🇹🇭มาลาริน/เขามองไทยดี..“JCR”ของญี่ปุ่น คงอันดับน่าเชื่อถือไทยมีเสถียรภาพ จีดีพีโต 3% แก้ปัญหา เยียวยา ฟื้นฟู ศก. ได้ดี

เพี้ยนยิ้ม“JCR”คงอันดับน่าเชื่อถือไทยที่ A- ประเมินจีดีพีไทยปี 64 โต 3% รัฐเยียวยา-ฟื้นฟู ศก.รับมือโควิดอยู่



JCR คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ A –และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) คาดเศรษฐกิจไทยปี 64 จะกลับมาเติบโตประมาณ 3% หลังรัฐบาลดำเนินมาตรการทางการเงินและการคลัง วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท แก้ไขปัญหา เยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ได้ดี

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า วันที่ 26 เมษายน 2564 บริษัท Japan Credit Rating Agency, Ltd. (JCR) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น จัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้และผู้ออกตราสารหนี้ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ระดับ A - และยืนยันมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ (Stable outlook) โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1) แม้ว่าการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่เนื่องจากรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการทางการเงินและการคลัง วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลให้เศรษฐกิจไทย ภายหลังจากไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 เริ่มฟื้นตัว และ JCR คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะกลับมาเติบโตประมาณร้อยละ 3

2) รัฐบาลได้จัดทำงบประมาณแบบขาดดุลเพื่อสนับสนุนการดำเนินมาตรการทางการคลังเพื่อแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Debt to GDP ratio) สูงขึ้น อย่างไรก็ดี JCR ยังคงเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถรักษาเสถียรภาพทางการคลังและบริหารจัดการหนี้สาธารณะให้อยู่ระดับที่เหมาะสมได้เนื่องจากมีการบริหารจัดการทางคลังอย่างรอบคอบและเป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561

3) สำหรับภาคธนาคารและภาคต่างประเทศ พบว่า ภาคธนาคารมีเสถียรภาพ และภาคต่างประเทศแข็งแกร่ง โดยมีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล และทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ประเทศไทยยังคงมีขีดความสามารถในการดำเนินมาตรการเพื่อรองรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดในอนาคต

4) ประเด็นที่ JCR ให้ความสนใจและจะติดตามอย่างใกล้ชิดคือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง และการปฏิรูปนโยบาย (Policy reform) ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง (High-tech manufacturing industry) เพื่อการพัฒนาประเทศ

https://siamrath.co.th/n/238825

นานาเชียร์อัพมีเรื่องดีแบบนี้ถึงมีคนจึงอยากแย่งลุงตู่ทำงาน

เพราะลุงตู่ทำงานได้ดี จะมาชุบมือเปิบ 

ตาอยู่อยากจะได้คำชมบ้าง หลังจากทำเรื่องไม่ดี ประชาชนผิดหวัง

โทนี่แม้ว  นาทอนแห้ว  อย่าหวังเลยค่ะ ไปทำโรงงานแห้วเถอะ

สู้ๆนะคะ ลุงตู่.....พาพันไฟท์ติ้ง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่