พระตำหนักใหม่ ในศูนย์บัญชาการแห่งโลโคเทีย...ยามหลังเที่ยงคืน....
จักรพรรดิเนรอส กำลังบรรทมหลับสนิท โดยมีเซฟิย่าพระสนมเอกนอนกอดก่ายอยู่เคียงข้างและหลับสนิทเช่นกัน...
ในห้วงแห่งสุบินนิมิตร เนรอสพบตัวเองกำลังยืนอยู่บริเวณระเบียงด้านหลังพระตำหนัก กำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็มีบุรุษวัยกลางคนไว้หนวดเครารกครึ้มผู้หนึ่งสวมชุดเสื้อคลุมหนังเสือทั้งตัวเดินเข้ามาหา เมื่อถึงระยะใกล้ก็คุกเข่าลงถวายความเคารพ
"ขอเดชะ ฝ่าบาท ขอวโรกาศข้าพระองค์สนทนาด้วยสักครู่ พระเจ้าข้า"
จักรพรรดิมองหน้าเขาอย่างฉงนชั่วครู่ แล้วก็พยักหน้า ทักทายออกไป
"เจ้าเองหรือ กาดิซ"
"พระเจ้าข้า ฝ่าบาท" สมุนเอกของเทพพยากรณ์ยังคงนั่งคุกเข่าก้มหน้า เมื่อเนรอสบอกให้ลุกขึ้นยืน จึงกราบทูลขอบพระทัย แล้วลุกขึ้นยืนต่อหน้าจักรพรรดิ
"เจ้าคงมีกิจธุระอันใดสักอย่างเป็นแน่ จึงมาหาข้าแต่เพียงผู้เดียวเยี่ยงนี้ จริงไหม ?"
"ทรงพระปรีชาสามารถ พระเจ้าข้า" กาดิซทูลคำสรรเสริญแล้วพยักหน้า
"อืม...ไม่ต้องเยินยออะไรข้าให้มากความ มีเรื่องอันใดก็บอกมา"
"พระเจ้าข้า ฝ่าบาท...คือว่า ฝ่าบาท คงทราบแล้วว่า จะมีการเปิดศาลทวีป เพื่อพิสูจน์องค์จักรพรรดิที่แท้จริงอีกครั้ง ?"
"ใช่ ข้ารู้แล้ว และรู้สึกหนักใจอยู่เหมือนกันสำหรับเรื่องนี้" เนรอสพูดพลางทอดถอนใจ
"ฝ่าบาท พระองค์ทรงพ่ายแพ้มาแล้วในครั้งก่อน ด้วยการชี้ชัดโดยท่านหัวหน้า...เทพพยากรณ์ออเรเคิล ซึ่งบัดนี้ดำรงตำแหน่งเป็นองค์จักรพรรดินีแล้ว นางปฏิเสธฝ่าบาทไปแล้วและหันไปยอมรับจักรพรรดิอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ทางใต้"
"หึ!" จักรพรรดิตัวจริงแค่นเสียงพ่นลมออกจมูก แล้วย้อนถาม "เจ้าเอง รวมทั้งเหล่าบริวาร ก็อยู่กับฝ่ายใต้ พวกเจ้าก็ยอมรับเจ้าอสูรต่างพิภพจอมหลอกลวงคนนั้นด้วย มิใช่หรือ ? ข้าไม่เข้าใจเลยว่า เจ้ามาหาข้า เพื่ออะไร ในเมื่อพวกเจ้าอยู่ฝ่ายจักรพรรดิตัวปลอมนั่น ?"
"ฝ่าบาท...พระองค์ไม่เข้าพระทัย โปรดทรงมีพระทัยเย็นๆ ไว้ก่อน แล้วฟังข้าพระองค์อธิบาย..."
"หึ! ก็ได้ๆ เอ้าลองว่ามาดู!" เนรอสกล่าวเสียงสะบัดๆ แล้วยืนกอดอก รอฟังคำชี้แจงแถลงไขจากรองหัวหน้าคณะนักพลังจิต
"ฝ่าบาท อย่าได้ทรงตำหนิท่านหัวหน้าออเรเคิลเลย ที่นางตัดสินใจกระทำลงไปทั้งหมด เกิดจากความจำเป็น..." กาดิซเริ่มพยายามที่จะเกลี้ยกล่อม
"จำเป็นอย่างไรกัน ??" เนรอสโพล่งสวนทันทีด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว รู้สึกทั้งโกรธและเจ็บปวด "ปฏิเสธข้าซึ่งเป็นจักรพรรดิตัวจริง แล้วหันไปรับรองว่าเจ้าอสูรจำแลงนั่นคือจักรพรรดิ อะไรมันทำให้นางมีความจำเป็นที่ต้องทำบ้าๆ แบบนั้น ? และผลของการกระทำนั้น ทำให้ข้าและพรรคพวกแทบจะเอาชีวิตไม่รอด! โชคดีที่บริวารของวันชนะไปช่วยทันเวลา มิฉะนั้น ข้าและทุกคน คงต้องถูกจับไปจองจำ กักขัง เป็นอย่างน้อย ร้ายที่สุด หนักหนาสาหัสที่สุด ก็คือต้องถูกประหาร!!"
"ระงับพระพิโรธไว้ก่อนเถิดพระเจ้าข้า ฝ่าบาท...ข้าพระองค์จะอธิบายอยู่นี่แล้ว" กาดิซพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุด
"ก็ได้! อธิบายมา!!" เนรอสกล่าวด้วยน้ำเสียงตะคอก
"ทูลฝ่าบาท...อสูรต่างพิภพ ต้องการให้นางร่วมมือ โดยอ้างเอาฝ่าบาทเป็นเงื่อนไข หรือตัวประกัน...หากนางไม่ร่วมมือ พวกมันจะจับฝ่าบาทไปประหาร และจะย่ำยีพรหมจรรย์ของนาง และนั่นจะทำให้มนตราอาคมที่นางมีเสื่อมไปพร้อมกับพลังจิตซึ่งสั่งสมมานาน ซึ่งเรื่องนี้นางยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอันขาด ดังนั้น นางจึงยอมตามพวกมัน โดยปฏิเสธฝ่าบาท และยอมรับหัวหน้าพวกมันซึ่งจำแลงเป็นฝ่าบาทว่าเป็นจักรพรรดิองค์จริง ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ท่านหัวหน้าออเรเคิล ได้พยายามปกป้อง ทั้งตัวนางเอง และฝ่าบาทด้วย...พระเจ้าข้า"
"เฮอะ!" เนรอสแค่นเสียงอีกครั้ง "หลังจากที่นางตัดสินชี้ไปที่เจ้าอสูรจำแลงกายนั้นแล้ว เจ้านั่น ก็ออกคำสั่ง ให้ทหารล้อมจับพวกข้า และสั่งว่าใครขัดขืนให้สังหารหมดทุกคน! มันจะเป็นการปกป้องข้าได้อย่างไร ?"
"ฝ่าบาท...นางเตรียมแผนการณ์ไว้แล้วพระเจ้าข้า สมมติว่าฝ่าบาทถูกจับ พวกมันจะไม่ฆ่าฝ่าบาทแน่นอน แต่จะมอบตัวฝ่าบาทให้กับนาง แล้วนางก็จะส่งพระองค์ขึ้นยานบินเสด็จหนีไป นางและอสูรต่างพิภพนั่นได้ตกลงกันไว้แล้ว พระเจ้าข้า"
"อ้อ...นี่แปลว่า ข้าเป็นหนี้บุญคุณนางเสียด้วยซ้ำ! ใช่ไหมนี่ ? กาดิซ !! ฮ่ะๆๆๆๆ....ตลกจริงๆ !!" เนรอสกล่าวระบายอารมณ์พลางระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จนถึงกับละเมอออกมา ขณะนอนหลับอยู่ข้างกายของเซฟิย่าและทำให้นางตื่นขึ้นมาทีเดียว งัวเงียๆ โงหัวขึ้นมามองหน้าพระสวามีอย่างงงๆ ก่อนจะบ่นพึมพำ
"ฝันอะไรหนอ...เงียบไปละ...งั้นหลับต่อดีกว่า..." ว่าแล้วก็เอาหัวลงหมอน หลับต่อ
การสนทนาในความฝัน ยังดำเนินต่อไป...
"ข้าไม่อยากจะใส่ใจเรื่องออเรเคิลแล้ว กาดิซ! พอที อย่าพูดถึงนางอีก! ตอนนี้จงบอกมา ว่าเจ้ามาข้าถึงที่นี่ มีจุดประสงค์อันใด ?"
"ได้พระเจ้าข้า ข้าพระองค์จะไม่พูดถึงท่านหัวหน้า ถ้าไม่จำเป็น" กาดิซยังคงพูดเผื่อไว้หน่อยหนึ่ง
"มันจะมีความจำเป็นอะไรกันเล่า ? เอ้า! อย่ามัวโยกโย้ รีบๆ บอกมา ว่าเจ้าต้องการอะไร ?" เนรอสเร่งเร้า ด้วยรู้สึกชักรำคาญ
"พระเจ้าข้า...ฝ่าบาท เรื่องที่ข้าพระองค์ต้องการทูลบอกฝ่าบาท ก็เกี่ยวข้องกับการพิสูจน์องค์จริงของฝ่าบาทในศาลทวีป อีกครั้ง พระเจ้าข้า"
"ก็ในเมื่อข้าพ่ายแพ้ไปแล้ว จะมาพิสูจน์อะไรกันอีกเล่า ?"
"ก็นั่นน่ะสิพระเจ้าข้า! ข้าพระองค์ก็ไม่เข้าใจ เพราะฝ่ายที่ร้องขอให้เปิดศาลอีกครั้ง คือฝ่ายเหนือ ฝ่ายของพระองค์นะพระเจ้าข้า! แสดงว่าต้องมีอะไรใหม่ๆ ที่จะแสดงต่อศาล และต่อประชาชนให้ได้เห็น!"
"มันจะมีอะไรสามารถเอาไปแสดงให้ผู้คนได้ดูกันอีกเล่า ?" เนรอสย้อนถามพลางยกหัตถ์ขึ้นเกาพระเศียร
"ทูลฝ่าบาท...บางที พระองค์เองอาจทรงคาดไม่ถึงหรือดำริไม่ออก หากข้าพระองค์คาดเดาไม่ผิด ข้าพระองค์คาดว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับ ตราพระราชลัญจกร ซึ่งในครั้งที่แล้ว ทั้งฝ่าบาท และจักรพรรดิฝ่ายใต้ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญทางอัญมณีทั้งสองฝ่าย ต่างก็ไม่สามารถจะระบุชี้ชัดถึงสิ่งสำคัญของมันได้เลย ฝ่าบาทเองในช่วงท้ายก่อนที่ท่านเฮโรดัสจะให้ท่านหัวหน้าออกมาชี้ขาด ก็ดูเหมือนทรงพยายามดำริอยู่นาน แต่ก็ไม่ทรงอาจบอกอะไรได้.."
เนรอสมองหน้ากาดิซอย่างพยายามจับผิด ในขณะตอบ "ไม่ใช่เพียงเฉพาะในช่วงเวลานั้นดอก! หลังจากนั้น หลายครั้งหลายครา ที่ข้าพยายามขบคิดหาทางแกะปริศนาในดวงตรานี่.." พูดพลางยกมือตบๆ บริเวณหน้าอก ซึ่งภายในอาภรณ์ที่สวมใส่นั้นห้อยสายสร้อยตราพระราชลัญจกรอยู่ "...ของสิ่งนี้ เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษของข้ามาหลายชั่วอายุคน คงมีแต่บรรพชนในอดีตกาลเท่านั้น ที่จะรู้ความลับของมัน"
"อาจบางที บางคน ในหมู่คณะคนสำคัญๆ ของฝ่าบาท อาจช่วยไขปริศนาได้ ก็เป็นได้นะพระเจ้าข้า..ไม่อย่างนั้น คงไม่มีใครกล้าร้องขอเปิดศาลเป็นครั้งที่สองเป็นแน่แท้"
"อืม..." เนรอสพยักหน้า แล้วทำท่าครุ่นคิด...กล่าวเหมือนรำพึง... "บางที ใครสักคนในคณะของวันชนะ อาจจะช่วยข้าได้..." จากนั้นจึงหันมามองหน้ากาดิซอย่างข้องใจอีกครั้ง ก่อนเค้นถาม "แล้วเจ้าเหตุใดจึงมาสนใจถามถึงมัน ? คงมิใช่เจ้ามาถามเองกระมัง ?? ชะรอยจะมาเพราะพระบัญชาขององค์จักรพรรดินีเป็นแน่ ?"
"ฝ่าบาท ทรงพระปรีชาจริงๆ..." กาดิซน้อมกายตอบ
"เสียใจด้วยนะ! ข้านึกไม่ออกจริงๆ ว่ามันซ่อนความลับอันใดไว้...และถึงแม้ข้ารู้ ข้าก็ไม่บอกเจ้า หรือว่าใครๆ เป็นแน่! เพราะมันเกี่ยวข้องกับสมบัติส่วนตัวของข้า ซึ่งบอกแล้วว่าเป็นมรดกตกทอดมาหลายชั่วอายุคน เจ้าคงมาเสียเที่ยว เสียเวลาเปล่าแล้วหละ กาดิซ!"
รองหัวหน้าคณะนักพลังจิตส่ายหน้าพลางยิ้มตอบ "หามิได้พระเจ้าข้า เพราะท่านหัวหน้าฝากคำพูดมากราบทูลว่า ขอให้ฝ่าบาทสามารถถอดรหัสไขปริศนาที่ซ่อนอยู่ในตราพระราชลัญจกรสำเร็จ พิสูจน์ว่าพระองค์คือจักรพรรดิองค์ที่แท้จริง แล้วนางจะกลับมาหาฝ่าบาท พระเจ้าข้า"
เนรอสถึงกับอึ้งเมื่อได้สดับเช่นนั้น แล้วตอบกลับด้วยความรู้สึกสุดแสนรังเกียจ!
"นางจะหน้าด้าน หน้าหนาพอละหรือ ? กับการจะบากหน้ากลับมาหาข้า ถ้าหากข้าได้รับการยอมรับจากทุกคนว่าคือจักรพรรดิตัวจริง ? หา !! ครั้งก่อนเห็นว่าฝ่ายใต้อยู่ในฐานะได้เปรียบ ก็ยินยอมสวามิภักดิ์ฝ่ายใต้ ถึงตอนนี้ก็ได้สวมมงกุฏกลายเป็นจักรพรรดินีไปแล้ว และหากวันข้างหน้า ซึ่งอาจจะมาถึงในอีกไม่นาน สถานการณ์พลิกกลับ ข้าพิสูจน์ตนเองได้สำเร็จ นางก็จะหนีจากเจ้าอสูรต่างพิภพจอมปลอมแปลงแล้วขอกลับเข้าหมู่ของพวกเรา เจ้าคิดว่าใครบ้างจะยินดีต้อนรับการกลับมาของนาง ? และโดยเฉพาะข้า...คิดหรือว่า ข้าจะใจอ่อน อ้าแขนรับนางกลับมา จัดงานอภิเษกสมรส และสถาปนานางเป็นจักรพรรดินี ?? ถ้านางหวังเช่นนั้น ข้าก็ขอฝากคำพูดให้เจ้าไปบอกนางด้วย ว่า มันสายไปแล้ว!
ข้ามีคนที่ข้าจะอภิเษกสมรสด้วย และจะแต่งตั้งสถาปนาให้เป็นจักรพรรดินีแทนนาง เรียบร้อยแล้ว !!"
ประโยคสุดท้ายเนรอสถึงกับตะโกน แสดงออกถึงความคั่งแค้นใจที่สุมแน่นออก และด้วยเสียงร้องตะโกนอันดังในฝันนั้นก็ทำให้ตนเองซึ่งนอนหลับอยู่ร้องละเมอออกมาดังๆ ทำให้เซฟิย่าสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งและได้ฟังประโยคสำคัญนั้นเต็มสองหู บุตรีแห่งหัวหน้าผู้พิพากษายิ้มแป้นทันทีหลังจากฟังจบ และเนรอสเองก็สะดุ้งตื่นด้วยเสียงร้องละเมอของตนเอง
"ฝ่าบาท...ทรงฝันร้ายหรือเพคะ ?" เซฟิย่าถามเสียงแผ่วเบา แต่ก็ได้ยินชัดด้วยความเงียบสงัดในยามราตรี
"อืม...ก็ ไม่เชิงฝันร้ายหรอก เซฟิย่า..." เนรอสส่ายหน้า แล้วยิ้มฝืดๆ "เป็นความฝันที่น่ารำคาญมากกว่านะ"
"ทรงฝันว่าอย่างไรหรือเพคะ ?" ถามไปใจก็คิดไป ต้องเกี่ยวข้องกับออเรเคิลแน่ๆ ! แล้วก็แทบกรี๊ดเมื่อได้ยินคำตอบ
"ฝันว่าออเรเคิลส่งกาดิซมาหาข้า สอบถามข้าเรื่องเกี่ยวกับตราพระราชลัญจกรว่ามีความลับอะไร"
"หืมม ? แล้วฝ่าบาท บอกอะไรเขาไปไหมเพคะ ?" นางทำตาโตขณะที่ถาม ราวกับกำลังถามถึงเหตุการณ์จริง แล้วเป่าปาก ทำท่าโล่งอก เมื่อเนรอสตอบ
"ไม่ได้บอกอะไรเลย...เพราะข้าก็ไม่รู้ความลับที่ซ่อนอยู่ในตราพระราชลัญจกรของข้าเหมือนกัน"
"อืมม...แล้ว..." เซฟิย่าทำท่าเอียงคอถามยิ้มๆ "...ที่ฝ่าบาททรงละเมอ ตรัสออกมาดังๆ ในช่วงท้าย...ตรัสหมายถึงใครหรือเพคะ ?"
"หืมม? ข้าพูดว่าอย่างไร ? ลืมไปแล้ว " เนรอสทำไก๋
"ง่า...ฝ่าบาท ตรัส ประมาณว่า มีคนที่จะทรงอภิเษกสมรสด้วย และจะทรงสถาปนาให้เป็นจักรพรรดินีแทนนางแล้ว 'นาง' ที่ฝ่าบาทตรัสถึง ก็คงจะเป็นเทพพยากรณ์ ออเรเคิล กระมังเพคะ ?"
"อืม...ใช่!" เนรอสกล่าวเสียงเครียดขรึม "อย่าพูดถึงนางอีกเลยนะ"
"เพคะ ฝ่าบาท" เซฟิย่าทูลตอบรับพลางแอบยิ้มในหน้าอย่างสาแก่ใจ ก่อนจะออดอ้อนออเซาะทูลถามต่อ "ตกลงว่า ช่วงสุดท้าย ตรัสหมายถึงใครเพคะ ?"
"เอ...ใครกันหนอ..." จักรพรรดิผู้อกหักแต่ได้คนรักใหม่มาช่วยรักษาแผลใจ แกล้งทำเป็นนึกโดยหันหน้าไปทางอื่น ไม่มองนางผู้อยู่ข้างๆ แล้วหันกลับมาโถมตัวทับร่างนางและกอดปล้ำฟัดพลางให้คำตอบ "ก็หมายถึงสาวร่างอวบจอมซนคนนี้ไงเล่า..."
เซฟิย่าหัวเราะคิกคัก แต่ไม่นานเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานก็เปลี่ยนเป็นเสียงร้องครวญคราง...และจากนั้นกิจกรรมระหว่างทั้งคู่ก็ดำเนินไปจนยันรุ่งสางของวันใหม่...
=====================================
กาดิซถอนจิตออกจากสมาธิ หลังจากตนเองได้ถอดจิตออกไปเข้าฝันจักรพรรดิเนรอส ลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความมืด ลุกขึ้นไปดื่มน้ำดับความกระหายและยืดเส้นยืดสายครู่ใหญ่ๆ จึงกลับไปนั่งที่เดิม หลับตา ส่งกระแสจิตออกไปภายนอก หวังจะติดต่อกับออเรเคิล...
แล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อพบกับความว่างเปล่า ! ไม่สามารถติดต่อทางจิตกับนางได้
เขาพยายามอีกสองสามครั้ง เมื่อเห็นว่าไร้ผล จึงลองคว้าเครื่องมือสื่อสารซึ่งก็คล้ายกับโทรศัพท์มือถือในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 21 ทำการติดต่อ...
ผลเป็นเช่นเดียวกัน! ไม่มีการตอบรับจากผู้เป็นหัวหน้า !! กาดิซรู้ทันทีว่าขณะนี้ หัวหน้าใหญ่ของตนไม่ได้อยู่กับนิวาสถาน!
รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ จนอดรนทนไม่ไหว รองหัวหน้าคณะนักพลังจิตจึงออกจากบ้านของตนแต่เช้าตรู่ เข้าวัง ตรงไปยังตำหนักส่วนตัวของออเรเคิล และได้พบกับจักรพรรดิจำแลง ณ ที่นั่น
(ต่อครับ) ^^
💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 54 🚀💫🕛💫
จักรพรรดิเนรอส กำลังบรรทมหลับสนิท โดยมีเซฟิย่าพระสนมเอกนอนกอดก่ายอยู่เคียงข้างและหลับสนิทเช่นกัน...
ในห้วงแห่งสุบินนิมิตร เนรอสพบตัวเองกำลังยืนอยู่บริเวณระเบียงด้านหลังพระตำหนัก กำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็มีบุรุษวัยกลางคนไว้หนวดเครารกครึ้มผู้หนึ่งสวมชุดเสื้อคลุมหนังเสือทั้งตัวเดินเข้ามาหา เมื่อถึงระยะใกล้ก็คุกเข่าลงถวายความเคารพ
"ขอเดชะ ฝ่าบาท ขอวโรกาศข้าพระองค์สนทนาด้วยสักครู่ พระเจ้าข้า"
จักรพรรดิมองหน้าเขาอย่างฉงนชั่วครู่ แล้วก็พยักหน้า ทักทายออกไป
"เจ้าเองหรือ กาดิซ"
"พระเจ้าข้า ฝ่าบาท" สมุนเอกของเทพพยากรณ์ยังคงนั่งคุกเข่าก้มหน้า เมื่อเนรอสบอกให้ลุกขึ้นยืน จึงกราบทูลขอบพระทัย แล้วลุกขึ้นยืนต่อหน้าจักรพรรดิ
"เจ้าคงมีกิจธุระอันใดสักอย่างเป็นแน่ จึงมาหาข้าแต่เพียงผู้เดียวเยี่ยงนี้ จริงไหม ?"
"ทรงพระปรีชาสามารถ พระเจ้าข้า" กาดิซทูลคำสรรเสริญแล้วพยักหน้า
"อืม...ไม่ต้องเยินยออะไรข้าให้มากความ มีเรื่องอันใดก็บอกมา"
"พระเจ้าข้า ฝ่าบาท...คือว่า ฝ่าบาท คงทราบแล้วว่า จะมีการเปิดศาลทวีป เพื่อพิสูจน์องค์จักรพรรดิที่แท้จริงอีกครั้ง ?"
"ใช่ ข้ารู้แล้ว และรู้สึกหนักใจอยู่เหมือนกันสำหรับเรื่องนี้" เนรอสพูดพลางทอดถอนใจ
"ฝ่าบาท พระองค์ทรงพ่ายแพ้มาแล้วในครั้งก่อน ด้วยการชี้ชัดโดยท่านหัวหน้า...เทพพยากรณ์ออเรเคิล ซึ่งบัดนี้ดำรงตำแหน่งเป็นองค์จักรพรรดินีแล้ว นางปฏิเสธฝ่าบาทไปแล้วและหันไปยอมรับจักรพรรดิอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ทางใต้"
"หึ!" จักรพรรดิตัวจริงแค่นเสียงพ่นลมออกจมูก แล้วย้อนถาม "เจ้าเอง รวมทั้งเหล่าบริวาร ก็อยู่กับฝ่ายใต้ พวกเจ้าก็ยอมรับเจ้าอสูรต่างพิภพจอมหลอกลวงคนนั้นด้วย มิใช่หรือ ? ข้าไม่เข้าใจเลยว่า เจ้ามาหาข้า เพื่ออะไร ในเมื่อพวกเจ้าอยู่ฝ่ายจักรพรรดิตัวปลอมนั่น ?"
"ฝ่าบาท...พระองค์ไม่เข้าพระทัย โปรดทรงมีพระทัยเย็นๆ ไว้ก่อน แล้วฟังข้าพระองค์อธิบาย..."
"หึ! ก็ได้ๆ เอ้าลองว่ามาดู!" เนรอสกล่าวเสียงสะบัดๆ แล้วยืนกอดอก รอฟังคำชี้แจงแถลงไขจากรองหัวหน้าคณะนักพลังจิต
"ฝ่าบาท อย่าได้ทรงตำหนิท่านหัวหน้าออเรเคิลเลย ที่นางตัดสินใจกระทำลงไปทั้งหมด เกิดจากความจำเป็น..." กาดิซเริ่มพยายามที่จะเกลี้ยกล่อม
"จำเป็นอย่างไรกัน ??" เนรอสโพล่งสวนทันทีด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว รู้สึกทั้งโกรธและเจ็บปวด "ปฏิเสธข้าซึ่งเป็นจักรพรรดิตัวจริง แล้วหันไปรับรองว่าเจ้าอสูรจำแลงนั่นคือจักรพรรดิ อะไรมันทำให้นางมีความจำเป็นที่ต้องทำบ้าๆ แบบนั้น ? และผลของการกระทำนั้น ทำให้ข้าและพรรคพวกแทบจะเอาชีวิตไม่รอด! โชคดีที่บริวารของวันชนะไปช่วยทันเวลา มิฉะนั้น ข้าและทุกคน คงต้องถูกจับไปจองจำ กักขัง เป็นอย่างน้อย ร้ายที่สุด หนักหนาสาหัสที่สุด ก็คือต้องถูกประหาร!!"
"ระงับพระพิโรธไว้ก่อนเถิดพระเจ้าข้า ฝ่าบาท...ข้าพระองค์จะอธิบายอยู่นี่แล้ว" กาดิซพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุด
"ก็ได้! อธิบายมา!!" เนรอสกล่าวด้วยน้ำเสียงตะคอก
"ทูลฝ่าบาท...อสูรต่างพิภพ ต้องการให้นางร่วมมือ โดยอ้างเอาฝ่าบาทเป็นเงื่อนไข หรือตัวประกัน...หากนางไม่ร่วมมือ พวกมันจะจับฝ่าบาทไปประหาร และจะย่ำยีพรหมจรรย์ของนาง และนั่นจะทำให้มนตราอาคมที่นางมีเสื่อมไปพร้อมกับพลังจิตซึ่งสั่งสมมานาน ซึ่งเรื่องนี้นางยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอันขาด ดังนั้น นางจึงยอมตามพวกมัน โดยปฏิเสธฝ่าบาท และยอมรับหัวหน้าพวกมันซึ่งจำแลงเป็นฝ่าบาทว่าเป็นจักรพรรดิองค์จริง ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ท่านหัวหน้าออเรเคิล ได้พยายามปกป้อง ทั้งตัวนางเอง และฝ่าบาทด้วย...พระเจ้าข้า"
"เฮอะ!" เนรอสแค่นเสียงอีกครั้ง "หลังจากที่นางตัดสินชี้ไปที่เจ้าอสูรจำแลงกายนั้นแล้ว เจ้านั่น ก็ออกคำสั่ง ให้ทหารล้อมจับพวกข้า และสั่งว่าใครขัดขืนให้สังหารหมดทุกคน! มันจะเป็นการปกป้องข้าได้อย่างไร ?"
"ฝ่าบาท...นางเตรียมแผนการณ์ไว้แล้วพระเจ้าข้า สมมติว่าฝ่าบาทถูกจับ พวกมันจะไม่ฆ่าฝ่าบาทแน่นอน แต่จะมอบตัวฝ่าบาทให้กับนาง แล้วนางก็จะส่งพระองค์ขึ้นยานบินเสด็จหนีไป นางและอสูรต่างพิภพนั่นได้ตกลงกันไว้แล้ว พระเจ้าข้า"
"อ้อ...นี่แปลว่า ข้าเป็นหนี้บุญคุณนางเสียด้วยซ้ำ! ใช่ไหมนี่ ? กาดิซ !! ฮ่ะๆๆๆๆ....ตลกจริงๆ !!" เนรอสกล่าวระบายอารมณ์พลางระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จนถึงกับละเมอออกมา ขณะนอนหลับอยู่ข้างกายของเซฟิย่าและทำให้นางตื่นขึ้นมาทีเดียว งัวเงียๆ โงหัวขึ้นมามองหน้าพระสวามีอย่างงงๆ ก่อนจะบ่นพึมพำ
"ฝันอะไรหนอ...เงียบไปละ...งั้นหลับต่อดีกว่า..." ว่าแล้วก็เอาหัวลงหมอน หลับต่อ
การสนทนาในความฝัน ยังดำเนินต่อไป...
"ข้าไม่อยากจะใส่ใจเรื่องออเรเคิลแล้ว กาดิซ! พอที อย่าพูดถึงนางอีก! ตอนนี้จงบอกมา ว่าเจ้ามาข้าถึงที่นี่ มีจุดประสงค์อันใด ?"
"ได้พระเจ้าข้า ข้าพระองค์จะไม่พูดถึงท่านหัวหน้า ถ้าไม่จำเป็น" กาดิซยังคงพูดเผื่อไว้หน่อยหนึ่ง
"มันจะมีความจำเป็นอะไรกันเล่า ? เอ้า! อย่ามัวโยกโย้ รีบๆ บอกมา ว่าเจ้าต้องการอะไร ?" เนรอสเร่งเร้า ด้วยรู้สึกชักรำคาญ
"พระเจ้าข้า...ฝ่าบาท เรื่องที่ข้าพระองค์ต้องการทูลบอกฝ่าบาท ก็เกี่ยวข้องกับการพิสูจน์องค์จริงของฝ่าบาทในศาลทวีป อีกครั้ง พระเจ้าข้า"
"ก็ในเมื่อข้าพ่ายแพ้ไปแล้ว จะมาพิสูจน์อะไรกันอีกเล่า ?"
"ก็นั่นน่ะสิพระเจ้าข้า! ข้าพระองค์ก็ไม่เข้าใจ เพราะฝ่ายที่ร้องขอให้เปิดศาลอีกครั้ง คือฝ่ายเหนือ ฝ่ายของพระองค์นะพระเจ้าข้า! แสดงว่าต้องมีอะไรใหม่ๆ ที่จะแสดงต่อศาล และต่อประชาชนให้ได้เห็น!"
"มันจะมีอะไรสามารถเอาไปแสดงให้ผู้คนได้ดูกันอีกเล่า ?" เนรอสย้อนถามพลางยกหัตถ์ขึ้นเกาพระเศียร
"ทูลฝ่าบาท...บางที พระองค์เองอาจทรงคาดไม่ถึงหรือดำริไม่ออก หากข้าพระองค์คาดเดาไม่ผิด ข้าพระองค์คาดว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับ ตราพระราชลัญจกร ซึ่งในครั้งที่แล้ว ทั้งฝ่าบาท และจักรพรรดิฝ่ายใต้ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญทางอัญมณีทั้งสองฝ่าย ต่างก็ไม่สามารถจะระบุชี้ชัดถึงสิ่งสำคัญของมันได้เลย ฝ่าบาทเองในช่วงท้ายก่อนที่ท่านเฮโรดัสจะให้ท่านหัวหน้าออกมาชี้ขาด ก็ดูเหมือนทรงพยายามดำริอยู่นาน แต่ก็ไม่ทรงอาจบอกอะไรได้.."
เนรอสมองหน้ากาดิซอย่างพยายามจับผิด ในขณะตอบ "ไม่ใช่เพียงเฉพาะในช่วงเวลานั้นดอก! หลังจากนั้น หลายครั้งหลายครา ที่ข้าพยายามขบคิดหาทางแกะปริศนาในดวงตรานี่.." พูดพลางยกมือตบๆ บริเวณหน้าอก ซึ่งภายในอาภรณ์ที่สวมใส่นั้นห้อยสายสร้อยตราพระราชลัญจกรอยู่ "...ของสิ่งนี้ เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษของข้ามาหลายชั่วอายุคน คงมีแต่บรรพชนในอดีตกาลเท่านั้น ที่จะรู้ความลับของมัน"
"อาจบางที บางคน ในหมู่คณะคนสำคัญๆ ของฝ่าบาท อาจช่วยไขปริศนาได้ ก็เป็นได้นะพระเจ้าข้า..ไม่อย่างนั้น คงไม่มีใครกล้าร้องขอเปิดศาลเป็นครั้งที่สองเป็นแน่แท้"
"อืม..." เนรอสพยักหน้า แล้วทำท่าครุ่นคิด...กล่าวเหมือนรำพึง... "บางที ใครสักคนในคณะของวันชนะ อาจจะช่วยข้าได้..." จากนั้นจึงหันมามองหน้ากาดิซอย่างข้องใจอีกครั้ง ก่อนเค้นถาม "แล้วเจ้าเหตุใดจึงมาสนใจถามถึงมัน ? คงมิใช่เจ้ามาถามเองกระมัง ?? ชะรอยจะมาเพราะพระบัญชาขององค์จักรพรรดินีเป็นแน่ ?"
"ฝ่าบาท ทรงพระปรีชาจริงๆ..." กาดิซน้อมกายตอบ
"เสียใจด้วยนะ! ข้านึกไม่ออกจริงๆ ว่ามันซ่อนความลับอันใดไว้...และถึงแม้ข้ารู้ ข้าก็ไม่บอกเจ้า หรือว่าใครๆ เป็นแน่! เพราะมันเกี่ยวข้องกับสมบัติส่วนตัวของข้า ซึ่งบอกแล้วว่าเป็นมรดกตกทอดมาหลายชั่วอายุคน เจ้าคงมาเสียเที่ยว เสียเวลาเปล่าแล้วหละ กาดิซ!"
รองหัวหน้าคณะนักพลังจิตส่ายหน้าพลางยิ้มตอบ "หามิได้พระเจ้าข้า เพราะท่านหัวหน้าฝากคำพูดมากราบทูลว่า ขอให้ฝ่าบาทสามารถถอดรหัสไขปริศนาที่ซ่อนอยู่ในตราพระราชลัญจกรสำเร็จ พิสูจน์ว่าพระองค์คือจักรพรรดิองค์ที่แท้จริง แล้วนางจะกลับมาหาฝ่าบาท พระเจ้าข้า"
เนรอสถึงกับอึ้งเมื่อได้สดับเช่นนั้น แล้วตอบกลับด้วยความรู้สึกสุดแสนรังเกียจ!
"นางจะหน้าด้าน หน้าหนาพอละหรือ ? กับการจะบากหน้ากลับมาหาข้า ถ้าหากข้าได้รับการยอมรับจากทุกคนว่าคือจักรพรรดิตัวจริง ? หา !! ครั้งก่อนเห็นว่าฝ่ายใต้อยู่ในฐานะได้เปรียบ ก็ยินยอมสวามิภักดิ์ฝ่ายใต้ ถึงตอนนี้ก็ได้สวมมงกุฏกลายเป็นจักรพรรดินีไปแล้ว และหากวันข้างหน้า ซึ่งอาจจะมาถึงในอีกไม่นาน สถานการณ์พลิกกลับ ข้าพิสูจน์ตนเองได้สำเร็จ นางก็จะหนีจากเจ้าอสูรต่างพิภพจอมปลอมแปลงแล้วขอกลับเข้าหมู่ของพวกเรา เจ้าคิดว่าใครบ้างจะยินดีต้อนรับการกลับมาของนาง ? และโดยเฉพาะข้า...คิดหรือว่า ข้าจะใจอ่อน อ้าแขนรับนางกลับมา จัดงานอภิเษกสมรส และสถาปนานางเป็นจักรพรรดินี ?? ถ้านางหวังเช่นนั้น ข้าก็ขอฝากคำพูดให้เจ้าไปบอกนางด้วย ว่า มันสายไปแล้ว! ข้ามีคนที่ข้าจะอภิเษกสมรสด้วย และจะแต่งตั้งสถาปนาให้เป็นจักรพรรดินีแทนนาง เรียบร้อยแล้ว !!"
ประโยคสุดท้ายเนรอสถึงกับตะโกน แสดงออกถึงความคั่งแค้นใจที่สุมแน่นออก และด้วยเสียงร้องตะโกนอันดังในฝันนั้นก็ทำให้ตนเองซึ่งนอนหลับอยู่ร้องละเมอออกมาดังๆ ทำให้เซฟิย่าสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งและได้ฟังประโยคสำคัญนั้นเต็มสองหู บุตรีแห่งหัวหน้าผู้พิพากษายิ้มแป้นทันทีหลังจากฟังจบ และเนรอสเองก็สะดุ้งตื่นด้วยเสียงร้องละเมอของตนเอง
"ฝ่าบาท...ทรงฝันร้ายหรือเพคะ ?" เซฟิย่าถามเสียงแผ่วเบา แต่ก็ได้ยินชัดด้วยความเงียบสงัดในยามราตรี
"อืม...ก็ ไม่เชิงฝันร้ายหรอก เซฟิย่า..." เนรอสส่ายหน้า แล้วยิ้มฝืดๆ "เป็นความฝันที่น่ารำคาญมากกว่านะ"
"ทรงฝันว่าอย่างไรหรือเพคะ ?" ถามไปใจก็คิดไป ต้องเกี่ยวข้องกับออเรเคิลแน่ๆ ! แล้วก็แทบกรี๊ดเมื่อได้ยินคำตอบ
"ฝันว่าออเรเคิลส่งกาดิซมาหาข้า สอบถามข้าเรื่องเกี่ยวกับตราพระราชลัญจกรว่ามีความลับอะไร"
"หืมม ? แล้วฝ่าบาท บอกอะไรเขาไปไหมเพคะ ?" นางทำตาโตขณะที่ถาม ราวกับกำลังถามถึงเหตุการณ์จริง แล้วเป่าปาก ทำท่าโล่งอก เมื่อเนรอสตอบ
"ไม่ได้บอกอะไรเลย...เพราะข้าก็ไม่รู้ความลับที่ซ่อนอยู่ในตราพระราชลัญจกรของข้าเหมือนกัน"
"อืมม...แล้ว..." เซฟิย่าทำท่าเอียงคอถามยิ้มๆ "...ที่ฝ่าบาททรงละเมอ ตรัสออกมาดังๆ ในช่วงท้าย...ตรัสหมายถึงใครหรือเพคะ ?"
"หืมม? ข้าพูดว่าอย่างไร ? ลืมไปแล้ว " เนรอสทำไก๋
"ง่า...ฝ่าบาท ตรัส ประมาณว่า มีคนที่จะทรงอภิเษกสมรสด้วย และจะทรงสถาปนาให้เป็นจักรพรรดินีแทนนางแล้ว 'นาง' ที่ฝ่าบาทตรัสถึง ก็คงจะเป็นเทพพยากรณ์ ออเรเคิล กระมังเพคะ ?"
"อืม...ใช่!" เนรอสกล่าวเสียงเครียดขรึม "อย่าพูดถึงนางอีกเลยนะ"
"เพคะ ฝ่าบาท" เซฟิย่าทูลตอบรับพลางแอบยิ้มในหน้าอย่างสาแก่ใจ ก่อนจะออดอ้อนออเซาะทูลถามต่อ "ตกลงว่า ช่วงสุดท้าย ตรัสหมายถึงใครเพคะ ?"
"เอ...ใครกันหนอ..." จักรพรรดิผู้อกหักแต่ได้คนรักใหม่มาช่วยรักษาแผลใจ แกล้งทำเป็นนึกโดยหันหน้าไปทางอื่น ไม่มองนางผู้อยู่ข้างๆ แล้วหันกลับมาโถมตัวทับร่างนางและกอดปล้ำฟัดพลางให้คำตอบ "ก็หมายถึงสาวร่างอวบจอมซนคนนี้ไงเล่า..."
เซฟิย่าหัวเราะคิกคัก แต่ไม่นานเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานก็เปลี่ยนเป็นเสียงร้องครวญคราง...และจากนั้นกิจกรรมระหว่างทั้งคู่ก็ดำเนินไปจนยันรุ่งสางของวันใหม่...
แล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อพบกับความว่างเปล่า ! ไม่สามารถติดต่อทางจิตกับนางได้
เขาพยายามอีกสองสามครั้ง เมื่อเห็นว่าไร้ผล จึงลองคว้าเครื่องมือสื่อสารซึ่งก็คล้ายกับโทรศัพท์มือถือในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 21 ทำการติดต่อ...
ผลเป็นเช่นเดียวกัน! ไม่มีการตอบรับจากผู้เป็นหัวหน้า !! กาดิซรู้ทันทีว่าขณะนี้ หัวหน้าใหญ่ของตนไม่ได้อยู่กับนิวาสถาน!
รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ จนอดรนทนไม่ไหว รองหัวหน้าคณะนักพลังจิตจึงออกจากบ้านของตนแต่เช้าตรู่ เข้าวัง ตรงไปยังตำหนักส่วนตัวของออเรเคิล และได้พบกับจักรพรรดิจำแลง ณ ที่นั่น
(ต่อครับ) ^^