คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16

คหสต ผมว่าโควิดกระทบเป็นวงกว้างมากกว่า
เเม้จะไม่หนักเเบบกระเเทกเเรงๆเหมือนตอนต้มยำกุ้ง เเต่ก็คงซึมยาว เเบบไม่รู้เมื่อไหร่จะฟื้น
ต้มยำกุ้ง โจมตีคนรวยก่อนเพื่อน คนธรรมดา บ้านนอกบ้านนายังอยู่ได้
ตอนนั้นที่กระทบเเรงมากคือ คนที่มีธุรกิจใหญ่ๆ ที่สามารถกู้เงินจากต่างประเทศ ดอกร้อยละไม่กี่บาท
มาฝากกินดอกในประเทศ ที่ดอกเงินฝาก ขี้นไปถึงสิบกว่าบาทในตอนนั้น
อัตราส่วนต่างของกู้นอกมาฝากใน บานเบอะ รวยจากตรงนี้กันไปก็มากมาย
คนที่มีธุรกิจใหญ่ๆ ก็กู้มาลงทุนในธุระกิจ (ผ่าน BIBF ) มาจากต่างประเทศได้ ดอกถูกกว่ากู้ในประเทศมากมาย
จนกระทั่ง เกิดเหตการณ์โจมตีค่าเงินบาท ( โดยกองทุนเฮดฟันด์ ของ จอร์ท โซรอจส์ )
ตามมาด้วยการประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ของรัฐบาลไทย เมื่อ 2 กรกฎา 40
จากอัตราเเลกเปลี่ยนเดิม 25 บาทต่อเหรียญ ไหลไปถึง 56 บาทต่อเหรียญ
เงินกู้ หนี้สินทั้งหลายที่มีกับต่างประเทศ เพิ่มขึ้นเท่าตัวในชั่วข้ามคืน
กู้มาเหรียญเดียว เเต่หนี้เพิ่มขึ้นเป็นสองเรียญกว่าๆในพริบตา
ถ้ากู้มาล้านเหรียญ เท่ากับหนี้เพิ่มขึ้นทันทีสองล้านกว่าเหรียญในเวลาไม่กี่วัน
เเล้วถ้ามีหนี้ ตปท ร้อยล้านเหรียญ พันล้านเหรียญ อันนั้นไม่ต้องพูดถึง
ตอนนั้นจึงเห็นข่าวในหน้า นสพ เศรษฐีฆ่าตัวตายกันรายวันเหมือนกัน
นานๆเข้าก็ลามลงมาถึงลูกจ้างบริษัท เพราะกิจการไปไม่ไหว ทยอยปิด ทยอยเจ๊ง
อสังหาริมทรัพย์ตอนนั้นเรียกว่า โครงการร้างกันเป็นเเถบๆ
อาคารก่อสร้างตึกใหญ่ๆ ทาวเวอร์เครน หยุดหมุน หยุดนิ่งนานจนสนิมเกาะกันเป็นเเถวๆ
เเต่ตอนนี้สงครามเชื้อโรค เชื้อมันไม่เลือกว่ารวยจน
มีโอกาสกระทบหมด เพราะทุกคนกลัวตายเหมือนๆกัน ไม่กล้าเดินทาง ไม่กล้าลงทุน
เศรษฐกิจอาจไม่ตายทันที เเต่จะค่อยๆซึม ทั้งผู้คน ทั้งเศรษฐกิจ นานๆไปก็คงเหมือนไม้ยืนต้นตาย
มองเผินเหมือนยังยืนอยู่ได้ เเต่พอเข้าไปมองใกล้ๆ อ้าวว ตายเเล้วนี่หว่า
เเม้จะไม่หนักเเบบกระเเทกเเรงๆเหมือนตอนต้มยำกุ้ง เเต่ก็คงซึมยาว เเบบไม่รู้เมื่อไหร่จะฟื้น
ต้มยำกุ้ง โจมตีคนรวยก่อนเพื่อน คนธรรมดา บ้านนอกบ้านนายังอยู่ได้
ตอนนั้นที่กระทบเเรงมากคือ คนที่มีธุรกิจใหญ่ๆ ที่สามารถกู้เงินจากต่างประเทศ ดอกร้อยละไม่กี่บาท
มาฝากกินดอกในประเทศ ที่ดอกเงินฝาก ขี้นไปถึงสิบกว่าบาทในตอนนั้น
อัตราส่วนต่างของกู้นอกมาฝากใน บานเบอะ รวยจากตรงนี้กันไปก็มากมาย
คนที่มีธุรกิจใหญ่ๆ ก็กู้มาลงทุนในธุระกิจ (ผ่าน BIBF ) มาจากต่างประเทศได้ ดอกถูกกว่ากู้ในประเทศมากมาย
จนกระทั่ง เกิดเหตการณ์โจมตีค่าเงินบาท ( โดยกองทุนเฮดฟันด์ ของ จอร์ท โซรอจส์ )
ตามมาด้วยการประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ของรัฐบาลไทย เมื่อ 2 กรกฎา 40
จากอัตราเเลกเปลี่ยนเดิม 25 บาทต่อเหรียญ ไหลไปถึง 56 บาทต่อเหรียญ
เงินกู้ หนี้สินทั้งหลายที่มีกับต่างประเทศ เพิ่มขึ้นเท่าตัวในชั่วข้ามคืน
กู้มาเหรียญเดียว เเต่หนี้เพิ่มขึ้นเป็นสองเรียญกว่าๆในพริบตา
ถ้ากู้มาล้านเหรียญ เท่ากับหนี้เพิ่มขึ้นทันทีสองล้านกว่าเหรียญในเวลาไม่กี่วัน
เเล้วถ้ามีหนี้ ตปท ร้อยล้านเหรียญ พันล้านเหรียญ อันนั้นไม่ต้องพูดถึง
ตอนนั้นจึงเห็นข่าวในหน้า นสพ เศรษฐีฆ่าตัวตายกันรายวันเหมือนกัน
นานๆเข้าก็ลามลงมาถึงลูกจ้างบริษัท เพราะกิจการไปไม่ไหว ทยอยปิด ทยอยเจ๊ง
อสังหาริมทรัพย์ตอนนั้นเรียกว่า โครงการร้างกันเป็นเเถบๆ
อาคารก่อสร้างตึกใหญ่ๆ ทาวเวอร์เครน หยุดหมุน หยุดนิ่งนานจนสนิมเกาะกันเป็นเเถวๆ
เเต่ตอนนี้สงครามเชื้อโรค เชื้อมันไม่เลือกว่ารวยจน
มีโอกาสกระทบหมด เพราะทุกคนกลัวตายเหมือนๆกัน ไม่กล้าเดินทาง ไม่กล้าลงทุน
เศรษฐกิจอาจไม่ตายทันที เเต่จะค่อยๆซึม ทั้งผู้คน ทั้งเศรษฐกิจ นานๆไปก็คงเหมือนไม้ยืนต้นตาย
มองเผินเหมือนยังยืนอยู่ได้ เเต่พอเข้าไปมองใกล้ๆ อ้าวว ตายเเล้วนี่หว่า

.
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
covid-19 เลวร้ายกว่าเยอะ เพราะคนที่ลำบากมีตั้งแต่คนทำงาน จนถึงรากหญ้า ซี่งเป็นคนหมู่กว้าง มันไม่ใช่การตกงาน แต่มันเป็นการไปทำงานไม่ได้ ไม่ใช่หางานไม่ได้ แต่มันไม่มีงานให้ทำ สำคํญที่สุดคือ มันมาพร้อมความกลัว ความไม่เชื่อใจกัน และมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ของวิกฤต
ส่วนวิกฤตต้มยำกุ้ง มันล้มจากกลุ่มคนรวย ซึ่งคนเดือนร้อนจริงๆ มีไม่กี่คน มีคนตกงานจริง แต่มันมีงานใหม่ให้ทำ และมีจุดสิ้นสุดไม่ยืดเยื้อ รากหญ้าส่วนใหญ่ของประเทศไม่กระทบ
ส่วนวิกฤตต้มยำกุ้ง มันล้มจากกลุ่มคนรวย ซึ่งคนเดือนร้อนจริงๆ มีไม่กี่คน มีคนตกงานจริง แต่มันมีงานใหม่ให้ทำ และมีจุดสิ้นสุดไม่ยืดเยื้อ รากหญ้าส่วนใหญ่ของประเทศไม่กระทบ
ความคิดเห็นที่ 22
สิ่งที่ต่างกันคือดอกเบี้ยค่ะ ตัมยำกุ้งดอกเบี้ยฝาก 10 กว่าเปอร์เซนต์ คนทำมาหากินทั่วไป สมัยนั้นไม่ค่อยก่อหนี้ จะมี ก็แต่บริษัทต่างๆที่ต้องลงทุน
เจอเข้าไป ดอกทับทวีคูณ ล้มกันระเนระนาด ตลาดหุ้นจึงลงหนักกว่า ด้วยประการฉะนี้... ตั้งแต่นั้นมา จึงเกิดการลดดอกเบี้ย มาโดยต่อเนื่อง
แถมด้วยการออกคิวอี้ มาเสริมทัพ กระจายกำลังออกล่าอาณานิคม ออกผลิตภัณฑ์ต่างๆ มาเพื่อบอกให้คนลงทุน อย่าออม ทำจน ดอกเบี้ยเป็นศูนย์เท่าญี่ปุ่น
คีย์ที่จะบอก คือ ดอกเบี้ยจึงเป็นอะไรที่ sensetive มาก ในเวลานี้... การลงทุนคือความเสี่ยง จากเดิมคนธรรมดาที่ตั้งหน้าทำงานเก็บเงิน กินดอกเบี้ย
แบงค์ก็ปล่อยเงินให้บริษัทกู้ไปลงทุน บริษัททำกำไร ก็มาจ่ายปันผล ให้ผถห. ไม่ใช่อีกต่อไปแล้วในปัจจุบัน ทุกคนถูกลากให้ลงมาสู่ความเสี่ยง
ด้วยเงื่อนไข ฝากแบงค์ไม่ได้อะไร... ในขณะที่งานก็ต้องทำ สมองก็ต้องคิดลงทุนที่จะดำรงเงินต้นไว้ให้ครบถ้วน ค่าครองชีพก็ถีบตัวสูงขึ้นทุกวัน
นั่น. คือสถานการณ์ของคนในยุคโควิด ค่ะ.
เจอเข้าไป ดอกทับทวีคูณ ล้มกันระเนระนาด ตลาดหุ้นจึงลงหนักกว่า ด้วยประการฉะนี้... ตั้งแต่นั้นมา จึงเกิดการลดดอกเบี้ย มาโดยต่อเนื่อง
แถมด้วยการออกคิวอี้ มาเสริมทัพ กระจายกำลังออกล่าอาณานิคม ออกผลิตภัณฑ์ต่างๆ มาเพื่อบอกให้คนลงทุน อย่าออม ทำจน ดอกเบี้ยเป็นศูนย์เท่าญี่ปุ่น
คีย์ที่จะบอก คือ ดอกเบี้ยจึงเป็นอะไรที่ sensetive มาก ในเวลานี้... การลงทุนคือความเสี่ยง จากเดิมคนธรรมดาที่ตั้งหน้าทำงานเก็บเงิน กินดอกเบี้ย
แบงค์ก็ปล่อยเงินให้บริษัทกู้ไปลงทุน บริษัททำกำไร ก็มาจ่ายปันผล ให้ผถห. ไม่ใช่อีกต่อไปแล้วในปัจจุบัน ทุกคนถูกลากให้ลงมาสู่ความเสี่ยง
ด้วยเงื่อนไข ฝากแบงค์ไม่ได้อะไร... ในขณะที่งานก็ต้องทำ สมองก็ต้องคิดลงทุนที่จะดำรงเงินต้นไว้ให้ครบถ้วน ค่าครองชีพก็ถีบตัวสูงขึ้นทุกวัน
นั่น. คือสถานการณ์ของคนในยุคโควิด ค่ะ.
ความคิดเห็นที่ 8
เคยอยู่ในช่วงต้มยำกุ้ง แต่ตอนนั้นยังเรียนอยู่ม.ปลายแล้วมั้งครับ
ความรู้สึกส่วนตัวถ้าเทียบมีความรู้สึกว่าโควิทเลวร้ายกว่าพอสมควร
ฐานด้านล่างประเทศแย่ ยังไงก็ต้องสั่นคลอนมาฐานกลาง & ฐานด้านบน อยู่แ้ลวครับ
เพียงแต่จะยืนระยะกันนานจนโควิทหายไหวกันไหม อันนี้ไม่มีใครทราบแน่นอน
แต่ของต้มยำกุ้ง ฐานล่างเค้าก็ดำเนินกิจกรรมตามปกติ แต่ฐานด้านบนมีปัญหา
แต่สุดท้ายก็ปรับโครงสร้างหนี้ก็กลับมาได้กันทั้งนั้นครับ
ความรู้สึกส่วนตัวถ้าเทียบมีความรู้สึกว่าโควิทเลวร้ายกว่าพอสมควร
ฐานด้านล่างประเทศแย่ ยังไงก็ต้องสั่นคลอนมาฐานกลาง & ฐานด้านบน อยู่แ้ลวครับ
เพียงแต่จะยืนระยะกันนานจนโควิทหายไหวกันไหม อันนี้ไม่มีใครทราบแน่นอน
แต่ของต้มยำกุ้ง ฐานล่างเค้าก็ดำเนินกิจกรรมตามปกติ แต่ฐานด้านบนมีปัญหา
แต่สุดท้ายก็ปรับโครงสร้างหนี้ก็กลับมาได้กันทั้งนั้นครับ
แสดงความคิดเห็น
ถามคนโตๆ วิกฤตต้มยํากุ้ง กับ Covid-19 ตอนนี้ อันไหนแย่กว่ากันครับ
ปล. ยืม ID พี่เพื่อนแฟนมา