ชีวิตติดตุ๊กแกของ
ผู้เขียนง่ะ)😄

แค่ขนของเข้ามาได้ไม่ถึง
2ช.ม. น้องตุ๊กเธอก็ออกมา
ส่งเสียงทักทายเราพ่อลูก
ประมาณว่า ' รู้ไว้นะ ว่าที่นี่
ฉันใหญ่'

แต่อย่าหวัง ...... ผมไม่กลัว(น้อย)ครับ แต่กลัวมากกกกกกก


"พ่อมีเรื่องเล่าของตุ๊กแก
จะเล่าให้แสนฟังละ"

"เหรอครับ....ไม่ไช่เรื่อง
น่ากลัวไช่มั้ย"

"ไม่น่ากลัวสิ  แค่เสียงร้อง
ของมันเท่านั้น"

"ยังไงครับ"

แน่ะ!!  ต่อมอยากรู้อยากเห็นกระตุกเชียวนะตาแสน

'ไม่ได้สิ  เผื่อจะขอหวยได้
นะพี่เจ็ด'

ปัตติโถะ!!!!!!

"คนโบราณเค้าบอกไว้ว่า
ตุ๊กแกที่เข้ามาอยู่ในบ้าน
เนี่ยถ้าจะให้ดีต้องร้องคี่
ตั้งแต่เจ็ดทีขึ้นไป
เป็นที่มาของคำว่าชั่ว
7ทีดี7หนไง"

"จริงเหรอ"

แสนรักตาโต  และไม่รู้ว่า
น้องตุ๊กเธอเข้าใจภาษาคน
หรือไงก็ไม่ทราบ  เธอเริ่ม
ส่งเสียงร้องโปรโมทตัวเอง
ทันที

"โห...พ่อ ตั้ง11ทีแน่ะ
แสดงว่าตัวนี้สุดยอดตุ๊กแก
เลยไช่ไหมครับ  เราต้องทำยังไงถึงจะยิ่งดีละพ่อ"


"ฆ่ามันเป็นตัวแรกเลย  ร้อง
นานรำคาญเยอะ"

"วั้ย..ย..ย"

นี่ยังดีนะครับที่การแสดงจบ
ไปแล้ว  ไม่งั้นมีหยุดร้อง
กลางอากาศแน่  น้ำตาจะ
ไหล....

ทุกเช้าผมจะหุงข้าว  ไว้ให้
พ่อใส่บาตรแต่กับข้าวจะมี
สองเด็กเอามาส่ง  คนพี่8
ขวบเป็นผู้หญิงคนน้อง7ขวบเป็นผู้ชาย

นึกถึงวันแรกที่ผมได้รู้จัก
สองเด็กแล้วก็อดจะยิ้ม
ไม่ได้

เด็กหญิงติ๊ดตี่จูงมือน้องเข้า
มาหาผมก่อนจะทำตาเศร้า
(จริงๆไม่ได้ทำหรอกครับ
ตาเธอโศกเอง)

"หนูชื่อ ติ๊ดตี่ค่ะ  เราจะมาหาออเดอร์กับข้าวให้แม่
แม่หนูเป็นไทรอยด์ ทำงาน
หนักไม่ไหวค่ะ  ก็เลยทำกับข้าวขายตามบ้าน
เราขายถุงละ20บาทค่ะ
ถ้าพี่อยากทานอะไรเป็น
พิเศษหรืออยากทานขนม
ก็สั่งแม่หนูได้นะคะ
พี่จะช่วยซื้อกับข้าวของเรา
สักถุงไหมคะ  วันไหนไม่อยากได้ก็สั่งงดได้ค่ะ"

ผมจ้องตากับเด็กขยันแล้ว
ก็ยิ้ม
แม่เขาเลี้ยงด้วยอะไรนะ
ฉลาดพูดเหลือเกิน

"สนใจครับ  ว่าแต่บ้านหนู
อยู่ตรงไหน  แล้วเราจะซื้อขายกันยังไง"

พอผมตอบแบบนั้นติ๊ดตี่ก็
ยกมือไหว้ผม

"หนูจะเอามาให้พี่เลือกแต่
เช้าเลยค่ะ  แล้วเย็นนี้เราจะ
เอาตัวอย่างมาให้พี่ชิมก่อน
ค่ะ  พี่จะได้ติ   แม่จะได้ปรับรสถูก"

และแล้วการชิมก็ผ่านไป
ทุกอย่างเป็นที่พอใจทั้ง2ฝ่าย  รสชาติอาหาร
ผ่านตั้งแต่ชิมคำแรก
วัตถุดิบดีเกินราคา
และที่ผมตกลงทันทีก็คือ
แววตาของสองเด็ก
ดูแกดีใจมากที่หาออเดอร์
เพิ่มให้แม่ได้

"พี่จะจ่ายทุกวันก็แล้วกัน
นะครับ  แล้วถ้าวันไหนเป็น
วันหยุดพี่  พี่จะสั่งมื้อกลาง
วันด้วย  แม่หนูรับไหวไหม
พี่จะบอกล่วงหน้า แถมเพิ่ม
ราคาให้พิเศษด้วย"

"ไหวค่ะ  หนูเพิ่งหาได้แค่
สิบหลัง  ใครสนใจ พี่ช่วย
แนะนำให้หนูด้วยนะคะ"

"ได้จ้ะ"

และนี่ก็เป็นน้ำจิตน้ำใจที่ดี
ต่อกันอีกหนึ่งอย่าง  ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย


ทุกเช้าวันอาทิตย์ผมจะตักบาตรเป็นเพื่อนพ่อ
ทุกครั้ง  และพ่อก็จะบอก
ผมว่า

"อย่าลืม  แบ่งบุญกุศลให้
ญาติมิตร  รอบบ้านเราด้วย
นะ  เราจะได้เป็นมิตรที่ดี
ต่อกันตลอดไป"

ผมไม่รู้นะครับว่าเวลาอุทิศ
ส่วนกุศล  ท่านอุทิศกันอย่างไร  แต่พ่อสอนผมมา
อย่างนี้ครับ  ถ้ากลัว  ไม่ว่าจะเป็นหมาดุหรืออะไร   ถ้ากลัว  ก็ให้แผ่เมตตา

"ถ้าแผ่  แล้วหมาไม่หยุด
ละครับ"

"ปัดโธ่...ขาก็มีตั้งสองข้าง
พามันไปออกกำลังซะบ้าง
สิ จะได้แข็งแรง"

โห...พ่อ  ไอ้เราก็คิดว่าแผ่เมตตาแล้วหมาจะไม่กัด
แท้ๆก็....แบบนี้วิ่งตั้งแต่แรก
หน้าจะเวิร์คกว่าไหมครับ



*ฝนทำท่าจะตก ฟ้าทั้งร้อง
ทั้งแลบ  ตาเจ็ดขอส่งงาน
ไว้แค่นี้ก่อนนะครับ(พิมพ์ด้วยโทรศัพท์  ปิดเครื่องแล้วมันหาย  ไว้เดี๋ยวมาต่อ
ให้จบจ้ะ  ไปก่อนนะครับ
ดำแค่นี้พอและ😄
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่