ฟ้ามิอาจกั้น...รักสองเรา(ตอน2)

กระทู้สนทนา
เวลาแค่ 7 วันสำหรับภาคใต้  4  จังหวัดก็น่าจะพอนะสำหรับเขา  เดือนรพีคิดเองเออเองในใจตลอด  เพราะเราเพิ่งรู้จักกันแค่วันสองวัน  จะพูดอะไรมากก็ไม่ได้  ต้องดูท่าทีของเขาก่อน  ช่วงที่เดินทางไปด้วยกัน  เดือนรพีแอบมองเขาเป็นช่วงๆ  แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะแอบมองเดือนรพีหรือเปล่า  เพราะเดินทางเมื่อไหร่เดือนรพีจะหลับเอาแรงเสมอ

            “คุณเตรียมกางเกงว่ายน้ำมาหรือเปล่าค่ะคุณเฉินซี”  เดือนรพีถามเขา  

            “ ผมจะใส่กางเกงขาสั้นเล่นน้ำทะเลครับ  คุณเดือนรพี  เรียกผมว่าเฉินก็ได้นะครับ”

            “ เคค่ะ  ฉันจะเรียกคุณว่าเฉินนะค่ะ  แล้วคุณเฉินก็เรียกฉันว่าเดือนก็แล้วกันนะค่ะ  ง่ายดีค่ะ  และเป็นกันเองดีค่ะ”  เดือนรพียิ้มหวานให้เขา  เฉินซียิ้มตอบเหมือนพอใจเธอ
             เฉินซีลงเล่นน้ำทะเลอย่างสนุกสนาน  เขาใส่แค่กางเกงขาสั้นตัวเดียว  เขาถอดเสื้อเห็นกล้ามและซิกแพคของเขาอย่างชัดเจน  เดือนรพีพยายามไม่มองโดยตรงแต่จะพยายามแอบมองเขา  เพราะมองเห็นหุ่นเขากับกางเกงขาสั้นที่เปียกน้ำ  มันช่างแนบเนื้อเขามาก  ทำให้ใจเธอหวิวๆชอบกล  ผมที่ยาวและรุงรังถูกน้ำทะเลเปียก  และสะท้อนกับแสงพระอาทิตย์  ดูเซ็กซี่มาก  เดือนรพีต้องเก็บภาพให้เขาตลอดการท่องเที่ยว  ทำเป็นอัลบั้มให้นักท่องเที่ยว  เพื่อสร้างความสุขและพอใจแก่นักท่องเที่ยว  

               เขาเล่นน้ำจนเย็นและเขาก็ตะโกนออกมาสุดเสียง  ตอนพระอาทิตย์ตกน้ำ  ได้ยินไม่ชัดเจนเท่าไหร่  แต่ดูเหมือนเป็นการระบายความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจของเขาออกมา  เดือนรพีนั่งมองเขาเล่นน้ำจนพระอาทิตย์ตกน้ำไปแล้ว  เขายังนอนอยู่ตรงหาดทราย  เหมือนกับหมดอาลัยในชีวิต  เขาเป็นอะไรของเขานะ  เดือนรพีอยากรู้จัง  แต่ก็เก็บความอยากรู้เอาไว้  ถ้าเขาจะบอกคงบอกเองแหละ  อย่าไปอยากรู้ใจและความรู้สึกของเขาเลย  ทำหน้าที่ไกด์ที่ดีก็แล้วกัน  ยุ่งมากกับลูกทัวร์ไม่ดีแน่
            
              เดินทางต่อไปภาคตะวันออก  โปรแกรมพาไปชลบุรี  ระยอง จันทบุรีและตราด  เวลา 5 วัน  เดือนรพีชวนเฉินซีคุยเรื่องท่องเที่ยวในเมืองไทย  เขาฟังอย่างตั้งใจ  เขาบอกว่าเขารู้มาก่อนหน้าแล้วว่าประเทศไทยน่าเที่ยวมาก  เขาจึงซื้อทัวร์มาเที่ยวและอยากเที่ยวคนเดียว  ไม่อยากเที่ยวกับคนอื่น  จะมาเองก็เบื่อไม่อยากต้องค้นหาด้วยตัวเอง  อยากให้มีคนพาเที่ยว  อยากเที่ยวแบบสบายๆ  เพื่อปลดปล่อยอย่างเต็มที่  เฉินซีเริ่มเล่าเรื่องของเขาให้เดือนรพีฟัง  แววตาของเขาเศร้ามาก  

              “ ถ้าคุณเฉินไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะค่ะ  อาจจะทำให้คุณเศร้าใจถ้าพูดถึงมันอีก  แต่ถ้าคุณเฉินอยากเล่าเพื่อให้ใครได้ฟังบ้างก็ยินดีจะรับฟังนะค่ะ  ตามสบายเลยค่ะ” 

               หลังจากเดือนรพีพูดออกไป  เฉินมองหน้าเธอและยิ้มอย่างเศร้าๆและพูดว่า

             “ ถ้าคุณยินดีรับฟังเรื่องของผม  ผมก็จะเล่าให้ฟัง  คือผมเคยรักกับหญิงคนหนึ่ง และพร้อมจะแต่งงานกัน  แต่....” 

              เฉินหยุดพูดไปพักหนึ่ง  น้ำตาเขาไหลออกมา  เดือนรพีเห็นเช่นนั้นเธอรีบเข้าไปโอบไหล่เขา  เพื่อปลอบโยนเขาด้วยความสงสาร  และหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตาให้เขาอย่างทะนุถนอมและเห็นใจ  เขาคงเสียใจมาก  น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมานี่ก็แสดงว่าคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่

             “ขอบคุณครับ..ผมต้องเสียแฟนของผมไปเพราะเกิดอุบัติเหตุกับเธอ..”

             “เสียใจด้วยนะค่ะ”  เดือนรพีจับไหล่เขาเบาๆ  และพูดปลอบใจเขา  

             “สักวันคุณเฉินก็จะได้เจอคนที่ดีที่สุดมาแทนที่เธอค่ะ  ขอให้คุณได้พบเจอในเร็ววันนะค่ะ  ฉันขอภาวนาให้แฟนคุณได้ไปสวรรค์ค่ะ”  เดือนรพีพูดปลอบเขาอย่างสุดใจ

             เช้านี้ที่เกาะช้าง  เฉินซีดูร่าเริงขึ้น  แววตามีประกายแจ่มใส  คงเพราะเมื่อวานเขาได้ระบายความเศร้าของเขาออกจนหมดสิ้น  ความสุขคงกลับมาหาเขาอีกครั้ง

             “ หลับสบายดีไหมค่ะคุณเฉินเมื่อคืน”  เดือนรพีทักทายเพื่อให้ลูกทัวร์รู้สึกเป็นกันเอง

             “ ครับ..ขอบคุณเดือนมากที่เป็นเพื่อนฟังเรื่องของผม  ทำให้ผมได้เจอคนใหม่มาแทนที่แฟนเก่าผมแล้ว”  เฉินซีกล่าวออกมาอย่างมีความสุข

             “เอ..เขาไปเจอใครนะที่มาแทนแฟนเก่าเขา  ไปเจอตรงไหน  แปลกดีแฮ่ะ เจอคนใหม่ไวจัง”  เดือนรพีสงสัยใครกันน้าที่เฉินซีเจอแล้ว

             หลังจากดำน้ำดูปะการังเสร็จ  ได้เวลาอาหารเย็น  เฉินซีอาบน้ำประะแป้งดูน่ารักกว่าทุกวัน  คงจะเพราะเฉินซีเจอคนที่ใช่แล้ว  จึงทำให้เขามีความสุขขึ้น  เขามองมาที่เดือนรพี  แววตาเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ

            “คุณเดือนแต่งงานแล้วหรือยังครับ  ขอโทษนะครับที่ถามแบบนี้” เฉินถามตรงมาก

            “ อ๋อ..ฉันยังโสดค่ะ”  เดือนรพีตอบแบบไม่คิดอะไร  แต่คำตอบของเธอทำให้เฉินซียิ้มแก้มปริ  แววตาสดใสแบบมีความหวัง  เขาจ้องมองเดือนรพีอย่างจริงจัง  ทำให้เดือนรพีต้องหลบตาเขา  ในใจเธอเริ่มคิดหละว่าทำไมเฉินซีมองเธอแบบนั้น  

            “คุณเฉินมองฉันแบบนี้ คงไม่เชื่อละซิว่าฉันยังโสด  ใช่ไหมค่ะ”  เดือนรพีเริ่มฉุนเฉียวเพราะมาสะกิดต่อมมีปมด้อยของเธอ

            “ เปล่าๆๆครับ  ผมเชื่อคุณเดือนนะครับ  แต่แค่แปลกใจว่าคนน่ารักแบบคุณเดือนทำไมไม่มีแฟน”  เท่านั้นเองต่อมโกรธของเดือนรพีก็พุ่งขึ้นมาทันที

            “ ก็ฉันไปเจอผู้ชายไม่ดีนะซิ  มีแฟนก็ไม่บอกฉัน  หลอกให้ฉันหลงรัก  แล้วก็มาบอกว่ามีแฟนแล้ว  เจ็บใจสุดๆ  เกลียดผู้ชายแบบนี้จริงจริ๊ง...”  เธอหลุดปากพูดออกไป  ทำให้เฉินซีมองเธอตาค้าง  ไม่คิดว่าจะเห็นเดือนรพีแค้นผู้ชายคนนั้นมากขนาดนี้

           “ ขอโทษค่ะที่พูดแบบนั้นออกไป  ขอโทษนะค่ะ”  เดือนรพีปิดปากแน่นเลยที่เผลอพูดความในใจออกไปแบบนั้น  เฉินซีหัวเราะชอบใจแบบลืมตัว  ทำให้เดือนรพีหันมามองเขาแบบจริงจังเพราะยังโกรธอยู่  ต่างคนต่างมองตาซึ่งกันและกัน  นานเท่าไหร่ไม่รู้  จนได้ยินเสียงเด็กเสริฟเขามาบอกว่าร้านจะปิดแล้ว  จึงทำให้ต่างคนต่างเลิกมองกันและรีบออกจากร้านไป

            คืนนั้นเดือนรพีนอนไม่ค่อยหลับ  เพราะจำแววตาที่เฉินซีมองเธอเมื่อตอนหัวค่ำ  ภาพนั้นปรากฏขึ้นมาในสมองและความทรงจำตลอดเวลา  ในขณะที่เฉินซีนอนบิดไปบิดมาเพราะมัวแต่คิดถึงเดือนรพีกับแววตาของเธอที่จ้องมองกับเขาในอาหารมื้อค่ำนี้

           เช้ามาต่างคนต่างง่วงนอน  เดือนรพีไม่กล้าสบตาเฉินซีอีก  มองก้มต่ำตลอดเวลา  แต่เฉินซีกลับมองเดือนรพีมากขึ้น  มองอย่างพิจารณาในตัวเธอ  เธอจะพูดอะไรหรือเล่าเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว  เฉินซีจะมองเธอด้วยความเอ็นดู  ยิ่งเดือนรพีไม่สบตาเขา  ก็ยิ่งทำให้เขาอยากสบตาเธอมากเท่านั้น

          จุดสุดท้ายที่จะไปเที่ยวคือภาคเหนือ  ช่วงนี้อากาศหนาวเย็นมาก  เฉินอยากขึ้นดอยอ่างขาง  เชียงใหม่  อากาศบนดอยหนาวเย็นมาก 5 องศา  ดอกพญาเสือโคร่งและดอกซากุระบานสะพรั่ง  สวยงามมาก  เดือนรพีสวมเสื้อกันหนาวบางๆเพราะไม่ได้เตรียมมา  แต่เฉินซีบอกชอบอากาศแบบนี้  ที่เมืองจีนหนาวยิ่งกว่านี้อีกเขาบอกเธอ  

          เดือนรพีส่งผ้าพันคอบางๆให้เฉินซี  เขาแขวนคอแป๊บเดียว  แล้วเขาก็เอามาคล้องคอให้เดือนรพีเพราะเห็นเธอหนาวสั่น  ทำให้เธอได้กลิ่นไอจากตัวเขาที่ติดมากับผ้าพันคอ  เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด  เฉินซีมองเธอด้วยแววตาเป็นห่วง  และซ่อนความรู้สึกรักเอาไว้ด้วย

          “คุณเฉินไม่หนาวเหรอค่ะ”  เดือนรพีถามแล้วไม่กล้าสบตากับเขา  เพราะตอนนี้ความรู้สึกของเธอหวั่นไหวกับเฉินซี  เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าชอบเดือนรพี  แต่เธอก็คอยเตือนตัวเองว่าอย่าหลงรักเขา  เพราะกลัวจะเหมือนกับอดีตที่ผ่านมา

           ค่ำคืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายของทริปเที่ยวเมืองไทยของเฉินซี  เขารู้สึกไม่อยากกลับเมืองจีนเลย  อยากอยู่เมืองไทยและเที่ยวต่อทุกจังหวัด  แต่วีซ่าทำมาเท่านี้  

           ความรู้สึกของเฉินซีที่มีต่อเดือนรพี  ช่างลึกซึ้งยิ่งนัก  เขาไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะเกรงว่าเดือนรพีจะปฏิเสธเขา  เดือนรพีก็ไม่กล้ารักเฉินซีเพราะเธอยังเข็ดกับความรักในอดีต

           ที่สนามบินสุวรรณภูมิ  เดือนหนึ่งผ่านไปกับการท่องเที่ยวของหนุ่มจีน  โดยไกด์สาวไทย  ความผูกพันธ์แน่นแฟ้น  แต่ยังมีเส้นกั้นบางๆระหว่างเขาและเธออยู่  เดือนรพีส่งเขากลับเมืองจีน  สายตาของเขาเศร้ามากเหมือนตอนที่เขาระบายเรื่องแฟนเก่า  เดือนรพีโบกมือให้ก่อนที่เขาจะเข้าไปข้างใน  เธอรีบเดินหนีและกลับไปที่ทำงาน

          “ น้องเดือนมีทัวร์จีนมานะ  คราวนี้มา 3 คนจ้า  แต่เขาขอไกด์แบบพาเที่ยวคนเดียวจ้า”

          “ ได้ค่ะพี่จันทร์  มานานไหมค่ะ”

          “มา 2 อาทิตย์จ้า  เดือนพร้อมพาเที่ยวนะ”

         “ พร้อมค่ะพี่จันทร์”  เดือนรพีเตรียมวางแผนพาคนจีนกลุ่มนี้เที่ยวเหมือนเดิม
         ที่สนามบินสุวรรณภูมิ  เดือนรพีโบกป้ายชื่อเฉินซา  เธอมองเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนมาเยอะเดินเป็นแถว  มีนักท่องเที่ยวชาวจีนค่อนข้างมีอายุโบกมือให้เธอ  คราวนี้เจอง่ายกว่าครั้งที่เฉินซีมา  ทำให้เดือนรพีคิดถึงเขาขึ้นมา  นึกถึงวันที่เธอต้องมารอพบเขา
         เดือนรพีหันไปเจอหญิงฝรั่งในกลุ่มนั่นด้วย  เธอแปลกใจคนจีนมาเที่ยวกับคนฝรั่ง  เธอกวาดสายตามองหานักท่องเที่ยวอีกคน  เพราะตามทัวร์ต้องมี 3 คน  เธอเหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งหน้าตาหล่อเหลา  ผมสั้น หน้าสดใสเกลี้ยงเกลา  สะดุดตาจัง
          “ ผมเองครับเฉินซี  ผมมาตามหาคนรักของผมที่จะมาแทนที่แฟนเก่าผมครับ”  เขายิ้มหวานแววตาสดใสให้กับเดือนรพี

          " ฉันพร้อมพาคุณเฉินเที่ยวค่ะ  แต่คุณเฉินต้องถามใจตัวเองก่อนว่า  คุณเฉินต้องการไกด์คนนี้เป็นไกด์พาท่องเที่ยวไปตลอดชีวิตไหมค่ะ"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่