ภาวะผู้ของเฟอร์กูสัน กับสกายคิ๊กของคันโตน่า



ถ้าย้อนเวลาไปได้ผมจะถีบ มันให้แรงกว่านี้
.
ย้อนไป 26 ปีแล้ววันที่ 25 มกราคม 1995 เกิดเรื่องอื้อฉาว ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกนั้นคือ การกระโดดถีบแฟนบอลคริสตัลพาเลสของ "คิงส์กองโต้" เอริค คันโตน่า ซึ่งทำให้เขาโดนแบนยาวไปถึง 9เดือน
.
รอย คีนกองกลางฮาร์ดแมนได้ ย้อนเหตุการ์ในวันนั้นว่า ช่วงนั้นมีกระแสการร่วมตัวของกลุ่มแฟนบอลนอริช สวิสดอน และครัสตัลพาเลส ให้โจมตีพวกเรา (Manu)
.
และคืนวันนั้นกับครัสตัลพาเลส คันโตน่าคือเป้าหมายที่ถูกเลือก ซึ่งเหตุผลก็อาจจะเพราะว่า พวกเขา(แฟนบอลครัสตัลพาเลส) คิดว่า คันโตน่าคือคีย์แมนของเราและยังรู้อีกว่าคันโตน่าเป็นนักเตะประเภทศิลปินที่ผลงานจะขึ้นอยู่กับอารมณ์ วันไหนอารมณ์ดีเขาคือจิตกรลูกหนังชั้นยอด แต่ถ้าวันไหนเขาหลุด วันนั้นเขาจะกลายเป็นนินจาที่หายไปจากเกมส์ทันที
.
ดังนั้นการลดประสิทธิภาพของคันโตน่า หมายถึงการลดโอกาสชนะของยูไนเต็ด ตลอดครึ่งแรกอิริคจึงโดนแฟนบอลโห่แบบไม่มีเหตุผล ทุกจังหวะที่เขาได้บอล หรือแค่เขาวิ่งเขาใกล้แฟนคริสตัล อิริคจะโดนโห่ตลอด มันน่าหงุดหงิดนะ และผมก็เข้าใจความรู้สึกของอิริคว่ามันน่ารำคาญขนาดไหน
แฟนบอลคริสตัลทำงานอย่างหนักตลอดครึ่งแรก และในที่สุดพวกเขาก็ทำสำเร็จ เมื่ออิริคโดนใบแดงจากการไปเตะใส่กองหลังพาเลส ในต้นครึ่งหลัง
.
ต่อมาคันโตน่า ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษ และเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ผมโดนโห่ตลอดทั้งเกมส์จนสมาธิหลุดและถูกไล่ออก ตอนนั้นผมโมโหมากและกำลังเดินออกจากสนาม แต่มีไอ้บ้าคนหนึ่งวิ่งลงมาจากชั้นบนของสแตนเพื่อลงมาด่าผม “ off back to France you French motherer” (คุณครับเชิญกลับฝรั่งเศสไปนะครับ คุณแม่คุณสวยมาก) *
.
.
ดังนั้น ผมยอมไม่ได้ที่ใครจะมาชมผมและแม่ผมแบบนั้น ผมเลยต้องสอนมารยาทให้กับเขา และต่อมาก็เป็นอย่างที่คุณเห็นนั้นละ คุณคิดตามผมนะ วันนั้นมีคนอีกหลายพันคนแบบเขาในสนาม และถ้าผมย้อนเวลาไปได้ ผมจะกระโดดถีบมันให้แรงกว่านี้
.
.
วันนี้ไม่ได้จะมาเชิญชูการกระทำแบบบ้าระห่ำแบบนี้นะ แต่มันมีเหตุการณ์ต่อจากนั้นที่น่าสนใจ และแสดงให้เห็นว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและเซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน ปฎิบัติยังไงต่อนักเตะที่สร้างเรื่องเสื่อมเสียขนาดนั้น
.
.
โดยปกติถ้าพนักงานบริษัททำเรื่องอื้อฉาวขนาดนี้ คงไม่แปลกอะไรที่ CEOต้องพยายามกำจัดมะเร็งร้ายที่ทำลายชื่อเสียงซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์และราคาหุ้นในตลาดของบริษัท
.
จากที่เราเห็นข่าวพนักงานโดนปลดกลางโซลเชียลหลังจากไปสร้างเรื่องราวให้เป็นที่จับตาของประชาชนแทบจะภายใน 24 ชั่วโมง ที่เรื่องเริ่มดัง ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าได้มีการตรวจสอบที่มาของสาเหตุรึเปล่า เพราะมันเร็วมาก จนอดคิดไม่ได้ว่าเป็นการปลดเอาใจชาวโซลเซียล โดยไม่ฟังเสียงพนักงานรึเปล่า?
.
.
แต่วันนั้นเราเห็น ความแตกต่างที่เมืองแมนเชสเตอร์ เพราะนอกจากไม่ยกเลิกสัญญาและปรับเงินกับคันโตน่าแล้ว ท่านเซอร์อเล็ก ยังทำในสิ่งกลับกันนั้นคือ ตอบโต้การทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในแมทต์นั้นที่ไม่ยอมแจกใบเหลืองนักเตะคริสตัลพาเลสข้อหาพยามยั่วยุลูกทีมของเขาและ ยังต่อสัญญาฉบับใหม่กับคันโตน่า คุณอ่านไม่ผิดหรอก
ไม่ไล่ออก แต่ต่อสัญญา นั้นคือสิ่งที่ท่านเซอร์มอบให้กับคนที่สังคมมองว่าผิด
.
เวลาผ่านมา 26ปีแล้วพวกเราลองวิเคราะห์ถึงสาเหตุและเหตุผลที่ท่านเซอร์ทำแบบนั้น อย่างที่เรารู้กันว่าท่านเซอร์คือนักจิตวิทยาระดับตำนาน จากผลงานตลอด 30กว่าปีในเส้นทางกุญซือ ดังนั้นเซอร์อเล็กจึงมองลูกศิษย์คนนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง การที่เขาระเบิดอารมณ์แบบนั้น มันคือความกดดันที่อิริคโดนกระทำ และมันไม่แฟร์ต่อเขา
.
นมที่หกไปแล้วก็คือนมที่หกไปแล้ว อย่าไปเสียเวลาคิดถึงมัน ท่านเซอร์ถือคตินี้ ดังนั้นการที่จะไปลงโทษคันโตน่าอีก คงไม่มีผลดีอะไรนอกจากซ้ำเติมจิตใจให้บอบช้ำไปเปล่าๆ
.
เซอร์อเล็กจึงเลือกที่จะออกมาปกป้องลูกทีม แม้จะไม่สามารถช่วยให้การถูกลงโทษจากเอฟเอลดลง แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ใจลูกทีมคนเก่งคนนี้
.
มองในเชิงจิตวิทยา การที่คนคนหนึ่งตกอยู่ในสถาณการณ์ที่ยากลำบาก ถูกกดดันจากรอบด้านและทุกคนมองเขาว่าเป็นศัตรูที่ต้องกำจัด **
เขาจะรู้สึกดีแค่ไหนถ้ามีใครสักคนที่ออกมาปกป้องและยื่นมือฉุดเขาออกจากก้นบึ่งแห่งความเศร้านี้
เฟอร์กูสันเลือกทำสิ่งนี้ และผลตอบแทนที่เจ้านายช่วยเหลือ ก็ผลิดอกออกผล เพราะเมื่อคันโตน่ากลับมา ด้วยสภาพจิตใจที่เกินร้อย และพร้อมจะทุ่มเทเพื่อเจ้านายและกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองกลับมา ซึ่งถ้าเขาพร้อมใครก็ไม่สามารถหยุดราชันย์จากฝรั่งเศสรายนี้ได้อีกแล้ว
.
ผ่านไป 9 เดือน The king ก็กลับคืนสู่สนาม ในฟุตบอลคู่ซุปเปอร์บิ๊กแมทต์แมนยูพบลิเวอร์พูล และก็เป็นคันโตน่าที่จ่าย 1 ยิง 1 ช่วยให้ศึกแดงเดือดครั้งนั้นเสมอกันไปอย่างสุดมัน 2-2
ก่อนที่คันโตน่าจะจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งดาวยิงสูงสุดของสโมสร รวมถึงการคว้าดับเบิ้ลแชมป์สองรายการใหญ่ของอังกฤษอย่าง พรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ พร้อมทั้งฝากลูกยิงวอลเลย์สุดคลาสิกที่ยิงใส่ลิเวอร์พูลในรอบชิงเอฟเอ แล้วก้าวขึ้นไปรับถ้วยแชมป์ในฐานะกัปตันทีมแบบได้ใจกองเชียร์เรดเดวิลส์
.
.
ประวัติศาสตร์ฟุตบอลได้สอนอะไรเรามากมาย ถ้าเราเลือกที่จะมองและหยิบเอาประโยชน์มาใช้
อาทิการแสดงภาวะผู้นำของเซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน ที่เลือกที่จะให้กำลังใจลูกน้องและออกมาปกป้องในยามที่ยากลำบาก (เชื่อว่าลับหลังคงมีการว่ากล่าว) ซึ่งการเทคแอกชั่นนั้นนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีต่อองค์กร
.
.
เราได้เรียนรู้ว่าการเป็นผู้นำนอกจากการบริหารอำนาจที่มีแล้ว ยังต้องไม่หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ว่าจะดีหรือร้ายที่เกิดภายใต้การบริหารของตนเอง ผู้นำต้องไม่โยนความผิดให้ลูกน้อง ไม่กล่าวหาลูกน้องว่าทำงานหนักไม่พอ
ทั้งๆที่เขาทำงานภายใต้คำสั่งของเจ้านาย ผู้นำควรปกป้องลูกน้องและช่วยเหลือลูกน้องเพื่อให้งานออกมาสัมฤทธ์ผล และที่สำคัญผู้นำต้องพร้อมแสดงความรับผิดชอบ ต่อการกระทำ ถ้าทำได้เช่นนี้แล้ว จึงสมควรถูกยกย่องว่า นี้คือ "ผู้นำอย่างแท้จริง"
.
.
*ข้อหยาบคายไม่สามารถแปลตรงๆได้ เดียวโดนแบน
**(คันโตน่ามักออกมาวิพากษ์วิจารย์เอฟเอเป็นประจำอยู่แล้ว จนหลายคนคิดว่าการโดนโทษหนักครั้งนี้คือการเชือดไก่จากเอฟเอ)
#goalstorm #โกลสตรอม #คันโตน่า #แมนยู #theking #ดรเกโร่

ที่มาGoalstorm
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่