หลังจากได้ฟัง Podcast ของ The Matter รายการ Adult หรือ Young EP09 ในชื่อตอน
“จะเลือกงานที่เงินดี หรือเลือกงานในฝัน อันไหนดีนะ”
ฟังจบแล้วได้แนวคิดดีๆ หลายอย่าง จึงอยากมาแชร์แลกเปลี่ยนกับทุกคน
.
.
เริ่มจาก....จัดอันดับชีวิตการทำงานของคนแต่ละรูปแบบ
.
อันดับ 1 คือ คนที่ได้ทำงานที่รักแถมยังร่ำรวย อาจจะร่ำรวยจากงานที่ทำแถมยังรัก หรือรวยจากฐานะทงาบ้าน
(ยกตัวอย่างเช่น วอเรน บัฟเฟต นักลงทุนอันดับ 1 ในดวงใจของใครหลายคน ที่ชีวิตของแกได้ทำงานที่รักคือการลงทุน แถมยังมีเงินติดอันดับเศรษฐีของโลกอีกตังหาก ประวัติของแกน่าสนใจและน่าศึกษามาก)
.
อันดับ 2 คือ ต้องเลือกระหว่างงานที่รัก หรือว่า งานที่รวย (ชีวิตนี้ใครสามารถเลือกได้ในอันดับ 2 ก็ถือว่าโชคดีแล้ว)
งานที่รักในข้อนี้คือ งานที่สามารถเลี้ยงชีพได้ ไม่ได้ทำให้ยากจนค้นแค้น แต่ทำแล้วก็ไม่ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐี
ส่วนงานที่รวยหมายถึงงานที่กดดัน เครียด ไม่ใช่สิ่งที่ชอบ แต่ก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี
(เราจะมาคุยกันสำหรับคนที่อยู่ทางเลือกนี้)
.
อันดับ 3 คือ งานที่ทำก็ไม่ได้รัก แถมก็ไม่ได้ทำให้รวย ข้อนี้น่ากลัวและเห็นได้บ่อยในออฟฟิศ หรือชีวิตคนทำงาน
.
.
เรามาเจาะลึกกันต่อในกลุ่มคนอันดับที่ 2 คือ ต้องเลือกระหว่างงานที่รัก หรือว่า งานที่รวย ตามที่ Podcast EP นี้ชวนคุย มีประเด็นหนึ่งที่เราชอบมากคือ
“การอุดช่องโหว่ของการทำงานแต่ละประเภท”
.
.
คนที่ทำงานที่รัก ที่อาจจะได้เงินน้อย อาจจะต้องทำงานอื่นเสริม หรือหาลู่ทางบริหารจัดการเงินให้งอกเงยให้ได้
(ตัวอย่างเช่น ลงทุนในหุ้น กองทุน / รับงานอิสระ)
.
ส่วนคนทำงานที่รวย ก็อาจจะต้องหางานอดิเรกที่จะมาเติมเต็มความต้องการของตัวเอง หรือเพื่อเป็นการผ่อนคลาย จากงานที่ตนเองทำ
.
.
หลังจากฟังจบพบว่า ไม่ว่าจะเลือกงานที่รัก หรืองานที่รวย ทั้ง 2 ทางเลือก ล้วนมีทางออกให้กับเส้นทางที่เราเลือกเสมอ
การได้ทำงานที่รัก มันจะทำให้เราทำผลงานได้ออกมาอย่างเต็มที่ สามารถรีดความสามารถออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเมื่องานมันออกมาดี ผมก็คิดว่าเงิน ผลตอบแทน หรือลู่ทางต่างๆ มันย่อมตามเข้ามา ยิ่งในโลกยุคนี้ด้วยแล้วนั้น ช่องทางหารายได้ ล้วนเปิดกว้าง ให้กับคนมีความสามารถอยู่ตลอด
.
ในขณะเดียวกันคนที่เลือกงานที่รวย หากบริหารจัดการเวลาได้ดีแล้ว ผมก็คิดว่าเราสามารถเอาเวลาไปผ่อนคลาย ทำสิ่งที่รัก ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมได้อีกมาก ขอยกตัวอย่างจาก คนรวยหลายๆ คน ที่สุดท้ายพอมีทุกอย่างพร้อม ก็สามารถนำเวลามาทำงานที่ตนเองรัก ท่องเที่ยว หรือมาทำงานเพื่อส่วมรวมได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง ได้อย่างสบายใจ หรืออย่างที่ใน Podcast บอกว่า
“ทำงานที่ไม่รักไปก่อน เพื่อสักวันหนึ่งจะนำเงินมาทำสิ่งที่รัก”
.
แต่หากงานที่เราทำอยู่นั้น ไม่ใช่สิ่งที่รัก แถมทำอย่างไรก็ไม่เห็นหนทางร่ำรวย ทำงานเช่นนี้นานวันไป อาจทำให้เราหมดพลัง หมดไฟในการใช้ชีวิตได้
แต่ทั้งนี้แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับบริบทของชีวิต เงื่อนไขชีวิตของแต่ละคน ยิ่งเกิดมาในสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำสูง บางครั้งทางเลือกในการใช้ชีวิตย่อมแคบและยากที่จะสามารถเลือกได้ตามทางที่คนอื่นบอกว่าดีได้
.
.
แต่หากวันนี้ เราสามารถเลือกงานได้นั้น ก็เป็นเรื่องดีของชีวิต ที่มีโอกาสเลือก และคงต้องเลือกทางที่เรามั่นใจ มิใช่ปล่อยให้เวลาผ่านเลยไป ดั่งที่ตอนท้ายของ Podcast กล่าวไว้ว่า
”อย่าปล่อยให้เวลาไหลไปโดยแทบ ไม่ได้ครุ่นคิด”
.
.
และสุดท้ายมันก็ย้อนกลับไปที่คำถามตั้งต้นที่ว่า ถ้าต้องเลือกงานที่รัก กับงานที่รวย เพื่อนๆ ทุกคนจะเลือกทางไหน และมีเหตุผลอะไรในการตัดสินใจ กันบ้างครับ เปิดพื้นที่ในกระทู้นี้ได้ให้ทุกคนมาแชร์ไอเดียกันครับ
.
.
สำหรับผม 3 ปี แรกแห่งการทำงาน เลือกงานที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง แต่พอทำถึงจุดหนึ่งพบว่า ไม่อาจฝืนทนความเบื่อจากงานที่ทำได้ (ซึ่งจริงๆ เราก็ชอบงานนี้นะ แต่อาจจะเบื่อเนื้องานเดิมๆ เบื่อวัฒนธรรมองค์กร และมีสิ่งที่รักมากกว่า
ตอนนี้ จึงเลือกลองเปลี่ยนงานมาทำสิ่งที่รัก แต่รายได้ สวัสดิการ น้อยลง (เพิ่งเริ่มทำ จึงไม่รู้ว่าทางเลือกนี้จะเป็นอย่างไร)
.
ผมว่าไม่มีใครตอบเราได้ดีกว่า การที่เราเอาตัวเองไปลองทำในทุกรูปแบบ และสักวันมันคงมีคำตอบให้กับชีวิตเราเอง ในวันที่เราได้เลือกลองทำมัน ในทุกเส้นทางแล้ว
ทำงานที่รักเพื่อหล่อเลี้ยงหัวใจต่อไป หรือทำงานที่รวยเพื่อสักวันหนึ่งจะเอาเงินที่มีมากพอมาทำสิ่งที่รักดีนะ...?
งานที่รัก หรือ งานที่รวย ถ้าเลือกได้คุณจะเลือกอะไร
“จะเลือกงานที่เงินดี หรือเลือกงานในฝัน อันไหนดีนะ”
ฟังจบแล้วได้แนวคิดดีๆ หลายอย่าง จึงอยากมาแชร์แลกเปลี่ยนกับทุกคน
.
.
เริ่มจาก....จัดอันดับชีวิตการทำงานของคนแต่ละรูปแบบ
.
อันดับ 1 คือ คนที่ได้ทำงานที่รักแถมยังร่ำรวย อาจจะร่ำรวยจากงานที่ทำแถมยังรัก หรือรวยจากฐานะทงาบ้าน
(ยกตัวอย่างเช่น วอเรน บัฟเฟต นักลงทุนอันดับ 1 ในดวงใจของใครหลายคน ที่ชีวิตของแกได้ทำงานที่รักคือการลงทุน แถมยังมีเงินติดอันดับเศรษฐีของโลกอีกตังหาก ประวัติของแกน่าสนใจและน่าศึกษามาก)
.
อันดับ 2 คือ ต้องเลือกระหว่างงานที่รัก หรือว่า งานที่รวย (ชีวิตนี้ใครสามารถเลือกได้ในอันดับ 2 ก็ถือว่าโชคดีแล้ว)
งานที่รักในข้อนี้คือ งานที่สามารถเลี้ยงชีพได้ ไม่ได้ทำให้ยากจนค้นแค้น แต่ทำแล้วก็ไม่ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐี
ส่วนงานที่รวยหมายถึงงานที่กดดัน เครียด ไม่ใช่สิ่งที่ชอบ แต่ก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี
(เราจะมาคุยกันสำหรับคนที่อยู่ทางเลือกนี้)
.
อันดับ 3 คือ งานที่ทำก็ไม่ได้รัก แถมก็ไม่ได้ทำให้รวย ข้อนี้น่ากลัวและเห็นได้บ่อยในออฟฟิศ หรือชีวิตคนทำงาน
.
.
เรามาเจาะลึกกันต่อในกลุ่มคนอันดับที่ 2 คือ ต้องเลือกระหว่างงานที่รัก หรือว่า งานที่รวย ตามที่ Podcast EP นี้ชวนคุย มีประเด็นหนึ่งที่เราชอบมากคือ
“การอุดช่องโหว่ของการทำงานแต่ละประเภท”
.
.
คนที่ทำงานที่รัก ที่อาจจะได้เงินน้อย อาจจะต้องทำงานอื่นเสริม หรือหาลู่ทางบริหารจัดการเงินให้งอกเงยให้ได้
(ตัวอย่างเช่น ลงทุนในหุ้น กองทุน / รับงานอิสระ)
.
ส่วนคนทำงานที่รวย ก็อาจจะต้องหางานอดิเรกที่จะมาเติมเต็มความต้องการของตัวเอง หรือเพื่อเป็นการผ่อนคลาย จากงานที่ตนเองทำ
.
.
หลังจากฟังจบพบว่า ไม่ว่าจะเลือกงานที่รัก หรืองานที่รวย ทั้ง 2 ทางเลือก ล้วนมีทางออกให้กับเส้นทางที่เราเลือกเสมอ
การได้ทำงานที่รัก มันจะทำให้เราทำผลงานได้ออกมาอย่างเต็มที่ สามารถรีดความสามารถออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเมื่องานมันออกมาดี ผมก็คิดว่าเงิน ผลตอบแทน หรือลู่ทางต่างๆ มันย่อมตามเข้ามา ยิ่งในโลกยุคนี้ด้วยแล้วนั้น ช่องทางหารายได้ ล้วนเปิดกว้าง ให้กับคนมีความสามารถอยู่ตลอด
.
ในขณะเดียวกันคนที่เลือกงานที่รวย หากบริหารจัดการเวลาได้ดีแล้ว ผมก็คิดว่าเราสามารถเอาเวลาไปผ่อนคลาย ทำสิ่งที่รัก ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมได้อีกมาก ขอยกตัวอย่างจาก คนรวยหลายๆ คน ที่สุดท้ายพอมีทุกอย่างพร้อม ก็สามารถนำเวลามาทำงานที่ตนเองรัก ท่องเที่ยว หรือมาทำงานเพื่อส่วมรวมได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง ได้อย่างสบายใจ หรืออย่างที่ใน Podcast บอกว่า
“ทำงานที่ไม่รักไปก่อน เพื่อสักวันหนึ่งจะนำเงินมาทำสิ่งที่รัก”
.
แต่หากงานที่เราทำอยู่นั้น ไม่ใช่สิ่งที่รัก แถมทำอย่างไรก็ไม่เห็นหนทางร่ำรวย ทำงานเช่นนี้นานวันไป อาจทำให้เราหมดพลัง หมดไฟในการใช้ชีวิตได้
แต่ทั้งนี้แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับบริบทของชีวิต เงื่อนไขชีวิตของแต่ละคน ยิ่งเกิดมาในสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำสูง บางครั้งทางเลือกในการใช้ชีวิตย่อมแคบและยากที่จะสามารถเลือกได้ตามทางที่คนอื่นบอกว่าดีได้
.
.
แต่หากวันนี้ เราสามารถเลือกงานได้นั้น ก็เป็นเรื่องดีของชีวิต ที่มีโอกาสเลือก และคงต้องเลือกทางที่เรามั่นใจ มิใช่ปล่อยให้เวลาผ่านเลยไป ดั่งที่ตอนท้ายของ Podcast กล่าวไว้ว่า
”อย่าปล่อยให้เวลาไหลไปโดยแทบ ไม่ได้ครุ่นคิด”
.
.
และสุดท้ายมันก็ย้อนกลับไปที่คำถามตั้งต้นที่ว่า ถ้าต้องเลือกงานที่รัก กับงานที่รวย เพื่อนๆ ทุกคนจะเลือกทางไหน และมีเหตุผลอะไรในการตัดสินใจ กันบ้างครับ เปิดพื้นที่ในกระทู้นี้ได้ให้ทุกคนมาแชร์ไอเดียกันครับ
.
.
สำหรับผม 3 ปี แรกแห่งการทำงาน เลือกงานที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง แต่พอทำถึงจุดหนึ่งพบว่า ไม่อาจฝืนทนความเบื่อจากงานที่ทำได้ (ซึ่งจริงๆ เราก็ชอบงานนี้นะ แต่อาจจะเบื่อเนื้องานเดิมๆ เบื่อวัฒนธรรมองค์กร และมีสิ่งที่รักมากกว่า
ตอนนี้ จึงเลือกลองเปลี่ยนงานมาทำสิ่งที่รัก แต่รายได้ สวัสดิการ น้อยลง (เพิ่งเริ่มทำ จึงไม่รู้ว่าทางเลือกนี้จะเป็นอย่างไร)
.
ผมว่าไม่มีใครตอบเราได้ดีกว่า การที่เราเอาตัวเองไปลองทำในทุกรูปแบบ และสักวันมันคงมีคำตอบให้กับชีวิตเราเอง ในวันที่เราได้เลือกลองทำมัน ในทุกเส้นทางแล้ว
ทำงานที่รักเพื่อหล่อเลี้ยงหัวใจต่อไป หรือทำงานที่รวยเพื่อสักวันหนึ่งจะเอาเงินที่มีมากพอมาทำสิ่งที่รักดีนะ...?