เรื่องสั้น

กระทู้สนทนา
ผมชอบเขียนหนังสือเป็นอย่างมาก และอยากจะเขียนให้เพื่อน ๆ หรือ คนทุกคนได้อ่านเรื่องที่ผมเขียน  อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้เรื่องหรือได้เรื่อง ผมก็อยากจะเขียนให้คุณได้อ่านกัน  แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ผมสมัครสมาชิกไปแล้ว มิทราบว่าผ่านเหรือยัง? จึงลองเขียนไปเสียก่อน  และผมก็เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกไม่นานมานี้เอง จึงยังนึกเรื่องจะเขียนไม่ออก  พอทำหรือเขียนได้มาก ๆ แล้ว ค่อยคุ้นแล้วจะเขียนออกไป  ตอนนี้ ของลองเขียนเพียงแค่นี้ก่อน ไม่รู้ว่าจะผ่านหรือเปล่า?  ผิดพลาดประการใด ขออภัยเป็นอย่างสูงด้วยครับ.

ผมสามารถเขียนแก้ไขเพิ่มเติมได้อีกนี่นา? และเขียนเรื่องสั้นได้ยาวมากขึ้นกว่าเดิมด้วย  คงต้องเขียนต่อไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ คงดีเหมือนกัน  เรื่องการเขียนเรื่องสั้นนี้ หากนึกเรื่องจะเขียนเป็นรูปเป็นร่างไม่ออก  ก็ดูกระอักกระอ่วนใจเต็มทน ในการจะเข็นขืนเขียนเรื่องที่นึกไม่ออก  นี่อาจเป็นความเจ็บปวดอย่างหนึ่งของคนเขียนหนังสือ  ทว่า การจะรอแต่ให้เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นมาแล้วทำการเขียน  ผิดวิสัยของคนชอบเขียนหนังสือไปสักหน่อย  อันได้แก่ความหมายที่ว่า จะรอแต่ให้เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นมา แล้วจึงเขียน  หากเรื่องไม่ดีแล้วไม่ฝืนเขียน  ก็จะเกิดสันดานของความขี้เกียจในการเขียนขึ้นมาได้  ดังนี้แล้ว ผมจึงต้องฝืนเขียนให้เสมอไป  แม้ว่าเรื่องที่เขียนจะไม่ค่อยได้เรื่อง  ไม่เป็นเรื่อง  ไม่ดี  ไม่ได้อรรถรสอะไรสมบูรณ์ก็ตาม  แต่ยังยืนยันในเจตนาของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยมว่า  จะไม่มีทางหยุดทำการเขียน  หรือ รอแต่โอกาสให้เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นมาเองเลย  จะต้องทำการอย่างขยันหม่ันเพียรอุตสาหะอย่างยิ่งยวด ในการเขียนอย่างเป็นเนืองนิจ.

เขียนไม่ออกเอาดื้อ ๆ  หนึ่งจุดศูนย์หกนาที ของวันที่ใกล้สิ้นเดือนเมษายน หกสี่  เขียนหนังสือไม่ออกเอาดื้อ ๆ ตายห่า  มองดูช่องในการตั้งกระทู้ หรือ เขียนหนังสือหมื่นตัวอักษร  แต่ตอนนี้เขียนได้พันกว่า ๆ แสดงว่าเหลืออีกมากมาย ที่สามารถเขียนลงได้อีก  เรื่องที่ผมคิดเขียนเป็นเรื่องสั้นที่ไม่ค่อยจะเป็นเรื่องสั้นนั้นมีข้อความดังต่อไปนี้

        ในการแข่งขันระดับโลกรายการหนึ่ง ที่มีชื่อว่า "ใครสามารถทำให้เข็ดฟันได้?" โดยเหลือประเทศที่เข้าแข่งขันชิงตำแหน่งกันสามประเทศได้แก่ สหรัฐอเมริกา  รัสเซีย และ ประเทศไทย.  ตัวแทนสหรัฐอเมริกาคว้าถาดพิซซาขึ้นมากัดกินอย่างตะกละตะกลาม แต่คณะกรรมก็มิได้เข็ดฟันแต่อย่างไรหากแต่รู้สึกพะอืดพะอมเท่านั้น  ส่วนประเทศหมีขาว ด้วยความเป็นอยู่ในประเทศที่หนาวจัด จึงหยิบขวดวอสก้าขึ้นมาดื่มอึก ๆ จนหมดขวด  แต่การกระทำก็หาทำให้คณะกรรมการตัดสินบรรลุจุดประสงค์ ในการเข็ดฟันก็หาไม่  ส่วนไทยแลนด์ของเรา เหลียวหน้าเหลียวหลังมองกรรมการเลิ่กลั่ก  เพราะเป็นประเทศที่ค่อนข้างเล็กกว่าประเทศทั้งสอง  จึงล้วงพืชผลไม้ประจำประเทศที่เรียกกันว่ามะขาม กับ มะม่วง ขึ้นมากัดกร้วม ๆ จนทำให้คณะกรรมการน้ำลายสอไปตาม ๆ กัน.(จบ)

        ท่านคิดว่า  เรื่องสั้นข้างบนนี้เป็นอย่างไร?  ส่วนผมมีความรู้สึกว่า  ในเรื่องสั้นนี้ มีข้อดีข้อเสียดังที่ผมจะวิจารณ์ได้ดังต่อไปนี้

        เป็นเรื่องสั้นที่มีมุขฝืดอยู่หลายส่วน อันสามารถแจกแจงได้ดังนี้

        หนึ่ง  เป็นเรื่องสั้นที่ไม่ได้มาตรฐานเอาเสียเลยในด้านของความยาว  หากเรื่องนี้ถูกเขียนให้คนนอกประเทศไทยอ่าน คงไม่ได้ผลอย่างเป็นแน่ ๆ มันคงได้ผลแต่ในประเทศไทยเท่านั้น  ดังนี้เรา น่าจะใส่ให้กรรมการที่ตัดสินนั้นเป็นกรรมการคนไทยทั้งหมด จึงจะสมเหตุผล
        สอง คำในเรื่องสั้นเรื่องนี้ ดูดีทีเดียว ผมหมายความว่า ไม่ได้ใช้คำซ้ำมากนัก  คำที่ดูจะส่งผลอย่างตรง ๆ กับคนอ่านค่อนข้างเห็นผล ได้แก่ คำว่าตะกละตะกลาม  เลิกลั่ก กร้วม ๆ ... คำอย่างนี้น่าสนใจตรงที่  แสดงอาการกริยาได้ชัดเจน อย่างเห็นการกระทำได้อย่างชัดเจน  แต่ก็นั่นแหละ เป็นคำที่สมควรในการพินิจพิจารณา ใช้อย่างให้ถ้วนถี่  หรือ มั่นใจเป็นอย่างดีแล้ว  จึงควรใช้  นี่เป็นความเห็นสำหรับเรื่องสั้นเรื่องนี้.
.
ผมเขียนมาถึงสามพันกว่าตัวอักษรแล้ว ในสองสามวัน  แต่จะหาเรื่องสั้นที่เป็นเรื่องดี ๆ อย่างชัดเจนยังไม่ได้เอาเลย  ได้แต่เขียนเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย ๆ และทราบดีว่า  คงไม่ค่อยมีใครเข้ามาอ่านสักเท่าไหร่?  แต่เป็นการดีอย่างหนึ่ง ที่ผมได้เขียนเอาไว้อย่างที่ตั้งใจต้องการจะทำ.  มีหลายอย่างที่สามารถกระทำสื่อสารในเรื่องสั้นได้  ตัวอย่าง  เรื่องการเขียนหนังสือด้วยการใช้เสียง  การใช้ภาพประกอบ และการใช้วิดีโอ  แต่ผมกลับเลือกแต่การเขียนเพียงอย่างเดียวเป็นการสื่อสาร  เพราะไม่ชอบทำอย่างอื่นเข้ามาปะปนกับการเขียน  แม้ว่าโลกในการเขียนจะเปลี่ยนแปลงไป ด้วยการผสมผสานกับเรื่องอื่น ๆ แต่ผมยังชอบแต่การเขียนเพียงอย่างเดียวเป็นเสียส่วนมาก  เพราะหากใช้อย่างอื่นเข้ามาประสมในการเขียน ดูจะกลายเป็นว่า  ตัวหนังสือในการสื่อสารจะด้อยลงไปเสียมากกว่า  ด้วยการเขียนหนังสือ  ผมคิดว่าต้องเป็นแต่การเขียนด้วยการใช้แต่หนังสือเพียงอย่างเดียว เป็นเครื่องนำทาง  อันนี้เป็นแต่ความในใจของผมคนเดียวที่ชอบเอาแต่ตัวหนังสือเป็นเรื่องเอก ในการสื่อสาร  มากกว่าการเอาอย่างอื่นเข้ามาผสมผเส.

รอว่าพรุ่งนี้  ผมจะพบเรื่องสั้นที่ดีหรือเปล่าครับ สำหรับวันนี้พอแค่นี้ก่อนครับผม

ผมมาเขียนต่ออีก ในจำนวนสี่พันกว่าตัวอักษร  เรื่องสั้นสักเรื่องเป็นอย่างดี ก็ยังไม่ออกมาเลยสักเรื่อง แต่ผมลองจะรอดูอีกสักหน่อย เผื่อว่าเรื่องสั้นที่ผมคิดเขียนจะเดินทางมาก็ได้  เรื่องการเดินทางมาของเรื่องสั้นแต่ละเรื่องนั้น มีการมาแตกต่างกัน  ตัวอย่าง ในตอนเช้าจะคิดเรื่องที่จะเขียนนั้นได้อย่างมากมายหลายเรื่อง แต่พอสายแดดจ้าขึ้นมาเรื่อย ๆ เจ้าเรื่องสั้นหลายเรื่องที่คิดขึ้นมาได้นั้น  เริ่มทยอยหายไปทีละเรื่องสองเรื่อง  และขุ่นมัวในตอนบ่าย ๆ แทบจะคิดเรื่องสั้นที่เขียนให้ออกไม่ได้เลย  แต่ต้องรอ  การรอให้เกิดเรื่องสั้นสักเรื่องนั้นเป็นความสุขอย่างหนึ่ง  เพราะการมาของเรื่องสั้นนั้นแตกต่างกันในช่วงของวันเวลา  ส่วนมากเรื่องสั้นดี ๆ ผมคิดออกตอนเข้าห้องน้ำ และกำลังจะขี้ลงส้วม  เรื่องสั้นหลายเรื่องคิดออกขณะทำงาน  มีบางเรื่องสั้นหลายเรื่องที่คิดออกตอนถูกเมียด่าประณามว่าเป็นไอ้บ้า  เรื่องสั้นดี ๆ บางเรื่องเกิดจากสภาพความกดดัน กับ ภาวะในการสิ้นหวัง  และในบางเรื่องเกิดขึ้นมาอย่างหยาบโลนวิจิตรวิตถารบนความต้องการ  "เขียนอะไรก็ได้ ขอแต่ให้คนได้อ่านและซื้อเรื่องที่ผมเขียน?"...ฯลฯ

ผมเขียนทุกอย่าง แม้แต่ภาวะสิ้นไร้กำลังใจ  ซึ่งไม่ค่อยจะมี หรือ อาจจะมีน้อย  เพราะการเขียนมามาก  เพราะการเลี้ยงชีวิตเลี้ยงชีพส่วนใหญ่ด้วยการคิดเขียน บังคับให้ผมเขียนสู้เพื่อให้ได้สิ่งต่าง ๆ ในการนำมาใช้ดำรงชีวิตต่อลมหายใจของตัวเอง ของคนที่อยุ่ข้าง ๆ ผม  แม้การเขียนจะไม่ได้นำความภาคภุมิใจ หรือ การกล่าวขานถึงว่าเป็นผู้มีการงานทำ  มีเงินมีรายได้เหมือนกับอาชีพอย่างอื่นเลยก็ตาม  แต่ผมต้องเขียน เพราะนี่คือสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ผมมีอยู่ในตัวเอง.

* เรื่องการเขียนเรื่องสั้น ในความท้าทายกับการค้นหาทางสัจธรรม  เป็นอีกทางหนึ่งที่ผมชอบเขียน  เพราะเป็นการท้าทายความคิดของตัวกับของคนอื่นได้เป็นอย่างดี  ผมถูกใครหลายคนการด่าในใจเกี่ยวกับการเขียนเรื่องทำนองนี้  แต่ผมมิได้กลัวเกรง  หรือ ต้องการแต่จะเขียนเพื่อให้ได้รับคำชมว่า  "เขียนในทางสร้างสรรค์" เพียงอย่างเดียว  ผมจะเขียนสร้างสรรค์ได้อย่างไร  เมื่อไม่เคยเขียนผ่านความล้มเหลว  หรือ ไม่เคยเขียนผ่านในการแสดงออกของการยืนยันในเจตนารมณ์ของตัวเอง อย่างหนึ่งอย่างใดเลย.

เรื่องสั้นเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องไร้สาระ และพยายามจะเขียนให้เต็มจำนวนคำอย่างเต็มที่อันสาระเสียเต็มกลืน  ความละลานตาในการมองเห็นตัวหนังสือของตัวเองเขียน  มันก็เท่านั้น  เป็นแค่ความสุขของคนบ้า ๆ คนหนึ่งที่พยายามจะเขียนหนังสือให้ได้มากที่สุดเท่านั้นเอง เพื่ออะไรกันล่ะหรือ?  อย่างน้อย  ๆ หัวใจที่อึดอัดของผมก็ได้ระบายออกทางตัวหนังสืออยู่บ้างเหมือนกัน  ผมขอสารภาพตามตรงครั้งที่นับไม่ถ้วนทั่วว่า ผมเป็นคนไร้สาระที่สุดในการที่จะทำการเขียนอย่างจะขาดเสียไม่ได้  ถึงแม้ว่าเรื่องเหล่านี้จะไม่มีสาระ ไม่มีคนอ่านก็ตาม หรือ เรื่องนี้ดำเนินไปบนความซ้ำซากอย่างจำเจเป็นที่สุด  ตัวหนังสือเดินทางมาถึงหกพันกว่าคำ  และผมคิดว่า มันคงจะถามผมว่า "เขียนหาหอกอะไรว่ะ?&quotร้องไห้อยู่หรอก)  เช่นเดียวกัน  ผมจะไม่ตอบคำถามจากการที่ตัวหนังสือถามผมหรอก  เพราะอย่างน้อย  ผมก็เขียนมาจนจวนจะเจ็ดพันตัวอักษรแล้ว  มันคือ ความสุขอย่างงมงายอย่างหนึ่ง ที่จะทำตามความเชื่อของตัวเอง  อย่างไม่ต้องสงสัยในการหาคำตอบ หรือ ความต้องการอันใดแต่อย่างใด สักธุลีเดียว.

เหลืออีกสามพันตัวอักษร ก็ครบหนึ่งหมื่นพอดี  ตอนนี้ขอเขียนไว้เท่านี้ก่อนครับ.
.
ห่างหายการเขียนไปเสียนาน พอจะมาเขียนใหม่กลายเป็นว่าเรื่องที่จะเขียนนั้นไม่ต่อเนื่องกันเสียแล้ว  อย่างไรก็ตาม คิดไว้ในใจว่าจะเขียนให้ครับจำนวนข้อความหมื่นตัวอักษร ก็ต้องเขียนให้ได้อย่างที่ตั้งใจไว้.
.
เรื่องแนวคิด ในการเขียนเรื่องสั้นนั้นมีมากมายอยู่เหมือนกัน  แต่พอเอาเข้าจริงก็เขียนไม่ได้สมกับความคิดของตัวเองสักที  อาจเป็นไปได้ว่า ต้องใช้เวลาในการเตรียมการเขียนอยู่เหมือนกัน  ครั้นจะตั้งหน้าตั้งตาเขียนตะลุยอย่างเก่าก็กะไรอยู่  เพราะการเขียนอย่างว่านี้ ล้วนแต่เต็มไปด้วยความใคร่หิวกระหายในการเขียนเสียมากกว่า  ส่วนการเขียนในตอนนี้  ผมต้องเขียนตามแต่ความตั้งใจอย่างปลอดโปร่งอันอิสระที่จะทำการเขียนให้เป็นการงานอย่างอิสระบริสุทธิ์เท่านั้น  ชนิดไม่ได้เต็มไปด้วยตัณหาความอยากอย่างมากมายจนทำให้ผุ้เขียนมีความเป็นทุกข์เลย  นี่คือ เรื่องราวในการที่ผมจะตั้งใจเขียนในเวลาที่เหลืออยู่  คือ การเขียนอย่างเป็นอิสระปลอดโปร่งในตัวเอง ชนิดไม่ให้งานเขียนนี้กัดตัวผมเอง  ผมคิดเอาไว้อย่างนี้  เรื่องที่จะทำได้หรือไม่ได้นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง  ซึ่งเกิดขึ้นในจิตใจคนเขียนหนังสืออย่างผมเท่านั้น.
.
เรื่องที่น่าเขียนเป็นเรื่องต่อไปนี้  เรื่องเหตุการณ์ในถิ่นชนบทที่ผมอาศัยอยู่ กับ การเข้ามาของโรคระบาด คือ โควิด 19 เรื่องหนึ่ง  อีกเรื่องชีวิตของผมในความหมายของการติดคุกพันธนาการในแง่ของนามธรรม  ผมไม่ได้ติดคุก แต่ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ผมมีความรู้สึกว่าตัวเองถูกพันธนาการด้วยอะไรหลายอย่าง  การรับผลกรรมในการดื่มเหล้าอย่างหนัก  การมีความคิดที่ว่าตัวเองเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้พี่ชายตาย พี่ชายผมสติไม่ค่อยดี  คล้ายคนบ้า ต่อมาผมจึงเป็นเหมือนกับพี่ชาย  อันมีลักษณะหลายอย่างคล้ายกัน และผมคิดว่าตัวเองบ้าเข้าไปทุกขณะ, และ เกือบหกปี ไม่กี่เดือนก็จะครบหกปีที่ผมแต่งงานกับผู้หญิงสารพัดความทราม  ที่ผมตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงและหลอกใช้  เหมือนกับเป็นขี้ข้าอะไรบางอย่าง, สิ่งทั้งหลาย เรื่องราวที่ผมกล่าวมานี้  ผมได้ยินเสียงจากคนนุ่งขาวห่มขาว ถือ ศีล ทุกวันพระบอกว่า  ผมนี่แหละเป็นคนมีกรรม  แต่มาในวันนี้  ผมมีลักษณะความรู้สึกหลายอย่างว่าผมหลุดพ้นจากคุกที่ขังผมมาอย่างยาวนาน  เมื่อผมมีอิสระที่จะทำอะไรได้ทุกสิ่งทุกอย่างตามตัวเองต้องการ  ชนิดไม่ให้ตัวเอง หรือ คนอื่นเดือดร้อน. ผมกลัวล่ะหรือ?  กับคนถือศีลนุ่งขาวห่มขาวคนนั้นที่ตีตราว่าผมเป็นคนบาป  คนมีกรรม  แล้วเขาล่ะ?  หลุดพ้นไปมากมายกว่าผมล่ะหรือ?  ผมอยากจะลองวัดใจกับพวกเขาเหล่านี้ทุกคน  ที่ตีตรามาที่ผมว่าเป็นคนมีกรรม เป็นคนบาปหนัก  ผมจะคอยดูคนที่ไม่มีกรรมอย่างพวกเขาว่า จะสามารถทน หรือ หลีกหนีพ้นเรื่องอย่างที่พวกเขาว่ากับผมได้หรือเปล่า?  ผมจะคอยดู  มันคงจะสนุกดีพิลึกทีเดียว.
.
เขียนมาได้เก้าพันห้าร้อยตัวอักษรแล้ว  อีกย่อหน้าหนึ่งคงครบพอดี.
.
ดูท่าทางว่าผมจะชอบเขียนเรื่องราวให้ครบเสียอย่างที่กำหนดไว้แล้วซิ?  ตอนนี้ผมเขียนได้ช้าสักหน่อย เพราะใช้มือทำงานหนักไปหน่อย ตัวอย่าง เรื่องการฝ่าฟืนในการหุงหาประกอบอาหาร กับ การพิมพ์แต่ในมือถือ การพิมพ์ในโน็ตบุคส์จึงไม่รวดเร็วอย่างแต่ก่อน ต้องพิมพ์ตั้งนานมือจึงได้ทำท่าทำทางเหมือนจะอ่อนอย่างแต่ก่อน  เรื่องการใช้มือทำงานหนักนี้ดูจะไปไม่ได้เลยทีเดียวกับการพิมพ์ในเครื่องคอมพิวเตอร์  แต่จะไปได้ดีกับการพิมพ์แบบพิมพ์ดีดมืออย่างแต่ก่อน  ต้องทนพิม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่