สถานะแบบนี้คือเขารักเราหรือเปล่า

ตอนนี้เราเรียนอยู่มหาลัยกำลังจะขึ้นปี3 สมัยที่เราเรียนปวช.ตอนปี1 มีรุ่นพี่ปี2แผนกอื่นที่รู้จักกันโทรมาเพื่อขอไลน์เราไปให้รุ่นพี่เขาอีกคน(สมมุติว่าชื่อ กาแฟ) เราก็ให้ไปแล้วก็คุยๆกันแต่ตอนนั้นเราไม่ได้ชอบหรือคิดจะคุยจริงจังอะไรมาก เราก็ขอเฟสเขามาเขาอ้างว่าเขาไม่ค่อยเล่นเฟสด้วยเหตุผลบางอย่างถ้าไม่เชื่อให้เราแอดไปได้เลย เราก็แอดไปแต่เขายังไม่รับนะ. จนเวลาผ่านไปเดือนนึงเรามีแฟนก็เลิกคุยกันไปแต่ก็ยังมีไลน์กันอยู่ เราก็คบกับแฟนคนนี้มานานพอสมควร ระหว่างนี้พี่กาแฟก็ทักมาหาเป็นช่วงๆ 3เดือนทีนึงหรือโอกาสพิเศษ วันเกิดพี่เขาเราก็ไปแฮป ไปสวัสดีปีใหม่บ้าง ทักมาถามสารทุกข์สุขดิบคุยกัน2-3ประโยค เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนวันนึงเขาเปลี่ยนรูปปกไลน์เป็นรูปแม่ เราไปเห็นก็จำได้ว่าเรารู้จักแม่เขาเลยทักไปหาคุยกันไปมาสรุปว่าแม่พี่กาแฟเป็นคนรู้จักของย่าเรา เคยเจอมาตั้งแต่เราเด็กๆ ตอนนั้นเราก็แอบคิดนะว่าช่างเป็นอะไรที่บังเอิญแบบนี้หรือว่าเป็นพรหมลิขิต555555  จนวันนึงพี่เขารับแอดเฟสเรา เราเลยได้มีโอกาสเข้าไปดูแต่เขาก็เหมือนจะพูดจริงนะว่าไม่ค่อยเล่นเขาไม่ค่อยอัปเดตอะไรมาก  แต่ก็ได้เห็นว่าพี่เขาก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน แต่ไม่มีรูปคู่ หมกมากก เห็นเขาเปลี่ยนแฟนไปประมาณ3คนได้ระหว่างที่เราคบกับแฟนคนนี้อยู่ (ทุกๆวันเกิดพี่เขาเราไปแฮปตลอดก็จะได้คุยกันประปรายทุกปี ชวนไปเที่ยวไปกินเหล้าบ้าง หรือคุยกันวันสองวันก็หายจากกันไปย้ำว่าเป็นแบบนี้มาตลอดคุยแบบนิดเดียวจริงๆแค่เปลี่ยนมาคุยในเฟส) เราเปลี่ยนไลน์ด้วยเลยไม่ได้คุยกันในไลน์  เวลาผ่านไปจนกระทั่งเราอยู่มหาลัยปี2 ก็คือปีที่แล้ว 2563 เราเลิกกับแฟนเราตอนต้นปี พี่เขาก็เลิกกับแฟนช่วงเดือนพ.ค. พี่เขาก็ทักมาหาเราประมาณเดือน ส.ค.-ก.ย. ประมาณว่าเหงาแหละ ถามว่าเราเที่ยวไหนบ้างป่าวถ้าเที่ยวก็ชวนเขาบ้าง หอเขาอยู่ซอยที่มีร้านเหล้าเยอะอยู่ มาเที่ยวแถวนี้ก็ชวนเขาบ้าง แล้วก็ไม่ได้คุยกันจนวันที่ 13 พ.ย. 63 เราไปเที่ยวผับแถวนั้นกับเพื่อนๆเลยทักหาชวนเขา ก็เลยได้เจอกันวันนั้น แต่กว่าเขาจะมาถึงก็เที่ยงคืนแล้วนะ ผับปิดตี3 พอเสร็จเราก็ชวนเขาไปกินโจ๊กกับเพื่อนๆเรา แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ตั้งแต่เราเจอเขาเราก็เริ่มชอบในตัวเขา บุคลิคท่าทางการวางตัวดูสุขุม เงียบดูเป็นผู้ใหญ่มาก เขาอายุห่างกับเรา7ปีนะ เราก็คุยกับพี่กาแฟมาเรื่อยๆ เขามักจะชวนเราไปห้องบ่อยนะพูดแบบทีเล่นทีจริงอ่ะเราก็ยังไม่กล้าไป ชวนมาเรื่อยๆ จนวันนึงเราไปนั่งเล่นที่หอเพื่อนระแวกใกล้ๆหอเขาแหละ เขาก็เอ่ยปากชวนให้มาให้ไปเองด้วยนะ เราก็ไปคิดนานพอสมควรเพราะไม่เคยไปหาใครโดยที่ยังไม่คบหากัน กล้าๆกลัวๆแต่สุดท้ายก็ไปเห้อใจง่ายเนอะ5555  นั่นเป็นครั้งแรกและจุดเริ่มต้นของความเสียใจเลย เราไปถึงก็นั่งคุยกันไปเรื่อยทั้งคืนนั่งอยู่แบบนั้น เขินๆอ่ะเนอะ วันนั้นเราไม่ได้ทำไรกันนอนจับมือของจริง ตอนเช้าพี่กาแฟก็ไปส่งเราที่บ้าน ซึ่งมันไกลพอตัวนะ 10กิโลได้รถติดด้วย มันจึงมีครั้ง2 3  แต่ครั้งที่3เรานั่งรถกลับเองนะ เราได้คุยได้ฟังเรื่องราวชีวิตเขามาก  เขาเรียนมหาลัยสีน้ำเงินที่ไม่ถูกกับสถาบันสีแดงตีกันไม่จบสิ้น แต่อยูะใกล้ๆกันนั่นแหละ มันทำให้เขาต้องระวังตัว ไม่เปิดเผยชีวิตส่วนตัวกับใครงี้ ไม่ไว้ใจใคร บอกเราว่าเขาไม่ค่อยพาใครมาห้อง แต่ที่ไว้ใจเราเพราะรู้จักกันมานาน  เขาจะไม่ค่อยออกไปไหนมากไปร้านทำรถซะส่วนมาก  เขาบอกทุกที่ๆเขาไปไม่มีผญ.ถึงมีก็รุ่นน้องและระบบของเขาไม่ให้คนในสถาบันเดียวกันคบกันเอง แต่เท่าที่ดูเขาเป็นคนพูดความจริงนะเป็นคนพูดไรทำจริง ไม่โกหกหรือคิดไปเองไม่รู้  เราเองเป็นเด็กติดเพื่อนไปบ้านเพื่อนบ่อย เพื่อนผช.ก็มีเขาก็จะไม่ค่อยชอบให้ไปหาเพื่อนผช.นักเราก็เถียงกันบ่อย ไม่คิดว่าวันนึงจะเป็นปัญหาเลย กระทั่งวันที่เราเถียงกันหนักเรื่องเพื่อนผช.นี่แหละก็เงียบกันไปเราไม่ตามไม่ทักหา เพราะเราเป็นฝ่ายตามตลอดดดดด ก็หายจากกันไปอีกเลิกคุยไปเมื่อ6 ม.ค. แรกๆเรายังอวดเก่งไงผ่านไป4-5วันเริ่มเสียใจร้องไห้ละ สถานะไม่เคยมีให้นะบอกรักไม่เคย มีเรานี่บอกคิดถึงบ่อยๆ หลอกตัวเองว่าที่ผ่านมาเขาอาจจะรู้สึกชอบเราบ้างแหละ ทักไปหาเขาว่าคิดถึงรอบแรกไม่ตอบ เราก็หน้าด้านทักไปจนมัน4ครั้ง ไม่ตอบไม่อ่าน เราเลยรู้สึกว่าควรพอและมันดูไร้ค่ามากไป จน29มี.ค. เขาก็ตอบเรามาว่าเป็นไงบ้าง เขาเอามือถือไปเข้าศูนย์มา คือหายไปเกือบ3เดือนแล้วเราเสียใจทุกวันเราชอบเขามากขนาดที่ว่าเก็บเอาไปฝันแล้วร้องไห้ออกมาจริงๆหลายครั้ง เราทรมานกับการคิดถึงเขากับคำถามว่าเขาเคยรักเราบ้างป่าว  บวกกับเรามีความสัมพันธ์ที่มันลึกซึ้งไปสำหรับเรามันมันสิ่งที่ผูกมัดแต่สำหรับเขาอาจจะไม่  แต่ถึงเราจะเสียใจมามากขนาดไหนเราก็กลับไปคุยอีกเพราะเราคิดว่าเรายอมมีเขาแบบนี้ดีกว่าไม่มี  เราได้เจอกัน2ครั้งเขาทำเหมือนทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ลักษณะการคุยกับเราไม่เหมือนเดิมเขาไม่ค่อยบ่นหรือพูดอะไรมากกับเรา  เวลาที่เราได้อยู่กับเขามันดีมากดีจรเรากลัวจะเสียมันไปอีกเหมือนช่วงเวลานั้นเราได้หลุดไปอยู่อีกโลกที่มันมีความสุขมากจนไม่อยากให้มันผ่านไป แต่พอเรากลับมาอยู่คนเดียวเรากลับทุกข์ใจมีแต่คำถามในใจว่าที่เป็นอยู่นี่เขารักเราบ้างไหม รู้สึกชอบเราสักนิดไหม หรือเห็นเราเป็นแค่เพศหญิงคนนึงที่มีไว้เวลาต้องการก็เรียกมาหา  ที่เราสับสนเพราะสิ่งที่เขาพูดเขาเล่ามามันเป็นเรื่องจริงบอกเราว่าไปไหนคือไปจริง  เล่าเรื่องชีวิตให้เราฟังเล่าเรื่องที่เราคิดว่ามันไม่น่าเล่าให้ฟังเยอะแยะ  แต่เขาไม่เคยพูดคำว่ารักให้ได้ยินไม่เคยพูดถึงสถานะใดๆ  เราเคยถามอยู่หลายทีว่าเป็นอะไรกันเขาก็จะบ่ายเบี่ยงเปลี่ยนเรื่องหรือตอบไม่ตรงคำถาม เราคิดว่าเพราะเขาไม่อยากโกหกว่ารักหรือป่าวเลยเลือกที่จะเปลี่บนเรื่องไปเลย เช่นเราถามว่าคิดกับเราแบบไหน น้องคนนึงใช่มั้ยเขาก็จะบอกว่าไม่ใช่แค่นั้นเลย  หรือมันเร็วไปหรือผิดที่เราไปเร่งให้เขาชัดเจน  เราไม่รู้เราดูไม่ออกจริงๆว่าแบบนี้คือรักไหม และไม่รู้ว่าเราจะยอมทนแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน 🥲
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่