ผมจะบวช 7 ความฝัน ความจริง

กระทู้สนทนา
บทที่ 7



       ไม้ย่ำเดินไปบนถนนที่ทอดยาวจากวัดสู่หมู่บ้าน หลังจากขออนุญาตหลวงพ่อไปพบแม่และเพื่อเป็นการพักสมองไปในตัว เพราะเพียงแค่ 2 คืนแรกที่เข้ามานอนในวัดนี้ เขาต้องพบพานกับความลี้ลับเหนือธรรมชาติ จนสติของเขาเริ่มจะไม่คงที่ เริ่มจะเบลอๆ ลอยๆ พอเจอใครก็ระแวงไปเสียหมดว่าที่คุยด้วยอยู่นั่นคนเป็นๆหรือผีปลอมตัวมา
       
       เมื่อมาถึง ไม้พบว่าแม่นอนอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นมะยม ฝ้ายกำลังใช้พัดที่สานจากตอกที่มีการเย็บเก็บขอบเป็นรูปหัวใจโบกสะบัดอย่างแรงเพื่อให้เกิดความเย็นขึ้น ไม้เห็นดังนั้นก็ใจเสีย วิ่งลนลานเข้าไปเขย่าตัวมารดาพลางร้องถามเสียงดัง
       
       "แม่ แม่เป็นอะไรครับแม่ แม่ตื่นสิ ฝ้ายแม่ชั้นเป็นอะไรเป็นลมเหรอ แล้วทำไมแกไม่พาไปหาหมอ ปล่อยไว้แบบนี้ได้ยังไง ไหนบอกจะดูแลแม่ให้ชั้นไง" ไม้ตำหนิฝ้ายเป็นชุดโดยไม่รอฟังอะไรทั้งสิ้น
       
       "โอ๊ย...อะไรกันลูกไอ้หนู ร้องเอะอะโวยวายอะไรดังลั่นเชียว แม่ไม่ได้เป็นอะไร วันนี้อากาสมันร้อนเลยผลัดกันพัดกับหนูฝ้ายคนละ 5 นาที เรานี่จริงๆเล้ย มาถึงก็โวยวายลั่นทุ่ง ถ้าแม่จะเป็นลมก็คงเพราะเสียงเรานั่นแหละ" ป้าละไมลุกขึ้นนั่งบ่นให้ไม้พลางส่ายหัว ไม้ถึงกับหน้าเหวอไปเลย ส่วนฝ้ายเมื่อได้ยินเพื่อนชายตำหนิตนทั้งที่ไม่ถามไถ่ที่มาที่ไปก็น้อยใจ น้ำตาคลอลุกเดินหนีไปทางทุ่งนาหลังบ้าน
       
       "นั่นๆ เรานี่น๊า...หนูฝ้ายน่ะเค้าดูแลแม่ดีจะตาย มาที่บ้านตั้งแต่ไก่โห่ หุงข้าวทำกับข้าวให้แม่เตรียมใส่บาตร ปัดกวาดเช็ดถูบ้านช่องห้องหอจนเงาวับ แบบนี้แล้วยังจะไปว่าให้เค้าอีก ไปเลยนะไปง้อเลย ถ้าง้อไม่ได้แม่จะฟาดเราด้วยก้านมะยมนี่แหละ" ป้าละไมบ่นไม้เป็นชุด
       
       "โห่...แม่ จะไปง้อทำไม เพื่อนกันแป๊บๆก็หายงอนละ ปล่อยไปเถอะครับ" ไม้พูดพลางหันไปมองฝ้ายที่เห็นหลังลิบๆ นั่งกอดเข่าเจ่าจุกอยู่ข้างคันนา จู่ๆ เขาก็ต้องหันกลับมาเพราะมีเสียงดัง พลืดดดด สิ่งที่เห็นคือป้าละไมกำลังรูดใบมะยมออกจากก้าน เตรียมตัวหวดเขาแน่ในไม่ช้า "โห่แม่อ่ะ ไปก็ได้..." ไม้ดีดตัวขึ้นแล้วเดินไปหาฝ้ายอย่างขัดใจแม่ไม่ได้
       
       เมื่อไปถึง ไม้สังเกตุว่าฝ้ายตัวสั่นน้อยๆเป็นจังหวะตามเสียงสะอื้น เขาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ทางด้านเพื่อนสาวเมื่อเห็นว่าไม้มานั่งด้วยก็หันหน้าหนีไปทางอื่นเสีย ไม้ก็ลุกเดินไปนั่งอีกฝั่งเพื่อมองหน้าฝ้าย ส่วนฝ้ายก็หันหน้ากลับมาอีกฝั่งเพื่อหลบหน้าไม้พลางเอามือเช็ดน้ำตา พฤติกรรมของทั้งคู่ทำให้ป้าละไมที่นั่งมองอยู่ ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
       
       "นี่...จะงอนอะไรนักหนา ร้องไห้เยอะตาบวมไม่สวยนะบอกให้" ไม้แกล้งเหย้าเพื่อให้ฝ้ายหันมาตวาดเช่นทุกครั้ง แต่คราวนี้มันแปลกไป ฝ้ายไม่ยอมหันกลับมา สะอื้นไห้อีก 2 3 ครั้งก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินหนี ไม้เห็นดังนั้นก็คว้ามือฝ้ายไว้ทันที
       
       "ปล่อย!! เราจะกลับบ้าน" ฝ้ายเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังไม่หันกลับมา เรา? ไม้คิดในใจ เมื่อก่อน กู-มืง ต่อมาก็ชั้น-แก ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเรา แล้วฝ้ายจะเรียกแทนตัวไม้ว่าอย่างไรหนออยากรู้ เขาจึงแกล้งเอานิ้วจี้บริเวณเอวของฝ้ายพลางพูดเหย้า  "น่านะ หายงอนนะ เดี๋ยวเลี้ยงหนมเอาป่าวเอ่ย"
       
       "ไม้เราไม่เล่น!! เราไม่ใช่เด็ก เธอเองก็เหมือนกันอยู่ๆก็มาว่าเราฉอดๆ ไม่ยอมถามก่อนซักคำ ถ้าเธอมาเป็นเราเธอจะรู้สึกยังไง" ฝ้ายหันกลับมาตวาดถามไม้ แต่ไม้รู้สึกว่าทั้งน้ำเสียงและท่าทางของฝ้าย เธอไม่ได้โกรธเพียงแค่น้อยใจเท่านั้น จึงทำให้การตวาดเมื่อกี้ไม่ได้ดูรุนแรงอะไรเลย และด้วยใบหน้าที่รื้นไปด้วยคราบน้ำตาของเพื่อนสาวในขณะนี้ ช่างแลดูน่ารักปนน่าสงสารจับใจ ไม้สุดจะห้ามใจตนเองได้ เขาดึงร่างของเพื่อนสาวเข้ามากอดไว้ ลูบหลังพร้อมเอ่ยคำขอโทษเบาๆ ซ้ำไปซ้ำมา
       
       วันนี้เองเขาเพิ่งจะรู้ว่า ฝ้ายเพื่อนสาวที่สนิทกันตั้งแต่วัยอนุบาล เธอตัวเล็กและบอบบางมาก ศรีษะของฝ้ายซบเข้ากับอกของเขาอย่างพอเหมาะพอดี เขาได้กลิ่นแชมพูอ่อนๆปนกับกลิ่นของต้นข้าวที่เขียวขจี มันช่างหอมอะไรเช่นนี้ ช่วงเวลานี้เขารู้สึกว่าจิตใจที่เคยว้าวุ่นฟุ้งซ่านเพราะเรื่องต่างๆ มันสงบเยือกเย็นอย่างที่สุด
       
       ไม้กอดฝ้ายอยู่แบบนั้นเนิ่นนานปากก็เฝ้ากระซิบเบาๆว่าขอโทษ อย่าโกรธนะอยู่แบบนั้น มือก็ยังคงลูบไล้แผ่นหลังเพื่อนสาวอย่างแผ่วเบา
       
        "ปล่อยได้แล้ว" เสียงกระซิบเบาๆของฝ้ายตอบกลับมา แต่ไม้ก็ยังคงกอดเธอไว้ไม่ยอมปล่อย "แล้วหายโกรธรึยัง" ไม้เอ่ยถามเบาๆ

       "อืม" เสียงตอบกลับมาสั้นๆ ไม้แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ยังคงกอดฝ้ายไว้แบบนั้นแล้วก็เอ่ยขึ้น
"ถ้าไม่ยอมหายโกรธ เราก็จะกอดอยู่แบบนี้แหละ"

       ฝ้ายเมื่อได้ยินดังนั้นก็กระซิบตอบทันที "ก็บอกว่าหายแล้วไงเล่า" เสียงนั้นไม่มีความรำคาญเจือปนอยู่เลยแม้แต่น้อย ไม้ยังคงแกล้งเอ่ยต่อ

      "ขอกอดอีกแป๊บนึงไม่ได้เหรอ" เมื่อไม้พูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงฝ้ายเปรยออกมา เสียงนั้นเบามากแต่เขาก็ยังได้ยิน "ตาบ้านี่"

       จากนั้นก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นที่บริเวณต้นแขนเพราะแรงหยิกของสาวเจ้า ไม้ผละตัวออกห่างเล็กน้อยแต่ยังคงเอามือจับต้นแขนทั้งสองข้างของฝ้ายไว้

       ด้วยการกระทำนั้น มันทำให้เขาและเธอสบตากันเข้าพอดี ไม้จ้องหน้าฝ้ายหัวใจเต้นรัวเหมือนกลองศึก ฝ้ายจ้องหน้าไม้ใจหวิวๆชอบกล แล้วไม้ก็ใช้หัวแม่มือปาดน้ำตาออกจากแก้มที่เนียนนุ่มของเพื่อนสาวอย่างแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าผิวแก้มที่ขาวอมชมพูนั้นจะบุบสลายถ้าหากเขาไม่สัมผัสอย่างทะนุถนอม
       
       ไม้เอ่ยขึ้นทั้งที่ยังสบตากันอยู่       "ต่อไปห้ามร้องไห้ให้เราเห็นอีกนะสัญญาได้มั๊ย" ฝ้ายเมื่อได้ยินดังนั้นหัวใจก็กระตุกวูบ เธอหลุบตาลงต่ำเพราะความเขินแล้วเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา "อืมได้ เราสัญญา" แล้วทั้งคู่ก็ยืนอยู่แบบนั้นเนิ่นนาน
       
       "นี่คงลืมแล้วมั้งว่ายังมีเรานั่งอยู่ตรงนี้" ป้าละไมเอ่ยขึ้นยิ้มๆ แล้วลุกเดินเข้าบ้านไป
       
       เที่ยงของวันนั้นทั้ง 3 นั่งทานข้าวกันที่แคร่ไม้ ป้าละไมสังเกตุว่าทั้งไม้และฝ้ายต่างก็เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสบตากัน จึงเอ่ยขึ้นเบาๆ "สึกแล้วจะแต่งกันเลยรึเปล่าน้า..." ฝ้ายสะดุ้งเฮือก ไม้ที่กำลับยกขันน้ำดื่มอยู่ถึงกับสำลัก ทั้งคู่ปฏิเสธป้าละไมพัลวัน

       "บ้าแล้วครับแม่ เราเป็นเพื่อนกันครับ" ไม้เอ่ย "ใช่ค่ะคุณป้า เราเป็นเพื่อนกันไม่ได้คิดอะไรเลยนะคะ" ฝ้ายเอ่ยปฏิเสธเช่นกัน ป้าละไมเลิกคิ้วนิดหน่อย มองหน้าทั้งคู่แล้วเอ่ยขึ้น "แม่หมายถึงลูกชายลุงชิดกับลูกสาวป้าผ่องต่างหาก"
       
       ทั้งไม้และฝ้ายนิ่งงันกระพริบตาปริบๆ ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย
       
       ไม้เล่าเรื่องที่ตนพบเจอมาในช่วง 2 คืนหฤโหดให้ป้าละไมและฝ้ายฟัง เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดทั้งคู่ก็มีสีหน้าเป็นกังวล ห่วงว่าจะเกิดอะไรที่ร้ายแรงขึ้นกับไม้หรือไม่ ป้าละไมลุกเดินขึ้นไปบนชั้น 2 ของบ้านหายไปสักครู่ก็กลับลงมา เธอถือสิ่งที่แลดูคล้ายเชือกขนาดก้านธูปมาด้วย 1 เส้น เมื่อมองดูจึงรู้ว่าเป็นด้ายผูกแขน ด้ายเส้นนั้นถูกถักขึ้นด้วยด้ายสีขาวและแดงสลับกัน จากนั้นป้าละไมก็นำด้ายผูกที่ข้อมือของไม้
       
       "ด้ายเส้นนี้เป็นของที่พ่อพกติดตัวตลอดเวลา มันจะคุ้มครองลูกนะ แม่ขออาราธนาเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ทั้งเจ้าที่ผีเรือน หลวงพ่อเพชร  และขอให้บรรดาบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว โปรดช่วยกันปกปักรักษา คุ้มครองลูกแม่ให้ปลอดภัยจากสิ่งไม่ดีทั้งหลายทั้งปวงนะลูกนะ" กล่าวจบป้าละไมก็ลูบหัวลูกชาย 3 ครั้ง ไม้ก้มลงกราบที่ตักมารดา ความรู้สึกของเขาขณะนี้ไม่มีความวิตกกังวลใดๆหลงเหลืออยู่
         
       ประมาณบ่ายๆ ไม้ก็ขอตัวกลับวัดเพราะต้องไปช่วยหลวงพี่พรกับหลวงพี่ถวิลกวาดลานวัดเช่นทุกวัน ฝ้ายเดินมาส่งเขาที่หน้าบ้าน ขณะที่ไม้กำลังจะเดินไปฝ้ายก็เอ่ยเรียกขึ้น
       
       "ไม้ เดี๋ยวก่อน" ไม้หันกลับมามองด้วยความแปลกใจ ฝ้ายสบตาไม้นิดนึงแล้วปลดเอาสายสร้อยเส้นเล็กๆ ที่มีพระขนาดเหรียญ 50 สตางค์ห้อยอยู่ออกจากคอ ยื่นให้ไม้พร้อมเอ่ยขึ้น "สร้อยเส้นนี้ติดตัวเราตั้งแต่เด็ก เธอพกติดตัวไว้นะ เราจะได้อุ่นใจ อย่างน้อยมันก็อาจจะช่วยคุ้มครองเธอได้" ฝ้ายกล่าว
       
       ไม้ยื่นมือเหมือนจะรับสร้อยจากฝ้าย แต่เขากลับจับมือฝ้ายไว้แทน
       
       "สวมให้หน่อยสิ" ไม้พูดพลางก้มตัวลงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆฝ้าย ฝ้ายที่บัดนี้เขินจนหน้าแดง ค่อยๆยกมือทั้งสองข้างขึ้นสวมสร้อยพระให้
       
       ด้วยความเจ้าเล่ห์ ไม้แกล้งเซไปข้างหน้านิดหน่อยจนชนฝ้าย สาวน้อยตกใจจนเผลอก้าวถอยหลัง สะดุดจนเกือบล้ม แขนสองข้างกวัดรัดคอไม้หลวมๆเพราะตกใจ ไม้คว้าเอวของฝ้ายไว้ทันดึงให้เข้ามาแนบชิดตน ภาพที่ออกมาหากดูเผินๆเหมือนทั้งคู่เป็นคนรักที่ยืนโอบกอดกันอย่างมีความสุข
       
       ไม้จับมือฝ้ายอีกครั้ง นำมาแนบที่หน้าอกตนเอง ฝ้ายยิ้มอย่างเขินอายแต่ไม่ได้ขัดขืน
             
       "ขอบคุณนะ แล้วก็อย่าลืมดูแล.."            ไม้พูดยังไม่ทันจบฝ้ายก็ดึงมือกลับพูดสวนขึ้นอย่างรู้ทัน
         
       "รู้แล้ว อย่าลืมดูแลคุณป้าให้ด้วย ไม่ต้องเป็นห่วง บ่าวจะดูแลคุณป้าเป็นอย่างดีเลยเจ้าค่ะ!!" ฝ้ายตอบยืดยาวพลางทำท่าล้อเลียน จากนั้นก็กอดอกแล้วหันหน้าไปอีกทาง
       
       ไม้ยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ ให้กับความแก่นแก้วและขี้น้อยใจของเพื่อนสาว เขาเดินไปยืนตรงหน้าฝ้าย เอามือขึ้นหยิกแก้มเพื่อนสาวเบาๆอย่างทะนุถนอม
       
       "เปล่า เราจะบอกว่า อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะ เราเป็นห่วง" พูดจบไม้ก็เดินจากไป ทิ้งให้ฝ้ายยืนหน้าร้อนผ่าวใจเต้นตึกตักอยู่หน้าบ้าน มองแผ่นหลังนั้นค่อยๆห่างออกไปทีละนิดแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ "อืม ไม้เองก็ด้วยนะ ฝ้ายเป็นห่วง"

(มีต่อนะครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่