จีน เร่ง เสนอความช่วยเหลือโควิดแก่อินเดีย ในขณะที่สหรัฐฯ ยังลีลาท่ายาก แถมเดลีตามไม่ทัน
เมื่ออินเดีย ขอให้สหรัฐฯ ยกเลิกการห้าม ส่งออกวัตถุดิบเพื่อผลิตวัคซีน เพื่อช่วยเหลือวิกฤตโควิด วอชิงตัน ดูเหมือนผลัดวันประกันพรุ่ง อ้างถึงความจำเป็น ที่จะต้อง "ฉีดวัคซีนให้คนอเมริกัน" ก่อน
การตอบสนองที่หมางเมินนี้ สร้างความผิดหวัง และโกรธแค้น ต่อหลายคนในอินเดีย ที่กำลังต่อสู้กับการระบาดที่เลวร้ายที่สุดในโลก จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน พุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์
โรงพยาบาล และป่าช้าเผาศพล้นหลาม ผู้ป่วยเสียชีวิตเนื่องจากขาดแคลนเวชภัณฑ์
ความขุ่นเคืองตามบ้าน รวมทั้งคำวิจารณ์จากนานาชาติอย่างกว้างขวาง ทำให้สหรัฐฯ พลิกกลับอย่างรวดเร็ว โดยสัญญาทันทีว่า จะให้ความช่วยเหลืออินเดีย
นอกอินเดีย นักวิจารณ์ที่เสียงดัง และรุนแรงที่สุด คือจีน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อของรัฐ ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับวอชิงตัน โดยกล่าวว่า คำปฏิเสธครั้งแรก "เปิดเผยตัวตน ของความเห็นแก่ตัวอย่างเต็มที่" และกล่าวหาว่า "ขัดขวางความพยายามของโลก" เพื่อจะแจกจ่ายวัคซีน ให้กับประเทศกำลังพัฒนา ที่ตกระกำลำบาก
เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาภายในประเทศ ปักกิ่งจึงวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้นำระดับโลก ในการต่อสู้ กับการแพร่ระบาด ซึ่งมักจะตรงข้ามกับความกระตือรือร้นของอเมริกา ที่จะช่วยเหลือประเทศอื่นๆ ด้วยแนวทาง "อเมริกาต้องมาก่อน" คำขวัญของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์
ขณะที่วิกฤตดังกล่าว ลุกลามอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถควบคุมได้ในอินเดีย ผู้นำจีนได้แสดงความปรารถนาดี ที่จะช่วยเหลือ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะ "ให้การสนับสนุน และความช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ หากฝ่ายอินเดียแจ้งให้เรา ทราบถึงความต้องการเฉพาะของประเทศ"
อย่างไรก็ตาม นิวเดลี จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับข้อเสนอจากปักกิ่ง ซึ่งอาจเป็นอาการของสิ่งที่เรียกว่า ความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง ที่เกิดขึ้น ระหว่างมหาอำนาจแห่งเอเชียทั้งสอง
ในขณะที่ ความเอื้ออาทรนี้ อาจเป็นสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่า เมื่อได้ทราบว่า อินเดียเป็นหนึ่งในชาติแรกๆ ที่ส่งเวชภัณฑ์ ไปยังเมืองอู่ฮั่นของจีน หลังทราบการระบาดของไวรัสโคโรนาครั้งแรก ปลายปี 2019
แต่หลังจากนั้น ความสัมพันธ์ทวิภาคี ก็เสื่อมสลายลงอย่างรวดเร็ว จากกรณีพิพาท ตามแนวพรมแดน ที่ใช้ร่วมกัน แถบเทือกเขาหิมาลัย
เดือนมิถุนายน ทั้งสองประเทศ ปะทะกัน อย่างร้ายแรงที่สุด ในรอบกว่า 40 ปี มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน ในฝั่งอินเดีย และจีน มีทหาร 4 นาย เสียชีวิต
http://rss.cnn.com/~r/rss/cnn_topstories/~3/5igNgIzaFNw/index.html
จีน เร่ง เสนอความช่วยเหลือโควิดแก่อินเดีย ขณะที่สหรัฐฯ ยังลีลา แถมเดลีไม่ทันเกม
เมื่ออินเดีย ขอให้สหรัฐฯ ยกเลิกการห้าม ส่งออกวัตถุดิบเพื่อผลิตวัคซีน เพื่อช่วยเหลือวิกฤตโควิด วอชิงตัน ดูเหมือนผลัดวันประกันพรุ่ง อ้างถึงความจำเป็น ที่จะต้อง "ฉีดวัคซีนให้คนอเมริกัน" ก่อน
การตอบสนองที่หมางเมินนี้ สร้างความผิดหวัง และโกรธแค้น ต่อหลายคนในอินเดีย ที่กำลังต่อสู้กับการระบาดที่เลวร้ายที่สุดในโลก จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน พุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์
โรงพยาบาล และป่าช้าเผาศพล้นหลาม ผู้ป่วยเสียชีวิตเนื่องจากขาดแคลนเวชภัณฑ์
ความขุ่นเคืองตามบ้าน รวมทั้งคำวิจารณ์จากนานาชาติอย่างกว้างขวาง ทำให้สหรัฐฯ พลิกกลับอย่างรวดเร็ว โดยสัญญาทันทีว่า จะให้ความช่วยเหลืออินเดีย
นอกอินเดีย นักวิจารณ์ที่เสียงดัง และรุนแรงที่สุด คือจีน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อของรัฐ ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับวอชิงตัน โดยกล่าวว่า คำปฏิเสธครั้งแรก "เปิดเผยตัวตน ของความเห็นแก่ตัวอย่างเต็มที่" และกล่าวหาว่า "ขัดขวางความพยายามของโลก" เพื่อจะแจกจ่ายวัคซีน ให้กับประเทศกำลังพัฒนา ที่ตกระกำลำบาก
เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาภายในประเทศ ปักกิ่งจึงวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้นำระดับโลก ในการต่อสู้ กับการแพร่ระบาด ซึ่งมักจะตรงข้ามกับความกระตือรือร้นของอเมริกา ที่จะช่วยเหลือประเทศอื่นๆ ด้วยแนวทาง "อเมริกาต้องมาก่อน" คำขวัญของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์
ขณะที่วิกฤตดังกล่าว ลุกลามอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถควบคุมได้ในอินเดีย ผู้นำจีนได้แสดงความปรารถนาดี ที่จะช่วยเหลือ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะ "ให้การสนับสนุน และความช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ หากฝ่ายอินเดียแจ้งให้เรา ทราบถึงความต้องการเฉพาะของประเทศ"
อย่างไรก็ตาม นิวเดลี จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับข้อเสนอจากปักกิ่ง ซึ่งอาจเป็นอาการของสิ่งที่เรียกว่า ความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง ที่เกิดขึ้น ระหว่างมหาอำนาจแห่งเอเชียทั้งสอง
ในขณะที่ ความเอื้ออาทรนี้ อาจเป็นสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่า เมื่อได้ทราบว่า อินเดียเป็นหนึ่งในชาติแรกๆ ที่ส่งเวชภัณฑ์ ไปยังเมืองอู่ฮั่นของจีน หลังทราบการระบาดของไวรัสโคโรนาครั้งแรก ปลายปี 2019
แต่หลังจากนั้น ความสัมพันธ์ทวิภาคี ก็เสื่อมสลายลงอย่างรวดเร็ว จากกรณีพิพาท ตามแนวพรมแดน ที่ใช้ร่วมกัน แถบเทือกเขาหิมาลัย
เดือนมิถุนายน ทั้งสองประเทศ ปะทะกัน อย่างร้ายแรงที่สุด ในรอบกว่า 40 ปี มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน ในฝั่งอินเดีย และจีน มีทหาร 4 นาย เสียชีวิต
http://rss.cnn.com/~r/rss/cnn_topstories/~3/5igNgIzaFNw/index.html