สวัสดีค่ะ ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ อยากระบายมากๆ ตอนนี้ เรื่องปัญหาเล็กๆ น้อยๆ นี่ล่ะ คือนี่เป็นคนรูปร่างสูง เเต่อ้วนค่ะ หน้าตาก็ไม่เอาไหน ตอนเด็กๆ ผู้ใหญ่เเถวบ้าน ญาติๆ เพื่อน หรือลุงๆ ป้าๆ จะชอบเเซวเรื่องผิว เราเป็นคนผิวดำเเต่เด็กค่ะ เกิดจากกรรมพันธุ์ ซึ่งเรื่องโดนล้อนี่ เหมือนเขาจะล้อกันประมาณว่า หยอกเพราะรักอะไรประมาณนี้ เเต่จริงๆ เขาไม่รู้เลยว่า ตอนที่เขาล้อเราคิดอะไรอยู่ "ทำไมต้องดำ" "ทำไมไม่ขาวสักที" "ทำไมเพื่อนถึงหัวเราะใส่เรา" "ทำไมต้องด่ากัน" นี่คือสิ่งที่เด็กหก-เจ็ดขวบคิด จำได้ดีเลยค่ะว่าตอนนั้นเเอบร้องไห้อยู่บ่อยๆ ตอนอาบน้ำ ก่อนออกจากห้องน้ำก็ต้องทำให้ตาหายเเดง(พกกระจกไปด้วย) เลยโดนไปอีกดอกคือเรื่องอาบน้ำนาน อันนี้เราก็ผิดจริงๆ เเหละ
ต่อกันที่ช่วงสิบขวบ เราเริ่มเก็บตัวอยู่เเต่ในบ้าน ไม่อยากออกไปไหนกลัวโดนมองว่าดำบ้างอะไรบ้าง พออยู่เเต่ในห้องกินๆ นอนๆ ก็อ้วนขึ้น เป็นเหตุให้เรื่องนี้ถูกยกขึ้นมาอีกเรื่อง ทำให้ตอนนั้นหมกตัวอยู่เเต่ในห้องเป็นปี พ่อเเม่ก็ด่าเราเเหละ เพราะไม่ยอมออกไปเล่นข้างนอก พอเขาด่าเราก็ร้องไห้ ร้องเกือบทุกวันอ่ะ เเต่หลบไปร้องในห้องน้ำ ผ่นไปเรื่อยๆ เราก็เริ่มไม่อยากยิ้ม คือมันยิ้มไม่ออกจริงๆ เหมือนไม่มีอะไรเเล้วสักอย่าง มันพังไปหมด อยู่เเต่หน้าเดิมๆ จนญาติพี่น้อง ป้าๆ ลุงๆ ไม่อยากคุยด้วย คิดๆ ไปเเล้วคงไม่มีใครอยากคุยกับเด็กไม่ชอบพูดหรอก ก็ไม่รู้จะพูดอะไรหนิ เขาหันไปคุยเเต่กับเพื่อนสนิทอีกคนที่ชอบว่าเราเรื่องหน้าอยู่เรื่อย (จนถึงตอนนี้ก็ยังปรับความเข้าใจกันอยู่) ซึ่งยอมรับ ณ จุดๆนั้นเลยว่าเเอบอิจฉาเบาๆ เเต่ไม่ได้เเสดงอะไรออกไป ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม นานวันเข้าโดนพ่อเเม่มากขึ้นเรื่อยๆ ญาติพี่น้อง ป้าๆ ลุงๆ อะไรก็ไม่เเล้ว จนสุดท้ายตอนอายุ 11 เเม่สร้างบ้านใหม่ที่ห่างจากบ้านเก่า (บ้านที่อยู่กันเป็นครัวใหญ่ ลุง อา ยาย ฯ ) ซึ่งจากนั้นก็อยู่เเต่ในบ้าน ไม่ไปข้องเเวะกับบ้านเก่าอีกเลย ต่อให้โดนพ่อเเม่ด่าว่าทุบตียังไง ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าออกจากบ้านเลยค่ะตอนนั้น ที่ร.ร. เองจากที่มีเพื่อนบ้าง ก็ลดน้อยลงทุกที ต้องเดินตามหลังเพื่อนกลุ่มนู้นที นี้ที จนอยากอยู่คนเดียว ไม่เคยเลยที่จะมีเพื่อนที่สนิทกันจริงๆ คุยกนบ้างเเต่เหมือนจะไม่ถูกคอ เพราะกังวลทุกครั้งเวลาคุยกับใคร กลัวจริงๆนะ เคยมีเพื่อนคนหนึ่งที่เขามีปัญหาทางครอบครัว เเต่ตอนนี้ย้ายไปสกลฯ ตามป้าไป ตอนที่อยู่ด้วยกันเกือบตลอดที่เราไปไหนกันเเค่สองคน พอตอนนี้เขาไปเเล้ว เราก็ต้องเกาะกลุ่มอื่นไป เเต่ก็เเทบจะเรียกได้ว่าไม่มีตัวตนเลยจริงๆ เราไม่อยากไปโรงเรียนมากๆ มันไม่มีความสุขเลยสักนิด อีกเหตุผลคือสายตาสั้น มองไม่เห็นกระดาน ทางโรงเรียนเคยพาเด็กไปตัดเเว่นมาเเล้ว เเต่เราเป็นคนเดียวที่ใส่ เพื่อนก็ล้อกันตามประสาเด็ก เราก็เลยไม่ใส่ เก็บเเว่นไว้นานจนมันหาย ก็เลยเรียนไม่รู้เรื่องไปเลย เกรดปีนั้นตกลงไปมาก จนมาตอนสิบสองปี เหมือนจะเริ่มคิดได้ เลยหันมาเรียนด้วยตัวเองในอินเทอร์เน็ต ปรากฎว่าการเรียนดีขึ้น ถ้าจำไม่ผิดก็สอบได้ที่สองในชั้นปี มาต่อที่มัธยมต้น เริ่มใส่เเว่น เรียนรู้เรื่อง มีเพื่อนสนิทเป็นกลุ่ม ชอบไปร.ร. มากๆ ไม่อยากอยู่บ้าน เลยย้ายไปอยู่หอกับเพื่อน พ่อกับเเม่ทะเลาะกันบ้าง เเม่อารมไม่ดีก็ชอบด่า พ่อไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเเล้วไปกับเพื่อน ส่วนญาติๆ... ช่างเขาเถอะ นี่เริ่มเข้าช่วงมัธยมปลายไกล้จบ เพื่อนเราค่อนข้างเถลไถลเลยทีเดียว ออกไปขับรถเล่นกลางคืน คบเลิก เเต่ก็เรื่องของเขาเเหละค่ะ ยุ่งไปก็ใช่เรื่อง เราเตือนเเล้วนะ พอมันเริ่มบานปลายเราก็เลยถอยห่างมาอยู่คนเดียว ไปคบเพื่อนใหม่ หลังๆ เริ่มได้ยินเพื่อนเก่านินทาว่าบ้างอะไรบ้าง นี่บางทีถึงขนาดลามปามมากับเพื่อนใหม่เรา เหนื่อยจริงๆ เลย มีตัวๆ อะไรอีกล่ะนั่น เห้อ พยายามไม่สนใจเเล้วนะ เเต่ก็นั่นเเหละ เหมือนจะสนุกปากกันมากเลยไปชวนคนนอกมาร่วมวงด้วย สรุปเเล้วก็คือ.. เห้อ เหนื่อยจริง เพื่อนสนิทใหม่คนนั้นก็เริ่มถอยห่างอีกเเล้ว สุดท้ายเเล้วยังไง อยู่กับเพื่อนใหม่เป็นกลุ่มหรอ? สุดท้ายก็กลับมาเหมือนเดิมไง มันขนาดนี้เลยหรอ อยู่คนเดียวก็ได้ เเต่สุดท้ายก็อิจฉาเขาอยู่ดี เห้อ เบื่อจังโลกจ๋าาา
ขอบคุณที่รับฟังค่ะ 😂🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣
เเค่อยากระบายค่ะ อ่านเเล้วขอบคุณนะ
ต่อกันที่ช่วงสิบขวบ เราเริ่มเก็บตัวอยู่เเต่ในบ้าน ไม่อยากออกไปไหนกลัวโดนมองว่าดำบ้างอะไรบ้าง พออยู่เเต่ในห้องกินๆ นอนๆ ก็อ้วนขึ้น เป็นเหตุให้เรื่องนี้ถูกยกขึ้นมาอีกเรื่อง ทำให้ตอนนั้นหมกตัวอยู่เเต่ในห้องเป็นปี พ่อเเม่ก็ด่าเราเเหละ เพราะไม่ยอมออกไปเล่นข้างนอก พอเขาด่าเราก็ร้องไห้ ร้องเกือบทุกวันอ่ะ เเต่หลบไปร้องในห้องน้ำ ผ่นไปเรื่อยๆ เราก็เริ่มไม่อยากยิ้ม คือมันยิ้มไม่ออกจริงๆ เหมือนไม่มีอะไรเเล้วสักอย่าง มันพังไปหมด อยู่เเต่หน้าเดิมๆ จนญาติพี่น้อง ป้าๆ ลุงๆ ไม่อยากคุยด้วย คิดๆ ไปเเล้วคงไม่มีใครอยากคุยกับเด็กไม่ชอบพูดหรอก ก็ไม่รู้จะพูดอะไรหนิ เขาหันไปคุยเเต่กับเพื่อนสนิทอีกคนที่ชอบว่าเราเรื่องหน้าอยู่เรื่อย (จนถึงตอนนี้ก็ยังปรับความเข้าใจกันอยู่) ซึ่งยอมรับ ณ จุดๆนั้นเลยว่าเเอบอิจฉาเบาๆ เเต่ไม่ได้เเสดงอะไรออกไป ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม นานวันเข้าโดนพ่อเเม่มากขึ้นเรื่อยๆ ญาติพี่น้อง ป้าๆ ลุงๆ อะไรก็ไม่เเล้ว จนสุดท้ายตอนอายุ 11 เเม่สร้างบ้านใหม่ที่ห่างจากบ้านเก่า (บ้านที่อยู่กันเป็นครัวใหญ่ ลุง อา ยาย ฯ ) ซึ่งจากนั้นก็อยู่เเต่ในบ้าน ไม่ไปข้องเเวะกับบ้านเก่าอีกเลย ต่อให้โดนพ่อเเม่ด่าว่าทุบตียังไง ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าออกจากบ้านเลยค่ะตอนนั้น ที่ร.ร. เองจากที่มีเพื่อนบ้าง ก็ลดน้อยลงทุกที ต้องเดินตามหลังเพื่อนกลุ่มนู้นที นี้ที จนอยากอยู่คนเดียว ไม่เคยเลยที่จะมีเพื่อนที่สนิทกันจริงๆ คุยกนบ้างเเต่เหมือนจะไม่ถูกคอ เพราะกังวลทุกครั้งเวลาคุยกับใคร กลัวจริงๆนะ เคยมีเพื่อนคนหนึ่งที่เขามีปัญหาทางครอบครัว เเต่ตอนนี้ย้ายไปสกลฯ ตามป้าไป ตอนที่อยู่ด้วยกันเกือบตลอดที่เราไปไหนกันเเค่สองคน พอตอนนี้เขาไปเเล้ว เราก็ต้องเกาะกลุ่มอื่นไป เเต่ก็เเทบจะเรียกได้ว่าไม่มีตัวตนเลยจริงๆ เราไม่อยากไปโรงเรียนมากๆ มันไม่มีความสุขเลยสักนิด อีกเหตุผลคือสายตาสั้น มองไม่เห็นกระดาน ทางโรงเรียนเคยพาเด็กไปตัดเเว่นมาเเล้ว เเต่เราเป็นคนเดียวที่ใส่ เพื่อนก็ล้อกันตามประสาเด็ก เราก็เลยไม่ใส่ เก็บเเว่นไว้นานจนมันหาย ก็เลยเรียนไม่รู้เรื่องไปเลย เกรดปีนั้นตกลงไปมาก จนมาตอนสิบสองปี เหมือนจะเริ่มคิดได้ เลยหันมาเรียนด้วยตัวเองในอินเทอร์เน็ต ปรากฎว่าการเรียนดีขึ้น ถ้าจำไม่ผิดก็สอบได้ที่สองในชั้นปี มาต่อที่มัธยมต้น เริ่มใส่เเว่น เรียนรู้เรื่อง มีเพื่อนสนิทเป็นกลุ่ม ชอบไปร.ร. มากๆ ไม่อยากอยู่บ้าน เลยย้ายไปอยู่หอกับเพื่อน พ่อกับเเม่ทะเลาะกันบ้าง เเม่อารมไม่ดีก็ชอบด่า พ่อไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเเล้วไปกับเพื่อน ส่วนญาติๆ... ช่างเขาเถอะ นี่เริ่มเข้าช่วงมัธยมปลายไกล้จบ เพื่อนเราค่อนข้างเถลไถลเลยทีเดียว ออกไปขับรถเล่นกลางคืน คบเลิก เเต่ก็เรื่องของเขาเเหละค่ะ ยุ่งไปก็ใช่เรื่อง เราเตือนเเล้วนะ พอมันเริ่มบานปลายเราก็เลยถอยห่างมาอยู่คนเดียว ไปคบเพื่อนใหม่ หลังๆ เริ่มได้ยินเพื่อนเก่านินทาว่าบ้างอะไรบ้าง นี่บางทีถึงขนาดลามปามมากับเพื่อนใหม่เรา เหนื่อยจริงๆ เลย มีตัวๆ อะไรอีกล่ะนั่น เห้อ พยายามไม่สนใจเเล้วนะ เเต่ก็นั่นเเหละ เหมือนจะสนุกปากกันมากเลยไปชวนคนนอกมาร่วมวงด้วย สรุปเเล้วก็คือ.. เห้อ เหนื่อยจริง เพื่อนสนิทใหม่คนนั้นก็เริ่มถอยห่างอีกเเล้ว สุดท้ายเเล้วยังไง อยู่กับเพื่อนใหม่เป็นกลุ่มหรอ? สุดท้ายก็กลับมาเหมือนเดิมไง มันขนาดนี้เลยหรอ อยู่คนเดียวก็ได้ เเต่สุดท้ายก็อิจฉาเขาอยู่ดี เห้อ เบื่อจังโลกจ๋าาา
ขอบคุณที่รับฟังค่ะ 😂🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣