สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เราอยู่มาสองยุคแล้ว
สมัยนั้น เขียนจดหมาย สมัยนี้ โซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค
ไม่ว่าจะต้องรอจดหมาย สองอาทิตย์ หรือ รอข้อความ สองนาที
ฟัง หมื่นคำรัก จากปากคนทั่วไป กับ หนึ่งคำรัก จากปากคนที่ใช่นั้น ต่างกันลิบ
และคำว่า คนที่ใช่ นี่แหละ โยงให้รู้ว่า ไม่ใช่แค่ “มีคนปริมาณมาก” เข้าหา
แล้วจะได้มีแฟนดีๆ หรือ มีแฟนดีๆแล้วเขาจะไม่แปรเปลี่ยนไป
เพราะเหตุผลนี้แหละ
เราจึงยังเชื่อค่ะ ว่า คนเรา จะมารู้จัก พบเจอ สนิทสนม และไปต่อกันได้
ด้วยบุญ (หรือกรรม) เก่า ที่ทำร่วมกันมา และ
ด้วยบุญ (หรือกรรม)ใหม่ ที่จะทำร่วมกัน
แม้กระนั้น คนที่จะเคยเป็นเนื้อคู่กันมา (มีบุพเพสันนิวาสต่อกัน)
หากอยู่ร่วมกันแล้ว ไม่มีศีลในชาตินี้
เพราะมีโอกาสหลงใหลไปกับไซด์ไลน์ หรือ คู่ขาทางออนไลน์ได้ง่าย
จากคู่บุญดีๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นคู่เวรได้โดยง่าย
เพราะฉะนั้น
เราขอให้กำลังใจ คนโสดทั้งหลาย ที่รอมานาน ...
รอจนรู้สึกว่า การคัดเลือกคนดีๆเข้ามาในชีวิต เป็นเรื่องเหลวไหลหลอกเด็ก ไม่ทันกาล
รอจนถูกความเหงากัดกร่อน จนพร้อมจะยอมแพ้ และรับใครก็ได้เข้ามา
ขอให้กัดฟัน อดทนต่ออีกนิดค่ะ ...
อยู่คนเดียว จะเหงาบ้าง เดี๋ยวก็หาย
อยู่กับคู่เวร (ที่หวานใส่กันเฉพาะช่วงแรกๆ) จะทั้งเหงา และใจหาย
จำไว้ว่า ถ้ามีรักดีๆไม่ได้ อย่ามีดีกว่า อย่าสร้างเวร ผูกเวรกับใครต่อจะดีกว่า
จะได้ไม่ต้องเป็นหนึ่งในคนอกหัก แล้วมานั่งรำพันว่า รู้งี๊ ...
หรือพร่ำเพ้อพรรณนาว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ ...
สมัยนั้น เขียนจดหมาย สมัยนี้ โซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค
ไม่ว่าจะต้องรอจดหมาย สองอาทิตย์ หรือ รอข้อความ สองนาที
ฟัง หมื่นคำรัก จากปากคนทั่วไป กับ หนึ่งคำรัก จากปากคนที่ใช่นั้น ต่างกันลิบ
และคำว่า คนที่ใช่ นี่แหละ โยงให้รู้ว่า ไม่ใช่แค่ “มีคนปริมาณมาก” เข้าหา
แล้วจะได้มีแฟนดีๆ หรือ มีแฟนดีๆแล้วเขาจะไม่แปรเปลี่ยนไป
เพราะเหตุผลนี้แหละ
เราจึงยังเชื่อค่ะ ว่า คนเรา จะมารู้จัก พบเจอ สนิทสนม และไปต่อกันได้
ด้วยบุญ (หรือกรรม) เก่า ที่ทำร่วมกันมา และ
ด้วยบุญ (หรือกรรม)ใหม่ ที่จะทำร่วมกัน
แม้กระนั้น คนที่จะเคยเป็นเนื้อคู่กันมา (มีบุพเพสันนิวาสต่อกัน)
หากอยู่ร่วมกันแล้ว ไม่มีศีลในชาตินี้
เพราะมีโอกาสหลงใหลไปกับไซด์ไลน์ หรือ คู่ขาทางออนไลน์ได้ง่าย
จากคู่บุญดีๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นคู่เวรได้โดยง่าย
เพราะฉะนั้น
เราขอให้กำลังใจ คนโสดทั้งหลาย ที่รอมานาน ...
รอจนรู้สึกว่า การคัดเลือกคนดีๆเข้ามาในชีวิต เป็นเรื่องเหลวไหลหลอกเด็ก ไม่ทันกาล
รอจนถูกความเหงากัดกร่อน จนพร้อมจะยอมแพ้ และรับใครก็ได้เข้ามา
ขอให้กัดฟัน อดทนต่ออีกนิดค่ะ ...
อยู่คนเดียว จะเหงาบ้าง เดี๋ยวก็หาย
อยู่กับคู่เวร (ที่หวานใส่กันเฉพาะช่วงแรกๆ) จะทั้งเหงา และใจหาย
จำไว้ว่า ถ้ามีรักดีๆไม่ได้ อย่ามีดีกว่า อย่าสร้างเวร ผูกเวรกับใครต่อจะดีกว่า
จะได้ไม่ต้องเป็นหนึ่งในคนอกหัก แล้วมานั่งรำพันว่า รู้งี๊ ...
หรือพร่ำเพ้อพรรณนาว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ ...

ความคิดเห็นที่ 13
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ คุยเรื่อง บุพเพสันนิวาส
เรื่องของเนื้อคู่นี้ ถ้าเป็นบุพเพสันนิวาส คือเคยเนื่องกันมาแต่ชาติก่อนจริงๆ พบเจอหน้ามันเลี่ยงกันไม่พ้นหรอก ยิ่งเกิดมากเท่าไรความผูกพันก็จะมากเท่านั้น อาตมาสมัยบวชใหม่ๆ เจอหน้าผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาก็ไม่ได้อยู่ในสเป๊ก รูปร่างก็ไม่ได้อยู่ในสเป๊ก แต่มีแรงดึงดูดมหาศาลเลย ชนิดเราทำอะไรไม่ถูกเลยนะ เห็นคราวนี้ โอ้ย ตายละวา เจ้าหนี้ตามทวง ความรู้สึกมันว่างั้น แต่คราวนี้ว่า เราไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองไปให้หลบรอดไปได้มากกว่าสติสัมปะชัญญะที่พอมีอยู่เท่านั้น แต่สติที่มีอยู่มันหายไปเกินค่อนหนึ่ง สมาธิก็หายไปเหมือนกัน ทำวัตรก็มองหน้า นั่งกรรมฐานแทนที่จะหลับตาก็ลืมตามองอยู่นั่น ความรู้สึกบอกว่า ถ้าพูดกับเขาแม้แต่คำเดียว เราเสร็จแน่ แล้วยายนั่นเขาก็รู้เหมือนกัน ถึงเวลาก็ต้องแถเข้าไปใกล้ๆ พอถึงเวลาเขาพูดอะไร ความรู้สึกเราบอกว่า ถ้าพูดแม้แต่คำเดียวเราเสร็จแน่ ยอมเสียมารยาทคุยกับคนอื่น พอเขาเสียบเข้ามา เอ่ยปากถามปุ๊บ เราเดินหนีไปเลย หลบอยู่ ๓-๔ วัน เห็นท่าไม่รอดแน่ พอดีหลวงพ่อสั่งให้ไปประจำอยู่ที่หน้าตึกของท่าน ตรงจุดนั้น ถ้าไม่มีธุระจริงๆ ห้ามเข้า ก็เป็นอันว่ารอดไป ไม่อย่างนั้นเสร็จ เพราะว่าพวกนี้ ถ้าช่วงวาระเวลาของเขามาถึง บุญกรรมที่มันส่งมาถึงจะทำให้เราอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าเราสามารถตื้อให้พ้นช่วงนั้นไปได้ มันก็พ้นไปเลย จนกว่ามันจะมาบรรจบครบรอบอีกครั้งหนึ่ง
ถาม: แล้วเขาจะไปมีคู่กับผู้อื่น ?
ตอบ: มันจะไปมี ก็ปล่อยมันไป ยิ่งมีเร็วเท่าไรยิ่งดี หลวงปู่ฝั้น ครูบาอาจารย์ที่เคารพท่านมากที่สุดองค์หนึ่งนะ ท่านบอกว่าท่านธุดงค์ไป ท่านจะข้ามลำน้ำ มีเรือจ้างอยู่สองแม่ลูก พอเห็นหน้าลูกสาวปุ๊บหลวงปู่บอกว่าใจหายแว๊บเลย หน้าอย่างนี้ใช่เลยล่ะ เสร็จแล้วท่านจะทำอย่างไร ท่านก็พอขึ้นเรือได้ บอกขอบอกขอบใจเสร็จก็รีบเดิน เดินอย่างไม่มีสติ ภาวนามันหายหมดเลย เดินไปจนกระทั่งค่ำก็ปักกลดปรากฏว่าเขาตามมา แม่ลูกตามมา แม่มาถึงก็บรรยาย ตัวเองมีนากี่ไร่มีควายกี่ตัว เฒ่าชะแรแก่ชราป่านนี้แล้ว มีลูกสาวคนเดียว ยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝาเลย เห็นท่านนี้แหละพอจะเป็นที่พึ่งได้ ถ้าหากว่าท่านสึกหาลาเพศไปก็พร้อมจะยกสมบัติและลูกสาวให้ด้วย หลวงปู่ท่านบอกว่าสติสตังที่จะต่อต้านสักนิดหนึ่งก็ไม่มี ได้แต่เออ ไปตามเรื่อง บอกว่าตอนนี้ยังเป็นพระอยู่ ถ้าหากสึกแล้วเราค่อยพูดกันอีกทีหนึ่ง เขาบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะมาเอาคำตอบ แล้วก็กลับบ้าน หลวงปู่ท่านยอมเสียสัจจะถอนกลดหนีคืนนั้นเลย ปกติพระธุดงค์ถ้าไม่สว่างห้ามถอน หลวงปู่ท่านบอกว่ายอมเสียสัจจะถอนกลดหนีคืนนั้น ธุดงค์ข้ามไป ๓ จังหวัด มีปัญญาให้มันตามมา ถ้าตามมาก็จะยอมรับมันล่ะ แต่ระหว่างที่เดินอยู่นั่นเห็นแต่หน้าลอยอยู่ ท่านบอกว่า เห็นแต่หน้ายายหน้าใบโพธิ์ คือหน้าเป็นรูปหัวใจ เห็นแต่หน้ายายหน้าใบโพธิ์ ตามอยู่นั่นแหละ โอ้โห ความผูกพันแรงขนาดนั้น
ถาม: แล้วตัวผู้หญิง เขาก็ผูกพันด้วยไหมครับ ต้องทั้งสองคนไหมครับ ?
ตอบ: เขาเห็นปุ๊บเขารู้เลย พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ครูบาอาจารย์ใหญ่ สาย หลวง ปู่มั่น ท่านบอกว่าเห็นหน้าปุ๊บผู้หญิงหงายหลังสลบ ตัวท่านเองก็เข่าอ่อนกองอยู่ตรงนั้นเหมือนกัน คิดดูว่ามันแรงขนาดไหน นั่นแสดงว่าใช่แน่ๆ อย่างไรก็หนีไม่พ้น
หลวงปู่สิงห์ ท่านก็เจ็บปวดยิ่งกว่านั้นอีก พ่อแม่เขามาบอกว่าขอให้สึกไปแต่งงาน ท่านบอกก็ได้ แต่ต้องทำที่ต้องการนะ อันดับ แรกให้สร้างปราสาทลอยอยู่กลางท้องฟ้า เอาไว้เป็นเรือนหอ อันดับที่สองให้หายาอะไรก็ได้ที่กินแล้วไม่แก่ไม่เฒ่า ไม่ตาย โอ้โห สิ่งที่ท่านยื่นมาทั้งนั้นนี่นิพพานทั้งหมดเลย ไม่มีที่อื่นนี่ บอกถ้าหาให้ไม่ได้ ไม่แต่ง เอากับท่านสิ ก็คือท่านรู้เสียแล้วว่านิพพานเป็นอย่างไร ในเมื่อรู้แล้วก็พยายามจะไปให้ได้ เขาก็เลยขวาง ก็เลยยื่นข้อเสนอเสียเลย มีปัญญาหามาได้ ก็ยอมแต่งเหมือนกัน
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เรียกว่าปรมาจารย์ใหญ่ของสายกองทัพธรรมเหมือนกัน ท่านบอกว่า ไปเยี่ยมเขา ด้วยประเภทที่เรียกว่าจิตห่วงใยตามปกติ เห็นว่าเจ็บไข้ได้ป่วยก็ชวนเด็กวัดไปด้วย เจ้าเด็กวัดร.ยำ.เสื..กหลับ อาจารย์นั่งมองอยู่ สาวเจ้าก็ตาหวานขึ้นมาเรื่อยๆ ท่านก็บอกว่าสติสตังมันไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัว เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ก็เลยต้องบอกลา ปลุกเด็กแล้วรีบกลับเลย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ไปอีกเลย ถ้าคนนี้มาก็บอกเขาด้วยว่าไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นก็เสร็จ น่ากลัวขนาดไหน ?
(หลวงพ่อเล็กได้บอกอีกว่า) มันคล้ายๆ กับว่า ถ้าวาระและเวลามาถึง มันจะโคจรเข้ามาชนกันเอง อันนี้เป็นแรงกรรมส่ง บุญบาปที่เคยทำร่วมกันมาจะส่งผลเข้ามา เมื่อส่งผลมาถึง คราวนี้ก็อยู่ที่ว่ารักษาตัวรอดไหม และถ้าหากว่าพ้นจากคนนี้ไปแล้ว เดี๋ยวคนใหม่ก็เข้ามาอีก เราไม่ได้เกิดชาติเดียวนะ ในเมื่อไม่ได้เกิดชาติเดียว เนื้อคู่มันก็มีหลายคนไปด้วย คนไหนที่เกิดร่วมกับเรามากชาติที่สุดก็มีอิทธิพลต่อเรามากที่สุด คนไหนเกิดน้อยชาติหน่อย ก็อิทธิพลน้อยหน่อย
สมัย หลวงพ่อบวชกับหลวงปู่ปาน มีพระอยู่องค์หนึ่งท่านได้อภิญญาและก็ได้ทิพจักขุญาณแจ่มใสมาก ท่านจะบอกเลยว่าวันนั้นเวลานั้น ถ้ามีผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างอย่างนี้ แต่งตัวอย่างนี้มา ผมต้องสึกนะ ก็จริงๆ ถึงเวลาต้องสึกไปอยู่กินกับเขา แต่คราวนี้ท่านมีอภิญญาอยู่ ก็พยายามรวบรวมกำลังของอภิญญาใช้ในการดูหมอ ใช้ในการรักษาโรคบ้าง หาเงินให้เขาก้อนหนึ่ง ไม่ใช่น้อยๆ นะ หลวงพ่อบอกประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท ของสมัยนั้น หือ...สมัยนี้ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ยังจะน้อยกว่าล่ะมั้ง อย่าลืมว่าสมัยนั้นก๋วยเตี๋ยว ๒ ชาม ๕ สตางค์ เท่ากับ ๔๐ บาท สมัยนี้ ๕๐ สตางค์ ก็ ๔๐๐ บาท บาทหนึ่งก็แปดร้อยนั่นแหละ เสร็จแล้วท่านก็กลับมาบวชใหม่ แล้วก็บอกไว้อีกว่าวันนั้นเวลานั้น ถ้ามีผู้หญิงหน้าตาอย่างนั้นอย่างนั้นมา ท่านจะต้องสึก แล้วก็สึกอีก สึกอยู่อย่างนั้นแหละ ๔ เที่ยว ๕ เที่ยว
จนกระทั่งครั้งสุดท้าย พอกลับเข้ามาบวชก็ลาหลวงปู่เข้าป่าเลย หลวงพ่อก็ย่องไปถามว่า ทำไมงวดนี้ไม่อยู่แล้วหรือ ท่านบอกว่าหมดหนี้แล้ว ไปแล้ว เผ่นเข้ามาแล้วสบายใจ เพราะว่าของท่านได้อภิญญาอยู่แล้ว พอเข้ามาอยู่ในร่มกาสาวพักตร์รักษาศีลบริสุทธิ์แป๊บเดียว ก็ได้กำลังอภิญญาเต็มคืนมา ไม่เหมือนตอนเป็นฆราวาส มันโดนจำกัดให้ใช้ได้น้อย ท่านรู้ขนาดนั้นยังต้องสึกเลย อาตมาเองยังรอว่า รายต่อไปคือใคร มาจะด่าให้กระจายเลย (พอ)ถึงเวลาอ้าปากไม่ขึ้น ประมาทไม่ได้ อย่าคิดว่าตัวเองแก่แล้ว
หลวงพ่อท่านสมัยก่อนก็อายุประมาณนี้แหละ ท่านบอกว่า โอ้โห แก่จะตายชักอยู่แล้ว เด็กๆ มันเรียน ม. ๕ ม. ๖ อาชีวะบ้าง อะไรบ้าง มาถึงก็ประจ๋อ ประแจ๋เต็มกุฏิไปหมด แล้วหลวงพ่อก็ไม่มีทีท่าจะเล่นด้วย ไปๆ มาๆ ก็ประเภทว่าฉันไม่เชื่อหลวงน้าแล้วล่ะ ทำท่าเหมือนอยากจะแต่งงานด้วยแล้วอยู่ๆ ก็ลืมไปเฉยๆ อะไรอย่างนั้น หลวงพ่อก็นึกได้แต่เวทนาอยู่ในใจไม่รู้จะช่วยมันอย่างไรวะ ฟังดูในปฏิปทาท่านผู้เฒ่าว่าหลวงพ่อท่านโดนมาขนาดไหน บางอย่างท่านเล่าไว้นิดเดียว แต่ถ้าเรามีประสบการณ์ก็จะรู้เลยว่า นิดเดียวของท่าน กว่าจะผ่านได้ เลือดตาแทบกระเด็น
เรื่องของเนื้อคู่นี้ ถ้าเป็นบุพเพสันนิวาส คือเคยเนื่องกันมาแต่ชาติก่อนจริงๆ พบเจอหน้ามันเลี่ยงกันไม่พ้นหรอก ยิ่งเกิดมากเท่าไรความผูกพันก็จะมากเท่านั้น อาตมาสมัยบวชใหม่ๆ เจอหน้าผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาก็ไม่ได้อยู่ในสเป๊ก รูปร่างก็ไม่ได้อยู่ในสเป๊ก แต่มีแรงดึงดูดมหาศาลเลย ชนิดเราทำอะไรไม่ถูกเลยนะ เห็นคราวนี้ โอ้ย ตายละวา เจ้าหนี้ตามทวง ความรู้สึกมันว่างั้น แต่คราวนี้ว่า เราไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองไปให้หลบรอดไปได้มากกว่าสติสัมปะชัญญะที่พอมีอยู่เท่านั้น แต่สติที่มีอยู่มันหายไปเกินค่อนหนึ่ง สมาธิก็หายไปเหมือนกัน ทำวัตรก็มองหน้า นั่งกรรมฐานแทนที่จะหลับตาก็ลืมตามองอยู่นั่น ความรู้สึกบอกว่า ถ้าพูดกับเขาแม้แต่คำเดียว เราเสร็จแน่ แล้วยายนั่นเขาก็รู้เหมือนกัน ถึงเวลาก็ต้องแถเข้าไปใกล้ๆ พอถึงเวลาเขาพูดอะไร ความรู้สึกเราบอกว่า ถ้าพูดแม้แต่คำเดียวเราเสร็จแน่ ยอมเสียมารยาทคุยกับคนอื่น พอเขาเสียบเข้ามา เอ่ยปากถามปุ๊บ เราเดินหนีไปเลย หลบอยู่ ๓-๔ วัน เห็นท่าไม่รอดแน่ พอดีหลวงพ่อสั่งให้ไปประจำอยู่ที่หน้าตึกของท่าน ตรงจุดนั้น ถ้าไม่มีธุระจริงๆ ห้ามเข้า ก็เป็นอันว่ารอดไป ไม่อย่างนั้นเสร็จ เพราะว่าพวกนี้ ถ้าช่วงวาระเวลาของเขามาถึง บุญกรรมที่มันส่งมาถึงจะทำให้เราอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าเราสามารถตื้อให้พ้นช่วงนั้นไปได้ มันก็พ้นไปเลย จนกว่ามันจะมาบรรจบครบรอบอีกครั้งหนึ่ง
ถาม: แล้วเขาจะไปมีคู่กับผู้อื่น ?
ตอบ: มันจะไปมี ก็ปล่อยมันไป ยิ่งมีเร็วเท่าไรยิ่งดี หลวงปู่ฝั้น ครูบาอาจารย์ที่เคารพท่านมากที่สุดองค์หนึ่งนะ ท่านบอกว่าท่านธุดงค์ไป ท่านจะข้ามลำน้ำ มีเรือจ้างอยู่สองแม่ลูก พอเห็นหน้าลูกสาวปุ๊บหลวงปู่บอกว่าใจหายแว๊บเลย หน้าอย่างนี้ใช่เลยล่ะ เสร็จแล้วท่านจะทำอย่างไร ท่านก็พอขึ้นเรือได้ บอกขอบอกขอบใจเสร็จก็รีบเดิน เดินอย่างไม่มีสติ ภาวนามันหายหมดเลย เดินไปจนกระทั่งค่ำก็ปักกลดปรากฏว่าเขาตามมา แม่ลูกตามมา แม่มาถึงก็บรรยาย ตัวเองมีนากี่ไร่มีควายกี่ตัว เฒ่าชะแรแก่ชราป่านนี้แล้ว มีลูกสาวคนเดียว ยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝาเลย เห็นท่านนี้แหละพอจะเป็นที่พึ่งได้ ถ้าหากว่าท่านสึกหาลาเพศไปก็พร้อมจะยกสมบัติและลูกสาวให้ด้วย หลวงปู่ท่านบอกว่าสติสตังที่จะต่อต้านสักนิดหนึ่งก็ไม่มี ได้แต่เออ ไปตามเรื่อง บอกว่าตอนนี้ยังเป็นพระอยู่ ถ้าหากสึกแล้วเราค่อยพูดกันอีกทีหนึ่ง เขาบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะมาเอาคำตอบ แล้วก็กลับบ้าน หลวงปู่ท่านยอมเสียสัจจะถอนกลดหนีคืนนั้นเลย ปกติพระธุดงค์ถ้าไม่สว่างห้ามถอน หลวงปู่ท่านบอกว่ายอมเสียสัจจะถอนกลดหนีคืนนั้น ธุดงค์ข้ามไป ๓ จังหวัด มีปัญญาให้มันตามมา ถ้าตามมาก็จะยอมรับมันล่ะ แต่ระหว่างที่เดินอยู่นั่นเห็นแต่หน้าลอยอยู่ ท่านบอกว่า เห็นแต่หน้ายายหน้าใบโพธิ์ คือหน้าเป็นรูปหัวใจ เห็นแต่หน้ายายหน้าใบโพธิ์ ตามอยู่นั่นแหละ โอ้โห ความผูกพันแรงขนาดนั้น
ถาม: แล้วตัวผู้หญิง เขาก็ผูกพันด้วยไหมครับ ต้องทั้งสองคนไหมครับ ?
ตอบ: เขาเห็นปุ๊บเขารู้เลย พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ครูบาอาจารย์ใหญ่ สาย หลวง ปู่มั่น ท่านบอกว่าเห็นหน้าปุ๊บผู้หญิงหงายหลังสลบ ตัวท่านเองก็เข่าอ่อนกองอยู่ตรงนั้นเหมือนกัน คิดดูว่ามันแรงขนาดไหน นั่นแสดงว่าใช่แน่ๆ อย่างไรก็หนีไม่พ้น
หลวงปู่สิงห์ ท่านก็เจ็บปวดยิ่งกว่านั้นอีก พ่อแม่เขามาบอกว่าขอให้สึกไปแต่งงาน ท่านบอกก็ได้ แต่ต้องทำที่ต้องการนะ อันดับ แรกให้สร้างปราสาทลอยอยู่กลางท้องฟ้า เอาไว้เป็นเรือนหอ อันดับที่สองให้หายาอะไรก็ได้ที่กินแล้วไม่แก่ไม่เฒ่า ไม่ตาย โอ้โห สิ่งที่ท่านยื่นมาทั้งนั้นนี่นิพพานทั้งหมดเลย ไม่มีที่อื่นนี่ บอกถ้าหาให้ไม่ได้ ไม่แต่ง เอากับท่านสิ ก็คือท่านรู้เสียแล้วว่านิพพานเป็นอย่างไร ในเมื่อรู้แล้วก็พยายามจะไปให้ได้ เขาก็เลยขวาง ก็เลยยื่นข้อเสนอเสียเลย มีปัญญาหามาได้ ก็ยอมแต่งเหมือนกัน
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เรียกว่าปรมาจารย์ใหญ่ของสายกองทัพธรรมเหมือนกัน ท่านบอกว่า ไปเยี่ยมเขา ด้วยประเภทที่เรียกว่าจิตห่วงใยตามปกติ เห็นว่าเจ็บไข้ได้ป่วยก็ชวนเด็กวัดไปด้วย เจ้าเด็กวัดร.ยำ.เสื..กหลับ อาจารย์นั่งมองอยู่ สาวเจ้าก็ตาหวานขึ้นมาเรื่อยๆ ท่านก็บอกว่าสติสตังมันไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัว เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ก็เลยต้องบอกลา ปลุกเด็กแล้วรีบกลับเลย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ไปอีกเลย ถ้าคนนี้มาก็บอกเขาด้วยว่าไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นก็เสร็จ น่ากลัวขนาดไหน ?
(หลวงพ่อเล็กได้บอกอีกว่า) มันคล้ายๆ กับว่า ถ้าวาระและเวลามาถึง มันจะโคจรเข้ามาชนกันเอง อันนี้เป็นแรงกรรมส่ง บุญบาปที่เคยทำร่วมกันมาจะส่งผลเข้ามา เมื่อส่งผลมาถึง คราวนี้ก็อยู่ที่ว่ารักษาตัวรอดไหม และถ้าหากว่าพ้นจากคนนี้ไปแล้ว เดี๋ยวคนใหม่ก็เข้ามาอีก เราไม่ได้เกิดชาติเดียวนะ ในเมื่อไม่ได้เกิดชาติเดียว เนื้อคู่มันก็มีหลายคนไปด้วย คนไหนที่เกิดร่วมกับเรามากชาติที่สุดก็มีอิทธิพลต่อเรามากที่สุด คนไหนเกิดน้อยชาติหน่อย ก็อิทธิพลน้อยหน่อย
สมัย หลวงพ่อบวชกับหลวงปู่ปาน มีพระอยู่องค์หนึ่งท่านได้อภิญญาและก็ได้ทิพจักขุญาณแจ่มใสมาก ท่านจะบอกเลยว่าวันนั้นเวลานั้น ถ้ามีผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างอย่างนี้ แต่งตัวอย่างนี้มา ผมต้องสึกนะ ก็จริงๆ ถึงเวลาต้องสึกไปอยู่กินกับเขา แต่คราวนี้ท่านมีอภิญญาอยู่ ก็พยายามรวบรวมกำลังของอภิญญาใช้ในการดูหมอ ใช้ในการรักษาโรคบ้าง หาเงินให้เขาก้อนหนึ่ง ไม่ใช่น้อยๆ นะ หลวงพ่อบอกประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท ของสมัยนั้น หือ...สมัยนี้ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ยังจะน้อยกว่าล่ะมั้ง อย่าลืมว่าสมัยนั้นก๋วยเตี๋ยว ๒ ชาม ๕ สตางค์ เท่ากับ ๔๐ บาท สมัยนี้ ๕๐ สตางค์ ก็ ๔๐๐ บาท บาทหนึ่งก็แปดร้อยนั่นแหละ เสร็จแล้วท่านก็กลับมาบวชใหม่ แล้วก็บอกไว้อีกว่าวันนั้นเวลานั้น ถ้ามีผู้หญิงหน้าตาอย่างนั้นอย่างนั้นมา ท่านจะต้องสึก แล้วก็สึกอีก สึกอยู่อย่างนั้นแหละ ๔ เที่ยว ๕ เที่ยว
จนกระทั่งครั้งสุดท้าย พอกลับเข้ามาบวชก็ลาหลวงปู่เข้าป่าเลย หลวงพ่อก็ย่องไปถามว่า ทำไมงวดนี้ไม่อยู่แล้วหรือ ท่านบอกว่าหมดหนี้แล้ว ไปแล้ว เผ่นเข้ามาแล้วสบายใจ เพราะว่าของท่านได้อภิญญาอยู่แล้ว พอเข้ามาอยู่ในร่มกาสาวพักตร์รักษาศีลบริสุทธิ์แป๊บเดียว ก็ได้กำลังอภิญญาเต็มคืนมา ไม่เหมือนตอนเป็นฆราวาส มันโดนจำกัดให้ใช้ได้น้อย ท่านรู้ขนาดนั้นยังต้องสึกเลย อาตมาเองยังรอว่า รายต่อไปคือใคร มาจะด่าให้กระจายเลย (พอ)ถึงเวลาอ้าปากไม่ขึ้น ประมาทไม่ได้ อย่าคิดว่าตัวเองแก่แล้ว
หลวงพ่อท่านสมัยก่อนก็อายุประมาณนี้แหละ ท่านบอกว่า โอ้โห แก่จะตายชักอยู่แล้ว เด็กๆ มันเรียน ม. ๕ ม. ๖ อาชีวะบ้าง อะไรบ้าง มาถึงก็ประจ๋อ ประแจ๋เต็มกุฏิไปหมด แล้วหลวงพ่อก็ไม่มีทีท่าจะเล่นด้วย ไปๆ มาๆ ก็ประเภทว่าฉันไม่เชื่อหลวงน้าแล้วล่ะ ทำท่าเหมือนอยากจะแต่งงานด้วยแล้วอยู่ๆ ก็ลืมไปเฉยๆ อะไรอย่างนั้น หลวงพ่อก็นึกได้แต่เวทนาอยู่ในใจไม่รู้จะช่วยมันอย่างไรวะ ฟังดูในปฏิปทาท่านผู้เฒ่าว่าหลวงพ่อท่านโดนมาขนาดไหน บางอย่างท่านเล่าไว้นิดเดียว แต่ถ้าเรามีประสบการณ์ก็จะรู้เลยว่า นิดเดียวของท่าน กว่าจะผ่านได้ เลือดตาแทบกระเด็น
ความคิดเห็นที่ 59
ส่วนตัวเราเชื่อ 50/50 ค่ะ
จากประสบการณ์จริงของเรา ....
ตั้งแต่เข้าสู่วัยรุ่นจนเรียนจบมหาลัย ไม่เคยมีใครที่สามารถเรียกว่า "แฟน" ได้อย่างจริงจัง มีแต่รักกุ๊กกิ๊กก๊อกแก๊กตามประสา จนเข้าสู่วัยทำงานก็มาเจอแฟน(คนไทย)คบกันได้สี่ปีเหมือนเราชดใช้กรรมให้มัน มีแต่เรื่องแย่ๆ และแล้วก็เลิกรากัน หลังจากที่เลิกกันแฟนคนก่อนไม่นาน เราก็เจอแฟนใหม่(คนไทย) มันเป็นความรักที่ห่วยแตกที่สุดในชีวิตเรา สุดท้ายก็โดนนอกใจ และแล้วความรักก็จบลงอีกครั้ง(ในวัยยี่สิบแปดปี) ... หลังจากนั้นเป็นต้นมา เราไม่ศรัทธาในความรักอีกเลย อยู่แบบโสดในโหมดไม่เหงานานเกือบห้าปี แล้ววันนึงไม่รู้ลมอะไรพัดพาให้เราได้รู้จักกับหนุ่มญี่ปุ่นคนนึง ผ่านทางเว็ปไซต์หาเพื่อนไทย-ญี่ปุ่น และก็ได้คุยทักทายกันไปๆมาๆผ่านช่องทางไลน์ได้ราวๆหนึ่งเดือน หนุ่มญี่ปุ่นก็ขอเราเป็นแฟน ส่วนเราก็บ้าจี้ตอบตกลงเป็นแฟนกับเค้า ทั้งๆที่อยู่ห่างไกลคนละประเทศ ตอนนั้นคิดแค่ว่า "ก็คบเล่นๆไปละกัน จะได้มีคนช่วยฝึกภาษาญี่ปุ่น" ตลอดเวลาที่คุยไปคุยมาผ่านไลน์ มันกินเวลาไปเกือบหกเดือน หนุ่มญี่ปุ่นคนนี้จึงตัดสินใจบินมาหาเราที่ประเทศไทย โดยที่เราไม่ได้ร้องขอให้มาเจอกัน ... เรายังจำวันแรกที่เจอกันได้ดี ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มคนนึงเดินลากกระเป๋าเอื่อยๆอยู่คนเดียว เราเองก็ได้แต่มองเค้าอยู่ไกลๆเพราะยังคงลังเลอยู่ว่าจะใช่คนนี้หรือป่าวนะ แต่พอเราทั้งสองคนเดินเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้กันมากพอที่เค้าจะได้ยินเสียง ปากเราก็เอ่ยทักทายและถามชื่อของเค้าเพื่อความแน่ใจ ... หนุ่มญี่ปุ่นที่ยืนต่อหน้าเรา ไม่พูดอะไรสักคำนอกจาก ยิ้มให้เราและอ้าแขนสองข้าง จังหวะนั้นไม่รู้คิดอะไรเรากระโดดเข้าไปกอดผู้ชายตรงหน้าเฉยเลย 555+
นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เรากับหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ก็ฟันฝ่าอุปสรรคหลายอย่าง จับมือเดินร่วมทางกันมาเข้าสู่ปีที่สี่แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้จะอยู่ไกลกันคนละประเทศ แฟนคนนี้ทำให้เราเห็นความรักและความดีในหลายๆแง่มุมของเค้า แต่ ณ เวลานี้อุปสรรคหนักหนาสาหัสที่กำลังเผชิญอยู่คือ การอดทนรอให้ไวรัสหมดไป เพื่อจะได้กลับมาเจอกัน และกอดกันอีกครั้ง ... และแน่นอนว่าอุปสรรคครั้งนี้ จะพิสูจน์ให้เราเห็นว่า บุพเพสันนิวาส(คู่กรรม)ของเราจะมีเป็นเค้าคนนี้ใช่หรือไม่
คู่บุญ อาจจะมีจริง
คู่กรรม อาจจะมีจริง
บุพเพสันนิวาส ก็อาจจะมีจริง
ประโยคที่ว่า "โลกจะเหวี่ยงคนที่ไม่ใช่ออกไปจากชีวิตเรา และเหวี่ยงคนที่ใช่เข้ามาแทน" ก็มีความเป็นไปได้นะคะ
จากประสบการณ์จริงของเรา ....
ตั้งแต่เข้าสู่วัยรุ่นจนเรียนจบมหาลัย ไม่เคยมีใครที่สามารถเรียกว่า "แฟน" ได้อย่างจริงจัง มีแต่รักกุ๊กกิ๊กก๊อกแก๊กตามประสา จนเข้าสู่วัยทำงานก็มาเจอแฟน(คนไทย)คบกันได้สี่ปีเหมือนเราชดใช้กรรมให้มัน มีแต่เรื่องแย่ๆ และแล้วก็เลิกรากัน หลังจากที่เลิกกันแฟนคนก่อนไม่นาน เราก็เจอแฟนใหม่(คนไทย) มันเป็นความรักที่ห่วยแตกที่สุดในชีวิตเรา สุดท้ายก็โดนนอกใจ และแล้วความรักก็จบลงอีกครั้ง(ในวัยยี่สิบแปดปี) ... หลังจากนั้นเป็นต้นมา เราไม่ศรัทธาในความรักอีกเลย อยู่แบบโสดในโหมดไม่เหงานานเกือบห้าปี แล้ววันนึงไม่รู้ลมอะไรพัดพาให้เราได้รู้จักกับหนุ่มญี่ปุ่นคนนึง ผ่านทางเว็ปไซต์หาเพื่อนไทย-ญี่ปุ่น และก็ได้คุยทักทายกันไปๆมาๆผ่านช่องทางไลน์ได้ราวๆหนึ่งเดือน หนุ่มญี่ปุ่นก็ขอเราเป็นแฟน ส่วนเราก็บ้าจี้ตอบตกลงเป็นแฟนกับเค้า ทั้งๆที่อยู่ห่างไกลคนละประเทศ ตอนนั้นคิดแค่ว่า "ก็คบเล่นๆไปละกัน จะได้มีคนช่วยฝึกภาษาญี่ปุ่น" ตลอดเวลาที่คุยไปคุยมาผ่านไลน์ มันกินเวลาไปเกือบหกเดือน หนุ่มญี่ปุ่นคนนี้จึงตัดสินใจบินมาหาเราที่ประเทศไทย โดยที่เราไม่ได้ร้องขอให้มาเจอกัน ... เรายังจำวันแรกที่เจอกันได้ดี ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มคนนึงเดินลากกระเป๋าเอื่อยๆอยู่คนเดียว เราเองก็ได้แต่มองเค้าอยู่ไกลๆเพราะยังคงลังเลอยู่ว่าจะใช่คนนี้หรือป่าวนะ แต่พอเราทั้งสองคนเดินเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้กันมากพอที่เค้าจะได้ยินเสียง ปากเราก็เอ่ยทักทายและถามชื่อของเค้าเพื่อความแน่ใจ ... หนุ่มญี่ปุ่นที่ยืนต่อหน้าเรา ไม่พูดอะไรสักคำนอกจาก ยิ้มให้เราและอ้าแขนสองข้าง จังหวะนั้นไม่รู้คิดอะไรเรากระโดดเข้าไปกอดผู้ชายตรงหน้าเฉยเลย 555+
นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เรากับหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ก็ฟันฝ่าอุปสรรคหลายอย่าง จับมือเดินร่วมทางกันมาเข้าสู่ปีที่สี่แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้จะอยู่ไกลกันคนละประเทศ แฟนคนนี้ทำให้เราเห็นความรักและความดีในหลายๆแง่มุมของเค้า แต่ ณ เวลานี้อุปสรรคหนักหนาสาหัสที่กำลังเผชิญอยู่คือ การอดทนรอให้ไวรัสหมดไป เพื่อจะได้กลับมาเจอกัน และกอดกันอีกครั้ง ... และแน่นอนว่าอุปสรรคครั้งนี้ จะพิสูจน์ให้เราเห็นว่า บุพเพสันนิวาส(คู่กรรม)ของเราจะมีเป็นเค้าคนนี้ใช่หรือไม่
คู่บุญ อาจจะมีจริง
คู่กรรม อาจจะมีจริง
บุพเพสันนิวาส ก็อาจจะมีจริง
ประโยคที่ว่า "โลกจะเหวี่ยงคนที่ไม่ใช่ออกไปจากชีวิตเรา และเหวี่ยงคนที่ใช่เข้ามาแทน" ก็มีความเป็นไปได้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
ยุคสมัยนี้ ยังมีคนเชื่อเรื่อง บุพเพสันนิวาส อยู่ไหมครับ มีจริงหรือเปล่า
สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันง่ายนิดเดียว ใช้ชีวิตพบเจอผู้คนตั้งมากมาย ลองคุยกับคนนี้ คบคนนั้น ไม่พอใจก็เลิก จนไม่สามารถรู้ว่าคนไหนที่เป็นคู่ของเราจริงๆ บางคนรอมาทั้งชีวิตก็ยังไม่พบเจอคนนั้นๆ หรือถ้าพบ เขาก็มีคู่ แต่งงานไปเสียแล้ว
สรุปแล้ว บุพเพสันนิวาสมีจริงไหมครับ
2021 ยังมีคนเชื่อเรื่องนี้อยู่หรือเปล่า ว่าถ้าเป็นคู่กัน ยังไงก็ได้พบกัน และอยู่ด้วยกันอยู่ดี
แต่ทำไมสมัยนี้ คนโสดถึงเต็มไปหมด หรืออยู่ที่เราเองเป็นคนจัดสรร ไม่ใช่กรรม ถ้ารอคู่ ก็คงไม่มา ถ้าเราไม่ขวานขวาย
ส่วนตัวเชื่อว่า อยู่เฉยๆ เดี๋ยวก็มาเอง แต่มันไม่มีมานี่สิครับ และเห็นคนที่อายุมากแล้ว เขาก็ยังรออยู่ ทุกวัน 30- 40-50ก็ยังโสด ก็เลยเกิดคำถามขึ้นว่า มันเกิดจากโชคชะตาหรือตัวเรากันแน่