ทางเลือกแห่งรัก(ตอน2)

กระทู้สนทนา
ภาคเรียนแรกผ่านไป  ช่วงปิดเทอม  ก่อนจะกลับบ้าน  เลิศชัยมาหาฉันที่หอพักหญิงและชวนกินข้าวเย็น  เขามาคนเดียว  เขาคิดอย่างไร          กับฉันนะ  พวกเพื่อนๆฉันก็แซวกันสนุกสนานและปล่อยให้ฉันไปกินข้าวเย็นกับเขาสองต่อสอง

                   “ผมคงคิดถึงดาวมากช่วงปิดภาคเรียน  ดาวได้ลงซัมเมอร์ไหมครับ”

                 “ไม่ลงค่ะ  เพราะอยากไปหางานทำช่วงปิดเทอมค่ะ  แล้วเลิศจะทำอะไรบ้างช่วงปิดเทอม”  ฉันกลั้นใจพูดออกไป  พยายามทำเนียนไม่ให้เขินมาก  เพราะคำว่า “คิดถึง” ของเลิศที่พูดออกมามันทำให้หัวใจฉันหวั่นไหว และใจเต้นแรง  เพิ่งมีคนพูดแบบนี้กับฉัน  ทำให้ฉันหายใจไม่ทั่วท้อง  เหมือนกับจะหมดอากาศหายใจ  ฉันรู้สึกหน้าแดงและร้อนหู

                “ดาว..เป็นไข้หรือเปล่า  หน้าแดงๆ” เขาเอาฝ่ามือมาอังที่หน้าผากฉันเบาๆ  

               “ ไม่ได้เป็นไข้นี่”  เขามองมาที่ฉัน  ฉันหลบตาไม่กล้าสบตา  คือฉันอายมากตอนนั้น
 
               เลิศชัยและคล้ายดาวไปกินข้าวกัน  เสร็จจากกินข้าวก็ไปเดินเล่นสวนสาธารณะในมหาวิทยาลัยที่อยู่ติดกับอ่างน้ำขนาดใหญ่  บรรยากาศวันนี้ช่างเป็นใจจริงๆเลย  ลมเย็นพัดผ่านมา  เสียงนกกาบินกลับรัง  เสียงใบไม้กระทบกันดังแว่วมา

               ความรู้สึกตอนนี้เป็นอะไรที่ชวนฝันมาก  เลิศชัยเดินเข้ามาใกล้ๆและจับมือฉันเบาๆ  ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนถูกไฟช็อต  ใจเต้นตึกตักๆ  หน้าร้อนผ่าว  มือเย็นเฉียบ

               “มือดาวเย็นจัง  ผมจับแล้วอุ่นขึ้นไหมครับ”  เลิศชัยพูดเหมือนไม่รู้สึกเขินอายอะไรเลย  ฉันเสียอีกที่อายสุดขีด  จะชักมือกลับก็ไม่กล้าทำ  รู้สึกอบอุ่นที่ได้สัมผัสกับมือของเขา

               “นี่..กระมังที่เรียกว่าความรัก”  ฉันคิดอยู่ในใจเบาๆ  ไม่กล้าแม้จะคิดดังเพราะกลัวเลิศชัยจะรู้ว่าฉันคิดอย่างไรกับเขา

               ปีสุดท้ายแล้วซินะ  ความสัมพันธ์ของฉันกับเลิศชัย  ยังรักกันดีเสมอมา  จนเพื่อนๆแอบอิจฉา  เขาพาฉันไปรู้จักพ่อแม่ที่บ้านเขา  พ่อแม่ก็รักและเอ็นดูฉันตลอด 3 ปีที่ผ่านมา  เราวางแผนว่าเรียนจบเราจะแต่งงานกัน  และจะมีลูกด้วยกันสองคน  เราวาดวิมานของเราเอาไว้ด้วยกัน  สามปีที่ผ่านมาเขาเป็นกำลังใจให้ฉันเสมอมา  ทำให้ฉันมีแรงบันดาลใจที่จะก้าวต่อไปด้วยความมั่นคง

               “คล้ายดาวห้อง 256 รับโทรศัพท์ด้วยค่ะ”  เสียงมาตามสายของหอพักหญิงที่ฉันพักอยู่  ฉันรีบวิ่งลงไปข้างล่างเพื่อรับโทรศัพท์  แปลกใจมากใครโทรมา  ปกติไม่มีใครโทรมาหาเลย

              “หวัดดีค่ะ  ดาวรับสายค่ะ” ฉันรับโทรศัพท์  

             “พี่ดาวเหรอครับ  ผมเองปราการ  น้องพี่เลิศ”  เสียงน้องชายเลิศชัย  พูดแบบเร่งรีบและสั่นๆ  ทำให้ฉันรู้สึกกังวลมาก

             “พี่เลิศอยู่ห้องไอซียูที่โรงพยาบาลนครพิงค์  ตอนนี้ครับพี่ “  ปราการพูดไปร้องไห้ไป

             “ เลิศเป็นอะไรค่ะน้อง”  ฉันรีบถามปราการแบบตกใจมาก

             บรรยากาศในห้องไอซียู  เศร้าหมอง  เย็นและฉันรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

             “ ผมรักดาวมากนะครับ  และผมจะรักดาวตลอดไป” เสียงของเลิศชัยแหบพร่า  แผ่วเบา

             “ดาวก็รักเลิศนะ  ดาวจะรักเลิศคนเดียว  จะไม่รักใครอีกแล้ว”  ฉันกระซิบเบาๆอย่างไม่รู้สึกตัว  มือฉันจับมือเลิศชัยแน่น  น้ำตานองหน้า  ปากสั่น  เหมือนจะขาดใจตามเขาไป  ภาพที่อยู่ตรงหน้าคือเลิศชัย  ซึ่งกำลังจะจากไปแบบไม่มีวันกลับมา  เขาเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะสุดท้าย

             ฉันเรียนจบและกลับบ้านเกิด  เตรียมสอบเพื่อเป็นครู  เพราะใจรักที่จะเป็นครู  อาชีพที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เป็นเด็ก  

            “หวัดดีจ้า  ไม่ได้เจอกันนานเลยดาว”  เสียงทักทายมาแต่ไกล  ฉันมองตามเสียงที่ทักทาย  

             “รามราช...เรียนจบแล้วใช่ไหม  ดีใจจังไม่เจอกันนานเลย”  ฉันตะโกนถามเขาไปด้วยความดีใจ  ไม่ได้เจอเพื่อนสมัยประถมนานเลย

            “กลับมานานหรือยังดาว  เรากลับมาได้สองอาทิตย์แล้ว  ตอนนี้สมัครเตรียมสอบครู”

            “ เพิ่งกลับมาจ้า  เราก็จะสอบครูเหมือนกัน  มาติวข้อสอบด้วยกันไหม  เผื่อรามจะมีอะไรแนะนำมั้ง  แลกเปลี่ยนกัน  ถ้าเราสอบครูได้ฉลองด้วยกันเลย”  ฉันยังมีความรู้สึกสนิทใจที่เป็นเพื่อนกับรามราช  เพราะความที่เป็นเพื่อนกันมานาน

             หลังจากที่ฉลองสอบบรรจุครูได้  ก็เตรียมตัวไปรายงานตัวที่จังหวัด  รามราชและฉันสอบได้จังหวัดบ้านเกิด  โชคดีไม่ต้องไปอยู่จังหวัดอื่น  จะได้มีเวลาไปดูแลพ่อแม่  ถ้าไปอยู่จังหวัดอื่นจะกลับมาดูแลพ่อแม่ยาก  
 
             ได้ทำงานตามที่เล่าเรียนมาหลายปี  พ่อแม่ภาคภูมิใจในตัวฉันมากที่ได้รับราชการ  และได้เป็นที่พึ่งของพ่อแม่  

             “ดาว..เมื่อไหร่ลูกจะมีแฟนกับเขานะ  พ่อจะได้อุ้มหลานกับเขาบ้าง”  พ่อกล่าวกับฉันด้วยความหวัง  เพราะอายุฉันตอนนี้ก็ควรจะมีครอบครัวได้แล้ว  คำพูดของพ่อทำให้ฉันน้ำตาซึม  นึกถึงอดีตหลายปีมาแล้วที่เคยวาดฝันกับเลิศชัย  ชายที่ฉันรักมาก  ถ้าเขายังอยู่เราคงมีลูกด้วยกันแล้ว  คิดถึงแล้วใจหาย  วันเวลาผ่านไปนานแล้ว  ฉันยังมีเขาอยู่ในใจเสมอ  ไม่เคยลืมเลือนไปจากใจ  ฉันไม่พร้อมที่จะรักใครได้อีกแล้ว

            “ยังจ้าพ่อ  ดาวไม่อยากแต่งงานจ้า  ยังอยากทำงานไปก่อนจ้า”  ฉันรีบตอบพ่อไปเพื่อไม่ให้พ่อมาเซ้าซี้ให้ฉันแต่งงาน

              หลายปีต่อมา  ช่วงนี้ฉันตั้งใจทำงานมากเพื่ออนาคตจะได้ประสบผลสำเร็จในการงาน  หนุ่มๆจากหลายแห่งพยายามเข้ามาตามจีบ  ฉันทำเหมือนไม่สนใจเพราะยังไม่อยากรักใคร  ไม่ต้องการให้ใครมาแทนที่เลิศชัยของฉัน

              “ดาว..มีปลัดอำเภอมาทาบทามสู่ขอลูกกับพ่อนะ  ลูกสนใจเขาไหม  หน้าที่การงานเขาก็ดีนะ  นิสัยใจคอและฐานะทางบ้านของเขาก็ดี” พ่อพยายามเกลี้ยกล่อม

              “ดาวขอเวลาดูเขาไปก่อนจ้าพ่อ  คนเราจะตอบตกลงรักใคร  ต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนจ้าพ่อ”  ฉันก็บอกปัดไปอีก  ทุกครั้งที่มีหนุ่มๆมาคุยกับทางพ่อแม่  ฉันจะบอกปัดไปทุกครั้ง  พ่อแม่ก็จนสงสัยว่าฉันไม่รักใครสักคนเลยเหรอ  หรือว่ามีใครในใจอยู่แล้ว

              หนุ่มๆหลายอาชีพเข้ามาในชีวิตของฉัน  ทั้งเจ้าของบริษัท  ปลัดอำเภอ  ผู้อำนวยการโรงเรียน  ทหาร  ตำรวจ  และทนายความ  แต่ฉันก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร  

              พ่อแม่ของรามราชเข้ามาทาบทามสู่ขอฉัน  ทำให้ฉันแปลกใจว่ารามราชชอบฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน  เราเป็นเพื่อนกันแท้ๆ  แต่พ่อบอกว่าทางพ่อแม่ของรามราชเขาดีกับครอบครัวพ่อมาตลอด  สนิทสนมคุ้นเคยกันมานาน  พ่อแม่จึงสนับสนุนให้ฉันเลือกรามราช

              ฉันไม่ได้รักรามราช  คนที่ฉันรักคือเลิศชัยคนเดียว  แต่พ่อแม่ก็พยายามบอกเหตุผลสารพัดให้แต่งงานกับรามราช  ฉันรู้สึกเหมือนฟ้าผ่ามาบนหัว  เพราะไม่ได้รักใครเลยแต่ต้องมาแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก  แต่เพราะพ่อแม่เกลี้ยกล่อมมาตลอด  อยากให้ฉันมีครอบครัว

              จำยอมต้องแต่งงานกับรามราช  ซึ่งจริงๆแล้วเขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลยทีเดียว  ตั้งแต่เป็นนักเรียนแล้ว  เขาดูแลช่วยเหลือฉันมาตลอด  และช่วงที่รามราชไปเรียนมหาวิทยาลัยก็ไม่มีหญิงคนอื่นเลย  แสดงว่าเขาแอบชอบฉันมานานแล้วและในใจของรามราชมีแต่ฉันเหรอ  รามราชอาจเป็นคนที่ทำให้ฉันลืมเลิศชัยไปได้  เพราะถ้าฉันยังจมปลักคิดถึงแต่เลิศชัย  ชาตินี้ฉันคงไม่ได้แต่งงานกับใครแน่

               วันเข้าหอรามราชหยิบสมุดไดอารี่เล่มเก่าๆ  ส่งมาให้ฉัน  ฉันหยิบไดอารี่เล่มเล็ก และเก่ามาก  ค่อยๆเปิดเบาๆอย่างทะนุถนอมเพราะเกรงว่าจะทำให้กระดาษขาด  ดูจากลักษณะของไดอารี่คงมีอายุประมาณเกือบยี่สิบปีแล้ว  แผ่นกระดาษเป็นสีน้ำตาลเก่าและมีกลิ่นสาบ  

              “เราแอบรักเธอมานานมาก  รักตั้งแต่เห็นวันแรกตอนป.3  เราแอบมองดูเธอทุกวัน  เธอทำอะไรเรารู้หมด  แต่เธอไม่เคยรู้เลยว่าเรารักเธอ”  

               “ฉันกำลังอ่านตัวหนังสือของเด็กป.3 อยู่หรือนี่  เป็นไปได้หรือที่รามราชแอบรักฉันมาตั้งแต่ป.3” ฉันคิดในใจ  

               ฉันเงยหน้าขึ้นมาจากไดอารี่เล่มน้อย  มองไปที่หน้าของรามราช  จ้องแววตาของรามราช  ที่กำลังมองฉันอยู่อย่างเงียบๆ  เรามองตากันและกันนานมาก  ภาพเก่าๆที่ผ่านมาในอดีตผุดขึ้นมามากมาย  ฉันไม่รู้เลยว่ารามราชรักฉันมานาน  ฉันมองข้ามความรักของเขาไปได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่