มีเงิน 50,000 ลงทุนอะไรดี - ตอนที่ 2 ลงทุนแบบ online ปี 2021
เงิน 50,000 บาท เป็นเงินก้อนที่หลาย ๆ คนสามารถเก็บได้ แต่ทว่าการจะนำเงินไปลงทุนให้งอกเงยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าใดนัก
ซึ่งถ้าเป็นคุณที่มีเงินอยู่ 50,000 บาท จะลงทุนอะไรดีกับธุรกิจออนไลน์?! เพราะไปทางไหนก็มีแต่คนขายของออนไลน์
แล้วอย่างนี้จะเลือกอะไร ลงทุนออนไลน์แบบไหน เพื่อให้ได้จับเงินแสนเงินล้านกันดี
ในปัจจุบัน คนต่างสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจออนไลน์กันมากขึ้น เพราะดูแล้วว่าใคร ๆ ในยุคนี้ต่างก็รวยจากการทำธุรกิจออนไลน์เกือบทั้งหมด ฉะนั้น คนส่วนใหญ่จึงคิดว่าโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุนแบบออนไลน์นั้นมีมากกว่าธุรกิจอื่น เนื่องจากคนเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ง่ายและรวดเร็ว อีกทั้งจำนวนของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตก็สูงกว่าเมื่อ 10-20 ปีก่อนมาก จากการที่เล่นอินเทอร์เน็ตเพื่อความบันเทิงเพียงอย่างเดียว เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน พฤติกรรมการเล่นอินเทอร์เน็ตของคนเราก็เปลี่ยน จากแค่เข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ก็กลายเป็นเพื่อติดตามข้อมูลมาเป็นการทำธุรกิจผ่านโลกออนไลน์กันมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแพลตฟอร์มอีกตั้งมากมายเกิดขึ้นมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนสมัยใหม่เพื่อทำการค้าและบริการในธุรกิจ ซึ่งแพลตฟอร์มแต่ละรูปแบบอาจมีความแตกต่างในการใช้งานไปบ้าง ฉะนั้น ก็ต้องเป็นหน้าที่ของคุณแล้วล่ะครับว่า จะเลือกลงทุนหรือเริ่มหาเงินจากธุรกิจบนแพลตฟอร์มใดก่อนที่เข้ากับการใช้ชีวิตของคุณ แต่ละแพลตฟอร์มจะเป็นอย่างไร?! ยากง่ายเท่ากันหรือไม่?! บทความนี้รอให้คำตอบคุณอยู่ครับ…
1. มีเงิน 50,000 บาท ลงทุนหาเงินแบบ Online
สิ่งที่จะต้องลงทุน : Facebook, Instagram
ผลตอบแทนในระยะ 1-2 ปี : Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่ครองอันดับ 1 ในช่องทางที่มีคนเปิดร้านขายของมากที่สุดในประเทศไทย และรองลงมาก็จะเป็น Instagram เชื่อว่าหลายคนต้องมีบัญชีแอดเคาท์ของทั้ง 2 แพลตฟอร์มนี้และใช้งานในการติดตามข่าวสารกันเป็นปกติ โดยเริ่มจากการหาเงินหรือขายของจาก Facebook ด้วยการกดเปิดการใช้งานฟีเจอร์ Facebook Fanpage เพื่อสร้างร้านค้าของคุณบนแฟนเพจได้ทันที เพราะลูกค้าสามารถค้นหาร้านและเข้ามาเลือกสินค้าภายในร้านได้ และคุณยังเลือกวิธีการขายได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการลงรูปภาพและ Facebook Live รวมถึงสามารถใช้งานฟีเจอร์สำหรับการยิงโฆษณาเพื่อสร้างยอดขายให้กับร้านของคุณได้อีกด้วย
ส่วน Instagram แพลตฟอร์มโดนใจวัยรุ่น ด้วยจุดเด่นที่เน้นการเล่าเรื่องผ่านการโพสต์รูปภาพและ VDO คลิปสั้น ๆ จึงทำให้แอปพลิเคชั่นนี้เป็นแหล่งรวมตัวของร้านค้าประเภทแฟชั่น และ Instagram นับว่าเป็นช่องทางที่เหมาะกับการเปิดร้านมากที่สุดอีกแพลตฟอร์มหนึ่ง การเปิดร้านใน IG สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่หากคุณมีบัญชีส่วนตัวอยู่แล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาสมัครใหม่ให้ยุ่งยาก เพียงแค่สลับบัญชีมาใช้ ฟีเจอร์บัญชีสำหรับการทำธุรกิจ เพียงเท่านี้คุณก็จะสร้างหน้าร้านที่แยกจากบัญชีส่วนตัวได้ทันที รวมถึงใช้งานเครื่องมือสำหรับโปรโมท IG ได้อย่างสะดวกสบาย ฉะนั้น ผลตอบแทนจากการลงทุนจาก 2 แพลตฟอร์มนี้ ถ้าคุณสามารถหาสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้า ไปจนถึงทำการตลาดหรือโฆษณาได้อย่างมืออาชีพแล้วละก็ผลกำไรที่คุณจะได้จากช่องทางนี้ก็อาจจะอยู่ที่ 30-1000% เลยก็ว่าได้
ความเสี่ยง : ปานกลาง - สูง เป็นเพราะแพลตฟอร์มทั้งสองสิ่งนี้ไม่ได้เปิดมาเพื่อทำธุรกิจโดยตรง เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ให้คนมารู้จักกัน ได้พูดคุยกัน
เสียมากกว่า ซึ่งถ้าคุณอยากจะมีรายได้จากช่องทางนี้ สิ่งสำคัญและจำเป็นก่อนที่คุณจะนำสินค้ามาขายก็คือ การเรียนรู้เรื่องการตลาดให้ดีก่อน นั่นเอง
ทักษะเฉพาะทาง : ปานกลาง อาทิเช่น เรื่องของการสื่อสารกับลูกค้า
ทักษะการตลาดการขาย : สูง เพราะคุณจะต้องมีทักษะการยิงโฆษณาให้ถูกทางวิเคราห์ให้เป็น จนไปถึงปิดการขายให้ได้
รายได้เฉลี่ยต่อปี : 15,000 – 500,000 บาท
สิ่งที่จะต้องลงทุน : Lazada, Shopee
ผลตอบแทนในระยะ 1-2 ปี : เป็นแอปพลิเคชั่นและ E- Marketplace ที่ ซื้อ – ขาย สินค้าออนไลน์ยอดนิยม ที่คนไทยใช้เลือกซื้อสินค้าออนไลน์มากที่สุด การเปิดร้านบนแอปพลิเคชั่นนี้ ทำได้ไม่ยาก เพียงสมัครบัญชีแอดเคาท์ก็สามารถเลือกซื้อสินค้าหรือวางขายสินค้าได้ทันที สามารถวางขายสินค้าได้หลากหลายหมวดหมู่ เสริมความมั่นใจให้ลูกค้าได้ด้วยการติดดาวและรีวิวจากลูกค้าที่เคยสั่งซื้อสินค้า ทำให้ร้านค้าสามารถเพิ่มยอดขายได้ อีกทั้งยังมีระบบการชำระสินค้าที่ครอบคลุมทุกช่องทางและเชื่อมต่อกับบริการขนส่งที่หลากหลาย ทำให้ร้านค้าและลูกค้าสามารถซื้อ – สินค้าได้อย่างสบายใจ ซึ่งที่จริงแล้วถ้าหากคุณติดตามบทความผมบ่อย ๆ คุณจะรู้ว่าการขายสินค้าบนแพลตฟอร์มนี้ไม่จำเป็นต้องลงทุนก็ได้ถ้าหากคุณยังไม่มีงบ หรือถ้ามีก็ให้เก็บเอาไปใช้กับการตลาดแทน แล้วให้คุณลองหาสินค้าที่อยู่ใกล้ตัวคุณ อย่างเช่น งานหัตกรรม ชุมชน หรือสินค้าที่คุณสามารถขอถ่ายรูปจากร้านค้าแล้วนำมาลงขายสินค้าใน 2 แอปพลิเคชั่นนี้ เพื่อลดการลงทุนและสต็อกสินค้า แถมยังได้กำไรจากสินค้าเหล้านี้อีกด้วย ซึ่งถ้าคุณสามารถจัดการบริหารเรื่องการโพสต์สินค้าหรือทำโปรโมชั่นการตลาดได้ดี ผลตอบแทนที่คุณจะได้อาจจะอยู่ที่ 30-1000% เลยก็ว่าได้
ความเสี่ยง : น้อย เพราะแอปพลิเคชั่นนี้เป็นแอปที่เอาไว้สำหรับขายสินค้าอยู่แล้ว
ทักษะการตลาดการขาย : ปานกลาง ถึงแม้ว่าคุณจะขายของบนห้างสรรพสินค้าออนไลน์ก็จริง แต่คุณก็ต้องมีทักษะด้านการตลาดหรือโปรโมชั่น เพื่อดึงดูดลูกค้าได้ด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าของคุณด้วย
รายได้เฉลี่ยต่อปี : 15,000 – 500,000 บาท
สิ่งที่จะต้องลงทุน : Website ของตัวเอง
ผลตอบแทนในระยะ 1-2 ปี : การขายของออนไลน์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในยุคนี้เป็นเรื่องที่สะดวกสบายก็จริง แต่คุณอาจจะต้องเสียผลประโยชน์หรือได้รับผลประโยชน์ไม่มากเท่าที่ควร การมีเว็บไซต์ขายของออนไลน์เป็นของตัวเองจะช่วยลดความเสี่ยงนี้ลงไปได้ แถมยังส่งผลกับยอดขายและกำไรในระยะยาว ซึ่งการขายของออนไลน์ผ่านเว็บไซต์จะช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือทำการตลาดออนไลน์ได้อีกเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Google ที่เมื่อไหร่คนค้นหาสินค้าและบริการนั้น ๆ โอกาสที่จะเจอเว็บไซต์ของคุณก็ย่อมจะมีโอกาสได้มากกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ ฉะนั้น ผลตอบแทนจากการลงทุนทำธุรกิจสินค้าและบริการบนเว็บไซต์ส่วนตัว ก็คงคล้ายกับแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ เช่นกัน นั่นก็คือ กำไร 10 – 1000% นั่นเอง
ความเสี่ยง : ปานกลาง – สูง เพราะการมีเว็บไซต์ที่สามารถทำให้คนสนใจได้นั้นต้องใช้เวลาและการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าคุณขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป โอกาสที่คุณจะเสียเงินจากการทำว็บไซต์ก็อาจจะสูญเปล่าได้
ทักษะเฉพาะทาง : ปานกลาง
ทักษะการตลาดการขาย : สูง เป็นเพราะว่าเว็บไซต์ได้สร้างขึ้นมาเฉพาะบุคคลโดยมีจุดประสงค์เพื่อธุรกิจ ฉะนั้น ถ้าคุณอยากจะมีรายได้จากช่องทางนี้สิ่งสำคัญและจำเป็น คือคุณจะต้องรู้จักการทำการตลาดและการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างฐานลูกค้าให้รู้จักสินค้าและบริการของคุณให้มากที่สุด
รายได้เฉลี่ยต่อปี : 15,000 – 500,000 บาท
2.
มีเงิน 50,000 บาท ลงทุนหาเงินแบบทำ Content Online
สิ่งที่จะต้องลงทุน : เขียน Blog หรือ บทความบนเว็บไซต์
ผลตอบแทนในระยะ 1-2 ปี : การเขียนบทความหรือเนื้อหาที่ใช้เขียนลงเว็บไซต์นั้น นับวันยิ่งจะมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และยังต้องการมากขึ้น ซึ่งบทความหรือ Content มีความสำคัญอย่างมากในการจัดอันดับของกูเกิ้ลจากการเรียงลำดับคนเข้าอ่านในบทความที่คุณเขียนอีกด้วย เนื้อหาต้องใหม่ ไม่ซ้ำ มีประโยชน์ และต้องอัพเดทบ่อย ๆ การเขียนบทความที่ดีจึงสำคัญอย่างมาก แต่สำหรับผมแล้วการเขียน Blog หรือ บทความบนเว็บไซต์เป็นอะไรที่ต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก เพราะมีรายได้ที่ไม่แน่นอนมากบ้างน้อยบ้างตามลักษณะคุณภาพการเขียน ต้องใช้เวลาในการทำงานมากเพื่อให้ Content ที่มีคุณภาพ ฉะนั้น ผลตอบแทนในรูปแบบนี้ก็อาจจะอยู่ที่ 0-20% ขึ้นอยู่กับคนอ่านและคนจ้างงานอีกทีหนึ่ง นั่นเอง
ทักษะเฉพาะทาง : สูง เพราะเป็นงานที่ต้องใช้สมองและความคิดสร้างสรรค์อยู่เสมอ
ทักษะการตลาดการขาย : สูง เพราะบางทีการเขียนบทความ โดยเฉพาะการเขียนบทความให้กับสินค้าบริการไปจนถึงการโน้มนาวให้คนสนใจแล้วปิดการขายได้นั้น ค่อนข้างที่จะยาก เพราะคุณต้องศึกษาถึงรายละเอียดสินค้านั้นให้มากพอ เปรียบเสมือนว่าคุณจะต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
รายได้เฉลี่ยต่อปี : 0-50,000 บาท
สิ่งที่จะต้องลงทุน : การทำ YouTube
ผลตอบแทนในระยะ 1-2 ปี : โดยผู้สร้างผลงานบนแพลตฟอร์ม YouTube มักถูกเรียกว่า YouTuber ที่ส่วนใหญ่เกิดจากความชอบส่วนบุคคลจึงศึกษาและเห็นโอกาส จึงมีการสร้างช่องขึ้นมาเอง เล่นเอง ทำคลิปเองทั้งหมดไม่ว่าจะ กิน เที่ยว หรือสร้าง Content ต่าง ๆ แถมต้องหาคนดูให้มากที่สุด เพราะส่วนใหญ่รายได้จะมาจากช่องทางนี้ ซึ่งผลตอบแทนในการลงทุนทำช่องเองนะยะเวลานี้อาจจะอยู่ที่ 0-20% นั่นเอง
ความเสี่ยง : น้อย แต่ต้องทำ Content ให้น่าสนใจอยู่ตลอดเวลา
ทักษะเฉพาะทาง : สูง เพราะการทำ YouTube นอกเหนือจากจะหา Content แล้ว คุณก็ต้องมาศึกษาเรื่องการทำคลิป ตัดต่อ และความรู้รอบตัวเพิ่มเติมตลอดเวลา
ทักษะการตลาดการขาย : สูง นอกจากคุณจะสามารถขายสินค้าและบริการคุณผ่านทางนี้ได้แล้ว ถ้าคุณมีคนติดตามมากขึ้นและอยากหารายได้เพิ่มคุณก็ต้องขายงาน ขาย Content เพื่อให้มีสปอนเซอร์เข้าอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
รายได้เฉลี่ยต่อปี : 0-5,000,000 บาท
ดังนั้น ที่จริงแล้วคุณสามารถลงทุนได้ทั้งในรูปแบบ Offline และ Online ถ้าหากคุณนำข้อดีของการหาเงินออนไลน์และเปิดหน้าร้านมาใช้ควบคู่กันก็สามารถสร้างยอดขายให้กับสินค้าของคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ และคุณจะรู้ได้เลยว่าการค้าขายสามารถสร้างกำไรให้คุณมากที่สุด แต่ถ้าให้เลือกการลงทุนในช่วงเริ่มแรกผมแนะนำให้คุณ “ลงทุนแบบออนไลน์” มากกว่านะครับ อย่างน้อยก็เป็นการใช้พื้นที่ในการขายแต่น้อยและสร้างยอดขายได้มากกว่า แถมประหยัดแรงมากกว่า เหนื่อยน้อยกว่า ลดต้นทุนค่าสถานที่ตั้งและการสต๊อกสินค้าได้มากกว่า และก่อนจะลงทุนอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง แต่จะเสี่ยงน้อยเสี่ยงมากก็ต้องขึ้นกับธุรกิจนั้น ๆ ด้วย แล้วคุณล่ะครับ ตัดสินใจได้แล้วหรือยังว่าจะใช้เงินก้อนนี้ไปในทิศทางไหนดี สามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ
======================================
สำหรับใครที่อยากได้รับอรรถรสเพิ่มมากขึ้น สามารถคลิกวีดีโอได้ตามด้านล่างนี้นะครับ
มีเงิน 50,000 ลงทุนอะไรดี - ตอนที่ 2 ลงทุนแบบ online ปี 2021
สิ่งที่จะต้องลงทุน : Facebook, Instagram
ผลตอบแทนในระยะ 1-2 ปี : Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่ครองอันดับ 1 ในช่องทางที่มีคนเปิดร้านขายของมากที่สุดในประเทศไทย และรองลงมาก็จะเป็น Instagram เชื่อว่าหลายคนต้องมีบัญชีแอดเคาท์ของทั้ง 2 แพลตฟอร์มนี้และใช้งานในการติดตามข่าวสารกันเป็นปกติ โดยเริ่มจากการหาเงินหรือขายของจาก Facebook ด้วยการกดเปิดการใช้งานฟีเจอร์ Facebook Fanpage เพื่อสร้างร้านค้าของคุณบนแฟนเพจได้ทันที เพราะลูกค้าสามารถค้นหาร้านและเข้ามาเลือกสินค้าภายในร้านได้ และคุณยังเลือกวิธีการขายได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการลงรูปภาพและ Facebook Live รวมถึงสามารถใช้งานฟีเจอร์สำหรับการยิงโฆษณาเพื่อสร้างยอดขายให้กับร้านของคุณได้อีกด้วย
ส่วน Instagram แพลตฟอร์มโดนใจวัยรุ่น ด้วยจุดเด่นที่เน้นการเล่าเรื่องผ่านการโพสต์รูปภาพและ VDO คลิปสั้น ๆ จึงทำให้แอปพลิเคชั่นนี้เป็นแหล่งรวมตัวของร้านค้าประเภทแฟชั่น และ Instagram นับว่าเป็นช่องทางที่เหมาะกับการเปิดร้านมากที่สุดอีกแพลตฟอร์มหนึ่ง การเปิดร้านใน IG สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่หากคุณมีบัญชีส่วนตัวอยู่แล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาสมัครใหม่ให้ยุ่งยาก เพียงแค่สลับบัญชีมาใช้ ฟีเจอร์บัญชีสำหรับการทำธุรกิจ เพียงเท่านี้คุณก็จะสร้างหน้าร้านที่แยกจากบัญชีส่วนตัวได้ทันที รวมถึงใช้งานเครื่องมือสำหรับโปรโมท IG ได้อย่างสะดวกสบาย ฉะนั้น ผลตอบแทนจากการลงทุนจาก 2 แพลตฟอร์มนี้ ถ้าคุณสามารถหาสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้า ไปจนถึงทำการตลาดหรือโฆษณาได้อย่างมืออาชีพแล้วละก็ผลกำไรที่คุณจะได้จากช่องทางนี้ก็อาจจะอยู่ที่ 30-1000% เลยก็ว่าได้
ความเสี่ยง : ปานกลาง - สูง เป็นเพราะแพลตฟอร์มทั้งสองสิ่งนี้ไม่ได้เปิดมาเพื่อทำธุรกิจโดยตรง เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ให้คนมารู้จักกัน ได้พูดคุยกัน
เสียมากกว่า ซึ่งถ้าคุณอยากจะมีรายได้จากช่องทางนี้ สิ่งสำคัญและจำเป็นก่อนที่คุณจะนำสินค้ามาขายก็คือ การเรียนรู้เรื่องการตลาดให้ดีก่อน นั่นเอง
ทักษะเฉพาะทาง : ปานกลาง อาทิเช่น เรื่องของการสื่อสารกับลูกค้า
ทักษะการตลาดการขาย : สูง เพราะคุณจะต้องมีทักษะการยิงโฆษณาให้ถูกทางวิเคราห์ให้เป็น จนไปถึงปิดการขายให้ได้
รายได้เฉลี่ยต่อปี : 15,000 – 500,000 บาท
ผลตอบแทนในระยะ 1-2 ปี : เป็นแอปพลิเคชั่นและ E- Marketplace ที่ ซื้อ – ขาย สินค้าออนไลน์ยอดนิยม ที่คนไทยใช้เลือกซื้อสินค้าออนไลน์มากที่สุด การเปิดร้านบนแอปพลิเคชั่นนี้ ทำได้ไม่ยาก เพียงสมัครบัญชีแอดเคาท์ก็สามารถเลือกซื้อสินค้าหรือวางขายสินค้าได้ทันที สามารถวางขายสินค้าได้หลากหลายหมวดหมู่ เสริมความมั่นใจให้ลูกค้าได้ด้วยการติดดาวและรีวิวจากลูกค้าที่เคยสั่งซื้อสินค้า ทำให้ร้านค้าสามารถเพิ่มยอดขายได้ อีกทั้งยังมีระบบการชำระสินค้าที่ครอบคลุมทุกช่องทางและเชื่อมต่อกับบริการขนส่งที่หลากหลาย ทำให้ร้านค้าและลูกค้าสามารถซื้อ – สินค้าได้อย่างสบายใจ ซึ่งที่จริงแล้วถ้าหากคุณติดตามบทความผมบ่อย ๆ คุณจะรู้ว่าการขายสินค้าบนแพลตฟอร์มนี้ไม่จำเป็นต้องลงทุนก็ได้ถ้าหากคุณยังไม่มีงบ หรือถ้ามีก็ให้เก็บเอาไปใช้กับการตลาดแทน แล้วให้คุณลองหาสินค้าที่อยู่ใกล้ตัวคุณ อย่างเช่น งานหัตกรรม ชุมชน หรือสินค้าที่คุณสามารถขอถ่ายรูปจากร้านค้าแล้วนำมาลงขายสินค้าใน 2 แอปพลิเคชั่นนี้ เพื่อลดการลงทุนและสต็อกสินค้า แถมยังได้กำไรจากสินค้าเหล้านี้อีกด้วย ซึ่งถ้าคุณสามารถจัดการบริหารเรื่องการโพสต์สินค้าหรือทำโปรโมชั่นการตลาดได้ดี ผลตอบแทนที่คุณจะได้อาจจะอยู่ที่ 30-1000% เลยก็ว่าได้
ความเสี่ยง : น้อย เพราะแอปพลิเคชั่นนี้เป็นแอปที่เอาไว้สำหรับขายสินค้าอยู่แล้ว
ทักษะการตลาดการขาย : ปานกลาง ถึงแม้ว่าคุณจะขายของบนห้างสรรพสินค้าออนไลน์ก็จริง แต่คุณก็ต้องมีทักษะด้านการตลาดหรือโปรโมชั่น เพื่อดึงดูดลูกค้าได้ด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าของคุณด้วย
รายได้เฉลี่ยต่อปี : 15,000 – 500,000 บาท
ผลตอบแทนในระยะ 1-2 ปี : การขายของออนไลน์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในยุคนี้เป็นเรื่องที่สะดวกสบายก็จริง แต่คุณอาจจะต้องเสียผลประโยชน์หรือได้รับผลประโยชน์ไม่มากเท่าที่ควร การมีเว็บไซต์ขายของออนไลน์เป็นของตัวเองจะช่วยลดความเสี่ยงนี้ลงไปได้ แถมยังส่งผลกับยอดขายและกำไรในระยะยาว ซึ่งการขายของออนไลน์ผ่านเว็บไซต์จะช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือทำการตลาดออนไลน์ได้อีกเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Google ที่เมื่อไหร่คนค้นหาสินค้าและบริการนั้น ๆ โอกาสที่จะเจอเว็บไซต์ของคุณก็ย่อมจะมีโอกาสได้มากกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ ฉะนั้น ผลตอบแทนจากการลงทุนทำธุรกิจสินค้าและบริการบนเว็บไซต์ส่วนตัว ก็คงคล้ายกับแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ เช่นกัน นั่นก็คือ กำไร 10 – 1000% นั่นเอง
ความเสี่ยง : ปานกลาง – สูง เพราะการมีเว็บไซต์ที่สามารถทำให้คนสนใจได้นั้นต้องใช้เวลาและการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าคุณขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป โอกาสที่คุณจะเสียเงินจากการทำว็บไซต์ก็อาจจะสูญเปล่าได้
ทักษะเฉพาะทาง : ปานกลาง
ทักษะการตลาดการขาย : สูง เป็นเพราะว่าเว็บไซต์ได้สร้างขึ้นมาเฉพาะบุคคลโดยมีจุดประสงค์เพื่อธุรกิจ ฉะนั้น ถ้าคุณอยากจะมีรายได้จากช่องทางนี้สิ่งสำคัญและจำเป็น คือคุณจะต้องรู้จักการทำการตลาดและการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างฐานลูกค้าให้รู้จักสินค้าและบริการของคุณให้มากที่สุด
รายได้เฉลี่ยต่อปี : 15,000 – 500,000 บาท
สิ่งที่จะต้องลงทุน : เขียน Blog หรือ บทความบนเว็บไซต์
ผลตอบแทนในระยะ 1-2 ปี : การเขียนบทความหรือเนื้อหาที่ใช้เขียนลงเว็บไซต์นั้น นับวันยิ่งจะมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และยังต้องการมากขึ้น ซึ่งบทความหรือ Content มีความสำคัญอย่างมากในการจัดอันดับของกูเกิ้ลจากการเรียงลำดับคนเข้าอ่านในบทความที่คุณเขียนอีกด้วย เนื้อหาต้องใหม่ ไม่ซ้ำ มีประโยชน์ และต้องอัพเดทบ่อย ๆ การเขียนบทความที่ดีจึงสำคัญอย่างมาก แต่สำหรับผมแล้วการเขียน Blog หรือ บทความบนเว็บไซต์เป็นอะไรที่ต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก เพราะมีรายได้ที่ไม่แน่นอนมากบ้างน้อยบ้างตามลักษณะคุณภาพการเขียน ต้องใช้เวลาในการทำงานมากเพื่อให้ Content ที่มีคุณภาพ ฉะนั้น ผลตอบแทนในรูปแบบนี้ก็อาจจะอยู่ที่ 0-20% ขึ้นอยู่กับคนอ่านและคนจ้างงานอีกทีหนึ่ง นั่นเอง
ทักษะเฉพาะทาง : สูง เพราะเป็นงานที่ต้องใช้สมองและความคิดสร้างสรรค์อยู่เสมอ
ทักษะการตลาดการขาย : สูง เพราะบางทีการเขียนบทความ โดยเฉพาะการเขียนบทความให้กับสินค้าบริการไปจนถึงการโน้มนาวให้คนสนใจแล้วปิดการขายได้นั้น ค่อนข้างที่จะยาก เพราะคุณต้องศึกษาถึงรายละเอียดสินค้านั้นให้มากพอ เปรียบเสมือนว่าคุณจะต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
รายได้เฉลี่ยต่อปี : 0-50,000 บาท
ผลตอบแทนในระยะ 1-2 ปี : โดยผู้สร้างผลงานบนแพลตฟอร์ม YouTube มักถูกเรียกว่า YouTuber ที่ส่วนใหญ่เกิดจากความชอบส่วนบุคคลจึงศึกษาและเห็นโอกาส จึงมีการสร้างช่องขึ้นมาเอง เล่นเอง ทำคลิปเองทั้งหมดไม่ว่าจะ กิน เที่ยว หรือสร้าง Content ต่าง ๆ แถมต้องหาคนดูให้มากที่สุด เพราะส่วนใหญ่รายได้จะมาจากช่องทางนี้ ซึ่งผลตอบแทนในการลงทุนทำช่องเองนะยะเวลานี้อาจจะอยู่ที่ 0-20% นั่นเอง
ความเสี่ยง : น้อย แต่ต้องทำ Content ให้น่าสนใจอยู่ตลอดเวลา
ทักษะเฉพาะทาง : สูง เพราะการทำ YouTube นอกเหนือจากจะหา Content แล้ว คุณก็ต้องมาศึกษาเรื่องการทำคลิป ตัดต่อ และความรู้รอบตัวเพิ่มเติมตลอดเวลา
ทักษะการตลาดการขาย : สูง นอกจากคุณจะสามารถขายสินค้าและบริการคุณผ่านทางนี้ได้แล้ว ถ้าคุณมีคนติดตามมากขึ้นและอยากหารายได้เพิ่มคุณก็ต้องขายงาน ขาย Content เพื่อให้มีสปอนเซอร์เข้าอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
รายได้เฉลี่ยต่อปี : 0-5,000,000 บาท
ดังนั้น ที่จริงแล้วคุณสามารถลงทุนได้ทั้งในรูปแบบ Offline และ Online ถ้าหากคุณนำข้อดีของการหาเงินออนไลน์และเปิดหน้าร้านมาใช้ควบคู่กันก็สามารถสร้างยอดขายให้กับสินค้าของคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ และคุณจะรู้ได้เลยว่าการค้าขายสามารถสร้างกำไรให้คุณมากที่สุด แต่ถ้าให้เลือกการลงทุนในช่วงเริ่มแรกผมแนะนำให้คุณ “ลงทุนแบบออนไลน์” มากกว่านะครับ อย่างน้อยก็เป็นการใช้พื้นที่ในการขายแต่น้อยและสร้างยอดขายได้มากกว่า แถมประหยัดแรงมากกว่า เหนื่อยน้อยกว่า ลดต้นทุนค่าสถานที่ตั้งและการสต๊อกสินค้าได้มากกว่า และก่อนจะลงทุนอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง แต่จะเสี่ยงน้อยเสี่ยงมากก็ต้องขึ้นกับธุรกิจนั้น ๆ ด้วย แล้วคุณล่ะครับ ตัดสินใจได้แล้วหรือยังว่าจะใช้เงินก้อนนี้ไปในทิศทางไหนดี สามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ