หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[SR] รีวิว MASERATI GHIBLI HYBRID สปอร์ตซีดาน ตัวแรง พรีเมี่ยม ราคาเริ่ม 5.99 ล้านบาท !
กระทู้รีวิว
Maserati Ghibli
Maserati (รถยนต์)
Super Car
รถยนต์
รถยนต์ไฮบริด
MASERATI รถยนต์ระดับ SUPERCAR ในราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาทถือว่าเป็นครั้งแรกที่ทำราคาออกมาได้ดีและคุ้มค่าขนาดนี้ ต้องยกความดีให้การใช้งาน MHEV หรือ HYBRID นั้นเองทำให้เรื่องราคาขายในประเทศไทยนั้นจับต้องได้ง่ายขึ้นและราคาคุ้มค่ามากขึ้นไปกว่าเดิม และยังคงความพรีเมี่ยม คุณภาพสูงยนตกรรมจาก อิตาลีได้ดีงามเช่นเดิมครับ ทำให้สัมผัส จับต้อง คุณภาพ การขับขี่ที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ MASERATI ได้เช่นเดิม ทางด้าน GHIBLI นั้นแม้จะออกมานานพอสมควรแต่ในเรื่องของงานออกแบบ ดีไซน์ รวมถึงการขับขี่ยังคงทำได้น่าประทับใจเช่นเดิมและยิ่งในตัว HYBRID นี้มีการเปลี่ยนแปลงภายนอก ภายในให้ทันสมัยมากขึ้นรวมถึง การปรับมาใช้ขุมพลังแบบใหม่ ครั้งแรกของค่ายที่มี มอเตอร์ไฟฟ้า 48V เข้ามาเสริมด้วยเช่นกันครับ ทำให้ใช้งานขุมพลังเล็กลงและเรื่องของ การขับขี่ พละกำลังไม่ธรรมดาเลยทีเดียว รวมถึงเรื่องของเสียงท่อ เสียงเครื่องยังคงทำได้ดุดันเช่นเดิม
GHIBLI HYBRID นั้นจะเปิดราคาเริ่มต้นที่ 5.99 ในรุ่นพื้นฐาน และมีรุ่น Grand Lusso และ Grand Sport แตกต่างกันไป ซึ่งในรีวิวนี้จะเป็นรุ่นตกแต่งพิเศษแบบ Grand Sport ทำให้ราคานั้นก็เพิ่มขึ้นตามออฟชั่นการตกแต่งไปด้วยนั้นเองครับ แต่เรื่องของการขับขี่ หน้าตาบางส่วนนั้นจะไม่ได้หนีกันไปมาก จะแตกต่างกันในเรื่องของ ล้อ กันชนหน้าหลัง และ ดีไซน์สีสันบางส่วนนั้นเองครับ แต่ไฟหน้าไฟท้าย ต่างๆนั้นจะเหมือนกันทั้งหมด ซึ่งรุ่นย่อยนั้นไม่ได้มีการบอกสเปกแน่นอนเพราะว่า MASERATI เองนั้นสามารถเปลี่ยน ปรับแต่งออฟชั่นได้ตามสั่งทุกส่วนทำให้ไม่ได้มีออฟชั่นแยกแต่ละรุ่นย่อยชัดเจนนั้นเองครับ แต่เรื่องของเครื่องยนต์นั้นจะมาพร้อมกับ เครื่องยนต์ GME T4 MultiAir แบบ 4 สูบเรียง 16 วาล์ว 1,998 ซีซี. อัดอากาศด้วย e-Booster 48V (เทอร์โบไฟฟ้า) ที่รอบต่ำ เทอร์โบชาร์จเจอร์เดี่ยวแบบ Mono-scroll ที่รอบกลางและสูง และมอเตอร์ Mild-hybrid ให้กำลังสูงสุด 330 แรงม้า (PS) ที่ 5,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ ZF 8HP70 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง สามารถขับ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.7 วินาที และ ความเร็วสูงสุด 255 กม./ชม. และทางด้านช่วงล่าง และ เบรค ถ้าเป็น Grand Sport จะใช้งาน ช่วงล่างแบบ Skyhook ปรับความหนืดได้ และด้านหน้าใช้ คาลิปเปอร์BREMBO 4 Pot สีแดง ถ้ารุ่นปกติจะเป็นสีดำ นั้นเอง แต่ทั้งนี้สเปกสามารถเปลี่ยนเองได้ทั้งหมดด้วยเช่นกันครับ ในรุ่นที่รีวิวนั้นจะได้ Sunroof ไฟฟ้า แป้นเบรค อลูมีเนียม และ การตกแต่งภายในสีดำเงา รวมถึงกันชนหน้าหลังที่จะเป็นจุดสังเกตหลักๆ ในรหัสนี้ แต่ถ้ามองในเรื่องของการขับขี่ ระบบขับเคลื่อนทุกอย่างนั้นจะไม่ได้หนีจากรุ่นเริ่มต้น 5.99 ล้านบาททำให้เราได้การขับขี่ที่ไม่ธรรมดาครับแม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นก็ตาม ต้องบอกว่าการลุยตลาดครั้งนี้ ทำราคาได้ดี และสัมผัสความแรงความคุ้มค่าได้มากกว่าเดิม
MASERATI GHIBLI HYBRID : MHEV ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท พร้อมกับ ประกัน Warranty 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และฟรีค่าบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม.ส่วนรุ่นที่รีวิวนั้นจะเป็น Grand Sport แต่ออฟชั่นราคา เพิ่มเติมแล้วแต่การสั่งใช้งานอีกทีนึงครับ
EXTERIOR
งานออกแบบภายนอกนั้นเราจะเห็นได้ชัดเจนว่ารูปทรงงานดีไซน์นั้นไม่ได้หนีจากรุ่นก่อนหน้าที่เป็น ดีเซล หรือ เบนซินล้วนนั้นเอง แต่การตกแต่งถ้าเทียบกับรุ่นที่เราเคยรีวิวไปแน่นอนว่ารุ่นย่อยคนละแบบกันชัดเจนครับ รวมถึงการดูว่าเป็น HYBRID นั้นจะเห็นได้ชัดเจนในเรื่องของไฟท้าย และ สีสันตามช่อง โลโก้ต่างๆนั้นเอง แต่เรื่องของรูปทรง แม้จะออกมาตั้งแต่ปี 2010 แล้วก็ตามแต่ดีไซน์รูปทรงของตัวรถต้องบอกว่าไม่ตกยุคเลยแม้แต่น้อยแม้จะมีอายุร่วม 10 ปีแล้ว และในรุ่นนี้นั้นเป็นการปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่ในบางส่วนเช่นในกันชนหน้า กระจังหน้า ไฟหน้า กันชนท้าย ทั้งหมดครับถือว่าเปลี่ยนน้อยมากๆ แต่ก็เพิ่มความทันสมัยของตัวรถได้ดีเลยแหละ เพราะต้องบอกกันก่อนว่าค่ายนี้แต่ละโมเดลออกมาคือขายยาวนานมาก และแต่ละโมเดลนั้นบางทีไม่ได้ทำต่อเนื่องเลยทำให้การออกแบบแต่ละรุ่นนั้นมีความใส่ใจในงานออกแบบเน้นมากๆ ทำให้ดีไซน์มันอมตะและดูสวยนานจริงๆครับจุดนี้ต้องยอมรับค่ายนี้เลยทีเดียว ดีไซน์ภาพรวมนั้นมีความเตี้ย แบนและมีกระโปรงหน้ายาว และเส้นสายชัดเจนมีบ่าสวยงามทำได้ลงตัวมากเลยครับ เส้นสายมัดกล้ามชัดเจนและการที่กดหน้าต่ำเห็นซุ้มล้อหน้าทำให้มันดูดุดันขึ้นเยอะมากครับ และการตกแต่ง Grandsport เส้นสายช่องดักลมด้านหน้าต่างๆนั้นมีความคม เส้นสายดุดัน และลายล้อกระจังหน้าเข้มขึ้นชัดเจน
แน่นนอว่าทางด้านรูปทรงการออกแบบของตัวรถนั้นการที่ทาง Maserati พยายามเน้นด้านหน้าให้มีความยาวคล้ายกับรถยนต์สปอร์ตส่งผลให้ทรงของตัวรถนั้นมีความโดดเด่นกว่า Sedan ทั่วไปแบบชัดเจนครับด้านหน้าที่กดต่ำจนเตี้ยแบน ดันซุ้มล้อด้านหน้าให้มีความสูง และ เห็นทรงเป็นมัดกล้ามส่งผลให้เวลาเจอแสงเงานั้นดูมีความลึกนูนได้ชัดเจนและทรงของไฟหน้า กระจังหน้าส่งให้รถมีความดุดันชัดเจน ด้านหลังนั้นมีความสั้นและเน้นเส้นสายบ่าด้านข้างทำให้มีความแบนมากขึ้นและทรงรถภาพรวมคล้ายกับรถยนต์ Supercar มีกลิ่นอายมาผสมอยู่ในด้านหลังเมื่อมองไกลๆ และในด้านข้างเราจะเห็นซุ้มล้อหน้าหลังนั้นมีความเด่น ดูมีความดุดันมากๆตัวรถค่อนข้างเตี้ย ฝากระโปรงหน้ามีความยาวส่งผลให้ภาพรวมของรถดูกระฉับกระเฉง มีความเป็นรถยนต์ 2 ประตูแบบรุ่นก่อนๆแต่ยังออกแบบให้ใช้งานได้4 ประตูได้แบบลงตัวรวมถึงท่อไอเสีย 4 ท่อจริงพร้อมกับสีน้ำเงินนั้นมีความโดดเด่นขึ้นจากเดิมชัดเจนมากๆ
ทางด้านหน้าตรงทำให้เราเห็นเอกลักษณ์ของ Maserati แบบชัดเจนขึ้นทั้งตัวกระจังหน้าที่มีความใหญ่เด่นทรงดุดันพร้อมกับ โลโก้ ตรีศูลชัดเจน อีกทั้งในรุ่น Grandsport นั้นจะเป็นกระจังหน้าสีดำ พร้อมกับ กันชนแบบสปอร์ตนั้นเองอีกทั้งตัวรถ แน่นอนว่ามีความต่ำมากๆเมื่อเทียบกับตำแหน่งที่ติดตั้งป้ายทะเบียนของคันนี้ครับ ด้านหน้าเป็นส่วนที่สวยลงตัวมากที่สุดในบรรดารถยนต์ Sport Sedan ในระดับเดียวกันดูหรู พรีเมี่ยม และมีความดุดันไปในตัวส่วนตัวค่อนข้างชอบงานออกแบบด้านหน้าค่ายนี้มากกว่าคู่แข่งพอสมควร ส่วนในด้านท้ายนั้นต้องบอกว่าไฟท้ายเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด พร้อมกับเส้นสายไฟสวยงามทันสมัยมากขึ้นเยอะครับ และชุดกันชมล่างแบบสปอร์ต พร้อมกับท่อ ท่อจริงสวยงามถือว่าด้านท้ายดูหนาแน่น และเส้นบ่าชัดมากและชุดกันชนล่างแบบสปอร์ตจะเห็นว่ามีส่วนของสีดำเส้นสายเข้ามาเห็นได้ชัดเจนและสวยงามมากกว่ารุ่นปกติในแบบก่อนหน้าเยอะมาก และไฟท้ายเด่นชึ้นทันสมัยขึ้นหลายเท่าตัว
กระจังหน้าในรุ่น Grandsport นั้นจะเป้นการใช้งานสีดำเงาทั้งหมดในส่วนของซี่แนวตั้ง และโลโก้ รวมถึงเส้นสายขอบด้านบนที่เป็นติ่งยังคงใส่เข้ามาแน่นอนว่ารุ่นนี้โลโก้เป็นแบบโลโก้จริง ไม่ได้มีฟีเจอร์ Radar อะไรครับเลยเป็นโลโก้แบบ 3 มิตินูนต่ำมาตรฐาน รวมถึงในตัวกล้องหน้ากล้องรอบคัน นั้นรุ่นนี้ไม่ได้เลือกฟีเจอร์เข้ามาครับทำให้เราไม่เห็นกล้องหน้า ส่วนช่องดักลมด้านข้างนั้นเราจะเห็นว่าเป็นช่องจริงทั้งหมด และเส้นสาย ปากคว่ำดุดันเสริมเข้ากับกระจังหน้าได้ดีมาก แต่ถ้ารุ่น Grand Lusso นั้นจะเป็นแบบ ทรงหงายขึ้นและไม่ได้มีการแบ่ง 3 ส่วนแบบนี้ครับ ส่วนไฟหน้านั้นจะเป็นทรงแบบเดิมทั้งหมดพร้อมกับ รายละเอียดภายในโคมที่รองรับการใช้งาน MATRIX LED แบบเต็มที่ รวมถึงมีไฟมุมสีส้ม และไฟ DRL รวมถึงไฟเลี้ยวในขอบด้านบนในภาพครับถือว่าเส้นสาย ความสว่างทำได้ดี
ท่อไอเสียน่าจะเป็นอีกจุดเด่นในเรื่องของการใช้งานมากที่สุดในคันนี้อีกจุดครับแน่นอนว่าเรื่องเสียงท่อ เสียงเครื่องยนต์ MASERATI ไม่เคยทำให้เราผิดหวังและในรุ่นนี้แม้จะเป็นเครื่องเล็กลงแต่ท่อให้มาเน้นๆ 4 ท่อทั้งหมด และใช้งานได้จริงทั้งหมดรวมถึงมีการเปิด ปิดเสียงได้ชัดเจนมากขึ้นเมื่อใช้งาน Sport Mode ครับ อีกทั้งการวางท่ออะไรยังคงทำได้สวยงามและเข้ากันกับกันชนด้านหลังได้แบบลงตัวเช่นเดิม และทางด้านแบรนด์ยังคงเป็นตัวเขียนพิเศษ ตรงกลางพร้อมกัน การออกแบบจะงอยตรงกลางเส้นโครเมี่ยมเป็นเอกลักษณ์ที่ใส่เข้ามาทุกรุ่นของค่ายนี้พร้อมกับฝาท้ายไฟฟ้า และกล้องมองหลังใส่เข้ามาให้อีกทั้ง ไฟท้ายเป็นจุดเด่นที่สุดของรุ่นนี้ที่เปลี่ยนแปลงงานออกแบบใหม่ทั้งหมด แม้จะเป็นโคมเดิมก็ตามครับแต่เส้นสาย Lighting Guide สวยงามมากในตัว L คว่ำและไฟเบรก ไฟถอยแบบเส้นตรงๆ LED ทั้งหมด รวมถึงไฟตัดหมอกข้างหลังก็ยังใส่เข้ามาให้ในโคมพร้อมใช้งานแบบเต็มที่ครับ
แน่นอนว่าในรุ่น GrandSport นั้นนอกเหนือจากการตกแต่งยังคงมีตัวล้อที่แตกต่างกันครับ ตัวนี้จะได้ จานเบรก 2 ชิ้น Dual Cast พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดง Brembo ที่เขียน MASERATI และใช้งาน ล้ออัลลอย Urano ปัดเงา ขอบ 20 นิ้ว ขนาดใหญ่ 7 ก้านคู่ครับบอกเลยว่าลงตัวและเข้ากันขนาดของตัวรถได้ดีชัดเจน ซึ่งสีเบรก หรือลายล้อจริงๆสามารถเลือกเปลี่ยนได้ตามใจชอบ ทำให่รถคันนี้มันไม่ได้มีสเปกอะไรตายตัวนั้นเอง คนซื้อปรับได้ทั้งหมดครับ
แน่นอนว่าเอกลักษณ์ช่อง 3 ช่องในค่ายนี้ยังคงใส่เข้ามาให้ทุกรุ่นและรุ่นนี้ยังคงมีใส่เข้ามาแต่ด้วยความเป็น HYBRID จะมีความแตกต่างกับรุ่นปกติคือในเรื่องของสี จะเป็นสีขอบแบบ Cobalt Blue นั้นเองซึ่งจะมีความเด่นมากๆถ้าตัวรถเป็นสีอื่นครับแต่อันนี้ก็จะเป็นโทนแตกต่างกับตัวรถอยู่เล็กน้อยนะ และสามารถเลือกสีอื่นๆได้ถ้าไม่ชอบสีฟ้า Hybrid ครับ รวมถึงโลโก้ตรงเสา C ด้วยเช่นกันจะเป็นขีดแบบสีฟ้า แต่ถ้าไม่ชอบก็เปลี่ยนได้เช่นกันครับ
ชื่อสินค้า:
MASERATI GHIBLI HYBRID
คะแนน:
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
- ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
Toyota อวดโฉมตัวแต่ง Camry GT-S Concept จากพื้นฐาน Camry Hybrid AWD ที่งาน 2025 SEMA Show
Toyota เผยโฉรถต้นแบบของสปอร์ตซีดานยุคใหม่ด้วยการเปิดตัว Camry GT-S Concept อย่างเป็นทางการในงานมหกรรมรถแต่ง SEMA Show 2025 ที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา โดยรถต้นแบบรุ่นนี้พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ Camry XSE AW
สมาชิกหมายเลข 8930230
รีวิว MASERATI GHIBLI DISEL GRAN LUSSO สปอร์ตซีดาน ดีไซน์หรู สมรรถนะโหด ราคาดีกว่าที่คิด !
MASERATI เป็นแบรนด์ที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่ยุคสมัยก่อน อีกทั้งในไทยเองถือว่าเป็นแบรนด์ที่พรีเมี่ยม มีระดับเลยทีเดียวครับเป็นแบรนด์รถยนต์จากประเทศอิตาลีที่มีความคลาสสิก และโ
Techhangout
เหตุใด ทีมงานออกแบบรถ toyota travo จึงไม่เพิ่มเส้นสายลายเว้านูนบริเวณส่วนกลาง(ตัวถัง,ประตู)ให้เข้ากับหน้ารถ-ท้ายรถ
...นั่งดูคลิปเปิดตัว toyota travo เห็นมีการปรับเปลี่ยนด้านหน้ารถ และท้ายรถ...ให้มีเหลี่ยมสัน มีเส้นสายเว้านูน เพิ่มมิติให้แตกต่างจาก revo * แต่ตรงส่วนกลาง ลำตัว, บริเวณประตู...กลับใช้รูปทรงโค้งมน (ไ
สมาชิกหมายเลข 6916554
แบบนี้หายง่วงยัง Changan Lumin รุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่ ก่อนเปิดตัวในจีน
วันที่ 24 พฤษภาคม 2025 เราได้พบข้อมูลการยื่นจดทะเบียนจากรายชื่อใหม่ของกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน ซึ่งปรากฏชื่อรุ่น Changan Lumin รุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่ โดยตัวรถมีการปรับโฉมเล็
peramin
นิสสัน Micra ใหม่หมดจด ในร่าง EV สุดล้ำ ดีไซน์จัดจ้าน ขายยุโรปปลายปี
ขอบคุณที่มาและสามารถอ่านรายละเอียดทั้งหมดได้จากลิงค์ด้านล่างนี้: https://mgronline.com/motoring/detail/9680000047723?tbref=hp การกลับมาอีกครั้งของชื่อระดับตำนาน "Micra" จากนิสสัน (หรือนิสสั
C.Moon
Honda Prelude ในตำนานกลับมาให้สัมผัสตัวจริง ที่ The M.O.V.E. by Honda
Autospinn.com Honda อัปเดตไฮไลท์ยนตรกรรมครั้งใหญ่ที่ “The M.O.V.E. by Honda” ณ EM GLASS ชั้น G ศูนย์การค้า EMSPHERE Honda ยกอนาคตมาไว้ที่เอ็มสเฟียร์! นำโดย Prelude ใหม่, Super EV และ CUV
สมาชิกหมายเลข 8930230
รีวิว BMW 220i Gran Coupe M Sport น้องเล็ก ราคาดี รูปทรงสวย งบ 2.239 ล้านบาท !
BMW น้องเล็กในตระกูล Series 2 เองนั้นถือว่าเป็นตระกูลเริ่มต้นของค่ายและแม้จะมีตัวถัง Coupe ที่เป็นสายซิ่ง M2 ต่างๆมากมาย แต่ทาง BMW เองก็มีตัวถัง
Techhangout
Hyundai IONIQ 6 เปิดตัว มี.ค นี้ เทคโนโลยีจัดเต็ม วิ่งไกลสุด 614 กม.
Hyundai Ioniq 6 รถยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมความโดดเด่นในด้านเทคโนโลยี ซึ่งเริ่มได้จากดีไซน์ทรงโค้งมนลาดเทตั้งแต่ด้านหน้า จนไปถึงส่วนท้ายรถ ส่งผลทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd) เพียง 0.21 ซึ่งจะทำให้
กระท่อมน้อยริมบึง
น่าสน Huawei Stelato S9T เปิดจอง 1 ชม. ยอด 1 หมื่นคัน
Stelato เป็นแบรนด์ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง Huawei และ BAIC โดยเข้าสู่ตลาดครั้งแรกในปีที่ผ่านมา ด้วยรถซีดานหรู Stelato S9 หลังจากเปิดตัวยอดจองใน 1 ชั่วโมง 1 หมื่นคัน วันที่ 18 สิงหาคม 2025 Stelato ไ
สมาชิกหมายเลข 8577804
Subaru Impreza S-Edition รุ่นพิเศษสำหรับออสเตรเลีย ชุดแต่ง STI ขุมพลัง 2.0 Boxer NA
ถึงแม้ Subaru Impreza เจเนอเรชันปัจจุบัน (รุ่นที่ 6) จะยังไม่มีเวอร์ชันสมรรถนะสูงแบบเต็มสูบให้เลือกในรูปแบบ STI อย่างที่แฟนๆ หลายคนคาดหวัง แต่ล่าสุด Subaru ออสเตรเลียก็ได้สร้างสีสันให้กับตลาดด้วยการเป
สมาชิกหมายเลข 8930230
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
Maserati Ghibli
Maserati (รถยนต์)
Super Car
รถยนต์
รถยนต์ไฮบริด
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 1
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[SR] รีวิว MASERATI GHIBLI HYBRID สปอร์ตซีดาน ตัวแรง พรีเมี่ยม ราคาเริ่ม 5.99 ล้านบาท !
MASERATI รถยนต์ระดับ SUPERCAR ในราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาทถือว่าเป็นครั้งแรกที่ทำราคาออกมาได้ดีและคุ้มค่าขนาดนี้ ต้องยกความดีให้การใช้งาน MHEV หรือ HYBRID นั้นเองทำให้เรื่องราคาขายในประเทศไทยนั้นจับต้องได้ง่ายขึ้นและราคาคุ้มค่ามากขึ้นไปกว่าเดิม และยังคงความพรีเมี่ยม คุณภาพสูงยนตกรรมจาก อิตาลีได้ดีงามเช่นเดิมครับ ทำให้สัมผัส จับต้อง คุณภาพ การขับขี่ที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ MASERATI ได้เช่นเดิม ทางด้าน GHIBLI นั้นแม้จะออกมานานพอสมควรแต่ในเรื่องของงานออกแบบ ดีไซน์ รวมถึงการขับขี่ยังคงทำได้น่าประทับใจเช่นเดิมและยิ่งในตัว HYBRID นี้มีการเปลี่ยนแปลงภายนอก ภายในให้ทันสมัยมากขึ้นรวมถึง การปรับมาใช้ขุมพลังแบบใหม่ ครั้งแรกของค่ายที่มี มอเตอร์ไฟฟ้า 48V เข้ามาเสริมด้วยเช่นกันครับ ทำให้ใช้งานขุมพลังเล็กลงและเรื่องของ การขับขี่ พละกำลังไม่ธรรมดาเลยทีเดียว รวมถึงเรื่องของเสียงท่อ เสียงเครื่องยังคงทำได้ดุดันเช่นเดิม
GHIBLI HYBRID นั้นจะเปิดราคาเริ่มต้นที่ 5.99 ในรุ่นพื้นฐาน และมีรุ่น Grand Lusso และ Grand Sport แตกต่างกันไป ซึ่งในรีวิวนี้จะเป็นรุ่นตกแต่งพิเศษแบบ Grand Sport ทำให้ราคานั้นก็เพิ่มขึ้นตามออฟชั่นการตกแต่งไปด้วยนั้นเองครับ แต่เรื่องของการขับขี่ หน้าตาบางส่วนนั้นจะไม่ได้หนีกันไปมาก จะแตกต่างกันในเรื่องของ ล้อ กันชนหน้าหลัง และ ดีไซน์สีสันบางส่วนนั้นเองครับ แต่ไฟหน้าไฟท้าย ต่างๆนั้นจะเหมือนกันทั้งหมด ซึ่งรุ่นย่อยนั้นไม่ได้มีการบอกสเปกแน่นอนเพราะว่า MASERATI เองนั้นสามารถเปลี่ยน ปรับแต่งออฟชั่นได้ตามสั่งทุกส่วนทำให้ไม่ได้มีออฟชั่นแยกแต่ละรุ่นย่อยชัดเจนนั้นเองครับ แต่เรื่องของเครื่องยนต์นั้นจะมาพร้อมกับ เครื่องยนต์ GME T4 MultiAir แบบ 4 สูบเรียง 16 วาล์ว 1,998 ซีซี. อัดอากาศด้วย e-Booster 48V (เทอร์โบไฟฟ้า) ที่รอบต่ำ เทอร์โบชาร์จเจอร์เดี่ยวแบบ Mono-scroll ที่รอบกลางและสูง และมอเตอร์ Mild-hybrid ให้กำลังสูงสุด 330 แรงม้า (PS) ที่ 5,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ ZF 8HP70 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง สามารถขับ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.7 วินาที และ ความเร็วสูงสุด 255 กม./ชม. และทางด้านช่วงล่าง และ เบรค ถ้าเป็น Grand Sport จะใช้งาน ช่วงล่างแบบ Skyhook ปรับความหนืดได้ และด้านหน้าใช้ คาลิปเปอร์BREMBO 4 Pot สีแดง ถ้ารุ่นปกติจะเป็นสีดำ นั้นเอง แต่ทั้งนี้สเปกสามารถเปลี่ยนเองได้ทั้งหมดด้วยเช่นกันครับ ในรุ่นที่รีวิวนั้นจะได้ Sunroof ไฟฟ้า แป้นเบรค อลูมีเนียม และ การตกแต่งภายในสีดำเงา รวมถึงกันชนหน้าหลังที่จะเป็นจุดสังเกตหลักๆ ในรหัสนี้ แต่ถ้ามองในเรื่องของการขับขี่ ระบบขับเคลื่อนทุกอย่างนั้นจะไม่ได้หนีจากรุ่นเริ่มต้น 5.99 ล้านบาททำให้เราได้การขับขี่ที่ไม่ธรรมดาครับแม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นก็ตาม ต้องบอกว่าการลุยตลาดครั้งนี้ ทำราคาได้ดี และสัมผัสความแรงความคุ้มค่าได้มากกว่าเดิม
MASERATI GHIBLI HYBRID : MHEV ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท พร้อมกับ ประกัน Warranty 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และฟรีค่าบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม.ส่วนรุ่นที่รีวิวนั้นจะเป็น Grand Sport แต่ออฟชั่นราคา เพิ่มเติมแล้วแต่การสั่งใช้งานอีกทีนึงครับ
EXTERIOR
งานออกแบบภายนอกนั้นเราจะเห็นได้ชัดเจนว่ารูปทรงงานดีไซน์นั้นไม่ได้หนีจากรุ่นก่อนหน้าที่เป็น ดีเซล หรือ เบนซินล้วนนั้นเอง แต่การตกแต่งถ้าเทียบกับรุ่นที่เราเคยรีวิวไปแน่นอนว่ารุ่นย่อยคนละแบบกันชัดเจนครับ รวมถึงการดูว่าเป็น HYBRID นั้นจะเห็นได้ชัดเจนในเรื่องของไฟท้าย และ สีสันตามช่อง โลโก้ต่างๆนั้นเอง แต่เรื่องของรูปทรง แม้จะออกมาตั้งแต่ปี 2010 แล้วก็ตามแต่ดีไซน์รูปทรงของตัวรถต้องบอกว่าไม่ตกยุคเลยแม้แต่น้อยแม้จะมีอายุร่วม 10 ปีแล้ว และในรุ่นนี้นั้นเป็นการปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่ในบางส่วนเช่นในกันชนหน้า กระจังหน้า ไฟหน้า กันชนท้าย ทั้งหมดครับถือว่าเปลี่ยนน้อยมากๆ แต่ก็เพิ่มความทันสมัยของตัวรถได้ดีเลยแหละ เพราะต้องบอกกันก่อนว่าค่ายนี้แต่ละโมเดลออกมาคือขายยาวนานมาก และแต่ละโมเดลนั้นบางทีไม่ได้ทำต่อเนื่องเลยทำให้การออกแบบแต่ละรุ่นนั้นมีความใส่ใจในงานออกแบบเน้นมากๆ ทำให้ดีไซน์มันอมตะและดูสวยนานจริงๆครับจุดนี้ต้องยอมรับค่ายนี้เลยทีเดียว ดีไซน์ภาพรวมนั้นมีความเตี้ย แบนและมีกระโปรงหน้ายาว และเส้นสายชัดเจนมีบ่าสวยงามทำได้ลงตัวมากเลยครับ เส้นสายมัดกล้ามชัดเจนและการที่กดหน้าต่ำเห็นซุ้มล้อหน้าทำให้มันดูดุดันขึ้นเยอะมากครับ และการตกแต่ง Grandsport เส้นสายช่องดักลมด้านหน้าต่างๆนั้นมีความคม เส้นสายดุดัน และลายล้อกระจังหน้าเข้มขึ้นชัดเจน
แน่นนอว่าทางด้านรูปทรงการออกแบบของตัวรถนั้นการที่ทาง Maserati พยายามเน้นด้านหน้าให้มีความยาวคล้ายกับรถยนต์สปอร์ตส่งผลให้ทรงของตัวรถนั้นมีความโดดเด่นกว่า Sedan ทั่วไปแบบชัดเจนครับด้านหน้าที่กดต่ำจนเตี้ยแบน ดันซุ้มล้อด้านหน้าให้มีความสูง และ เห็นทรงเป็นมัดกล้ามส่งผลให้เวลาเจอแสงเงานั้นดูมีความลึกนูนได้ชัดเจนและทรงของไฟหน้า กระจังหน้าส่งให้รถมีความดุดันชัดเจน ด้านหลังนั้นมีความสั้นและเน้นเส้นสายบ่าด้านข้างทำให้มีความแบนมากขึ้นและทรงรถภาพรวมคล้ายกับรถยนต์ Supercar มีกลิ่นอายมาผสมอยู่ในด้านหลังเมื่อมองไกลๆ และในด้านข้างเราจะเห็นซุ้มล้อหน้าหลังนั้นมีความเด่น ดูมีความดุดันมากๆตัวรถค่อนข้างเตี้ย ฝากระโปรงหน้ามีความยาวส่งผลให้ภาพรวมของรถดูกระฉับกระเฉง มีความเป็นรถยนต์ 2 ประตูแบบรุ่นก่อนๆแต่ยังออกแบบให้ใช้งานได้4 ประตูได้แบบลงตัวรวมถึงท่อไอเสีย 4 ท่อจริงพร้อมกับสีน้ำเงินนั้นมีความโดดเด่นขึ้นจากเดิมชัดเจนมากๆ
ทางด้านหน้าตรงทำให้เราเห็นเอกลักษณ์ของ Maserati แบบชัดเจนขึ้นทั้งตัวกระจังหน้าที่มีความใหญ่เด่นทรงดุดันพร้อมกับ โลโก้ ตรีศูลชัดเจน อีกทั้งในรุ่น Grandsport นั้นจะเป็นกระจังหน้าสีดำ พร้อมกับ กันชนแบบสปอร์ตนั้นเองอีกทั้งตัวรถ แน่นอนว่ามีความต่ำมากๆเมื่อเทียบกับตำแหน่งที่ติดตั้งป้ายทะเบียนของคันนี้ครับ ด้านหน้าเป็นส่วนที่สวยลงตัวมากที่สุดในบรรดารถยนต์ Sport Sedan ในระดับเดียวกันดูหรู พรีเมี่ยม และมีความดุดันไปในตัวส่วนตัวค่อนข้างชอบงานออกแบบด้านหน้าค่ายนี้มากกว่าคู่แข่งพอสมควร ส่วนในด้านท้ายนั้นต้องบอกว่าไฟท้ายเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด พร้อมกับเส้นสายไฟสวยงามทันสมัยมากขึ้นเยอะครับ และชุดกันชมล่างแบบสปอร์ต พร้อมกับท่อ ท่อจริงสวยงามถือว่าด้านท้ายดูหนาแน่น และเส้นบ่าชัดมากและชุดกันชนล่างแบบสปอร์ตจะเห็นว่ามีส่วนของสีดำเส้นสายเข้ามาเห็นได้ชัดเจนและสวยงามมากกว่ารุ่นปกติในแบบก่อนหน้าเยอะมาก และไฟท้ายเด่นชึ้นทันสมัยขึ้นหลายเท่าตัว
กระจังหน้าในรุ่น Grandsport นั้นจะเป้นการใช้งานสีดำเงาทั้งหมดในส่วนของซี่แนวตั้ง และโลโก้ รวมถึงเส้นสายขอบด้านบนที่เป็นติ่งยังคงใส่เข้ามาแน่นอนว่ารุ่นนี้โลโก้เป็นแบบโลโก้จริง ไม่ได้มีฟีเจอร์ Radar อะไรครับเลยเป็นโลโก้แบบ 3 มิตินูนต่ำมาตรฐาน รวมถึงในตัวกล้องหน้ากล้องรอบคัน นั้นรุ่นนี้ไม่ได้เลือกฟีเจอร์เข้ามาครับทำให้เราไม่เห็นกล้องหน้า ส่วนช่องดักลมด้านข้างนั้นเราจะเห็นว่าเป็นช่องจริงทั้งหมด และเส้นสาย ปากคว่ำดุดันเสริมเข้ากับกระจังหน้าได้ดีมาก แต่ถ้ารุ่น Grand Lusso นั้นจะเป็นแบบ ทรงหงายขึ้นและไม่ได้มีการแบ่ง 3 ส่วนแบบนี้ครับ ส่วนไฟหน้านั้นจะเป็นทรงแบบเดิมทั้งหมดพร้อมกับ รายละเอียดภายในโคมที่รองรับการใช้งาน MATRIX LED แบบเต็มที่ รวมถึงมีไฟมุมสีส้ม และไฟ DRL รวมถึงไฟเลี้ยวในขอบด้านบนในภาพครับถือว่าเส้นสาย ความสว่างทำได้ดี
ท่อไอเสียน่าจะเป็นอีกจุดเด่นในเรื่องของการใช้งานมากที่สุดในคันนี้อีกจุดครับแน่นอนว่าเรื่องเสียงท่อ เสียงเครื่องยนต์ MASERATI ไม่เคยทำให้เราผิดหวังและในรุ่นนี้แม้จะเป็นเครื่องเล็กลงแต่ท่อให้มาเน้นๆ 4 ท่อทั้งหมด และใช้งานได้จริงทั้งหมดรวมถึงมีการเปิด ปิดเสียงได้ชัดเจนมากขึ้นเมื่อใช้งาน Sport Mode ครับ อีกทั้งการวางท่ออะไรยังคงทำได้สวยงามและเข้ากันกับกันชนด้านหลังได้แบบลงตัวเช่นเดิม และทางด้านแบรนด์ยังคงเป็นตัวเขียนพิเศษ ตรงกลางพร้อมกัน การออกแบบจะงอยตรงกลางเส้นโครเมี่ยมเป็นเอกลักษณ์ที่ใส่เข้ามาทุกรุ่นของค่ายนี้พร้อมกับฝาท้ายไฟฟ้า และกล้องมองหลังใส่เข้ามาให้อีกทั้ง ไฟท้ายเป็นจุดเด่นที่สุดของรุ่นนี้ที่เปลี่ยนแปลงงานออกแบบใหม่ทั้งหมด แม้จะเป็นโคมเดิมก็ตามครับแต่เส้นสาย Lighting Guide สวยงามมากในตัว L คว่ำและไฟเบรก ไฟถอยแบบเส้นตรงๆ LED ทั้งหมด รวมถึงไฟตัดหมอกข้างหลังก็ยังใส่เข้ามาให้ในโคมพร้อมใช้งานแบบเต็มที่ครับ
แน่นอนว่าในรุ่น GrandSport นั้นนอกเหนือจากการตกแต่งยังคงมีตัวล้อที่แตกต่างกันครับ ตัวนี้จะได้ จานเบรก 2 ชิ้น Dual Cast พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดง Brembo ที่เขียน MASERATI และใช้งาน ล้ออัลลอย Urano ปัดเงา ขอบ 20 นิ้ว ขนาดใหญ่ 7 ก้านคู่ครับบอกเลยว่าลงตัวและเข้ากันขนาดของตัวรถได้ดีชัดเจน ซึ่งสีเบรก หรือลายล้อจริงๆสามารถเลือกเปลี่ยนได้ตามใจชอบ ทำให่รถคันนี้มันไม่ได้มีสเปกอะไรตายตัวนั้นเอง คนซื้อปรับได้ทั้งหมดครับ
แน่นอนว่าเอกลักษณ์ช่อง 3 ช่องในค่ายนี้ยังคงใส่เข้ามาให้ทุกรุ่นและรุ่นนี้ยังคงมีใส่เข้ามาแต่ด้วยความเป็น HYBRID จะมีความแตกต่างกับรุ่นปกติคือในเรื่องของสี จะเป็นสีขอบแบบ Cobalt Blue นั้นเองซึ่งจะมีความเด่นมากๆถ้าตัวรถเป็นสีอื่นครับแต่อันนี้ก็จะเป็นโทนแตกต่างกับตัวรถอยู่เล็กน้อยนะ และสามารถเลือกสีอื่นๆได้ถ้าไม่ชอบสีฟ้า Hybrid ครับ รวมถึงโลโก้ตรงเสา C ด้วยเช่นกันจะเป็นขีดแบบสีฟ้า แต่ถ้าไม่ชอบก็เปลี่ยนได้เช่นกันครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้