อ่านจบแล้ว จะได้เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของผิว
จากฮอร์โมนในช่วงตั้งครรภ์กันนะคะ
หมอพบว่าคุณแม่หลายๆคนมีปัญหาผิวเยอะมากกก
ตั้งแต่ช่วงที่ตั้งครรภ์ยาวไปจนถึงหลังคลอดเลย เช่น สิว ฝ้า ผิวแตกลาย หน้าโทรม
ดังนั้นถ้าเราเตรียมตัวล่วงหน้าดีๆจะช่วยให้ผิวสวยอยู่กับเราในทุกๆช่วงเวลาค่ะ
1.
✅ เคลียปัญหาผิวให้เสร็จก่อนเริ่มตั้งครรภ์
โดยเฉพาะ ถ้ามีสิว ฝ้า อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์
หมอแนะนำว่ารักษาให้หายหรือให้ดีขึ้นมากๆก่อน
เพราะช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนจะเปลี่ยนแปลงมากจริงๆ
คุณแม่หลายๆคนเป็นสิวมากขึ้น ฝ้าเข้มขึ้น
จะรักษาช่วงท้องก็ลำบาก เพราะวิธีรักษาที่ใช้ได้จะน้อยกว่ารักษาในช่วงปกติ
หรือถ้าหากต้องการทำเลเซอร์ ไม่ว่าจะเป็น จี้ไฝ กระ เลเซอร์หน้าใส หลุมสิว ยกกระชับผิว ใดใด
ควรทำให้เสร็จก่อนค่อยตั้งครรภ์นะคะ
———
2.
❌ งดเลเซอร์ ทรีทเมนต์จำพวกผลักวิตามิน ดริปวิตามิน ฉีดผิว โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ งดไปก่อนเลย
เพราะปัจจุบันข้อมูลเกี่ยวกับการทำหัตถการต่างๆในคนท้องยังมีน้อยมาก
คือยังไม่ค่อยมีข้อมูลว่าการทำสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อเบบี๋อย่างไรบ้าง
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และเบบี๋ที่อยู่ในท้อง หมอแนะนำว่ายังไม่ควรทำค่ะ
———
3.
❌ หลีกเลี่ยงอาหารเสริม
จริงๆแล้วกินอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมก็เพียงพอแล้ว
เวลาไปฝากครรภ์ คุณหมอสูติมักจะจ่ายวิตามินมาให้กินอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ก็จะมีกรดโฟลิก (Folic acid), วิตามินบีรวม (B complex) และธาตุเหล็ก (Ferrous fumarate) ซึ่งเพียงพอต่อร่างกาย ไม่จำเป็นต้องซื้ออาหารเสริมหรือวิตามินอื่นๆมากินเพิ่มเติมแล้วค่ะ
———
4.
❌ อย่าปล่อยน้ำหนักขึ้นเร็วเกินไป
เพราะผิวขยายตามไม่ทัน สุดท้ายจะเป็นรอยแตกลาย (ท้องลาย) แต่จริงๆแล้วผิวแตกลายเกิดได้หลายๆที่เลย เช่น ต้นแขน ต้นขา ก้น สะโพก เต้านม
พยายาม control น้ำหนักให้ค่อยๆเพิ่ม โดยเฉลี่ยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์จะอยู่ประมาณ 10-15 kg
———
5.
💛 ผิวชุ่มชื้นคือหัวใจสำคัญของผิวสุขภาพดี 💦✨
ทาออย โลชั่น ครีม ทุกครั้งหลังอาบน้ำ และทาซ้ำบ่อยๆ ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง แตกลายได้
ที่สำคัญคือทาให้ทั่วๆทั้งตัวนะคะ และอย่าลืมเน้น!! ตรง ท้อง สะโพก ก้น ต้นแขน ต้นแขน เต้านม
เพราะถ้าปล่อยให้ผิวแตกลายไปแล้ว รักษาให้หายยากมากๆๆ และที่สำคัญค่าเลเซอร์รอยแตกลายคือแพงมากด้วย ดังนั้นป้องกันไว้ก่อนดีที่สุดแล้วค่ะ
และนอกจากนี้ หลังคลอดแม่ๆยังเจอปัญหาหัวนมแตก ทำให้ให้นมลำบาก ปั๊มนมทีน้ำตาไหลพรากกก ถ้าหากว่าทาครีมหรือบาล์มที่หัวนมเอาไว้ก่อนตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จะช่วยลดปัญหาหัวนมตอนหลังคลอดได้ดีมากค่ะ
———
6.
🔍🔍 เช็คสกินแคร์และยาทุกอย่างที่เคยใช้/กำลังใช้อยู่
❌ ตัวที่ต้องงดเลย เช่น
ยาทาสิวกลุ่มวิตามินเอ (Topical tretinoin) เช่น Differin, Epiduo, Retin A, Acnetin, Retanyl
ยากินกลุ่มวิตามินเอ (Isotretenoin) เช่น Roaccutane, Acnotin, Sotret, Isotane
ยาทาฝ้า Hydroquinone
❌ สกินแคร์ที่ควรเลี่ยง
เช่น High dose salicylic/ BHA, กันแดดในกลุ่ม Chemical/ Organic sunscreen
✅ ยาทาสิว ฝ้า รอยดำ ที่ใช้ได้ คือ skinoren (Azelaic acid)
อันนี้ถ้าเคยใช้อยู่แล้ว สามารถใช้ต่อได้เลย
แต่ถ้ายังไม่เคยใช้ แนะนำปรึกษาหมอผิวหนังก่อนนะคะ
✅ กันแดดที่ใช้ได้ปลอดภัยจะเป็นกลุ่ม Physical sunscreen ส่วนใหญ่ฉลากจะมีเขียนไว้ค่ะ
———
7.
🎼🎬 หากิจกรรมที่ผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงความเครียดกันเหอะ
ผิวพรรณและรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงตั้งครรภ์ (Physiologic change)
ทำให้คุณแม่หลายๆรู้สึกเครียดและกังวล
เช่น สีผิวบางบริเวณที่ดูคล้ำมากขึ้น เช่น รักแร้ ขาหนีบ หัวนมดำ เส้นกึ่งกลางท้องที่เห็นชัดเจน
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นแค่เพียงชั่วคราวและดีขึ้นเองหลังคลอดนะคะ
———
8.
✅ เมื่อมีปัญหาผิวควรให้หมอเฉพาะทางด้านผิวหนังดูแล 🩺
เช่น เรื่องยาและการรักษาต่างๆ อันนี้สำคัญมากเลย
เพราะยังมียาอื่นๆอีกเยอะเลยค่ะที่ไม่ควรใช้ในช่วงตั้งครรภ์และช่วงหลังคลอด (ให้นมลูก)
อันไหนใช้ได้ใช้ไม่ได้ ปรึกษาหมอผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยค่ะ
———
9.
✨ ดูแลผิวแล้วอย่าลืมดูแล’เส้นผม’ 💆🏻♀️
ช่วงตั้งครรภ์ควรบำรุงผมเตรียมไว้ก่อน
เช่น สระผมนวดเบาๆด้วยแชมพูอ่อนโยน เลือกหวี/แปรงที่ซี่ห่างๆ อ่อนนุ่ม คุณภาพดี
,หวีผมเบาๆไม่กระชาก, เลี่ยงความร้อนจัดๆหรือการทำเคมีกับเส้นผม เช่น ดัด ย้อม ยืด ทำสี
เพราะว่าหลังคลอด ผมมักร่วงเยอะมากกว่าปกติ บางคนร่วงเยอะจนรู้สึกผมบางไปเลย
เกิดจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง(อีกแล้ว) ทำให้เกิดภาวะผมร่วงหลังคลอด (Telogen effuvium) ซึ่งโดยทั่วไปจากค่อยๆกลับเป็นปกติได้เอง
แต่ถ้ารู้สึกว่าร่วงมากเกินรับได้ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อให้ช่วยดูว่าไม่ได้มีผมร่วงจากภาวะอื่นๆแทรกซ้อน และยังช่วยรักษาตั้งแต่เริ่มต้น ดีกว่าปล่อยให้เป็นมากแล้วค่อยเริ่มรักษาค่ะ
——-
หมอยุ้ย
พญ.มานิตา อัตถสุริยานันท์
แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง
เตรียมตัวก่อนมีน้องยังไงไม่ให้โทรม (เคล็ดลับการดูแลผิวในช่วงตั้งครรภ์)
อ่านจบแล้ว จะได้เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของผิว
จากฮอร์โมนในช่วงตั้งครรภ์กันนะคะ
หมอพบว่าคุณแม่หลายๆคนมีปัญหาผิวเยอะมากกก
ตั้งแต่ช่วงที่ตั้งครรภ์ยาวไปจนถึงหลังคลอดเลย เช่น สิว ฝ้า ผิวแตกลาย หน้าโทรม
ดังนั้นถ้าเราเตรียมตัวล่วงหน้าดีๆจะช่วยให้ผิวสวยอยู่กับเราในทุกๆช่วงเวลาค่ะ
1.
✅ เคลียปัญหาผิวให้เสร็จก่อนเริ่มตั้งครรภ์
โดยเฉพาะ ถ้ามีสิว ฝ้า อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์
หมอแนะนำว่ารักษาให้หายหรือให้ดีขึ้นมากๆก่อน
เพราะช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนจะเปลี่ยนแปลงมากจริงๆ
คุณแม่หลายๆคนเป็นสิวมากขึ้น ฝ้าเข้มขึ้น
จะรักษาช่วงท้องก็ลำบาก เพราะวิธีรักษาที่ใช้ได้จะน้อยกว่ารักษาในช่วงปกติ
หรือถ้าหากต้องการทำเลเซอร์ ไม่ว่าจะเป็น จี้ไฝ กระ เลเซอร์หน้าใส หลุมสิว ยกกระชับผิว ใดใด
ควรทำให้เสร็จก่อนค่อยตั้งครรภ์นะคะ
———
2.
❌ งดเลเซอร์ ทรีทเมนต์จำพวกผลักวิตามิน ดริปวิตามิน ฉีดผิว โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ งดไปก่อนเลย
เพราะปัจจุบันข้อมูลเกี่ยวกับการทำหัตถการต่างๆในคนท้องยังมีน้อยมาก
คือยังไม่ค่อยมีข้อมูลว่าการทำสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อเบบี๋อย่างไรบ้าง
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และเบบี๋ที่อยู่ในท้อง หมอแนะนำว่ายังไม่ควรทำค่ะ
———
3.
❌ หลีกเลี่ยงอาหารเสริม
จริงๆแล้วกินอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมก็เพียงพอแล้ว
เวลาไปฝากครรภ์ คุณหมอสูติมักจะจ่ายวิตามินมาให้กินอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ก็จะมีกรดโฟลิก (Folic acid), วิตามินบีรวม (B complex) และธาตุเหล็ก (Ferrous fumarate) ซึ่งเพียงพอต่อร่างกาย ไม่จำเป็นต้องซื้ออาหารเสริมหรือวิตามินอื่นๆมากินเพิ่มเติมแล้วค่ะ
———
4.
❌ อย่าปล่อยน้ำหนักขึ้นเร็วเกินไป
เพราะผิวขยายตามไม่ทัน สุดท้ายจะเป็นรอยแตกลาย (ท้องลาย) แต่จริงๆแล้วผิวแตกลายเกิดได้หลายๆที่เลย เช่น ต้นแขน ต้นขา ก้น สะโพก เต้านม
พยายาม control น้ำหนักให้ค่อยๆเพิ่ม โดยเฉลี่ยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์จะอยู่ประมาณ 10-15 kg
———
5.
💛 ผิวชุ่มชื้นคือหัวใจสำคัญของผิวสุขภาพดี 💦✨
ทาออย โลชั่น ครีม ทุกครั้งหลังอาบน้ำ และทาซ้ำบ่อยๆ ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง แตกลายได้
ที่สำคัญคือทาให้ทั่วๆทั้งตัวนะคะ และอย่าลืมเน้น!! ตรง ท้อง สะโพก ก้น ต้นแขน ต้นแขน เต้านม
เพราะถ้าปล่อยให้ผิวแตกลายไปแล้ว รักษาให้หายยากมากๆๆ และที่สำคัญค่าเลเซอร์รอยแตกลายคือแพงมากด้วย ดังนั้นป้องกันไว้ก่อนดีที่สุดแล้วค่ะ
และนอกจากนี้ หลังคลอดแม่ๆยังเจอปัญหาหัวนมแตก ทำให้ให้นมลำบาก ปั๊มนมทีน้ำตาไหลพรากกก ถ้าหากว่าทาครีมหรือบาล์มที่หัวนมเอาไว้ก่อนตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จะช่วยลดปัญหาหัวนมตอนหลังคลอดได้ดีมากค่ะ
———
6.
🔍🔍 เช็คสกินแคร์และยาทุกอย่างที่เคยใช้/กำลังใช้อยู่
❌ ตัวที่ต้องงดเลย เช่น
ยาทาสิวกลุ่มวิตามินเอ (Topical tretinoin) เช่น Differin, Epiduo, Retin A, Acnetin, Retanyl
ยากินกลุ่มวิตามินเอ (Isotretenoin) เช่น Roaccutane, Acnotin, Sotret, Isotane
ยาทาฝ้า Hydroquinone
❌ สกินแคร์ที่ควรเลี่ยง
เช่น High dose salicylic/ BHA, กันแดดในกลุ่ม Chemical/ Organic sunscreen
✅ ยาทาสิว ฝ้า รอยดำ ที่ใช้ได้ คือ skinoren (Azelaic acid)
อันนี้ถ้าเคยใช้อยู่แล้ว สามารถใช้ต่อได้เลย
แต่ถ้ายังไม่เคยใช้ แนะนำปรึกษาหมอผิวหนังก่อนนะคะ
✅ กันแดดที่ใช้ได้ปลอดภัยจะเป็นกลุ่ม Physical sunscreen ส่วนใหญ่ฉลากจะมีเขียนไว้ค่ะ
———
7.
🎼🎬 หากิจกรรมที่ผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงความเครียดกันเหอะ
ผิวพรรณและรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงตั้งครรภ์ (Physiologic change)
ทำให้คุณแม่หลายๆรู้สึกเครียดและกังวล
เช่น สีผิวบางบริเวณที่ดูคล้ำมากขึ้น เช่น รักแร้ ขาหนีบ หัวนมดำ เส้นกึ่งกลางท้องที่เห็นชัดเจน
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นแค่เพียงชั่วคราวและดีขึ้นเองหลังคลอดนะคะ
———
8.
✅ เมื่อมีปัญหาผิวควรให้หมอเฉพาะทางด้านผิวหนังดูแล 🩺
เช่น เรื่องยาและการรักษาต่างๆ อันนี้สำคัญมากเลย
เพราะยังมียาอื่นๆอีกเยอะเลยค่ะที่ไม่ควรใช้ในช่วงตั้งครรภ์และช่วงหลังคลอด (ให้นมลูก)
อันไหนใช้ได้ใช้ไม่ได้ ปรึกษาหมอผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยค่ะ
———
9.
✨ ดูแลผิวแล้วอย่าลืมดูแล’เส้นผม’ 💆🏻♀️
ช่วงตั้งครรภ์ควรบำรุงผมเตรียมไว้ก่อน
เช่น สระผมนวดเบาๆด้วยแชมพูอ่อนโยน เลือกหวี/แปรงที่ซี่ห่างๆ อ่อนนุ่ม คุณภาพดี
,หวีผมเบาๆไม่กระชาก, เลี่ยงความร้อนจัดๆหรือการทำเคมีกับเส้นผม เช่น ดัด ย้อม ยืด ทำสี
เพราะว่าหลังคลอด ผมมักร่วงเยอะมากกว่าปกติ บางคนร่วงเยอะจนรู้สึกผมบางไปเลย
เกิดจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง(อีกแล้ว) ทำให้เกิดภาวะผมร่วงหลังคลอด (Telogen effuvium) ซึ่งโดยทั่วไปจากค่อยๆกลับเป็นปกติได้เอง
แต่ถ้ารู้สึกว่าร่วงมากเกินรับได้ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อให้ช่วยดูว่าไม่ได้มีผมร่วงจากภาวะอื่นๆแทรกซ้อน และยังช่วยรักษาตั้งแต่เริ่มต้น ดีกว่าปล่อยให้เป็นมากแล้วค่อยเริ่มรักษาค่ะ
——-
หมอยุ้ย
พญ.มานิตา อัตถสุริยานันท์
แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง