.
“มาตรฐานการลงทุนสำหรับผม ใช้หลักการคล้ายคลึงกับการวิ่งมาราธอน แม้ว่าจะเป็นเรื่องดูน่ากลัวสำหรับคนที่ร่างกายไม่พร้อม แต่คนส่วนมากสามารถที่จะวิ่งมาราธอนได้ ถ้ามีการฝึกและการอุทิศตนที่มากพอ ถึงกระนั้นก็มีคนเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีร่างกายเหมาะสมแต่กำเนิดที่จะวิ่งจบได้อย่างรวดเร็ว”
.
บทนำโดย Jack D. Schwager ผู้เขียน Market Wizards แปลไทยโดย ชินวิช ธเนศสกุลวัฒนา หนังสือที่ทำการสัมภาษณ์สุดยอดเทรดเดอร์ ที่ถึงแม้เราจะไม่ใช่เทรดเดอร์ ผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้ก็สามารถนำปรับใช้ได้กับนักลงทุนระยะยาว หรือนักลงทุนประเภทอื่นๆ เพราะหนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนเทคนิคการลงทุน แต่หากสอนหลักคิด และชีวิตของเทรดเดอร์ ว่าควรจะทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จในการลงทุน รวมถึงการใช้ชีวิต
.
โดยหนังสือได้แบ่งตอนไว้เป็นบุคคลๆ ซึ่งหลังอ่านจบผมก็สรุปสาระสำคัญออกมาได้ดังนี้
(ซึ่งยังมีเนื้อหาที่น่าสนใจอีกมากมายที่ผมคงจะไม่สามารถสรุปได้หมด)
.
.
ไมเคิล มาร์คัส
นักลงทุนคนแรกในเล่มได้ให้คำแนะนำที่น่าสนใจไว้ว่า “การเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จชั้นแนวหน้านั้น พรสวรรค์เป็นสิ่งจำเป็น แต่การเป็นเทรดเดอร์ (นักลงทุน) ที่มีความสามารถและหาเงินได้นั้น เป็นทักษะที่คุณสามารถเรียนรู้ได้
.
-กฎการเป็นเทรดเดอร์ในมุมของไมเคิล-
-1- ถือสถานะที่ได้กำไรเอาไว้ให้ได้นานพอ และการกล้าตัดขาดทุนให้รวดเร็วพอ
.
-2-สัญชาตญาณมีความสำคัญ เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ ต้องกล้าที่จะลองทำ กล้าที่จะล้มเหลว กล้าที่จะสำเร็จ และกล้าที่จะทำมันต่อไปเมื่อหนทางมันยากลำบาก
.
-3- กฎการใช้ชีวิต “ผมได้เรียนรู้ที่จะไม่ยึดติดวัตถุ ผมเรียนรู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องซื้อบ้านในทุกสถานที่ที่สวยงามบนโลกนี้ ผมสามารถพักโรงแรมและเดินบนชายหาดนั้น หรือถ้าผมอยากตามใจตัวเองจริงๆ ผมอาจจะเหมาเครื่องบินส่วนตัว โดยที่ผมไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของมัน”
“ถ้าการเทรดกลายเป็นทั้งหมดชีวิตของคุณ มันจะเป็นความตื่นเต้นที่ทรมาน แต่ถ้าคุณรักษาสมดุลชีวิตได้มันจะกลายเป็นเรื่องสนุก คุณควรมีจุดสนใจในเรื่องอื่นๆ
.
.
บรูซ เคิฟเนอร์
-กฎการเป็นเทรดเดอร์ในมุมของบรูซ เคิฟเนอร์-
-1-
“คุณต้องเต็มใจที่จะทำผิดพลาด คุณต้องตัดสินใจอย่างดีที่สุดแล้วก็ผิดพลาด ทำการตัดสินใจครั้งต่อไปอย่างดีที่สุด แล้วก็ผิดพลาด ทำการตัดสินในครั้งที่ 3 อย่างดีที่สุด แล้วเพิ่มเงินของคุณเป็น 2 เท่า”
.
-2-
การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยต้องเป็นการประเมินความเสี่ยงโดยรวมของทั้งพอร์ต มากกว่าจะมองความเสี่ยงของแต่ละการเทรดแยกกันไป
บรูซ เคิฟเนอร์ ทิ้งท้ายไว้ว่า การเทรดแบบที่จะทำให้หมดตัวเกิดจากการตัดสินใจชั่ววูบ ไม่มีการเทรดแบบใดอีกแล้วที่จะมีอัตราความล้มเหลวได้มากเท่ากับการเทรดที่เกิดจากความหุนหันพลันแล่น ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีการลงทุนแบบใด เมื่อได้วางกลยุทธ์ไว้แล้ว ควรจะยึดมั่นกับแผนการเล่น และหลีกเลี่ยงการเทรดด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
.
.
ริชาร์ด เดนนิส
-กฎการเป็นเทรดเดอร์ในมุมของริชาร์ด เดนนิส-
-1.-
ความสม่ำเสมอและวินัย คนส่วนใหญ่รู้ถึงกลยุทธ์การเทรดที่ดีเหมือนกันทั้งหมด แต่จะมีสักกี่คนที่จะทำตามมันได้ สิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้คือ การยึดมั่นกับกลยุทธ์ที่ดีนั้น แม้แต่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย(วินัย)
.
-2-
ให้ถือระยะสั้นที่สุดหรือไม่ก็ระยะยาวที่สุดเท่าที่คุณจะทนได้ โดยขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของคุณ กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงตรงกลางไว้
.
.
ไมเคิล สตีนฮาร์ท
-กฎการเป็นเทรดเดอร์ในมุมของริชาร์ด เดนนิส-
.
“จงตระหนักว่า นี่เป็นสนามธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมาก และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้น คุณกำลังแข่งขันกับผู้คนที่ได้อุทิศส่วนสำคัญในชีวิตของพวกเขาให้เรื่องเดียวกันนี้อยู่ ในหลายๆ ครั้งมืออาชีพจะอยู่ด้านตรงข้ามกับคุณ และโดยเฉลี่ยพวกเขาจะชนะคุณ
“คุณสมบัติหนึ่งที่เจอในเหล่าเทรดเดอร์ที่ยิ่งใหญ่หลายคนคือ ความเต็มใจและสามารถจะเปิดสถานะขนาดใหญ่มากเป็นพิเศษเมื่อพวกเขารับรู้ถึงโอกาสครั้งสำคัญในการเทรด
.
.
วิลเลียม โอนีล ศิลปะแห่งการคัดสรรหุ้น
คำแนะนำของโอนีลเรื่องหุ้น
.
ให้เลือกหุ้นที่เป็นผู้นำ และมีสัดส่วนของสถาบันถือหุ้นอยู่บ้างบางส่วน เพราะนั่นหมายถึงการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนั้นๆ แต่การมีสถาบันถือหุ้นมากเกินไปนั้น ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี เพราะมันอาจเกิดสาเหตุของการขายอย่างรุนแรงหากเกิดข้อผิดพลาดกับบริษัทหรือตลาดโดยรวม
.
ในส่วนของเทคนิคการตัดขาดทุนโอนีลบอกว่า “ถ้าคุณไม่เต็มใจจะตัดขาดทุนให้เร็ว คุณก็ไม่ควรจะซื้อหุ้น คุณจะขับรถของคุณโดยไม่มีเบรคไหมล่ะ?” นักลงทุนหลายคนไม่สามารถบังคับตัวเองให้ขายขาดทุนได้
.
คำแนะนำของโอนีลเรื่อง กองทุนรวม
.
เขามองว่ากองทุนรวมเป็นการลงทุนที่ยอดเยี่ยม แต่ปัญหาคือคนส่วนใหญ่ไม่รู้วิธีจัดการมัน กุญแจความสำเร็จของกองทุนรวมอยู่ที่ การลงทุนในสิ่งที่คุณรู้จักและสนใจ และนั่งมองมันโดยไม่ต้องคิดอะไรอยู่กับไป 15 ปีหรือมากกว่านั้น นั่นคือวิธีที่คุณจะทำเงินจำนวนมากจากมัน แต่ในการทำอย่างนั้น คุณต้องมีความกล้าหาญพอที่จะนั่งผ่านวิกฤตของตลาด 3-5 ครั้ง
.
ในช่วงสภาวะวิกฤต คุณควรนั่งเฉยๆ เพราะกองทุนส่วนใหญ่มีการกระจายการลงทุนในหุ้นมากกว่า 100 ตัว แต่คนส่วนใหญ่กลับมีความกลัวและตัดสินใจเปลี่ยนแปลงและทำลายแผนการลงทุนระยะยาวของพวกเขาไป “หากราคากองทุนตกลงไปคุณควรที่จะซื้อเพิ่ม” โอนีลกล่าว
.
วิธีการลงทุนที่ผิดของนักลงทุนทั่วไป
.
โอนีลบอกว่า นิสัยที่แย่ของคนโดยทั่วไปคือ การซื้อถัวเฉลี่ยขาลงแทนที่จะเป็นขาขึ้น “คุณกำลังจะทำให้การขาดทุนและความผิดพลาดของคุณเลวร้ายลงไปอีกด้วยการใส่เงินที่ดีเข้าไปตามหลังเงินที่แย่
.
คนทั่วไปรักที่จะซื้อหุ้นถูกที่ขายกันที่ราคาต่ำ โอนีลบอกว่า เราไม่สามารถที่จะซื้อของคุณภาพดีที่สุดด้วยราคาที่ถูกที่สุดได้ และหุ้นราคาถูกส่วนใหญ่จะสามารถตกลงไปได้เร็วกว่าหุ้นที่มีราคาสูง
.
นอกจากนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ เต็มใจที่จะเสี่ยงเงินที่หามาอย่างยากลำบาก ด้วยคำพูดของคนอื่นมากกว่าที่จะเป็นความรู้ของตัวเขาเอง
.
นักลงทุนมือใหม่ ชอบที่จะวางคำสั่งซื้อขาย ด้วยการตั้งราคารอไว้ โดยที่แทบไม่เคยส่งคำสั่งที่ราคาตลาดเลย โอนีลบอกว่ามันเป็นวิธีที่แย่มาก กับการกำลังต่อรองกับราคาแค่หลักสตางค์ แทนที่จะไปให้ความสำคัญกว่าในการเคลื่อนไหวโดยรวมที่ใหญ่กว่า และสุดท้ายการตั้งราคารอ อาจส่งผลให้เราต้องพลาดตลาดที่กำลังวิ่งขึ้นไป หรือไม่ได้ออกมาจากหุ้นที่ควรจะขาย
.
.
เจมส์ บี โรเจอร์ จูเนียร์
.
สาระสำคัญที่สรุปได้จาก เจมส์ บี โรเจอร์ อย่างแรกคือ “กฎการลงทุนที่ดีที่สุด คือการเรียนรู้ที่จะไม่ทำอะไรเลย” เจมส์บอกว่าผู้คนส่วนมากมักลงไปเล่นอยู่ตลอดเวลา มันเป็นเหมือนโรคที่คนเราอยู่นิ่งไม่ได้ เขาจะทำอะไรก็ต่อเมื่อเขารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
.
ในชีวิตของเจมส์ เขาไม่สนใจใน ทีวี หรือของฟุ้มเฟือยอื่นๆ เขาจะนำเงินทุกบาทที่ได้มา กลับเข้าไปลงทุนในตลาด นอกจากนี้เขายังให้ความสนใจอย่างมากกับการอ่านหนังสือ มันทำให้เขามีความเชื่อว่าโลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด นักลงทุนควรมีความยืดหยุ่นและตื่นตัวที่จะลงทุนได้ในทุกๆ อย่าง
.
คำแนะนำเจมส์ บี โรเจอร์ จูเนียร์
1.ซื้อมูลค่า ถ้าคุณซื้อมูลค่าคุณจะไม่ขาดทุนมากนัก ถึงแม้ว่าจังหวะเวลาของคุณจะผิดก็ตาม
2.รอจนกว่าการเทรดที่ใช่จะผ่านเข้ามา อย่าเทรดเพียงเพื่อเทรด จงอดทนที่จะนั่งถือเงินของคุณเอาไว้จนกว่าจะมีการเทรดที่มีความน่าจะเป็นสูงเกิดขึ้นมาอย่างถูกต้องเหมาะสมเสียก่อน
3.ความคิดที่ว่าทองคำจะเป็นเครื่องมือในการรักษาความมั่งคั่งเป็นความคิดที่ไร้สาระ
.
.
โทนี่ ชาลีบา
.
วินัยคือเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง จงเอาทฤษฎีใดทฤษฎีหนึ่งมาใช้และยึดมั่นกับมัน แต่คุณจำเป็นจะต้องมีจิตใจที่เปิดกว้างมากพอที่จะเปลี่ยนทิศทาง หากคุณรู้สึกว่าทฤษฎีของคุณนั้นถูกพิสูจน์ว่าผิด
.
โทนี่เคยตัดสินว่าความสำเร็จคือการเป็นคนเก่งที่สุดในสาขาอาชีพนั้น แต่ในตอนนี้เขาคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องคุณภาพชีวิตมากกว่า "คุณจะตัดสินความสำเร็จอย่างไรน่ะหรือ ผมไม่รู้เหมือนกัน ทั้งหมดที่ผมรู้คือ
เงินทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกนี้ได้ได้เป็นคำตอบของมันแน่ๆ เพราะบางครั้งคนเราก็แค่อยากจะนั่งลงและพูดคุยกัน"
.
.
ดร.แวน เค ธาร์ป จิตวิทยาการลุงทุน
.
ลักษณะของเทรดเดอร์ผู้แพ้คือ คนที่มีความเครียดสูง มองโลกในแง่ร้าย มีความขัดแย้งในบุคลิกของตัวเขาอง และมักจะโทษคนอื่นเมื่อเหตุการณ์เลวร้ายลง มีแนวโน้มจะเป็นผู้ทำตามสิ่งที่ฝูงชนส่วนใหญ่ทำ ไม่มีการจัดวางระบบและขาดความอดทน แต่เขาก็เชื่อว่า ทุกๆ คนสามารถสำเร็จได้ถ้าพวกเขามีความตั้งใจจริงที่จะทำ
.
ความแตกต่างระหว่างคนที่เป็นที่ 1 กับเป็นที่ 2 คุณสามารถบอกความแตกต่างระหว่าง2 คนนี้ได้จาก ความเชื่อของพวกเขา เช่น นักแม่นปืนลำดับ 1 เชื่อว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่จะฝึกซ้อมทั้งหมด 1000 รอบการยิงในเย็นของวันก่อนหน้าการแข่ง ในขณะที่นักแม่นปืนอันดับ 2 เชื่อแค่เพียงว่าการฝึกซ้อมในใจเป็นเรื่องสำคัญ
.
ความเชื่อของเทรดเดอร์ ระดับแนวหน้า
- เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด
- มันเป็นเรื่องโอเคที่จะขาดทุน
- การเทรดคือการเล่นเกม
- พวกเขาชนะเกมนี้ไปแล้วตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเล่น
.
.
สรุปของผู้เขียนหนังสือ Jack D. Schwager
.
มันไม่มีทางลัด ถ้าคุณอยากจะเป็นเทรดเดอร์ที่เก่งคุณจำเป็นต้องทำงานในตลาดทุกๆ วัน ถ้าไม่มีเวลา คุณก็จะต้องทำให้มันมีให้ได้ ตลาดเป็นเครื่องสะท้อนธรรมชาติของมนุษย์ และผู้เขียนเชื่อว่ามันเป็นเพราะอารมณ์ของมนุษย์คือสิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปตามเวลา มันจึงอธิบายได้ว่าทำไมกฎแบบเดิมที่เคยถูกนำมาใช้หลายสิบปี ยังคงใช้ได้อยู่ในปัจจุบัน และมันจะเป็นในอีกหนึ่งศตวรรษถัดไป
.
โกลด เดอบูว์ซี กวีชาวฝรั่งเศส พูดไว้ว่า “ดนตรีก็คือช่องว่างระหว่างตัวโน๊ต” ในแบบเดียวกัน ช่องว่างระหว่างการลงทุน เวลาที่ใครบางคนอยู่นอกตลอด ก็สามารถที่จะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการประสบความสำเร็จในการลงทุนได้เช่นกัน
.
การไม่เข้าไปลงทุน (เช่นการถือเงินสดเป็นหลัก) ในระหว่างช่วงที่สภาวะแวดล้อมเป็นลบนั้นคืออีกส่วนหนึ่งของคำตอบนี้ ด้วยการไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในตลาดในจังหวะเวลาที่ผิด คุณต้องการความอดทนที่จะอยู่ด้านนอก เมื่อสภาวะแวดล้อมยังไม่เป็นผลดีต่อวิธีการของคุณหรือเมื่อโอกาสยังมีน้อย
.
เทรดเดอร์ที่ต้องการประสบความสำเร็จ จำเป็นที่จะต้องเข้าใจว่าการเดินทางนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของการค้นหาวิธีการที่เปิดเผยความลับการประสบความสำเร็จของตลาด แต่มันคือการค้นหาวิธีการที่เหมาะสมกับบุคลิกของคุณมากกว่า คุณไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จในตลาดได้ด้วย การลอกเลียนแบบวิธีการคนอื่น คำตอบไม่ได้อยู่ที่การเลียนแบบวิธีของใคร แต่อยู่ที่
การค้นหาวิธีการของตัวคุณเอง
.
.
สรุปของผู้อ่าน
.
ผู้คิดว่ามันเป็นหนังสือหรือคําภีร์ ที่นักลงทุนควรจะได้อ่านมันสักครั้งหนึ่ง หนังสือเล่มนี้เหมือนการกลับมาบอกเล่าเรื่องราวของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ จะเรียกว่ามันสามารถเป็นทางลัดหรือแผนที่สำหรับเราได้เลย เพราะผู้สัมภาษณ์จะถามคำถามตั้งแต่จุดเริ่มต้นการเข้ามาเทรด ความผิดพลาด การกลับมาประสบความสำเร็จ
.
เพราะเมื่ออ่านจบแล้ว ผมพบว่าเราจะได้คำตอบ กลับมาทบทวนกับการลงทุนของเราว่า เรานั้นเหมาะสมกับการลงทุนในรูปแบบไหน เรานั้นมีความพยายามได้ครึ่งหนึ่งของคนที่เขาประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง เพราะถ้ายัง ผมพบว่าก็เป็นเรื่องยากที่เราจะฝันลมๆ แล้งๆ ว่าการลงทุนของเราจะประสบความสำเร็จสูง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะล้มเลิกการลงทุน เพียงแต่หลังจากอ่านจบ เราอาจจะพบทางเลือกในการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเรา และสามารถเลือกที่จะเดินต่อ โดยมีหลักคิดของสุดยอดเทรดเดอร์ทั้งหลาย เป็นใบนำทาง
[CR] พ่อมดแห่งวอลสตรีท หนังสือที่อยากให้นักลงทุนทุกประเภทได้อ่าน
.
“มาตรฐานการลงทุนสำหรับผม ใช้หลักการคล้ายคลึงกับการวิ่งมาราธอน แม้ว่าจะเป็นเรื่องดูน่ากลัวสำหรับคนที่ร่างกายไม่พร้อม แต่คนส่วนมากสามารถที่จะวิ่งมาราธอนได้ ถ้ามีการฝึกและการอุทิศตนที่มากพอ ถึงกระนั้นก็มีคนเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีร่างกายเหมาะสมแต่กำเนิดที่จะวิ่งจบได้อย่างรวดเร็ว”
.
บทนำโดย Jack D. Schwager ผู้เขียน Market Wizards แปลไทยโดย ชินวิช ธเนศสกุลวัฒนา หนังสือที่ทำการสัมภาษณ์สุดยอดเทรดเดอร์ ที่ถึงแม้เราจะไม่ใช่เทรดเดอร์ ผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้ก็สามารถนำปรับใช้ได้กับนักลงทุนระยะยาว หรือนักลงทุนประเภทอื่นๆ เพราะหนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนเทคนิคการลงทุน แต่หากสอนหลักคิด และชีวิตของเทรดเดอร์ ว่าควรจะทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จในการลงทุน รวมถึงการใช้ชีวิต
.
โดยหนังสือได้แบ่งตอนไว้เป็นบุคคลๆ ซึ่งหลังอ่านจบผมก็สรุปสาระสำคัญออกมาได้ดังนี้
(ซึ่งยังมีเนื้อหาที่น่าสนใจอีกมากมายที่ผมคงจะไม่สามารถสรุปได้หมด)
.
.
ไมเคิล มาร์คัส
นักลงทุนคนแรกในเล่มได้ให้คำแนะนำที่น่าสนใจไว้ว่า “การเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จชั้นแนวหน้านั้น พรสวรรค์เป็นสิ่งจำเป็น แต่การเป็นเทรดเดอร์ (นักลงทุน) ที่มีความสามารถและหาเงินได้นั้น เป็นทักษะที่คุณสามารถเรียนรู้ได้
.
-กฎการเป็นเทรดเดอร์ในมุมของไมเคิล-
-1- ถือสถานะที่ได้กำไรเอาไว้ให้ได้นานพอ และการกล้าตัดขาดทุนให้รวดเร็วพอ
.
-2-สัญชาตญาณมีความสำคัญ เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ ต้องกล้าที่จะลองทำ กล้าที่จะล้มเหลว กล้าที่จะสำเร็จ และกล้าที่จะทำมันต่อไปเมื่อหนทางมันยากลำบาก
.
-3- กฎการใช้ชีวิต “ผมได้เรียนรู้ที่จะไม่ยึดติดวัตถุ ผมเรียนรู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องซื้อบ้านในทุกสถานที่ที่สวยงามบนโลกนี้ ผมสามารถพักโรงแรมและเดินบนชายหาดนั้น หรือถ้าผมอยากตามใจตัวเองจริงๆ ผมอาจจะเหมาเครื่องบินส่วนตัว โดยที่ผมไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของมัน”
“ถ้าการเทรดกลายเป็นทั้งหมดชีวิตของคุณ มันจะเป็นความตื่นเต้นที่ทรมาน แต่ถ้าคุณรักษาสมดุลชีวิตได้มันจะกลายเป็นเรื่องสนุก คุณควรมีจุดสนใจในเรื่องอื่นๆ
.
.
บรูซ เคิฟเนอร์
-กฎการเป็นเทรดเดอร์ในมุมของบรูซ เคิฟเนอร์-
-1-
“คุณต้องเต็มใจที่จะทำผิดพลาด คุณต้องตัดสินใจอย่างดีที่สุดแล้วก็ผิดพลาด ทำการตัดสินใจครั้งต่อไปอย่างดีที่สุด แล้วก็ผิดพลาด ทำการตัดสินในครั้งที่ 3 อย่างดีที่สุด แล้วเพิ่มเงินของคุณเป็น 2 เท่า”
.
-2-
การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยต้องเป็นการประเมินความเสี่ยงโดยรวมของทั้งพอร์ต มากกว่าจะมองความเสี่ยงของแต่ละการเทรดแยกกันไป
บรูซ เคิฟเนอร์ ทิ้งท้ายไว้ว่า การเทรดแบบที่จะทำให้หมดตัวเกิดจากการตัดสินใจชั่ววูบ ไม่มีการเทรดแบบใดอีกแล้วที่จะมีอัตราความล้มเหลวได้มากเท่ากับการเทรดที่เกิดจากความหุนหันพลันแล่น ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีการลงทุนแบบใด เมื่อได้วางกลยุทธ์ไว้แล้ว ควรจะยึดมั่นกับแผนการเล่น และหลีกเลี่ยงการเทรดด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
.
.
ริชาร์ด เดนนิส
-กฎการเป็นเทรดเดอร์ในมุมของริชาร์ด เดนนิส-
-1.-
ความสม่ำเสมอและวินัย คนส่วนใหญ่รู้ถึงกลยุทธ์การเทรดที่ดีเหมือนกันทั้งหมด แต่จะมีสักกี่คนที่จะทำตามมันได้ สิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้คือ การยึดมั่นกับกลยุทธ์ที่ดีนั้น แม้แต่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย(วินัย)
.
-2-
ให้ถือระยะสั้นที่สุดหรือไม่ก็ระยะยาวที่สุดเท่าที่คุณจะทนได้ โดยขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของคุณ กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงตรงกลางไว้
.
.
ไมเคิล สตีนฮาร์ท
-กฎการเป็นเทรดเดอร์ในมุมของริชาร์ด เดนนิส-
.
“จงตระหนักว่า นี่เป็นสนามธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมาก และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้น คุณกำลังแข่งขันกับผู้คนที่ได้อุทิศส่วนสำคัญในชีวิตของพวกเขาให้เรื่องเดียวกันนี้อยู่ ในหลายๆ ครั้งมืออาชีพจะอยู่ด้านตรงข้ามกับคุณ และโดยเฉลี่ยพวกเขาจะชนะคุณ
“คุณสมบัติหนึ่งที่เจอในเหล่าเทรดเดอร์ที่ยิ่งใหญ่หลายคนคือ ความเต็มใจและสามารถจะเปิดสถานะขนาดใหญ่มากเป็นพิเศษเมื่อพวกเขารับรู้ถึงโอกาสครั้งสำคัญในการเทรด
.
.
วิลเลียม โอนีล ศิลปะแห่งการคัดสรรหุ้น
คำแนะนำของโอนีลเรื่องหุ้น
.
ให้เลือกหุ้นที่เป็นผู้นำ และมีสัดส่วนของสถาบันถือหุ้นอยู่บ้างบางส่วน เพราะนั่นหมายถึงการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนั้นๆ แต่การมีสถาบันถือหุ้นมากเกินไปนั้น ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี เพราะมันอาจเกิดสาเหตุของการขายอย่างรุนแรงหากเกิดข้อผิดพลาดกับบริษัทหรือตลาดโดยรวม
.
ในส่วนของเทคนิคการตัดขาดทุนโอนีลบอกว่า “ถ้าคุณไม่เต็มใจจะตัดขาดทุนให้เร็ว คุณก็ไม่ควรจะซื้อหุ้น คุณจะขับรถของคุณโดยไม่มีเบรคไหมล่ะ?” นักลงทุนหลายคนไม่สามารถบังคับตัวเองให้ขายขาดทุนได้
.
คำแนะนำของโอนีลเรื่อง กองทุนรวม
.
เขามองว่ากองทุนรวมเป็นการลงทุนที่ยอดเยี่ยม แต่ปัญหาคือคนส่วนใหญ่ไม่รู้วิธีจัดการมัน กุญแจความสำเร็จของกองทุนรวมอยู่ที่ การลงทุนในสิ่งที่คุณรู้จักและสนใจ และนั่งมองมันโดยไม่ต้องคิดอะไรอยู่กับไป 15 ปีหรือมากกว่านั้น นั่นคือวิธีที่คุณจะทำเงินจำนวนมากจากมัน แต่ในการทำอย่างนั้น คุณต้องมีความกล้าหาญพอที่จะนั่งผ่านวิกฤตของตลาด 3-5 ครั้ง
.
ในช่วงสภาวะวิกฤต คุณควรนั่งเฉยๆ เพราะกองทุนส่วนใหญ่มีการกระจายการลงทุนในหุ้นมากกว่า 100 ตัว แต่คนส่วนใหญ่กลับมีความกลัวและตัดสินใจเปลี่ยนแปลงและทำลายแผนการลงทุนระยะยาวของพวกเขาไป “หากราคากองทุนตกลงไปคุณควรที่จะซื้อเพิ่ม” โอนีลกล่าว
.
วิธีการลงทุนที่ผิดของนักลงทุนทั่วไป
.
โอนีลบอกว่า นิสัยที่แย่ของคนโดยทั่วไปคือ การซื้อถัวเฉลี่ยขาลงแทนที่จะเป็นขาขึ้น “คุณกำลังจะทำให้การขาดทุนและความผิดพลาดของคุณเลวร้ายลงไปอีกด้วยการใส่เงินที่ดีเข้าไปตามหลังเงินที่แย่
.
คนทั่วไปรักที่จะซื้อหุ้นถูกที่ขายกันที่ราคาต่ำ โอนีลบอกว่า เราไม่สามารถที่จะซื้อของคุณภาพดีที่สุดด้วยราคาที่ถูกที่สุดได้ และหุ้นราคาถูกส่วนใหญ่จะสามารถตกลงไปได้เร็วกว่าหุ้นที่มีราคาสูง
.
นอกจากนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ เต็มใจที่จะเสี่ยงเงินที่หามาอย่างยากลำบาก ด้วยคำพูดของคนอื่นมากกว่าที่จะเป็นความรู้ของตัวเขาเอง
.
นักลงทุนมือใหม่ ชอบที่จะวางคำสั่งซื้อขาย ด้วยการตั้งราคารอไว้ โดยที่แทบไม่เคยส่งคำสั่งที่ราคาตลาดเลย โอนีลบอกว่ามันเป็นวิธีที่แย่มาก กับการกำลังต่อรองกับราคาแค่หลักสตางค์ แทนที่จะไปให้ความสำคัญกว่าในการเคลื่อนไหวโดยรวมที่ใหญ่กว่า และสุดท้ายการตั้งราคารอ อาจส่งผลให้เราต้องพลาดตลาดที่กำลังวิ่งขึ้นไป หรือไม่ได้ออกมาจากหุ้นที่ควรจะขาย
.
.
เจมส์ บี โรเจอร์ จูเนียร์
.
สาระสำคัญที่สรุปได้จาก เจมส์ บี โรเจอร์ อย่างแรกคือ “กฎการลงทุนที่ดีที่สุด คือการเรียนรู้ที่จะไม่ทำอะไรเลย” เจมส์บอกว่าผู้คนส่วนมากมักลงไปเล่นอยู่ตลอดเวลา มันเป็นเหมือนโรคที่คนเราอยู่นิ่งไม่ได้ เขาจะทำอะไรก็ต่อเมื่อเขารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
.
ในชีวิตของเจมส์ เขาไม่สนใจใน ทีวี หรือของฟุ้มเฟือยอื่นๆ เขาจะนำเงินทุกบาทที่ได้มา กลับเข้าไปลงทุนในตลาด นอกจากนี้เขายังให้ความสนใจอย่างมากกับการอ่านหนังสือ มันทำให้เขามีความเชื่อว่าโลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด นักลงทุนควรมีความยืดหยุ่นและตื่นตัวที่จะลงทุนได้ในทุกๆ อย่าง
.
คำแนะนำเจมส์ บี โรเจอร์ จูเนียร์
1.ซื้อมูลค่า ถ้าคุณซื้อมูลค่าคุณจะไม่ขาดทุนมากนัก ถึงแม้ว่าจังหวะเวลาของคุณจะผิดก็ตาม
2.รอจนกว่าการเทรดที่ใช่จะผ่านเข้ามา อย่าเทรดเพียงเพื่อเทรด จงอดทนที่จะนั่งถือเงินของคุณเอาไว้จนกว่าจะมีการเทรดที่มีความน่าจะเป็นสูงเกิดขึ้นมาอย่างถูกต้องเหมาะสมเสียก่อน
3.ความคิดที่ว่าทองคำจะเป็นเครื่องมือในการรักษาความมั่งคั่งเป็นความคิดที่ไร้สาระ
.
.
โทนี่ ชาลีบา
.
วินัยคือเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง จงเอาทฤษฎีใดทฤษฎีหนึ่งมาใช้และยึดมั่นกับมัน แต่คุณจำเป็นจะต้องมีจิตใจที่เปิดกว้างมากพอที่จะเปลี่ยนทิศทาง หากคุณรู้สึกว่าทฤษฎีของคุณนั้นถูกพิสูจน์ว่าผิด
.
โทนี่เคยตัดสินว่าความสำเร็จคือการเป็นคนเก่งที่สุดในสาขาอาชีพนั้น แต่ในตอนนี้เขาคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องคุณภาพชีวิตมากกว่า "คุณจะตัดสินความสำเร็จอย่างไรน่ะหรือ ผมไม่รู้เหมือนกัน ทั้งหมดที่ผมรู้คือเงินทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกนี้ได้ได้เป็นคำตอบของมันแน่ๆ เพราะบางครั้งคนเราก็แค่อยากจะนั่งลงและพูดคุยกัน"
.
.
ดร.แวน เค ธาร์ป จิตวิทยาการลุงทุน
.
ลักษณะของเทรดเดอร์ผู้แพ้คือ คนที่มีความเครียดสูง มองโลกในแง่ร้าย มีความขัดแย้งในบุคลิกของตัวเขาอง และมักจะโทษคนอื่นเมื่อเหตุการณ์เลวร้ายลง มีแนวโน้มจะเป็นผู้ทำตามสิ่งที่ฝูงชนส่วนใหญ่ทำ ไม่มีการจัดวางระบบและขาดความอดทน แต่เขาก็เชื่อว่า ทุกๆ คนสามารถสำเร็จได้ถ้าพวกเขามีความตั้งใจจริงที่จะทำ
.
ความแตกต่างระหว่างคนที่เป็นที่ 1 กับเป็นที่ 2 คุณสามารถบอกความแตกต่างระหว่าง2 คนนี้ได้จาก ความเชื่อของพวกเขา เช่น นักแม่นปืนลำดับ 1 เชื่อว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่จะฝึกซ้อมทั้งหมด 1000 รอบการยิงในเย็นของวันก่อนหน้าการแข่ง ในขณะที่นักแม่นปืนอันดับ 2 เชื่อแค่เพียงว่าการฝึกซ้อมในใจเป็นเรื่องสำคัญ
.
ความเชื่อของเทรดเดอร์ ระดับแนวหน้า
- เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด
- มันเป็นเรื่องโอเคที่จะขาดทุน
- การเทรดคือการเล่นเกม
- พวกเขาชนะเกมนี้ไปแล้วตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเล่น
.
.
สรุปของผู้เขียนหนังสือ Jack D. Schwager
.
มันไม่มีทางลัด ถ้าคุณอยากจะเป็นเทรดเดอร์ที่เก่งคุณจำเป็นต้องทำงานในตลาดทุกๆ วัน ถ้าไม่มีเวลา คุณก็จะต้องทำให้มันมีให้ได้ ตลาดเป็นเครื่องสะท้อนธรรมชาติของมนุษย์ และผู้เขียนเชื่อว่ามันเป็นเพราะอารมณ์ของมนุษย์คือสิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปตามเวลา มันจึงอธิบายได้ว่าทำไมกฎแบบเดิมที่เคยถูกนำมาใช้หลายสิบปี ยังคงใช้ได้อยู่ในปัจจุบัน และมันจะเป็นในอีกหนึ่งศตวรรษถัดไป
.
โกลด เดอบูว์ซี กวีชาวฝรั่งเศส พูดไว้ว่า “ดนตรีก็คือช่องว่างระหว่างตัวโน๊ต” ในแบบเดียวกัน ช่องว่างระหว่างการลงทุน เวลาที่ใครบางคนอยู่นอกตลอด ก็สามารถที่จะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการประสบความสำเร็จในการลงทุนได้เช่นกัน
.
การไม่เข้าไปลงทุน (เช่นการถือเงินสดเป็นหลัก) ในระหว่างช่วงที่สภาวะแวดล้อมเป็นลบนั้นคืออีกส่วนหนึ่งของคำตอบนี้ ด้วยการไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในตลาดในจังหวะเวลาที่ผิด คุณต้องการความอดทนที่จะอยู่ด้านนอก เมื่อสภาวะแวดล้อมยังไม่เป็นผลดีต่อวิธีการของคุณหรือเมื่อโอกาสยังมีน้อย
.
เทรดเดอร์ที่ต้องการประสบความสำเร็จ จำเป็นที่จะต้องเข้าใจว่าการเดินทางนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของการค้นหาวิธีการที่เปิดเผยความลับการประสบความสำเร็จของตลาด แต่มันคือการค้นหาวิธีการที่เหมาะสมกับบุคลิกของคุณมากกว่า คุณไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จในตลาดได้ด้วย การลอกเลียนแบบวิธีการคนอื่น คำตอบไม่ได้อยู่ที่การเลียนแบบวิธีของใคร แต่อยู่ที่การค้นหาวิธีการของตัวคุณเอง
.
.
สรุปของผู้อ่าน
.
ผู้คิดว่ามันเป็นหนังสือหรือคําภีร์ ที่นักลงทุนควรจะได้อ่านมันสักครั้งหนึ่ง หนังสือเล่มนี้เหมือนการกลับมาบอกเล่าเรื่องราวของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ จะเรียกว่ามันสามารถเป็นทางลัดหรือแผนที่สำหรับเราได้เลย เพราะผู้สัมภาษณ์จะถามคำถามตั้งแต่จุดเริ่มต้นการเข้ามาเทรด ความผิดพลาด การกลับมาประสบความสำเร็จ
.
เพราะเมื่ออ่านจบแล้ว ผมพบว่าเราจะได้คำตอบ กลับมาทบทวนกับการลงทุนของเราว่า เรานั้นเหมาะสมกับการลงทุนในรูปแบบไหน เรานั้นมีความพยายามได้ครึ่งหนึ่งของคนที่เขาประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง เพราะถ้ายัง ผมพบว่าก็เป็นเรื่องยากที่เราจะฝันลมๆ แล้งๆ ว่าการลงทุนของเราจะประสบความสำเร็จสูง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะล้มเลิกการลงทุน เพียงแต่หลังจากอ่านจบ เราอาจจะพบทางเลือกในการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเรา และสามารถเลือกที่จะเดินต่อ โดยมีหลักคิดของสุดยอดเทรดเดอร์ทั้งหลาย เป็นใบนำทาง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้