////หมอรามาฯเผยฝันร้ายโควิดลูกเอาเชื้อติดพ่อแม่-เตียงล้น-ยาจำกัด รพ.ป้อมแตกแล้ว //รอเตียงพุ่งมากถึง 1,423 ราย////

ติดโควิดรอเตียงพุ่งมากถึง 1,423 ราย 'หมอทวีศิลป์' ขออภัย-ให้อดทนสักนิด


วันที่ 23 เม.ย.64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (อีโอซี) รับทราบถึงสถานการณ์ปัญหาต่างๆ และพยากรณ์เรื่องของเตียงจะมีการใช้เตียงอย่างไร ซึ่งมีความห่วงใยเรื่องเตียงไอซียู โดยกทม.มี 262 เตียง โดยแบ่งเตียงหรือขยายเตียงหรือเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ ทั้งโรงเรียนแพทย์ รพ.สังกัด กทม. สธ. มีการใช้เตียงทั้งหมด ตอนนี้ไอซียูว่างอยู่ 69 เตียง ส่วนห้องแยกความดันลบ (AIIR) มีเตียง 479 เตียง ใช้ 410 เตียง ว่าง 69 เตียง โดยมีการคิดไปข้างหน้า หากมีอัตราการติดเชื้อ ทรัพยากรเตียงจะถูกใช้ไปหรือหมดไปอย่างไร
ข่าวแนะนำ
 
'ไอซ์' ร่ำไห้เปิดใจ อัพเดตอาการ 'น้าค่อม' ปอด-ไตเริ่มล้มเหลว ต้องฟอกวันละ 3 รอบ
 
เผยอีกมุม ปมคลิป เทปูนตอนน้ำท่วม เล่าเหตุการณ์หน้างาน มีแต่คนบอกว่าดีแล้ว
 
งานเข้าเลย แพท ณปภา ดราม่าเล่นเกินงาม แด๊ดดี้แพท เผยคลิปลูก
 
“มีการพยากรณ์ว่าถ้าติดเชื้อ 1,500 รายต่อวัน จะเกิดการใช้เตียงจำนวนมาก ทั้งประเทศจะใช้ไอซียูประมาณ 52 เตียงต่อวัน รองรับได้อีก 19 วันหรือเกือบ 3 สัปดาห์ ส่วนกทม.ใช้ 10-13 เตียงต่อวัน โดยใช้ได้ประมาณ 6-8 วันข้างหน้า เป็นมาตรการที่ สธ.จะรับไปบริหารจัดการใน กทม. ถือเป็นภาวะเร่งด่วนของกทม. ซึ่งสธ.ไม่นิ่งนอนใจพยายามบูรณาการเตียง ทรัพยากรของคน ไม่ใช่แค่เตียงจะรักษาผู้ป่วยได้ บุคลากรทางการแพทย์ก็ต้องทำงานหนักอย่างมาก สธ.พยายามดูแลเต็มที่ กลุ่มนี้ก็ต้องได้รับวัคซีนดูแล ซึ่งการฉีดล็อตนี้จะให้เจ้าหน้าที่หน้างานได้ก่อน” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
 
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ถ้ามีเตียงไอซียูใน 1 สัปดาห์ก็ถือว่าไม่เพียงพอ ต้องเพิ่มมากขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกทม.เหลือเวลาที่สั้นมาก ปลัด สธ.พูดคุยกับทุกภาคส่วนใน 3 แนวทาง คือ
1.แบ่งเตียง เพิ่มจำนวนในสถานที่เดิม คนไข้กลุ่มนี้ต้องได้รับการดูแลที่เหมาะสม การดูดอากาศปรับอากาศที่เหมาะสม 2.อาจจะต้องเกิดลักษณะโคฮอทไอซียู ใช้พื้นที่ไอซียูที่กว้างขึ้น วอร์ดอื่นที่ปรับขึ้นมา เอาคนไข้กลุ่มเดียวกันเข้าไปอยู่ด้วยกัน เพื่อขยายเตียงเต็มที่ และ 3.อาจต้องมีไอซียูสนาม มีการพูดคุยกันอยู่ มีความยุ่งยาก ต้องปรับพื้นที่ โดย รพ.ราชวิถีเป็นรพ.หลักของ สธ. จะต้องขยายเตียงขึ้นมาก่อนรองรับตรงนี้ ทุกข้อมูลทุกนาทีเราพยายามทำอย่างเต็มที่ ป่วยหนักเข้ามารับการรักษาจะดูแลเต็มที่
“ศบค.ขออภัยทุกสายที่รอในการโทรเข้ามาในเบอร์ 1668 1669 1330 ตอนนี้สายเข้ามาจำนวนมาก มีระบบแชทบอตก็ยังไม่เพียงพอ วันนี้มีการขอให้มีการปรับระบบ โดยผู้ที่โทร.เข้ามาขอให้เป็นรายป่วยจริงๆ ที่มีผลยืนยันเชื้อ โทรไปแล้วไม่ว่าเบอร์ใดเบอร์หนึ่ง ให้ฝากเบอร์โทรข้อมูลสำคัญ และชุดการตรวจไว้ และจะจัดชุดคู่สายขึ้นมาอีก 1 ทีม 50 สาย เป็นคนโทรกลับไปเพื่อรับทราบ แบ่งแยกกลุ่ม เขียว เหลือง แดง ตอนนี้มีผู้ป่วยรอเตียง ตัวเลขจากกรมการแพทย์ มีคนรออยู่ 1,423 ราย เพิ่มขึ้นวันนี้ 264 คน เมื่อวานช่วยให้รับการรักษาไปแล้ว 474 คน”
“ทั้งนี้ กลุ่มสีเขียว ก้อนใหญ่ 80% จะต้องหาที่อยู่ก่อน เพราะเดินทางไปได้เอง มีโอกาสมีที่อยู่ ไม่เป็นผู้แพร่เชื้อผู้อื่น ปัญหาหนักที่เป็นมากขึ้นคือสีเหลือง แดง ขออดทนสักนิด พยายามอย่างเต็มที่ เราแบ่งเตียง ขยายอย่างสุดสามารถ ทั้ง 1,423 คนในระบบตอนนี้ถ้าโทรเข้ามาจะรับการติดต่อกลับไป ในฐานะโฆษก ศบค.ต้องขออภัยอย่างสูง” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6357883

--------------------------------------



หมอรามาฯ เผยฝันร้ายโควิด ลูกเอาเชื้อติดพ่อแม่-เตียงล้น-ยาจำกัด รพ. ป้อมแตกแล้ว !
https://covid-19.kapook.com/view240359.html

  แพทย์รามาฯ โพสต์เตือน หลังสงกรานต์ผู้ติดเชื้อพุ่ง ลูกหลานกลับบ้านแพร่โควิด ล่าสุดเริ่มวิกฤตระบุไม่ได้ติดจากไหน เตียงเริ่มไม่พอ เริ่มใช้ยาอย่างระวัง เข้าขั้นวิกฤตแล้ว วอนช่วยกันหยุดการแพร่ระบาดด่วน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Suppachok NeungPeu Kirdlarp

          วันที่ 23 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ศุภโชค เกิดลาภ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์เฟซบุ๊ก Suppachok NeungPeu Kirdlarp ถึงสถานการณ์โควิด-19 ล่าสุด ที่ส่อเค้ารุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงหลังสงกรานต์ ที่กลายเป็นว่าเมื่อไม่มีการล็อกดาวน์ ก็ทำให้ลูกหลานกลับไปเยี่ยมญาติตามต่างจังหวัด และพลอยติดเชื้อกันไปด้วย
          ทั้งนี้ คุณหมอศุภโชค บอกว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 เข้าสัปดาห์ที่ 3 ของการระบาดอย่างรุนแรงของโควิด 19 ในรอบนี้ รัฐบาลไม่สามารถสั่งล็อกดาวน์ได้ อาจจะด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจหรืออื่น ๆ ซึ่งสิ่งที่เจอในตอนนี้ เป็นดั่งฝันร้ายของวงการสาธารณสุข
          ตอนแรกของการระบาด คนที่ติดคือคนทำงาน หรือคนที่ไปเที่ยวสถานบันเทิง แต่ในตอนนี้ คนที่ติดเริ่มเป็นผู้สูงอายุ พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย โดยส่วนใหญ่นั้น คือติดมาจากลูก ๆ ที่กลับบ้านช่วงสงกรานต์ บางคนบอกว่าลูกกลับมาจากเที่ยว และในช่วง 2-3 วันมานี้ เริ่มจะติดตามไม่ได้แล้วว่าติดมาจากไหน ใช้แต่อาการแสดงทาง clinical + lab + CXR และเมื่อสอบถามก็พบว่า ไม่มีไม่ความเสี่ยงอะไรเลย
 หลายจุดที่ติดมีความลำบากอย่างมาก เช่น พ่อแม่ติด ลูกไม่ติด แต่ลูกอายุ 3 เดือน, ลูกเอาเชื้อมาติดปู่ย่าตายายที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง, ลูกติดเชื้อโควิด แต่ปู่ย่าตายายที่ติดเตียง ไม่มีใครพาไปตรวจได้
          คนไข้ที่ต้องนอนแอดมิต ประมาณ 50-60 เปอร์เซ็นต์ เป็นปอดอักเสบ อีก 10-20% อาการหนักต้องเข้า ICU บางส่วนต้องใส่ท่อช่วยหายใจ แม้จะให้ยาต้านโควิดไวแค่ไหน ก็เอาไม่อยู่
          คนไข้เก่าไม่ออก คนไข้ใหม่เข้ามาไม่ได้ กลายเป็นปรากฏการณ์คอขวด คนที่รออยู่บ้าน 40-50% จะเกิดปอดอักเสบ กว่าจะแอดมิตก็ช้า เข้ามาก็คืออาการหนักเลย เข้าไอซียูหนักกว่าเดิม เปิดเตียงเท่าไรก็ไม่พอ เพราะคนทำงานไม่พอ โรงพยาบาลเกิดปรากฏการณ์ "ป้อมแตก" เจ้าหน้าที่บางคนไปติดเชื้อมาจากบ้าน หรือติดเชื้อมาโดยที่ไม่ตั้งใจ
    สิ่งที่แย่คือ ยา favipiravir ถูกใช้อย่างจำกัดจำเขี่ย และเกิดความกังวลว่ายาจะไม่พอ จนทำให้เกิดวงจร => เตียงไม่พอ => แอดมิตไม่ได้ => รออยู่บ้าน => อาการหนักเพราะไม่ได้ให้ยา=> ต้องใช้ยาเยอะกว่าเดิมและใช้ ICU => กินเตียงนาน => เตียงเต็มเตียงไม่พอ แม้จะมีความพยายามในการกระจายเคสไอซียู แต่เนื่องจากเตียงเต็ม จนหมุนไม่ได้
          เจ้าหน้าที่ทำงานหนัก 200% ทุกภาคส่วน บางโรงพยาบาลเตียงล้นไปแล้ว อีกทั้งคนหายไปเพราะโดนกักตัว จนทำให้ผู้ป่วยคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ติดโควิดได้รับความเดือดร้อนตามไปอีก เพราะบุคลากรไม่พอ
          สุดท้ายจึงอยากขอให้ทุกคนช่วยกันร่วมมือหยุดวงจรเหล่านี้ เพราะถ้าไม่เช่นนั้น อาจจะมีวันที่เราไม่เหลือเตียงและยารักษา หวังว่าเบื้องบนระดับผู้ใหญ่ระดับประเทศจะเห็นพ้องตรงกันว่า นี่คือวิกฤตของประเทศแล้ว


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่