บทส่งท้าย จบออแพร์ทำอะไรต่อได้ | ออแพร์เยอรมัน | ฉันเป็นออแพร์ยุคโควิด

สวัสดีค่า ไม่ได้เขียนอัพเดตมานาน หมดสถานะการเป็นออแพร์แล้วเลยอยากจะเขียนเก็บไว้กับสิ่งที่ได้รับจากการเป็นออแพร์มา เกือบหนึ่งปี เหมือนเดิมเราจะเล่าเน้นประสบการณ์นะคะ ส่วนเรื่องทางการเราว่าทุกคนศึกษาเองได้ ถามหลังไมค์มาก็ได้ค่ะ จะช่วยตอบเท่าที่ช่วยได้ อย่าลืมนะคะกฎมันเปลื่ยนไปขึ้นอยู่กับรัฐที่คุณจะมาอยู่ค่ะ

เพิ่มเติม กระทู้นี้มีจุดประสงค์เพื่อแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนที่สนใจในอนาคตอาจจะไม่ได้ถูกต้องเสมอไปและตัวเรานั้นไม่มีเจตนาวางตัวเป็นผู้รู้แต่อย่างใด ควรจะศึกษาข้อมูลให้มากๆ ข้อมูลที่บอกนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละเคส เขตพื้นที่รัฐและที่สำคัญคือช่วงเวลา ไม่เน้นการพิมถูกต้องทุกตัวอักษรแต่จะพยายามให้มากที่สุดที่จะพิมให้ถูกต้อง เน้นภาษาสบายๆ กันเอง
เพี้ยนปูเสื่อ
พื้นฐานคนเยอรมันเค้าไม่ค่อยจะเหมือนคนบ้านเรา ที่เดินไปซื้อของป้าร้านนึงหลายๆครั้งก็คุยกันได้ หรือเจอกันครั้งแรกเรียกว่าเพื่อน เป็นผู้คนที่ลูกค้าก็ไม่ใช่พระเจ้าเสมอไป เป็นผู้คนที่อธิบายตัวเองเปรียบเทียบกับลูกมะพร้าว เปลือกแข็งแต่เนื้อมันน้ำหวานอร่อย อย่าคิดไปไกลนะ เค้าหมายถึงสนิทยากแต่พอสนิทแล้วคือชีวิตดี  เรารู้สึกโชคดีนะที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพวกเค้า กลายเป็นว่าเรากลายเป็นคนสนิทโดยข้ามขั้นตอนต่างๆ เราได้ถามคำถามส่วนตัวมากมาย ได้เรียนรู้จากพวกเค้า และเด็กๆ

เด็กๆก็ดูเหมือนจะสนิทกับเรามากตอนนี้ จะชอบวิ่งมาจุ้บก่อนไปนอน ตะโกนบอก ฝันดีนะนินจา ช่วยเราเก็บของ ขอร้องให้ไปเล่นด้วยเพราะมีเราแล้วสนุก แม้เราจะเหนื่อยบางทีเราก็จะทำให้ด้วยใจ เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมามันมีสิ่งดีๆมากมายเหลือเกิน แต่เหนื่อยมากเลยนะ เหนื่อยมากกกกก ก. ไก่ล้านตัวไปเลยจ่ะ แล้วก็มีขึ้นมีลงในอารมณ์ แต่เรารู้สึกว่ามันคุ้มมากเช่นกันในการลงทุนครั้งนี้ ถ้าเข้าขั้นมหาลัย หรือมีอายุระดับนึงแล้วจะเข้าใจว่าคำว่า connection สำคัญมาก และนี่แหละ connection ของเรา

ถามว่าอยากทำงานนี้ต่อไหม ไม่ ตอบแบบไม่ต้องคิดเลย   เราตอบว่าไม่ตั้งแต่มาเป็นออแพร์แรกๆที่โฮสถามยันปัจจุบันจะจบแล้วก็ยังยืนยันคำเดิมเสมอมา "ฉันจะไม่ทำสิ่งนี้อีก หนึ่งปีเพียงพอแล้ว" ไม่ได้แย่หรือลำบากมากมายนะ เราชอบด้านที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวมากๆ
แต่พอในด้านการงาน มันเป็นงานที่ไม่เดินหน้าไปไหน นอกจากบางประเทศที่เงินเยอะนะ เก็บตังได้เยอะและไม่มีจำกัดปีทำงานแบบนี้ ที่นี่ได้น้อยไง ไม่ค่อยมีอิสระทางการเงินเท่าไหร่ อึดอัด ถึงอยากจะทำก็ทำต่อไม่ได้แล้ว ตามกฎหมาย ทำได้แค่หนึ่งปี นอกจากจะย้ายไปเป็นออแพร์ประเทศอื่น บวกกับการที่เราต้องอาศัยบ้านคนอื่นอยู่ด้วย มันมีความอึดอัดอยู่ในนั้น ถ้าบางคนได้โฮสไม่ดี ไล่ออกจากบ้าน ให้นั่งกินแยกก็เคยได้ยินมานะคะ เพราะฉะนั้นเราถึงย้ำ ให้คุยเยอะๆ ถ้าได้บ้านที่รับเราเข้ามาเป็นหนึ่งในครอบครัวจริงก็คือชีวิตดีมากๆ

ประโยชน์ของการมาเป็นออแพร์ก่อนหนึ่งปีคือเราสามารถใช้เวลาลาว่างของเราไปหาหนทางที่เราอยากจะไป เมื่อตัวเราอยู่ที่นี่แล้วมันก็หาทางไปต่อง่ายขึ้น จะไปยื่นเอกสารหรือสัมภาษณ์ก็สามารถทำได้เลย คนที่นี่เค้าก็แอบมีความ old-fashioned อยู่เหมือนกัน เค้าจะชอบการได้เจอกันจริงๆมากกว่าการเจอกันผ่านอินเตอร์เน็ต เค้าก็จะได้เห็นคุณจริงๆด้วย และก็เป็นผลประโยชน์ที่เราสามารถไปทดลองงานได้ด้วย เราจะเข้าใจการทำงานในหนึ่งวันเนื้อหางานจริงๆเราต้องทำอะไรบ้าง

เพื่อนหลายๆคนเห็นพอมันวนมาจะครบหนึ่งปีก็ทยอยๆ มาถามกันว่ากลับวันไหน กลับเมื่อไหร่ ตอบได้คำเดียวสั้นๆ "ไม่กลับ" ฮ่าๆๆ ก่อนมาทุกคนก็ถามเราว่าจะกลับเมื่อไหร่ เราก็ตอบเป็นนัยๆ "อ๋อ แผนแรกหนึ่งปีค่ะ " เพราะเราก็ไม่รู้ว่าที่เราตั้งใจจะทำมันจะเวิร์คไหม ก็ถ้าไม่เวิร์คเราก็ต้องกลับนั่นแหละ แต่ว่า!!! ด้วยหยาดเหงื่อหยาดน้ำตาอีกแล้วทุกคน!!! เราก็ได้งานใหม่ที่ทุดคนน่าจะรู้อยู่แล้วถ้าสนใจ คือ จิตอาสา นั่นเอง

มาเข้าสาระกัน  
ถ้ามีเป้าหมายที่จะทำอยู่แล้วแนะนำบอกโฮสแต่แรกเลยนะคะ ว่าอยากจะทำอะไรเค้าจะได้ช่วยแนะนำว่าทำอะไรได้บ้าง แล้วก็ไปเข้า International group บ่อยๆ เพราะคนที่นั้นเค้าก็เป็นชาวต่างชาติที่กำลังหาทางไปต่อเหมือนกัน เราอาจจะเดิมตามรอยเค้าได้ ด้วยคำแนะนำจากเค้าโดยตรง แต่ละเมืองจะมีที่รวมตัวของมัน ถ้าใครอยู่เมืองเล็กๆก็อาจจะมีเมืองข้างๆ ลองหาดูนะคะ
เราทำอะไรได้บ้างหลังเป็นออแพร์ ? ไล่เอาเท่าที่จำได้และรู้มาที่คนส่วนใหญ่จะทำเลยนะ

จิตอาสา และ เรียนต่อ จะสมัครงานเลยก็ได้แต่ต้องเทียบวุฒิอยู่ดี และเท่าที่เห็นมาถ้าไม่มีประสบการณ์มากพอหรือสามารถแสดงศักยภาพให้เค้าเห็นว่าเราทำงานได้ ...เค้าก็ไม่ค่อยรับ โดยเฉพาะงานบริษัท

จิตอาสา - ก็จะได้เรทสูงกว่าออแพร์หน่อยนึง ประมาณ 360 อาจจะน้อยกว่านั้นได้ แต่สูงสุดจะได้ประมาณ 450 เว้นบางเมืองใหญ่ เว้นที่ที่ช่วยออกค่าที่อยู่ให้ 600 อัพก็มี
มีให้ทำหลากหลาย เช่น ร.ร. ต่างๆ ปกติปละสำหรับคนพิการ ที่สำหรับคนพิการทางร่างกายและจิตใจ ผู้สูงอายุ สิ่งแวดล้อม การเมือง ทำงานให้กับเมืองเช่น หอสมุด งานก็จะประมาณนี้เพราะเป็นจิตอาสา ไม่งงเนอะทุกคน ข้อดีของมันก็คือเราสามารถสมัครจากไทยก็ได้เช่นกันนนน
จิตอาสา
1. FSJ จำกัดอายุ 18-27 ปี
2. BFD 18 ขึ้นไป แก่กว่า 27 ปีก็ทำได้
เอเจนซี่ต่างๆที่สามารถสมัครได้ : IJGD, AWO, IB, red cross และอื่นๆในแต่ละเมืองก็จะแตกต่างกันเล็กๆน้อยๆ
โมเดลสองตัวนี้จะคล้ายกันมาก ต่างกันมากสุดก็อายุ

สิ่งอื่นๆที่สามารถทำต่อได้ถ้าวุฒิภาษาถึง
1. Ausbildung เรียน+ทำงาน ก็คือได้ตังด้วยได้เรียนด้วย ควร B2 ขึ้นไป
2. เรียนมหาวิทยาลัยต่อจากวุฒิที่มี ไม่ก็ทำงานเลยแต่ต้องเทียบวุฒิการศึกษา ภาษาควร C1 ขึ้นไป
วิธีการเทียบวุฒินะคะ ขออนุญาติยกลิ้งค์มาแปะเลยเพราะว่าหลายท่านก็ทำสรุปไว้ให้แล้วขอบคุณทางต้นลิงค์ด้วยนะคะ:
พ่อบ้านเยอรมัน - https://www.google.com/.../%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8.../amp/
สถาบันเกอเธ่ - https://www.goethe.de/.../mwnd_anerkennung_beruf_nicht_eu...

แล้วเราจะทำอะไรต่อ ?
เราทำ BFD ต่อ นี่แหละเพื่อนๆ แล้วก็มาจบอีหรอบเดิมที่ค้องผ่านคราบน้ำตาและยาแก้ปวดเพราะเครียดและปวดหัวมาก (บริโภคแต่พอเหมาะนะคะทุกคน เราจะกินเฉพาะตอนที่มันปวดจนกระทบสุขภาพเช่น ทำให้นอนไม่หลับ ถ้าปวดเล็กน้อยก็ดื่มน้ำเยอะๆแล้วพักผ่อนก็พอค่ะ อย่าลืมดื่นน้ำเยอะๆด้วยนะ เป็นห่วง)

จบจาก #ฉันเป็นออแพร์ยุคโควิด ก็มาต่อที่ #ฉันเป็นอาสายุคโควิด กันต่อเลยค่ะ เพราะอะไรหนะหรอ เพราะว่าเนื่องจากโควิด มันทำให้เราหาสถานที่ยากมากเพราะเราอยากย้ายเมือง ไม่อยากอยู่เมืองเก่าแล้ว อยากจะไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เมืองอื่น ไม่ได้ชอบเมืองเก่ามากเพราะรู้สึกไม่ค่อยมีอะไรแค่ใกล้ทะเลสาป มิวนิค กับป่าดำ ไปสวิสง่าย แต่เราก็ไม่ได้ไปบ่อยขนาดนั้น คือในตัวเมืองไม่มีอะไร แค่รอบข้างเท่านั้นที่น่าเที่ยว อยากย้ายไปใกล้ๆแม่น้ำไรน์ บวกกับเรามีแฟนด้วยอยากย้ายไปอยู่ใกล้ๆกัน อย่างน้อยไม่ต้องกอดลากันทุกเย็นวันอาทิตย์ เดินทางก็เสี่ยงแถม ถ้าเค้ามีเคอร์ฟิวเราจะได้อยู่ด้วยกันน้อยลงไปอีก

ตอนแรกก็ติดต่อที่เมืองตัวเองละเค้าโทรกลับมาเร็วมาก แต่นั้นหละค่ะยังไงก็ไม่อยากอยู่เมืองเดิมแล้ว เลยพยายามหาเปลื่ยนเมืองแต่ติดต่อไปกี่ที่เค้าก็ไม่รับเลย เพราะเค้ากลัวเสี่ยงโควิด ปกติย้ายเมืองไม่น่ายากขนาดนี้ เราเริ่มตั้งแต่เรามาออแพร์ประมาณหกเดือน เริ่มหาข้อมูลวิธีทำเอเจนซี่ แล้วก็เริ่มหาสถานที่เราหาอยู่สี่เดือนค่ะ หาจนท้อ จนกลัวว่าจะต้องกลับไทยแล้วแต่เราไม่ยอมแพ้ค่ะ คุยกับแม่ บอกแม่ว่า "หนูจะหาไปเรื่อยๆแม่ หาจนกว่าจะได้อะแหละ"

แล้วเราก็จำคำที่เราพูดไว้ แล้วก็ตั้งใจหาจนเราได้โทรศัพท์จากที่หนึ่งที่เราสมัครไป เราดีใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกก บวกกันตื่นเต้นแต่ต้องคุมสติ โชคดียังมีสติเลยคุยดกันรู้เรื่องแต่ดีใจมากจนใจเต้นรัวๆ ตอนนั้นเย็นแล้วโฮสกลับมากับน้องๆพอดี วิ่งไปกระโดดดีใจกับเค้า "ฉันได้รับโทรศัพท์แล้ว!!!" เราก็นัดกับเค้าทางโทรศัพท์วันไหนเราจะไปดูงาน เตือนเพื่อนๆไว้ก่อนเลยว่าขั้นตอนมันเยอะ โอกาสช้ามีสูงมากกกกกกกก รีบหาไว้เนิ่นๆจะดีกว่า
วันดูงาน เราไปถึงประมาณบ่ายสองตามที่นัดกันไว้เราก็เข้าไปดูงาน เป็นบ้านพักคนชรา จริงๆตอนแรกกังวลนะ เพราะเราก็พอรู้ว่าบ้านพักคนชราจะมีกลุ่มที่อายุมากๆจนไม่สามารถช่วยตัวเองได้แล้ว หลงลืมบ้าง พูดคำซ้ำๆบ้าง เราเคยไปอยู่ครั้งนึง เรารู้สึกหดหูกับบรรยากาศมาก มันไม่น่าอยู่เอาเลย เป็นโถงใหญ่ๆเตียงเรียงๆกันเหมือนเตียงรพ. ถ้าไม่มีตังก็จะต้องอยูาแบบนี้ คนที่นั้นเค้าเห็นเด็กๆมาทำจิตอาสาก็ร้องไห้เพราะลูกหลานไม่เคยมาเยี่ยมเลย พวกเรากับเพื่อนๆก็น้ำตาไหลกันไปตามๆกัน แต่ที่นี่มันต่างกันประทับใจมากกกกกกก มันคือบ้าน มันเหมือนอพาร์ทเม้นต์ที่มีหลายๆห้องที่ทำให้ทุกคนสามารถอยู่ได้เหมือนคนปกติ และสภาพดูดีมาก นึกว่ารีสอร์ทราคาย่อมเยา ไม่คิดว่าจะพูดคำนี้แต่มันน่าอยู่หวะแกกก    ต่างกับภาพจำที่เคยเห็นลิบลับ อาหารการกินก็ดี มีนักสันทนาการเข้ามาทุกเย็นเพื่อพาทุกคนทำกิจกรรม มีพยาบาลจริงๆเข้ามาตรวจสุขภาพกะดึก เค้าดูแลดีมากๆ มันทำให้เราตระหนักถึงคุณภาพชีวิตในไทย "อีกแล้ว" จริงๆนะแต่ไม่เอาเราจะไม่โยง เราก็ชอบมาก และคนทำงานที่นั้นเค้าก็ชอบเรา ที่เราเข้าใจที่เค้าพูดและสื่อสารได้ เราก็ตกลงกันว่าเราจะทำอาสาที่นี่ อ่ะ ต่อจากนี้หละค่ะคือความวุ่นวาย

มันไม่จบที่เซ็นสัญญาหนะสิ เซ็นยังเซ็นไม่ได้เลย ที่เราทำคือเขียนใบสมัครส่งไป รอสองอาทิตย์ เพื่อนัดเราไปเซ็นสัญญา เซ็นเสร็จก็รอสัญญาที่ส่งไปให้ทางการอนุมัติอีก ไปอบรมสุขอนามัย ไปขอใบประวัติอาชญากรรม ทำนัดทำวีซ่า นัดย้ายทะเบียนบ้าน อื่นๆ และทุกอย่างที่กล่าวมานั้น ต้องทำนัดทั้งสิ้นค่าาาา นี่หละจ้าที่มันเนิ่นนาน บางที่ทำนัดได้สองอาทิตย์ถัดไป บางที่ได้เดือนถัดไป เดี๋ยวทำวีซ่าเสร็จก็ต้องไปทำพาสปอร์ทใหม่อีกแฟรงเฟิร์ตเพราะจะหมดอายุต้นปีหน้าแล้ว หลีกหนีราชการมิได้ 
เพี้ยนเพลีย
ปัจจุบันนี้ตอนที่เขียนส่วนท้ายของกระทู้นี้เรารอเริ่มงานวันแรกและรอนัดต่างๆมาถึง ถ้ามีโอกาสทำวิดิโอจะเล่าให้ละเอียดกว่านี้นะทุกคน เอาไปอ่านก่อน ถ้าชอบก็อย่าลืมคอมเม้นต์ นะ เราอยากรู้ทุกคนคิดยังไง และที่เราเขียนมามันมีประโยชน์กันเพื่อนๆรึเปล่า สุดท้ายนี้ขอบคุณมากที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันกระทู้ถัดไปค่ะ 
นินจาออแพร์ยุคโควิด  เพี้ยนขอบคุณอมยิ้ม01
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่