บางครั้งดาราดังๆ ปฏิเสธเล่นหนังด้วยเหตุผลบางอย่าง หนังเรื่องหนึ่งจะได้รับความนิยมหลังจากสร้างออกมาแล้วและมีผู้ชมดูเท่านั้น ในขั้นตอนเขียนบทหนังนั้น ยังไม่มีความชัดเจนว่าหนังจะได้รับความนิยม หรือล้มเหลว อย่างไรก็ตามบางครั้งดาราดูบทสคริปต์แล้วปฏิเสธไปด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ทำให้พลาดโอกาสมีส่วนร่วมกับหนังที่ยอดเยี่ยม
Wonder Woman: Angelina Jolie — Gal Gadot
ทุกวันนี้เมื่อพูดถึงวอนเดอร์วูแมน เราจะนึกถึงกัล กาด็อททันที อย่างไรก็ตามเมื่อจอส วีดอนกำลังสร้างตัวละครในเรื่อง เขาเห็นว่าแองเจลินา โจลี่เหมาะกับบทไดอานามากกว่า เขาเชื่อว่าโจลี่เข้ากับภาพลักษณ์ของเทพธิดานักรบอะเมซอนได้อย่างสมบูรณ์แบบ "สำหรับผมแล้ว โดยพื้นฐานแองเจลินา โจลี่เหมาะกับวอนเดอร์วูเเมน เพียงแต่เธอต้องบินไปทำงานในหลายประเทศต่างๆ ทั่วโลก...." จอส วีดอนกล่าว
Harley Quinn: Amanda Seyfried — Margot Robbie
อะแมนดา ไซเฟร็ดได้รับพิจารณาให้รับบทฮาร์ลีย์ ควินน์ก่อนมาร์ก็อท ร็อบบี้ ในตอนนั้นไซเฟร็ดเป็นนักแสดงหญิงยอดนิยมอยู่แล้ว เธอควรจะได้นุ่งกางเกงขาสั้นไว้ผมหางม้าคู่ เม็คอัพดูระยิบระยับ บางทีอาจเป็นเพราะไซเฟร็ดเพิ่งปฏิเสธบทกาโมร่า สาวผิวเขียวจากเรื่องการ์เดียนกาแล็คซี่ก็ได้ เพราะเธอเบื่อกับการนั่งอยู่บนเก้าอี้หลายชั่วโมงเพื่อทาสีเขียว และนั่นคือเหตุผลที่มาร์ก็อท ร็อบบี้คว้าบทฮาร์ลี่ย์ ควินน์ไปได้ในที่สุด
Star-Lord: Joseph Gordon-Levitt — Chris Pratt
โจเซฟ กอร์ดอน เลวิต เป็นผู้ถูกทาบทามให้รับบทปีเตอร์ ควิลล์ ซุปเปอร์ฮีโร่จอมแหกกฎ อย่างไรก็ตามนักแสดงผู้นี้ยังติดแสดงเรื่อง 500 Days of Summer หนังดรามาวัยใส ทั้งนี้กอร์ดอน เลวิตยังปฏิเสธบทในเรื่อง Sin City: A Dame to Kill อีกด้วย สุดท้ายบทสตาร์ ลอร์ด จึงตกไปถึงคริส แพร็ตต์แทน
Lolita: Natalie Portman — Dominique Swain
ในปี 1997 ดาราวัยรุ่นอย่างนาตาลี พอร์ตแมนได้รับข้อเสนอให้แสดงเรื่อง Lolita นวนิยายของนาโบคอฟ แต่เธอปฏิเสธทันที และกลายเป็นโดมินิค สเวนที่คว้าบทนี้ไป พอร์ตแมนอธิบายการตัดสินใจของเธอว่า เธอไม่เต็มใจที่จะรับบทอย่างนี้ขณะที่เธอมีอายุ 13 หรือ 14 ปี ต่อให้เป็นตอนนี้ก็จะไม่รับอยู่ดี มีภาพที่เปลือยเข้ามาเกี่ยวข้อง เธอคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำมากขนาดนั้น
Rogue: Kate Winslet — Anna Paquin
แอนนา แพควิน เธอเป็นดาราจากซีรีย์ True Blood และได้รับบทสาวมนุษย์กลายพันธุ์จากเรื่อง X-Men ซึ่งเปิดตัวในปี 2000 ในวันนี้ยากจะจินตนาการถึงคนอื่นในบทบาทนี้ แต่ในตอนแรก ตัวแทนของ 20th Century Fox อยากเห็นนักแสดงที่มีอายุมากกว่านี้รับแสดงบทนี้ พวกเขาเชิญให้เคท วินสเล็ตร่วมแสดงในบทนี้ อย่างไรก็ตามเธอปฏิเสธ
Wolverine: Johnny Depp — Hugh Jackman
จอห์นนี่ เด็ปป์ขึ้นชื่อในเรื่องการปฏิเสธบทมากมาย หนึ่งในนั้นคือ เขาปฏิเสธที่จะรับบทมนุษย์กลายพันธุ์ที่เหมือนกับสัตว์จากภาพยนตร์เรื่อง X-Men ขณะเดียวกันฮิวจ์ แจ็คแมนตอบตกลงร่วมโปรเจ็คนี้ ตั๋วโชคชะตาใบใหญ่นี้ทำให้เขามีชื่อเสียงในบทวูฟเวอรีนต่อเนื่องยาวนานเกือบ 2 ทศวรรษ
เป็นเรื่องบังเอิญอีกเหมือนกัน ภาพกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ซึ่งกลายเป็นภาพยี่ห้อของเด็ปป์ไปโดยปริยายนั้น ตอนแรกเหมือนกับถูกสร้างมาเพื่อฮิวจ์ แจ็คแมน (เพื่อให้ชื่อลงตัวกับกัปตันแจ็ค) แต่นอกจากออสเตรเลียบ้านเกิด เขายังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ดิสนีย์สตูดิโอจึงเสนอบทโจรสลัดทำให้เด็ปป์เป็นที่รู้จักมากขึ้น
Leonard: Macaulay Culkin — Johnny Galecki
แม็คเคาเลย์ คัลกินได้รับข้อเสนอให้เล่นบทเลโอนาร์ดอยู่หลายครั้ง แต่นักแสดงปฏิเสธข้อเสนอนี้เพราะเขาไม่ชอบแสดงแนวซีรีย์ ในที่สุดบทถูกส่งให้จอนห์นนี กาเล็กกี คัลกินได้ตระหนักว่าเขาสูญเสียรายได้ไปมากมายขนาดไหน เขาอ้างว่าเขาไม่รู้สึกเสียใจกับการปฏิเสธนี้แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามนักแสดงซีรีย์เรื่องนี้มีค่าตัวแสดงต่อตอนครั้งล้านดอลลาร์
Mitchie: Selena Gomez — Demi Lovato
Camp Rock ภาพยนตร์ตลกวัยรุ่นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสร้างชื่อให้กับนักร้องนักแสดงอย่างเดมี่ โลวาโต้ ตอนแรกดิสนีย์สตูดิโอเสนอบทนี้ให้เซเลนา โกเมซที่เคยแสดงทักษะร้องเพลงในซีรีย์มาแล้ว แต่เธอปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าเธอไม่มีความสามารถพอจะรับงานนี้
Napoleon Solo: Tom Cruise — Henry Cavill
มีใครบ้างที่เราไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะมาปรากฏตัวในหนังของกาย ริชชี่? ในตอนแรกผู้กำกับมองเห็นจอร์จ คุลนีย์เป็นตัวแสดงหลักในเรื่อง The Man from U.N.C.L.E. และนักแสดงเองก็ตอบตกลงแล้ว แต่อาการบาดเจ็บที่หลัง ทำให้เขาไม่สามารถเล่นบทนี้ได้ และนั่นคือช่วงเวลาที่ดาราใหญ่ทั้งหลายรอรับคำเชิญแสดงบทนี้ด้วยความเต็มใจ ดาราอย่างโรเบิร์ต แพททินสัน, แมตต์ เดมอนและคริสเตียน เบลรวมอยู่ในแคนดิเดทนั้น อย่างไรก็ตามกาย ริชชี่เลือกทอม ครูซให้รับบทนี้ แต่เนื่องจากเขาตอบตกลงแสดงเรื่อง Mission: Impossible — Rogue Nation ไปแล้วเขาจึงปฏิเสธ บทนี้จึงถูกส่งต่อให้เฮนรี่ คาวิลล์
Catherine Tramell: Michelle Pfeiffer — Sharon Stone
มิเชล ไฟเฟอร์ซึ่งเป็นดาราที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วในขณะนั้นได้ปฏิเสธบทในเรื่อง Basic Instinct ตามข้อเสนอของพอล เวอร์โฮเวน ก่อนหน้านั้นก็เป็นคิม เบซิงเจอร์ก็ปฏิเสธไม่รับโปรเจ็คนี้ การคัดเลือกนักแสดงในบทหลักยังคงดำเนินต่อไป และในที่สุดก็เป็นชารอน สโตนตกลงรับบทนี้ เป็นผลให้สาวสองพันปีผู้นี้มีชื่อเสียงระดับโลก โดยเฉพาะฉากที่เป็นตำนานที่เธอนั่งไขว่าห้างสลับข้างไปมา (ข่าวว่าไม่ใส่กางเกงใน)
Noah Calhoun: George Clooney — Ryan Gosling
ไรอัน กอสลิง มีส่วนร่วมในงานแสดงตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ผลงานของเขาในเรื่อง The Notebook สร้างชื่อให้เขาอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามตอนแรกจอร์จ คูลนีย์เป็นผู้ควรได้รับบทนี้ เขาเกือบได้ร่วมถ่ายทำอยู่แล้ว แต่กลับปฏิเสธในช่วงสุดท้าย คูลนีย์ทำความคุ้นเคยกับบทของโนอาห์ แต่ในที่สุดเขาบอกผ่านบทนั้นไป เพราะพอล นิวแมนผู้มากประสบการณ์ของฮอลลีวูดรับบทโนอาห์ในวัยทอง คูลนีย์รู้สึกตัวว่าเขาไม่คล้ายนิวแมนเลย คูลนีย์กล่าวว่า "เขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาที่สุดเท่าที่คุณเคยเห็น เราพบกัน และผมบอกไปว่า ผมเล่นเป็นคุณไม่ได้ ผมไม่ได้คล้ายคุณเลย นี่มันบ้าไปแล้ว"
Lydia Deetz: Sarah Jessica Parker — Winona Ryder
วันนี้ชื่อของทิม เบอร์ตันกลายเป็นแบรนด์ไปแล้ว เมื่อคนซื้อตั๋วหนังเพื่อเข้าชมผลงานชั้นยอดของเขา ทุกคนรู้ดีว่าควรจะคาดหวังอะไร ของที่เป็นสไตล์กอธิค บางอย่างจากตำนานเทพนิยายเรื่องเล่า และความรู้สึกที่มืดมนแต่ก็ดึงดูดในขณะเดียวกัน การได้แสดงหนังของเบอร์ตันของนักแสดง ประสบความสำเร็จเกือบเต็มร้อย แต่ก็ไม่เป็นแบบนี้เสมอไป
ดาราหญิงหลายคนปฏิเสธที่เล่นบทลิเดียในภาพยนตร์แฟนตาซีเรื่อง Beetlejuice ซาราห์ เจสสิกา ปาร์เกอร์เป็นหนึ่งในนั้น ในที่สุดจูเลียต เลวิสผ่านการพิจารณา แต่ทิม เบอร์ตันกลับถูกใจวิโนนา ไรเดอร์ดาราวัยรุ่นหนังดรามาในตอนนั้น และส่งบทให้เธอเฉย
Django Unchained: Will Smith — Jamie Foxx
วิล สมิธพยายามอย่างหนักกับแนวคิดเรื่อง Django Unchained ร่วมกับเควนติน ทารันติโน แต่พวกเขาต้องแยกทางกันเพราะเข้าใจแนวคิดหลักที่แตกต่างกัน สมิธกล่าวว่าเขาต้องการเห็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับความรักโดยมองผ่านมุมมองชาวอเมริกันผิวสี บทของสมิธถูกแทนที่โดยเจมี ฟ็อกซ์ ในที่สุดภาพยนต์เรื่องนี้กวาดรางวัลออสการ์มาหลายรางวัล
"เราพบกัน พูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ใช้เวลาหลายชั่วโมง ผมต้องการทำหนังเรื่องนั้นแทบแย่ แต่ผมรู้สึกเพียงอย่างเดียว จะต้องเป็นหนังรัก ต้องไม่ใช่เรื่องราวการล้างแค้น ผมไม่เชื่อมั่นในความรุนแรง และต่อต้านการใช้ความรุนแรง ดังนั้นเมื่อผมดูเรื่องนี้ มันมีความรู้สึกเหมือนกับว่า 'ไม่ ไม่ ไม่ มันต้องมีไว้เพื่อความรักสิ" สมิธกล่าว
Vivian: Michelle Pfeiffer— Julia Roberts
บทตัวแสดงหลักในเรื่อง Pretty Woman ถูกเสนอให้กับดารามากมายหลายคน เช่นดาริล ฮันน่าห์ เธอบอกว่าบทอย่างนี้สร้างความอับอายให้ผู้หญิง มิเชล ไฟเฟอร์ก็ปฏิเสธที่จะเล่นบทนี้ด้วยเช่นกัน แต่เธอให้เหตุผลผู้กำกับว่าเธอไม่ชอบ แนวของบทหนังเลย (นี่ถ้าไฟเฟอร์ตอบตกลง วิเวียนในเรื่องนี้จะกลายเป็นคนผมบลอนด์ก็ได้) ในเวลานั้นสาวน้อยจูเลีย โรเบิร์ตยังอายุน้อยและยังไม่ดังตัดสินใจลองรับบทนี้ด้วยตัวเอง และเห็นได้ชัดทันทีว่าเคมีความเข้ากันได้ระหว่างริชาร์ด เกียร์กับจูเลียเข้ากันได้ดีตั้งแต่พบกันครั้งแรก ถึงอย่างนั้นเกียร์ก็ไม่ต้องการร่วมแสดงเรื่องนี้ ขณะที่เกียร์กำลังจะโทรศัพท์เพื่อแสดงความจำนงของเขา จูเลีย โรเบิร์ตส่งโน้ตถึงเขา "โปรดตอบตกลง" และเขาก็ตกลงตามนั้น
กาลครั้งหนึ่ง เมื่อดาราดังปฏิเสธบทที่ได้รับเสนอและพลาดไม่ได้แสดงหนังดัง
เป็นเรื่องบังเอิญอีกเหมือนกัน ภาพกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ซึ่งกลายเป็นภาพยี่ห้อของเด็ปป์ไปโดยปริยายนั้น ตอนแรกเหมือนกับถูกสร้างมาเพื่อฮิวจ์ แจ็คแมน (เพื่อให้ชื่อลงตัวกับกัปตันแจ็ค) แต่นอกจากออสเตรเลียบ้านเกิด เขายังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ดิสนีย์สตูดิโอจึงเสนอบทโจรสลัดทำให้เด็ปป์เป็นที่รู้จักมากขึ้น
ไรอัน กอสลิง มีส่วนร่วมในงานแสดงตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ผลงานของเขาในเรื่อง The Notebook สร้างชื่อให้เขาอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามตอนแรกจอร์จ คูลนีย์เป็นผู้ควรได้รับบทนี้ เขาเกือบได้ร่วมถ่ายทำอยู่แล้ว แต่กลับปฏิเสธในช่วงสุดท้าย คูลนีย์ทำความคุ้นเคยกับบทของโนอาห์ แต่ในที่สุดเขาบอกผ่านบทนั้นไป เพราะพอล นิวแมนผู้มากประสบการณ์ของฮอลลีวูดรับบทโนอาห์ในวัยทอง คูลนีย์รู้สึกตัวว่าเขาไม่คล้ายนิวแมนเลย คูลนีย์กล่าวว่า "เขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาที่สุดเท่าที่คุณเคยเห็น เราพบกัน และผมบอกไปว่า ผมเล่นเป็นคุณไม่ได้ ผมไม่ได้คล้ายคุณเลย นี่มันบ้าไปแล้ว"
ดาราหญิงหลายคนปฏิเสธที่เล่นบทลิเดียในภาพยนตร์แฟนตาซีเรื่อง Beetlejuice ซาราห์ เจสสิกา ปาร์เกอร์เป็นหนึ่งในนั้น ในที่สุดจูเลียต เลวิสผ่านการพิจารณา แต่ทิม เบอร์ตันกลับถูกใจวิโนนา ไรเดอร์ดาราวัยรุ่นหนังดรามาในตอนนั้น และส่งบทให้เธอเฉย
"เราพบกัน พูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ใช้เวลาหลายชั่วโมง ผมต้องการทำหนังเรื่องนั้นแทบแย่ แต่ผมรู้สึกเพียงอย่างเดียว จะต้องเป็นหนังรัก ต้องไม่ใช่เรื่องราวการล้างแค้น ผมไม่เชื่อมั่นในความรุนแรง และต่อต้านการใช้ความรุนแรง ดังนั้นเมื่อผมดูเรื่องนี้ มันมีความรู้สึกเหมือนกับว่า 'ไม่ ไม่ ไม่ มันต้องมีไว้เพื่อความรักสิ" สมิธกล่าว