ความรู้ที่ใช้ได้ตลอดชีวิต/บทเรียนราคาแพงจากการออม

สวัสดีพี่ๆเพื่อนๆทุกคนครับ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อขึ้นต้นด้วยตัว ท. นะครับ ปัจจุบันอายุ 22 ปี เพิ่งจะจบมหาลัยเกษตรศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ เอกจีนธุรกิจเมื่อปี 2563 และจะรับปริญญาตรีในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งในช่วงที่ผมเรียนปี4 ผมมีโอกาสได้เรียนวิชาที่เกี่ยวกับการเงิน ที่มหาลัยจัดคลาสให้เรียน เป็นวิชาหนึ่งที่ผมคิดว่ามีประโยชน์อย่างมากในการดำเนินชีวิตและการก้าวเข้าสู่วัยทำงาน และด้วยการเรียนคลาสวิชานี้นี่เอง ที่ทำให้ผมสนใจเกี่ยวกับการเงินการลงทุน(ซึ่งเมื่อก่อนเพื่อนๆผมชักชวนการลงทุนแทบตายผมก็ไม่สนใจ เพราะผมมัวแต่ใช้เงินซื้อความสุขไปวันๆไม่ได้คิดเยอะมากมายอะไร) 
หลังจากปริญญาตรีมาประมาณ 1-2เดือน ผมก็หางานทำได้สำเร็จ เป็นงานเกี่ยวกับการแปลเอกสาร ล่ามภาษาจีนครับ มีเงินเดือนประมาณ26000   + มีเงินรายรับอีก 1 ช่องทางด้วยครับ  ทำให้ผมมีรายรับที่เยอะอยู่พอสมควรเลยทีเดียว และถ้าหากผมจัดการการเงินของตัวเองไม่ดีพอ ผมก็จะใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ไม่มีเงินออม โชคดีที่ผมมีเพื่อนที่มีความรู้ทางการเงินและได้เรียนในคลาสทางการเงินมาแล้ว ผมจึงวางแผนว่าต่อเดือนผมจะใช้เงินแค่10,000บาท ส่วนที่เหลือจะแบ่งเป็นเงินออมประมาณ20%+เงินลงทุน80%  ซึ่งก่อนหน้านี้ผมตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี2564 ผมจะต้องมีเงินเก็บในพอร์ตการลงทุนกองทุนรวม 100,000บาท ซึ่งตอนนี้ผมทำได้แล้วครับ แต่ว่าอารมณ์หลังที่บรรลุเป้าหมายได้แล้ว มันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือรู้สึกว้าวเหมือนตอนเรากำลังเดินอยู่ระหว่างทางที่จะมาถึงนะสิครับ  ผมพยายามหาคำตอบของความรู้สึกนี้อยู่ช่วงเวลาหนึ่ง จนได้มาอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งมีเนื้อหาบางตอนประมาณว่า “ร่างกายคนเราจะหลั่งสารโดปามีนออกมามาก ในช่วงแห่งความหวัง”  และนอกจากนี้ผมยังได้เรียนรู้อะไรอีกมากมายในระหว่างทางการไปให้ถึงเป้าหมาย 100,000 บาท ของผม ดังนี้
มุมมองใหม่ที่ได้...
พี่ๆเพื่อนๆหลายๆคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “พอเก็บล้านแรกได้ ล้านต่อไปก็จะมาอัตโนมัติ” ใช่ไหมครับ? ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วนเลยว่า ทำไมล้านแรกมาแล้ว ล้านต่อไปจะมาแบบอัตโนมัตินะ และพอได้มาอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอีกเช่นกันก็ได้พบว่าผมไปโฟกัสที่เป้าหมายของคำว่าล้านแรกมากเกินไป จริงๆสิ่งที่ควรโฟกัสคือขั้นตอนหรือกระบวนการที่ไปให้ถึงล้านแรกได้ ซึ่งเมื่อขั้นตอนหรือกระบวนการไปสู่ล้านแรกสามารถทำได้อย่างอัตโนมัติแล้ว ล้านต่อไปมันก็จะมาเรื่อยๆเอง ต้องขอบคุณหนังสือเล่มนี้ที่เปิดมุมมองใหม่ให้กับผมจริงๆครับ...
เป้าหมายเล็กๆที่ผลักดันเป้าหมายใหญ่ๆ...
ระหว่างทางที่ผมพยายามเก็บเงินเก็บออมให้ถึงเป้าหมายโดยใช้วิธีการต่างๆนานา ผมก็ได้ผลิเป้าหมายเล็กๆต่างๆออกมาอีก2-3เป้าหมายด้วยเช่นกัน นั่นคือการอ่านหนังสือที่มากขึ้นโดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในสิ้นปี2564 จะต้องอ่านหนังสือให้ได้ 20 เล่ม และอีกเป้าหมายหนึ่งที่อยากทำให้สำเร็จในเดือนมิถุนายนคือการซื้อแพคเกจตรวจสุขภาพให้พ่อกับแม่ ซึ่งผมสามารถทำได้แล้วนะครับ แต่ว่าคงต้องเว้นระยะไปก่อนสำหรับการตรวจสุขภาพของพ่อและแม่ เนื่องจากสถานการณ์โควิด
นิสัยดีที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น...
จากบททดสอบที่กำหนดเองไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ผ่านไป 6 เดือน ทำให้ผมในตอนนี้แตกต่างจากผมเมื่อเวลานั้นอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการเก็บออมเงิน การเริ่มอ่านหนังสือความรู้ทั่วไปให้มากยิ่งขึ้น การตื่นเช้าอัตโนมัติในทุกๆวัน อีกหนึ่งอย่างที่เพิ่มเข้ามาคือการฟังพอดแคสต์สิ่งต่างๆทั้งความรู้  รีวิวหนังสือ หรืออะไรก็ตาม เพราะผมคิดว่าการฟังเป็นวิธีที่ดีอย่างมากในการเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ 
สุดท้ายนี้ผมก็ยังมีเป้าหมายต่อๆไปที่ทำอยู่ในตอนนี้คือการศึกษาเพิ่มเติมและการเก็บออมเพื่อไปเรียนต่อที่ประเทศจีนโดยที่อาจจะขอทุนไปหรืออาจจะลองปรึกษากับทางเอเจนซี่ครับ ขอให้ทุกคนอวยพรให้ผมสมปราถนา เหมือนดั่งที่ผมอวยพรให้กับพี่ๆเพื่อนๆทุกคนสมปราถนาดั่งหวังเช่นกัน  หวังว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาของผมที่อายุ 22 ปี จะทำให้เพื่อนๆพี่ๆที่กำลังเก็บออมมีกำลังใจเพิ่มมากขึ้นนะครับ ขอบคุณและลาก่อนครับยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่