คือเรา ม.5 แล้วค่ะ แต่เขายังไม่ค่อยให้เราไปไหนเลย ปกติก็ไปรับไปส่งปกติ ช่วงเสาร์อาทิตย์ที่มีเรียนพิเศษ (แค่ที่เรียนพิเศษค่ะ สยงสยามไม่เคยไป ห้างเห้งไม่เคยได้ไปกับเพื่อนเลย) แต่หลังๆเขาบอกเขาไม่สะดวกอะไรแบบนี้ เราก็คิดว่าโตพอสมควรแล้วเนอะ เลยแบบว่าเนี่ย เดี๋ยวไปเองก็ได้ ม.5 แล้ว และเราก็อยากแบ่งเบาภาระด้วย ไม่อยากให้เขาบ่นเรื่องเรา (ที่เป็นภาระ) แล้ว เขาก็ปฏิเสธแล้วบอกว่าให้เรียนออนไลน์แทน
เรามีเรียนทั้งติวเตอร์และกวดวิชาค่ะ กลายเป็นว่าระบบที่วางแผนไว้มันก็พัง แล้วอีกไม่กี่เดือนก็เข้ามหาลัยแล้ว มันกดดันมากๆเลยค่ะ ทุกคนก็รู้ว่าการเรียนออนไลน์มันเครียดขนาดไหน
ถ้าสังคมที่บ้านมันดีจะไม่มาตั้งกระทู้เลยค่ะ เราเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่แยกทาง ตอนนี้อยู่กับแม่และแฟนแม่ (เราพึ่งย้ายมาอยู่กับแม่ได้ตอน 12) เรารู้สึกอึดอัดมากกับการอยู่ในคอนโดที่แคบๆและก็ไปไหนไม่ค่อยได้ มันเครียดอะค่ะ จะระบายก็ไม่มีใครนั่งฟังเท่าไหร่ เพราะพี่น้องไม่มี ญาติไม่คบ แรกๆเรายอมรับเพราะเรายังเด็กและติดบ้าน แต่ตอนนี้อะไรๆก็เปลี่ยน ตามโลกภายนอกไม่ทันแล้ว แถมเราอยู่โรงเรียนประจำด้วย หลังเลิกเรียนก็ไม่เคยมีกับเพื่อนเท่าไหร่ เพราะแม่มารับเย็นๆเกือบค่ำเลย และไปส่งเราวันอาทิตย์
เหตุผลอีกอย่างที่อยากพูดกับแม่เราเรื่องการปล่อยวางเราบ้างคือ เรากับแม่ทะเลาะกันบ่อยมาก เรียกได้ว่าผีเข้าค่ะ อยู่ดีๆก็ด่า เราร้องไห้หรืออ่อนแอก็หาว่าไร้สาระ เราเป็นโรคกระเพาะด้วย และไมเกรนไม่เล็กน้อย (ผลมาจากตอนเด็กช่วงที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันค่ะ) เขาก็หาว่าเรามันคนคิดไม่ได้ เอาง่ายๆนะคะคือ "ป่วย" ค่ะ (แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว เขาเหนื่อยแหละค่ะ เพราะต้องทำงานหาเงินเลี้ยงลูก แต่ขอพูดไรหน่อยได้มั้ยคะ ถ้าเหนื่อยก็ควรใช้ถ้อยคำให้กำลังใจหน่อยได้มั้ยคะ ทั้งปัญหาการเรียนหรืออื่นๆ เข้าว่าไม่อยากให้เครียดเรื่องเรียนแต่ให้กำลังใจกันหน่อยค่ะ ถ้าลูกอยากมาสายนี้แล้วจริงๆ) และที่สำคัญจากข้างบนที่เราบอกว่าเขาไม่สะดวกรับส่งเราแล้ว ความเป็นจริงมีมากกว่านั้นค่ะ แต่เป็นคำพูดที่เราไม่ค่อยอยากบอก เพราะเดี๋ยวเราเสนอแต่แง่ร้ายๆ
เขาก็ดีค่ะ ป้อนข้าวป้อนน้ำ ให้เงิน (บ้านเราพอมีฐานะค่ะ เขาเลยไม่ค่อยให้เราอยากเรียนมากเท่าไหร่ กลัวไมเกรนด้วย อยากให้เราทำธุรกิจที่บ้าน แต่เราไม่ชอบเพราะบ้านเรา ญาติร่วมงานไม่ค่อยดี เราจึงขยันอ่านหนังสือเข้าสายแพทย์แทนค่ะ) พาไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง ซึ่งก็แอบอึดอัดบ้าง เพราะพฤติกรรมเขาด้วย (ก็นิสัยคนจีนที่ปากไม่ดีๆ เสียงดังๆอะค่ะ) ซื้อข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้ากระเป๋า โทรศัพท์ ให้ดีๆหมดเลยค่ะ แต่มันก็ดีแค่วัตถุนิยม แต่ไม่ค่อยดีกับสุขภาพจิตเท่าไหร่ เขาหายใจเข้าตังออกตัง เคยพูดเรื่องนี้บ้างแล้ว เขาก็บอกแค่ว่าชีวิตนี้ห่วงแค่จะมีแ*กไม่มีแ*กก็พอ
เขาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวด้วย เราเลยไม่ค่อยพูดความในใจให้เขาไม่สบายใจเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าเขาก็เหนื่อย ทุกคนทุกฝ่ายก็เหนื่อยค่ะ และก็อยากเลือกเก็บมันไว้ตลอดไปเหมือนกันค่ะ (เพราะรู้ด้วยว่าพูดไปคงโดนด่าเจ็ดวันเจ็ดคืนเป็นอีกแน่)
เลยอยากทราบว่าจะพูดเรื่องการปล่อยวางเรากับเขายังไงให้เซฟความรู้สึกทุกฝ่ายดีคะ
และก็อยากถามคุณแม่ๆหน่อยค่ะ ว่าแม่ที่ปากบอกว่าไม่ไว้ใจลูกเนี่ย เขาไว้ใจบ้างมั้ยคะ เพราะช่วงนึงเราเฟล ถึงกับขั้นเสียใจมากเลยค่ะกับคำพูดแม่มาก เพราะเราไม่คิดว่าเราจะทำให้เขาถึงกับพูดคำนี้ด้วยสีหน้าแบบนั้น เป็นเดือนเลยค่ะ ลูกที่ทำให้แม่ไม่ไว้ใจนี่แย่มากมั้ยคะ
อยากคุยกับแม่ค่ะ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง
เรามีเรียนทั้งติวเตอร์และกวดวิชาค่ะ กลายเป็นว่าระบบที่วางแผนไว้มันก็พัง แล้วอีกไม่กี่เดือนก็เข้ามหาลัยแล้ว มันกดดันมากๆเลยค่ะ ทุกคนก็รู้ว่าการเรียนออนไลน์มันเครียดขนาดไหน
ถ้าสังคมที่บ้านมันดีจะไม่มาตั้งกระทู้เลยค่ะ เราเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่แยกทาง ตอนนี้อยู่กับแม่และแฟนแม่ (เราพึ่งย้ายมาอยู่กับแม่ได้ตอน 12) เรารู้สึกอึดอัดมากกับการอยู่ในคอนโดที่แคบๆและก็ไปไหนไม่ค่อยได้ มันเครียดอะค่ะ จะระบายก็ไม่มีใครนั่งฟังเท่าไหร่ เพราะพี่น้องไม่มี ญาติไม่คบ แรกๆเรายอมรับเพราะเรายังเด็กและติดบ้าน แต่ตอนนี้อะไรๆก็เปลี่ยน ตามโลกภายนอกไม่ทันแล้ว แถมเราอยู่โรงเรียนประจำด้วย หลังเลิกเรียนก็ไม่เคยมีกับเพื่อนเท่าไหร่ เพราะแม่มารับเย็นๆเกือบค่ำเลย และไปส่งเราวันอาทิตย์
เหตุผลอีกอย่างที่อยากพูดกับแม่เราเรื่องการปล่อยวางเราบ้างคือ เรากับแม่ทะเลาะกันบ่อยมาก เรียกได้ว่าผีเข้าค่ะ อยู่ดีๆก็ด่า เราร้องไห้หรืออ่อนแอก็หาว่าไร้สาระ เราเป็นโรคกระเพาะด้วย และไมเกรนไม่เล็กน้อย (ผลมาจากตอนเด็กช่วงที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันค่ะ) เขาก็หาว่าเรามันคนคิดไม่ได้ เอาง่ายๆนะคะคือ "ป่วย" ค่ะ (แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว เขาเหนื่อยแหละค่ะ เพราะต้องทำงานหาเงินเลี้ยงลูก แต่ขอพูดไรหน่อยได้มั้ยคะ ถ้าเหนื่อยก็ควรใช้ถ้อยคำให้กำลังใจหน่อยได้มั้ยคะ ทั้งปัญหาการเรียนหรืออื่นๆ เข้าว่าไม่อยากให้เครียดเรื่องเรียนแต่ให้กำลังใจกันหน่อยค่ะ ถ้าลูกอยากมาสายนี้แล้วจริงๆ) และที่สำคัญจากข้างบนที่เราบอกว่าเขาไม่สะดวกรับส่งเราแล้ว ความเป็นจริงมีมากกว่านั้นค่ะ แต่เป็นคำพูดที่เราไม่ค่อยอยากบอก เพราะเดี๋ยวเราเสนอแต่แง่ร้ายๆ
เขาก็ดีค่ะ ป้อนข้าวป้อนน้ำ ให้เงิน (บ้านเราพอมีฐานะค่ะ เขาเลยไม่ค่อยให้เราอยากเรียนมากเท่าไหร่ กลัวไมเกรนด้วย อยากให้เราทำธุรกิจที่บ้าน แต่เราไม่ชอบเพราะบ้านเรา ญาติร่วมงานไม่ค่อยดี เราจึงขยันอ่านหนังสือเข้าสายแพทย์แทนค่ะ) พาไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง ซึ่งก็แอบอึดอัดบ้าง เพราะพฤติกรรมเขาด้วย (ก็นิสัยคนจีนที่ปากไม่ดีๆ เสียงดังๆอะค่ะ) ซื้อข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้ากระเป๋า โทรศัพท์ ให้ดีๆหมดเลยค่ะ แต่มันก็ดีแค่วัตถุนิยม แต่ไม่ค่อยดีกับสุขภาพจิตเท่าไหร่ เขาหายใจเข้าตังออกตัง เคยพูดเรื่องนี้บ้างแล้ว เขาก็บอกแค่ว่าชีวิตนี้ห่วงแค่จะมีแ*กไม่มีแ*กก็พอ
เขาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวด้วย เราเลยไม่ค่อยพูดความในใจให้เขาไม่สบายใจเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าเขาก็เหนื่อย ทุกคนทุกฝ่ายก็เหนื่อยค่ะ และก็อยากเลือกเก็บมันไว้ตลอดไปเหมือนกันค่ะ (เพราะรู้ด้วยว่าพูดไปคงโดนด่าเจ็ดวันเจ็ดคืนเป็นอีกแน่)
เลยอยากทราบว่าจะพูดเรื่องการปล่อยวางเรากับเขายังไงให้เซฟความรู้สึกทุกฝ่ายดีคะ
และก็อยากถามคุณแม่ๆหน่อยค่ะ ว่าแม่ที่ปากบอกว่าไม่ไว้ใจลูกเนี่ย เขาไว้ใจบ้างมั้ยคะ เพราะช่วงนึงเราเฟล ถึงกับขั้นเสียใจมากเลยค่ะกับคำพูดแม่มาก เพราะเราไม่คิดว่าเราจะทำให้เขาถึงกับพูดคำนี้ด้วยสีหน้าแบบนั้น เป็นเดือนเลยค่ะ ลูกที่ทำให้แม่ไม่ไว้ใจนี่แย่มากมั้ยคะ