อยากขอความคิดเห็นเกี่ยวกับธุรกิจหน่อยครับ..
เรื่องมีอยู่ว่า ผมกับแฟนทำธุรกิจร้านอาหารมาเป็นระยะเวลาประมาณนึง จริงๆ ก็เป็น 10 ปีอัพ แต่หลังโควิท ร้านมันก็ไม่ได้กำไรเท่าไหร่ จนวันนึงแฟนผมเขามีไอเดียที่อยากจะเปลี่ยนร้านที่เราทำกันอยู่ ให้เป็นร้านขายอาหารแต่เป็นคนละประเภทกันเลย โดยเธออยากจะให้ไปร่วมหุ้นกันพารท์เนอร์ใหม่ แต่ผมไม่เห็นด้วยเพราะผมมีความคิดไม่ตรงกับแฟน ขณะที่ตอนนี้ผมและแฟนก็เป็นหุ้นส่วนกันในแบบ 50:50 อยู่แล้ว ประเด็นคือ ผมไม่เห็นด้วยและไม่อยากจะร่วมด้วยแต่ติดที่แฟนกับพารท์เนอร์ใหม่เขาอยากใช้ร้านเดิมที่เรายังคงเปิดอยู่ ผมจึงเสนอทางเลือกให้ 3 ทางเพื่อที่พวกเขาจะได้ดำเนินงานต่อไปได้คือ (1.) ปิดบริษัทผมกับแฟน โดยที่แฟนผมกับพาร์ทเนอร์ใหม่จะจัดตั้งบริษัทกันใหม่ โดยไม่มีชื่อผมเป็นเจ้าของร่วมในสัดส่วน ชื่อแฟน 50% และพาร์ทเนอร์ใหม่ 50% แต่ยังใช้สถานที่เดิมและอุปกรณ์ของร้านเดิมทั้งหมด ส่วนผมขอผลตอบแทนจากกำไร 30% จากส่วนของผมกับแฟนผม แบบนี้แฟนผมก็จะได้ไม่ต้องออกทุนเพิ่ม เพราะใช้สถานที่กับอุปกรณ์ที่มีอยู่แล้ว ส่วนพาร์ทเนอร์ใหม่จะต้องมาลงทุนให้เท่ากับมูลค่าของร้าน ณ ปัจจุบัน และผลตอบแทนที่ผมเสนอนี้ ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งธุรกิจใหม่นี้อาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้ แต่ผมจะได้ก้อต่อเมื่อพวกเขาเริ่มมีกำไรแล้วมาปันผลกัน ซึ่งปันผลนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นแบบไหน รายเดือน รายปี หรืออย่างไรก็แล้วแต่ แต่ร้านต้องมีกำไรก่อนทุกคนถึงจะได้ตรงนี้ และยอด 30% ที่ว่านี้คือ 30% จาก 50% ในส่วนที่เป็นหุ้นของแฟนผม ไม่ใช่กำไรจากยอดทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น ร้านใหม่ได้กำไรสุทธิ 100 บาท แบ่งไปให้พาร์ทเนอร์/เจ้าของใหม่ 50 บาท แฟนผมได้ 35 ส่วนผมจะได้แค่ 15 บาท อย่าลืมนะครับว่าผมเดินออกมาตัวเปล่า ส่วนแฟนผมก็ไม่ต้องควักทุนเพิ่มเพราะใช้ของเดิมทั้งหมด แต่ขณะเดียวกันถ้าร้านมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม โดยข้อตกลงระหว่างแฟนผมกับพาร์ทเนอร์ใหม่เห็นตรงกันว่าจะต้องออกทุนเพิ่ม ผมก็ต้องจ่าย 30% นั้นด้วย. (2.) ขายร้านปัจจุบันนี้ไปเลย ได้เงินมาเท่าไหร่ หารสองระหว่างผมกับแฟน แล้วแฟนก็มีทุนนั้นไปร่วมกับพาร์ทเนอร์ใหม่ไปเลย แต่ติดที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะขายได้ หรือขายได้เท่าไหร่ และเงินลงทุนกับพาร์ทเนอร์ใหม่อาจจะสูงกว่าเงินที่ได้จากการขายร้านก็เป็นไปได้ เพราะต้องลงทุนใหม่ทั้งหมด หรือ (3.) แฟนขอซื้อส่วนของผมออก เธอจะได้ถือหุ้นใหม่เต็มจำนวน แต่กรณีนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะขายให้เขาเท่าไหร่ เพราะผมเกรงว่าถ้าหลังจากผมขายไปแล้วปิดบริษัทไป หลังจากนั้นหากมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายไม่ว่าภาษีขาย หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นที่ผมไม่รู้ ตัวอย่างเช่น สมมุติผมขายไปได้เงินมา 10,000 สอง-สามเดือนหลังจากนั้นมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น 3,000 ผมก็จะได้สุทธิแค่ 7,000 ซึ่งดูแล้วก้อไม่แน่จะแฟร์สำหรับผมนะ.
สรุป.. ถ้าผมเลือกแบบที่ 1 จะมีคนคิดว่าผมเอาเปรียบไปไหมครับ หรือทุกคนมีความคิดเห็นอื่นๆ ที่คิดว่าน่าจะดีกว่า 3 แบบข้างต้น ผมอยากได้ไอเดียอื่นๆ ด้วยครับ..ขอบคุณล่วงหน้าครับผม.
บางทีก็อยากได้ไอเดียดีๆ จากเพื่อนๆ ในนี้บ้างนะ.. :)
เรื่องมีอยู่ว่า ผมกับแฟนทำธุรกิจร้านอาหารมาเป็นระยะเวลาประมาณนึง จริงๆ ก็เป็น 10 ปีอัพ แต่หลังโควิท ร้านมันก็ไม่ได้กำไรเท่าไหร่ จนวันนึงแฟนผมเขามีไอเดียที่อยากจะเปลี่ยนร้านที่เราทำกันอยู่ ให้เป็นร้านขายอาหารแต่เป็นคนละประเภทกันเลย โดยเธออยากจะให้ไปร่วมหุ้นกันพารท์เนอร์ใหม่ แต่ผมไม่เห็นด้วยเพราะผมมีความคิดไม่ตรงกับแฟน ขณะที่ตอนนี้ผมและแฟนก็เป็นหุ้นส่วนกันในแบบ 50:50 อยู่แล้ว ประเด็นคือ ผมไม่เห็นด้วยและไม่อยากจะร่วมด้วยแต่ติดที่แฟนกับพารท์เนอร์ใหม่เขาอยากใช้ร้านเดิมที่เรายังคงเปิดอยู่ ผมจึงเสนอทางเลือกให้ 3 ทางเพื่อที่พวกเขาจะได้ดำเนินงานต่อไปได้คือ (1.) ปิดบริษัทผมกับแฟน โดยที่แฟนผมกับพาร์ทเนอร์ใหม่จะจัดตั้งบริษัทกันใหม่ โดยไม่มีชื่อผมเป็นเจ้าของร่วมในสัดส่วน ชื่อแฟน 50% และพาร์ทเนอร์ใหม่ 50% แต่ยังใช้สถานที่เดิมและอุปกรณ์ของร้านเดิมทั้งหมด ส่วนผมขอผลตอบแทนจากกำไร 30% จากส่วนของผมกับแฟนผม แบบนี้แฟนผมก็จะได้ไม่ต้องออกทุนเพิ่ม เพราะใช้สถานที่กับอุปกรณ์ที่มีอยู่แล้ว ส่วนพาร์ทเนอร์ใหม่จะต้องมาลงทุนให้เท่ากับมูลค่าของร้าน ณ ปัจจุบัน และผลตอบแทนที่ผมเสนอนี้ ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งธุรกิจใหม่นี้อาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้ แต่ผมจะได้ก้อต่อเมื่อพวกเขาเริ่มมีกำไรแล้วมาปันผลกัน ซึ่งปันผลนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นแบบไหน รายเดือน รายปี หรืออย่างไรก็แล้วแต่ แต่ร้านต้องมีกำไรก่อนทุกคนถึงจะได้ตรงนี้ และยอด 30% ที่ว่านี้คือ 30% จาก 50% ในส่วนที่เป็นหุ้นของแฟนผม ไม่ใช่กำไรจากยอดทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น ร้านใหม่ได้กำไรสุทธิ 100 บาท แบ่งไปให้พาร์ทเนอร์/เจ้าของใหม่ 50 บาท แฟนผมได้ 35 ส่วนผมจะได้แค่ 15 บาท อย่าลืมนะครับว่าผมเดินออกมาตัวเปล่า ส่วนแฟนผมก็ไม่ต้องควักทุนเพิ่มเพราะใช้ของเดิมทั้งหมด แต่ขณะเดียวกันถ้าร้านมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม โดยข้อตกลงระหว่างแฟนผมกับพาร์ทเนอร์ใหม่เห็นตรงกันว่าจะต้องออกทุนเพิ่ม ผมก็ต้องจ่าย 30% นั้นด้วย. (2.) ขายร้านปัจจุบันนี้ไปเลย ได้เงินมาเท่าไหร่ หารสองระหว่างผมกับแฟน แล้วแฟนก็มีทุนนั้นไปร่วมกับพาร์ทเนอร์ใหม่ไปเลย แต่ติดที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะขายได้ หรือขายได้เท่าไหร่ และเงินลงทุนกับพาร์ทเนอร์ใหม่อาจจะสูงกว่าเงินที่ได้จากการขายร้านก็เป็นไปได้ เพราะต้องลงทุนใหม่ทั้งหมด หรือ (3.) แฟนขอซื้อส่วนของผมออก เธอจะได้ถือหุ้นใหม่เต็มจำนวน แต่กรณีนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะขายให้เขาเท่าไหร่ เพราะผมเกรงว่าถ้าหลังจากผมขายไปแล้วปิดบริษัทไป หลังจากนั้นหากมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายไม่ว่าภาษีขาย หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นที่ผมไม่รู้ ตัวอย่างเช่น สมมุติผมขายไปได้เงินมา 10,000 สอง-สามเดือนหลังจากนั้นมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น 3,000 ผมก็จะได้สุทธิแค่ 7,000 ซึ่งดูแล้วก้อไม่แน่จะแฟร์สำหรับผมนะ.
สรุป.. ถ้าผมเลือกแบบที่ 1 จะมีคนคิดว่าผมเอาเปรียบไปไหมครับ หรือทุกคนมีความคิดเห็นอื่นๆ ที่คิดว่าน่าจะดีกว่า 3 แบบข้างต้น ผมอยากได้ไอเดียอื่นๆ ด้วยครับ..ขอบคุณล่วงหน้าครับผม.