[CR] [แชร์ประสบการณ์] กู้เงินซื้อบ้านผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ ที่ไม่ช่วยเหลืออะไรมีแต่ซ้ำเติม ใครกำลังจะกู้ลองพิจารณาดูก่อน

ขอแชร์ประสบการณ์ เหตุการณ์ ในครั้งนี้ สอนผม  ว่าหากใครกำลังจะกู้ซื้อบ้าน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ขอให้พิจารณา ลองดูธนาคารอื่นก่อนดีกว่าครับ ธนาคารอื่นอาจจะไม่มีเงื่อนไขที่ว่า ห้ามปิดยอดก่อน 4 ปี และอัตราดอกเบี้ยธนาคารอื่นก็ไม่หนีกันมากหรืออาจจะถูกกว่า ซึ่ง เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าในอนาคตจะเกิดเหตุการณ์ ที่ทำให้เศรษฐกิจอะไรแย่ขึ้นอีกหรือไม่ ธนาคารอื่นอาจจะช่วยเหลือได้ดีกว่านี้ แต่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ไม่ได้ช่วยเหลือลูกค้าเลยแม้แต่บาทเดียว มีแต่คิดเงินเพิ่มทุกวัน และพนักงานแต่ละคนก็ไม่ยินดี และเต็มใจที่จะช่วยเหลือลูกค้า
 
     เรื่องเริ่มต้นด้วย เดือนเมษายน 2561 ผมได้มีการหาซื้อบ้านมือสอง จึงได้พบหลังที่ถูกใจและทำการยื่นกู้ผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ เมื่อ มิถุนายน 2561 เป็นยอดจำนวนเงิน 3,300,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ย 2.89% และมีการผ่อนชำระจนถึงปัจจุบัน มีนาคม 2564 เดือนละ 13,800 บาท เป็นจำนวน 2 ปี 9 เดือน (33 งวด) เป็นยอดเงินทั้งหมด 455,400 บาท (สำหรับค่างวดรายเดือน) และมีโป๊ะยอดเข้าไปอีก 270,000 บาท ที่จ่ายเข้าไป แต่หลังจากเศรษฐกิจไม่ดี รายได้ลดลง ไม่สามารถผ่อนต่อได้ จึงทำเรื่องขายต่อ และ ปิดบัญชี ธนาคารจึงปรับโครงสร้างหนี้เป็นปรับดอกเบี้ยเป็น 4.75% - 5.15% และยอดที่ชำระทั้งหมดตัดเป็นดอกเบี้ยเกือบทั้งหมด รวมถึงเงินที่นำมาโป๊ะอีกเป็นจำนวน 270,000 บาท (เนื่องจากในช่วงปีแรกพอมีรายได้ที่หาได้เพิ่มเติม ทางผมก็จะมีการ นำเงินมาโป๊ะ เป็นจำนวน 100,000 บาท จำนวน 2 ครั้ง และ 70,000 บาท จำนวน 1 ครั้ง ยอด รวมที่โป๊ะคือ จำนวน 270,000 บาท) ธนาคารก็ตัดส่วนที่โป๊ะเป็นค่าปรับอีก โดยอัตราดอกเบี้ยปกติยอดที่ชำระ ธนาคารจะตัดต้นครึ่ง ดอกครึ่ง โดยประมาณ แต่หลังจากปิดบัญชีก่อน อัตราดอกเบี้ยเป็น 4.75% - 5.15% และไม่มีการช่วยเหลือลูกค้าแม้แต่บาทเดียว ยอดทั้งหมดเป็นการชำระผ่านการตัดบัญชีอัตโนมัติ มีการชำระตลอดไม่เคยขาดส่งหรือจ่ายล่าช้า  ส่วนการตัดค่างวด จะอยู่ที่ เดือนละ 13,800 บาท ในการทำสัญญากับธนาคารอาคารสงเคราะห์ มีสัญญาดอกเบี้ยพิเศษ คือ 2.89% และมีสัญญาห้ามทำการ ขายหรือโอน หรือรีไฟแน้นท์ ก่อน 4 ปี ไม่งั้นจะมีค่าปรับเป็น 4.75% - 5.15% ตามสัญญา และค่าปรับอีก 2% และเหตุการณ์เศรษฐกิจที่แย่ลงในปี 2020 ก็ทำให้การเงินไม่คล่อง จนถึงปัจจุบันไม่สามารถผ่อนต่อได้ จึงทำการขาย แต่ธนาคารไม่ได้ช่วยเหลือและผลักภาระให้ลูกค้าไปติดต่อแผนกนั้นที แผนกนี้ที จากรายละเอียดดังนี้ 
   
    แต่สิ่งที่ไม่คาดคิด ก็เกิดขึ้น คือเหตุการณ์ Covid-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้มีรายได้ที่ลดลง แต่ก็ยังพยายามที่จะหาเงินในทุกวิธีมาเพื่อชำระตั้งแต่ต้นปี 2020 จนถึง ปัจจุบันก็ยังไม่เคยจ่ายล่าช้า แต่ด้วยภาระ รายจ่ายหลายๆอย่าง กับรายได้ที่ลดลง จึงทำให้ไม่สามารถผ่อนต่อได้ไหว จึงตัดสินใจ ลงประกาศขายบ้าน ในราคาที่ต่ำกว่าที่ซื้อ และก็มีผู้ซื้อทำการตกลงซื้อขายเรียบร้อย ทางผมจึงติดต่อธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อทำรายการตามขั้นตอน และนำสัญญาเข้าไปทำรายการ ที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ที่สาขา ตามขั้นตอนดังนี้
 
   1.ผมได้เข้าไปทำรายการ ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาบิ๊กซีราชดำริ ในวันที่ 15/3/2564 เพื่อทำการขอแจ้งปิดบัญชี และนัดทำการโอนวันที่ 29/3/2564 เพื่อทำการขายต่อ ผมไปถึงเวลาประมาณ 16.00 (โดยประมาณ) สาขานี้เป็นสาขาในห้างปิด 18.00 อันดับแรกที่พนักงานหน้าเคาเตอร์พูดคือ ไม่สามารถทำรายการได้ เพราะเลยเวลาทำการแล้ว ผมจึงแจ้งว่าพอดีผมมีการโทรถาม callcenter ก่อนเข้าไปทำรายการ และทาง callcenter แจ้งว่า สามารถทำรายการได้ พนักงานที่เคาเตอร์จึงยอมทำรายการส่งเรื่องเพื่อปิดบัญชีให้ และผมก็ได้มีการสอบถาม พอจะช่วยลดดอกเบี้ยส่วนไหนได้บ้างไหมครับ พอดีที่ขายต่อให้คนอื่นเพราะผ่อนไม่ไหว แต่กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือ ให้ติดต่อสำนักงานใหญ่ (ครั้งที่ 1 ที่มีการโยนให้ไปติดต่อที่สำนักงานใหญ่ ผมก็จึงรอเพื่อไปคุยที่สำนักงานใหญ่)
 
  2.ในวันที่ 20/3/2564 ผมมีการส่งข้อมูลผ่านทางหน้าเว็บไซค์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในหน้า ร้องเรียน/ขอความเป็นธรรมถึงกรรมการผู้จัดการ และมีเจ้าหน้าติดต่อกลับมา ในช่วงเช้าวันที่ 22/3/2564 ผมได้รับการติดต่อจาก ธนาคาร (ไม่แน่ใจว่าเป็นแผนกไหน เป็นการติดต่อกลับจากที่ผมกรอก หน้าร้องเรียน/ขอความเป็นธรรมถึงกรรมการผู้จัดการ) แจ้งว่าไม่สามารถช่วยเหลือได้ แต่จะเป็นการส่งเรื่องไปให้ที่สาขาบิ๊กซีราชดำริแทน (ครั้งที่ 2 ที่มีการโยนงานกลับไปที่สาขาบิ๊กซีราชดำริ)
 
  3.หลังจากนั้นผมก็รออีกประมาณเกือบสัปดาห์ (คือวันที่ 22/3/2564) มีเจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งว่า สามารถเดินทางเข้าไปที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่ที่พระราม 9 เพื่อเซ็นต์เอกสารปิดยอดได้เลย ผมจึงเดินทางเข้าไปวันที่ 22/3/2564 ทันที
  จนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบยอดนะครับว่ายอดที่ต้องปิด บัญชี จะมีเท่าไหร่ แต่ยอดก่อนปิดบัญชี อยู่ที่ 2,79x,xxx บาท (ประมาณ เกือบ สองล้านแปดแสนบาทครับ)
 
  4.หลังจากผมเข้าไปที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์สำนักงานใหญ่ เพื่อทำรายการ เซ็นต์เอกสารยืนยันการปิดบัญชี ผมได้มีการสอบถามเพื่อขอความช่วยเหลือว่า เหตุที่ผมต้องขาย เป็นเพราะ รายได้ที่ลดลง ไม่สามารถผ่อนต่อได้ แต่พนักงานสำนักงานใหญ่ที่รับเรื่อง ก็ทำการโยนกลับไปที่สาขาบอกว่า ที่สำนักงานใหญ่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ ต้องให้สาขาที่ทำรายการกู้ทำเรื่องให้ (ครั้งที่ 3 ที่มีการโยนงานกลับไปที่สาขาบิ๊กซีราชดำริ)
 
 5.วันที่ 24/3/2564 คือตามกำหนดการที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จะโทรมาแจ้งยอดใหม่หลังจากปิดบัญชี แต่ไม่ได้ติดต่อมา ผมจึงติดต่อไป และทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะติดต่อกลับแจ้งยอด วันที่ 25 มีนาคม 2564 ช่วงเช้าครับ
 
 6.วันที่ 25/3/2564 มีพนักงานโทรมาแจ้งยอดการปิดบัญชี คือ 3,057,xxx บาท ซึ่งปรับขึ้นมาจาก 2,79x,xxx บาท ประมาณ 26x,xxx บาท หลังจากที่รับทราบยอด ผมสอบถามกลับพนักงานที่โทรมาแจ้งว่า พอจะช่วยเหลือลดดอกเบี้ยในส่วนไหนได้บ้างไหม เพราะว่า เหตุการณ์ที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น กับเศรษฐกิจที่แย่ลง แต่พนักงานก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ และแจ้งว่าจะติดต่อสาขาที่ทำรายการกู้ เพื่อสอบถามว่าจะช่วยเหลืออะไรได้ไหม (ครั้งที่ 4 ที่มีการโยนงานไม่ช่วยเหลือลูกค้า)
 
 7.ในวันที่ 25/3/2564 ผมจึงรีบโทรหา ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาบิ๊กซีราชดำริผ่านเบอร์สาขาทันที เพราะว่า ผมมีการนัดโอนซื้อบ้านวันที่ 29 มีนาคม 2564 แล้ว ทางสาขารับสาย ผมจึงเล่าเหตุการณ์ให้ฟังใหม่ และพนักงานสาขาไม่ช่วยเหลือและบอกไม่สามารถช่วยได้ ผมจึงบอกขอเรียนสายกับผู้จัดการสาขา พนักงานไม่ยินยอมที่จะช่วยเหลือในตอนนั้น เพียงแต่ตอบกลับว่าจะรับเรื่องให้ครับ
 
 8.ในวันที่ 25/3/2564 ตอนประมาณเที่ยง ผมได้รับสาย จาก ผจก.สาขาบิ๊กซีราชดำริ ติดต่อกลับมาหาผม ผมจึงเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกครั้ง ที่ทาง ผจก. สาขาติดต่อกลับมา แจ้งว่าได้รับเมลล์ (เมลล์จากที่ผมส่งหาร้องเรียน/ขอความเป็นธรรมถึงกรรมการผู้จัดการ) เกี่ยวกับรายละเอียดมาบ้างแล้วจึงติดต่อกลับมา ทางผจก. สาขา แจ้งว่ายินดีจะช่วยส่งเรื่องเสนอทางผู้บริหารให้พิจารณา ทางผมก็รีบขอบคุณ เพราะเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าจะได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการโยนกันไปมาตลอด 5 ครั้ง
 
 9.ผมมีการส่งเอกสารตามที่ทาง ผจก. แจ้งว่าจะต้องใช้ทันที ในวันที่ 25/3/2564 ช่วงบ่ายหลังจากที่คุยกันเสร็จ และทางผจก. แจ้งว่าเนื่องจากระยะเวลาการจะโอนมันเร็วเกินไป (29/3/2564) ทาง ผจก. จึงแจ้งว่าให้ผมเลื่อนไป 1 สัปดาห์ ผมจึงเลื่อนไปเป็นวันที่ 5/4/2564 ซึ่งผมคิดว่าเราทำเรื่องปิดยอดแล้ว ทางธนาคารจะส่งเรื่องพิจารณา คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงยอด แต่ไม่เป็นเช่นนั้น หลังจากผมได้แฟกซ์เอกสารไปเพื่อทำการเลื่อนวันนัดโอน ทาง พนักงานที่รับสายแจ้งว่าจะต้องคำนวนยอดใหม่ และจะโทรมาแจ้งอีกครั้ง 
 
 10.พนักงานมีการโทรมาแจ้งยอดอีกครั้ง ในวันที่ 31/3/2564 เป็นยอด 3,060,xxx บาท (เพิ่มประมาณสามพันบาท ต่อสัปดาห์) ผมจึงได้สอบถามว่าเรื่องมีการส่งถึงผู้บริหารหรือยัง พนักงานจึงแจ้งว่ายังไม่ได้ส่งเรื่องถึงผู้บริหาร ซึ่งวันนี้คือวันที่ 31/3/2564 แล้วแต่ยังไม่ส่ง  เป็นเหตุการณ์ที่เสียทั้งใจและเสียทั้งความรู้สึกที่พนักงาน ที่ ผจก. สาขาบิ๊กซีราชดำริรับปากบอกจะช่วยเหลือ ตั้งแต่วันที่ 25/3/2564 แต่ไม่ได้รีบร้อนอะไร ผมทราบและเข้าใจกระบวนการต้องมีระยะเวลาขั้นตอนการทำงาน แต่ทาง ผจก. คุณทราบวันที่โอนแล้ว แต่ทำไมคุณถึงยังไม่รีบหรือเต็มใจที่จะช่วยเหลือลูกค้าที่เดือนร้อน คุณบอกคุณต้องทำตามขั้นตอน คุณบอกว่าคุณจะส่งเรื่องตั้งแต่ ภายในสัปดาห์ (คือไม่เกินวันที่ 26/3/2564) แต่แล้วคุณก็ไม่ได้ส่งเรื่องเพื่อช่วยเหลือ เพื่อให้ผู้บริหารรับทราบ จนถึงวันที่ 31/3/2564 (ช่วงบ่ายเกือบเย็น) คุณน่าจะถึงพึ่งส่งเรื่องให้ท่านผู้บริหาร และ ทาง ผจก. จึงอธิบายว่าที่ส่งล่าช้าเพราะว่ายังต้องรอการคำนวนยอดปิดบัญชีใหม่ แต่คุณไม่ได้สอบถามกันภายในหรือ ว่ายอด ณ วันที่ 5/4/2564 คือเท่าไหร่ ทำไมถึงต้องรอผู้ซื้อแฟกซ์เอกสารไปเปลี่ยนวันนัดปิดบัญชีใหม่ (อันนี้ผมไม่ทราบว่าผมต้องส่งแฟกซ์เปลี่ยนวันนัดก่อน พนักงานแผนกคำนวนถึงสามารถคำนวนยอดปิดได้ ผมคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกัน ทาง ผจก. ก็คือพนักงานในองค์กรเดียวกัน ทราบวันที่เปลี่ยนอยู่แล้วแต่ไม่ได้ติดต่อกันภายในเพื่อขอยอดปิดบัญชี เอาแต่รออะไรผมไม่ทราบ ผมว่ามันไม่ถูกต้อง คุณคือพนักงานองค์กร เดียวกัน ควรจะ ทำงานในทิศทางเดียวกันไม่ใช่ โยนกันไปโยนกันมาแบบนี้ แล้วสรุป ลูกค้าได้แต่เพียงรอ กับอย่างเดียวไม่สามารถทำอะไรได้ และยังต้องมาเสียดอกเบี้ยเพิ่มที่แพงมาก (เกือบวันละ 500 บาท)
 
  สรุป ตลอดระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 25/3/2564 ผมได้มีการติดต่อเพื่อขอให้ทาง ท่าน ผจก. สาขาบิ๊กซีราชดำริ ช่วยเหลือ ติดต่อทุกวันทำการ คือวันที่ 26/3/2564, 29/3/2564, 30/3/2564, 31/3/2564, 1/4/2564, 2/4/2564, 3/4/2564, 4/4/2564, 5/4/2564, 7/4/2564 พักหลัง ผจก. เริ่มที่จะไม่รับสาย แต่ผมไม่ได้ทำการ โทรหลายครั้ง ผมทำการเว้นระยะเวลาจึงโทรติดต่อไป เพื่อสอบถามความคืบหน้า แต่สิ่งที่ได้รับ และคุย ในวันที่ 31/3/2564 ก่อนที่จะ ผจก. จะส่งเรื่องให้แจ้งว่าต้องใช้เวลา 2 วันกว่าเรื่องจะถึงผู้บริหาร ต้องผ่าน 4 แผนกตรวจสอบ ซึ่งผมก็แจ้งว่า ทางธนาคารผู้ซื้อบ้านจากผมต้องขอเวลาในการออกเช็ค เพื่อซื้อบ้านก่อน วันสุดท้าย ที่จะส่งเรื่องออกเช็คทันคือวันที่ 1/4/2564 ทางผู้จัดการ ก็เพียงตอบว่าจะช่วยเร่งให้ สิ่งที่ผมอยากให้ทุกคนทราบ จนถึงตอนนี้ คือ ตั้งแต่ พนักงานสาขาบิ๊กซีราชดำริ พนักงานสำนักงานใหญ่ พนักงานที่โทรแจ้งยอด ผจก สาขา ไม่ได้มีใจที่จะช่วยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบหรือลำบากอย่างเต็มที่เพียงแต่รับปากเพื่อให้จบ และ ทางผจก. ก็ไม่ค่อยจะรับสายพักหลัง พอถึงวันสุดท้ายที่ ทางธนาคารปลายทางจะต้องเอายอดเพื่อทำการออกเช็คก่อนวันนัดไถ่ถอนบ้าน และโอนที่ดิน ผจก. ก็เพียงตอบว่าพยายามตามให้ด่วน แต่ท่านผู้บริหาร ไปต่างจังหวัด ซึ่งยอดทั้งหมด ณ ปัจจุบันคือ 3,060,xxx.xx บาท หากลองมองจากยอดกู้คือ 3,300,000 บาท(มียอดโป๊ะไป 270,000 บาท ยอดควรจะเหลือไม่เกิน 3,030,000.xx บาท แต่ไม่ใช่ ยอดเงินที่ชำระ 13,800 บาท ทั้งหมด 2 ปี 9 เดือน เป็นยอด 455,400 บาท โดนปรับเป็นดอกเบี้ยทั้งหมด และยอดที่โป๊ะก็ยังโดนตัดเป็นค่าปรับอีก)
 
 
อยากให้ท่านผู้บริหาร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้รับทราบว่าองค์กรของท่าน มีพนักงานแต่ละคนที่ไม่พร้อมบริการ และไม่พร้อมช่วยเหลือลูกค้า ผมไม่ได้โทษว่า ท่านไม่ได้ช่วยเหลือ แต่การที่พนักงาน ตั้งแต่หน้าเคาเตอร์ไม่ช่วยเหลือ โยนกันไปโยนกันมาลูกค้าก็รู้สึกแย่พอแล้ว นี่บางท่านเป็นถึงตำแหน่งผู้จัดการ ไม่รับสายลูกค้า รับปากเพียงให้เรื่องจบ ไม่ได้ส่งเรื่องให้ อยากให้ท่านผู้บริหารพิจารณาพนักงานในองค์กรของท่านด้วยค
ชื่อสินค้า:   ธนาคารอาคารสงเคราะห์
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่