ไม่เคยเลยที่จะมีใครได้สมปรารถนาอยู่ตลอด
นานเท่าไหร่แล้วที่พวกเราต้องอยู่ในโลกที่ไม่สมปรารถนาแห่งนี้
ลองมองดีๆ
ร่างกายเรามีนำเข้า ก็มีนำออก และเมื่อนำออกมันก็ต้องการการเติมเต็มใหม่
ใจเราเองก็เช่นกัน เมื่อสุขหายไป มันก็ต้องการการเติมเต็มสุขกลับมาอีก
แต่สิ่งที่สามารถเติมเต็มกลับได้ มันไม่ง่ายเลย เพราะโลกมันโหดร้าย
ข้าวปลาอาหารก็แพงขึ้นไม่เคยจะถูกลงจริงไหม แค่นี้ก็ทำให้ชีวิตยากแล้ว
คนจ้องจะเอาเปรียบกันเสมอ การนำอะไรมาเติมเต็มมันยาก และยากขึ้นทุกที
เพราะสังคมพัฒนาให้คนเกิดมาก็เข้าโรงเรียนเลย สอนแต่ให้แข่งขันและร่ำรวย
พ่อแม่ไปที่ทำงาน ก็เจอ คนกล้าโกง กล้าโกหก กล้าลงมือ คือคนได้ดิบได้ดี
แล้วพ่อแม่จะกลับมาสอนลูกอย่างไรหละ แน่นอนก็คงไม่ต่างกับสิ่งที่ได้เจอมา
เช่นกัน ลูกพวกคุณในห้องศาสนา พอก้าวไปทำงานที่สูงขึ้น ก็ต้องเจอกับคนเหล่านี้
ทุกวัน ทุกข์ไหมที่ต้องหาเงินมาเติมในบัญชีให้พอค่าอาหาร
ทุกวัน ทุกข์ไหมที่ต้องรับมือกับคนชั่วมากมายที่จ้องจะเอาเปรียบ
แม้ทุกข์จะมากเพียงไร แต่ผมค่อนข้างประหลาดใจที่ทุกคนก็อดทนกับมันได้
และภาพรวมดูๆไปสังคมโลกมันก็อยู่ของมันได้ดี
ผมมีโอกาสไปเจอหลายคนที่หนีออกจากสังคมแห่งนี้ไปเลย
ที่น่าประหลาดคือส่วนใหญ่พื้นฐานจิตใจพวกเขาดีกว่าที่คิด !!!
และพอพวกเขาออกมา ก็เริ่มสบาย แล้วก็ไม่ได้พัฒนาอะไรตามที่ตนเองหวังไว้
ผมเชื่อว่าเป็นกันเกือบทุกคนแหละ พอไร้สิ่งกดดัน ก็ไม่อยากทำงาน
แน่นอน พอหยุดอยู่กับที่ สิ่งที่สั่งสมมาก็ลดน้อยลง ความเครียดก็เพิ่มขึ้น
บางคนเป็นโรคจิตอ่อนๆเลยทีเดียว ซึ่งน่าเศร้ามาก ไม่มีใครในสังคมมองเห็น
ท้ายสุดพอขัดสน ก็เป็นเหตุให้คนเหล่านี้ต้องสร้างปัญหาต่อผู้อื่นต่อไป
ทั้งๆที่แรกเริ่ม จิตใจของพวกเขา ดีงามกว่ามากๆเลย
จริงๆแล้วผมเชื่อว่ามันเป็นแบบนี้แหละ มันไม่มีทางออกที่ดีนักในโลกนี้
ผมเองอยู่ในสังคม บางคนเรียกว่าเป็นบุรุษตัวอย่างในสังคมเล็กๆเลยก็ว่าได้
เรียนเก่ง เรียนสูง เงินเดือนสูง ศึกษาธรรมะ ไม่เอาเปรียบใคร ช่วยเหลือคนอื่น
นอกจากนี้ยังพยายามปกป้องผลประโยชน์ของสังคม พัฒนาระบบล้าหลังต่างๆ
หน้าฉากทุกคนสรรเสริญอย่างมาก แต่การเป็นคนดีในสังคมจริงๆนั้น
มันอยู่ไม่ได้หรอกนะ ต้องโดนบีบให้ทำสิ่งที่ไม่ควรทำเช่นกัน
มีคนเคยบ่นว่าผมเป็นใคร ทำอะไร บ่นเยอะจัง
จริงๆทุกคำที่ผมเขียน ผมพยายามปกปิดตนเอง ในขณะเดียวกันมันจะเปิดขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งผมกังวล เดี๋ยวมีใครในที่ทำงานมาจับได้ครับ
ผมอยากออกจากสิ่งเหล่านี้จริงๆ ผมทบทวนว่าที่ไหนหละที่ผมจะไปอยู่ได้
อาจเปลี่ยนงาน เป็นงานเล็กๆ ที่ไม่มีคนสนใจ เงินน้อยหน่อยพอเลี้ยงชีพ
แต่หลายๆคนรอบๆคงไม่ยอม พ่อแม่พี่น้องจะว่าอย่างไร แฟนก็คงไม่อยู่ด้วย
จริงๆการฆ่าตัวตาย ก็ดีนะ แต่ทางศาสนาก็ไม่แนะนำอีก หากจบไปได้เลยก็ดี
แต่เขาว่าต้องไปตกนรก ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกนะว่ามีไหม ใครรู้ก็บอกกันหน่อย
และแน่นอนไม่ใช่การไปนั่งๆนอนๆกับสังคมของคนทิ้งโลกจำนวนมาก
เพราะเมื่อไร้สิ่งกดดัน ก็จะไม่ทำอะไรเลย เป็นเหตุให้เราขัดสนและทำสิ่งไม่ดี
สุดท้าย การเป็นพระนี่แหละ หากเป็นพระที่ดี การได้อาหารในบาตร และได้
ให้คำสอนที่ดีต่อผู้อื่น ซึ่งเป็นคำสอนที่ถูกต้อง และทำให้ทุกข์น้อยลง คงจะดี
แต่แน่นอน สังคมรอบตัวก็จะไม่ยอมอีก พ่อแม่พี่น้องและแฟน คงจะไม่ยอม
ท้ายสุด เมื่ออายุพอสมควรแล้ว เก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง ที่มากเพียงพอ
ตอบแทนพ่อแม่ ดูแลพี่น้อง และให้แฟนได้มีความสุขที่อยู่กับเรา
ไปบวช พวกเขาคงจะรับได้ ใครที่กำลังทุกใจเหมือนผม จะไปทางเดียวกับผมก็ได้นะ
โลกนี้ จะหนีไปเร็วก็ไม่ได้ ช้าไปก็ทุกข์อีก ทำให้ดีที่สุดก็พอ
โลกไม่มีทางออก พุทธศาสนาเป็นทางออก ดุจดอกไม้ที่เบ่งบานให้สังคม
นานเท่าไหร่แล้วที่พวกเราต้องอยู่ในโลกที่ไม่สมปรารถนาแห่งนี้
ลองมองดีๆ
ร่างกายเรามีนำเข้า ก็มีนำออก และเมื่อนำออกมันก็ต้องการการเติมเต็มใหม่
ใจเราเองก็เช่นกัน เมื่อสุขหายไป มันก็ต้องการการเติมเต็มสุขกลับมาอีก
แต่สิ่งที่สามารถเติมเต็มกลับได้ มันไม่ง่ายเลย เพราะโลกมันโหดร้าย
ข้าวปลาอาหารก็แพงขึ้นไม่เคยจะถูกลงจริงไหม แค่นี้ก็ทำให้ชีวิตยากแล้ว
คนจ้องจะเอาเปรียบกันเสมอ การนำอะไรมาเติมเต็มมันยาก และยากขึ้นทุกที
เพราะสังคมพัฒนาให้คนเกิดมาก็เข้าโรงเรียนเลย สอนแต่ให้แข่งขันและร่ำรวย
พ่อแม่ไปที่ทำงาน ก็เจอ คนกล้าโกง กล้าโกหก กล้าลงมือ คือคนได้ดิบได้ดี
แล้วพ่อแม่จะกลับมาสอนลูกอย่างไรหละ แน่นอนก็คงไม่ต่างกับสิ่งที่ได้เจอมา
เช่นกัน ลูกพวกคุณในห้องศาสนา พอก้าวไปทำงานที่สูงขึ้น ก็ต้องเจอกับคนเหล่านี้
ทุกวัน ทุกข์ไหมที่ต้องหาเงินมาเติมในบัญชีให้พอค่าอาหาร
ทุกวัน ทุกข์ไหมที่ต้องรับมือกับคนชั่วมากมายที่จ้องจะเอาเปรียบ
แม้ทุกข์จะมากเพียงไร แต่ผมค่อนข้างประหลาดใจที่ทุกคนก็อดทนกับมันได้
และภาพรวมดูๆไปสังคมโลกมันก็อยู่ของมันได้ดี
ผมมีโอกาสไปเจอหลายคนที่หนีออกจากสังคมแห่งนี้ไปเลย
ที่น่าประหลาดคือส่วนใหญ่พื้นฐานจิตใจพวกเขาดีกว่าที่คิด !!!
และพอพวกเขาออกมา ก็เริ่มสบาย แล้วก็ไม่ได้พัฒนาอะไรตามที่ตนเองหวังไว้
ผมเชื่อว่าเป็นกันเกือบทุกคนแหละ พอไร้สิ่งกดดัน ก็ไม่อยากทำงาน
แน่นอน พอหยุดอยู่กับที่ สิ่งที่สั่งสมมาก็ลดน้อยลง ความเครียดก็เพิ่มขึ้น
บางคนเป็นโรคจิตอ่อนๆเลยทีเดียว ซึ่งน่าเศร้ามาก ไม่มีใครในสังคมมองเห็น
ท้ายสุดพอขัดสน ก็เป็นเหตุให้คนเหล่านี้ต้องสร้างปัญหาต่อผู้อื่นต่อไป
ทั้งๆที่แรกเริ่ม จิตใจของพวกเขา ดีงามกว่ามากๆเลย
จริงๆแล้วผมเชื่อว่ามันเป็นแบบนี้แหละ มันไม่มีทางออกที่ดีนักในโลกนี้
ผมเองอยู่ในสังคม บางคนเรียกว่าเป็นบุรุษตัวอย่างในสังคมเล็กๆเลยก็ว่าได้
เรียนเก่ง เรียนสูง เงินเดือนสูง ศึกษาธรรมะ ไม่เอาเปรียบใคร ช่วยเหลือคนอื่น
นอกจากนี้ยังพยายามปกป้องผลประโยชน์ของสังคม พัฒนาระบบล้าหลังต่างๆ
หน้าฉากทุกคนสรรเสริญอย่างมาก แต่การเป็นคนดีในสังคมจริงๆนั้น
มันอยู่ไม่ได้หรอกนะ ต้องโดนบีบให้ทำสิ่งที่ไม่ควรทำเช่นกัน
อาจเปลี่ยนงาน เป็นงานเล็กๆ ที่ไม่มีคนสนใจ เงินน้อยหน่อยพอเลี้ยงชีพ
แต่หลายๆคนรอบๆคงไม่ยอม พ่อแม่พี่น้องจะว่าอย่างไร แฟนก็คงไม่อยู่ด้วย
จริงๆการฆ่าตัวตาย ก็ดีนะ แต่ทางศาสนาก็ไม่แนะนำอีก หากจบไปได้เลยก็ดี
แต่เขาว่าต้องไปตกนรก ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกนะว่ามีไหม ใครรู้ก็บอกกันหน่อย
และแน่นอนไม่ใช่การไปนั่งๆนอนๆกับสังคมของคนทิ้งโลกจำนวนมาก
เพราะเมื่อไร้สิ่งกดดัน ก็จะไม่ทำอะไรเลย เป็นเหตุให้เราขัดสนและทำสิ่งไม่ดี
สุดท้าย การเป็นพระนี่แหละ หากเป็นพระที่ดี การได้อาหารในบาตร และได้
ให้คำสอนที่ดีต่อผู้อื่น ซึ่งเป็นคำสอนที่ถูกต้อง และทำให้ทุกข์น้อยลง คงจะดี
แต่แน่นอน สังคมรอบตัวก็จะไม่ยอมอีก พ่อแม่พี่น้องและแฟน คงจะไม่ยอม
ท้ายสุด เมื่ออายุพอสมควรแล้ว เก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง ที่มากเพียงพอ
ตอบแทนพ่อแม่ ดูแลพี่น้อง และให้แฟนได้มีความสุขที่อยู่กับเรา
ไปบวช พวกเขาคงจะรับได้ ใครที่กำลังทุกใจเหมือนผม จะไปทางเดียวกับผมก็ได้นะ
โลกนี้ จะหนีไปเร็วก็ไม่ได้ ช้าไปก็ทุกข์อีก ทำให้ดีที่สุดก็พอ