สวัสดีครับ วันนี้ขอรีวิวสายการบินบ้าง รีวิวนี้จะยาวมากๆ เพราะแอบละเอียด อ่านให้ตาแฉะกันไปเลยครับ
ขอเกริ่นก่อนว่าจริงๆ แล้วไม่ได้กะจะรีวิว เพราะคิดว่าตัวเองยังไม่ได้เก่งด้านนี้และน่าจะไม่ได้มารีวิว เลยเก็บภาพมาน้อยมากๆ กะจะเขียนรีวิวลงหน้าเฟสส่วนตัวเล่น แค่นั้นครับ แต่หลายคนเชียร์ให้เขียนรีวิวจริงจังไปเลย เลยเป็นที่มาของรีวิวเนื้อน้ำเน้นๆ รูปน้อยๆ ครั้งนี้ครับ
รีวิวสายการบินน้องใหม่ ZIPAIR Tokyo ลูกของ Japan Airlines นั่นเองครับ
ในวิกฤตของ COVID-19 สายการบินหลายเจ้าพักบินหรือ Ground เครื่องไว้มากมาย หรือแม้กระทั่งล้มกิจการไปเลยก็มี แต่มีสายการบินนึงจัด Debut Flight ขึ้นในระหว่างนั้น โดยมีผู้โดยสายร่วมไฟลท์ขนส่งผู้โดยสารครั้งแรกแค่ 2 คนครับ....
ใช่ครับ แค่สองคน และสายการบินนั้นก็คือ ZIPAIR Tokyo นี่แหละครับ
Background ของสายการบินก็คือเป็นลูกของ Japan Airlines ถูกจัดอยู่ในประเภท LCC (Low Cost Carrier) เพราะฉะนั้นราคาจะอยู่ในระดับที่ใครๆ ก็บินไปกับสายการบินนี้ได้ และที่สำคัญคือสายการบินตั้งเป้าหมายจะเป็น LCC ยุคใหม่ ก็คือมีฟีเจอร์เยอะ บริการดีไม่แพ้สายการบิน Full Service แต่ราคาย่อมเยาว์กว่า Base อยู่ที่ Tokyo, Narita มีเส้นทางการบินทั้งหมด 3 เส้นทาง
กรุงเทพ (สุวรรณภูมิ) - นาริตะ
โซล - นาริตะ
โฮโนลูลู - นาริตะ
ไปและกลับ
ซึ่งไฟลท์ที่จะโฟกัสวันนี้ก็คือ ZG52 จากกรุงเทพ (สุวรรณภูมิ) ไปโตเกียว (นาริตะ) ครับ ซึ่งมีบินทุกวัน เวลา 23:30 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่นไทย บินทุกวัน ไม่ใช่มีตารางเวลาทุกวัน แต่บินทุกวันจริงๆ ครับ ไม่มีคนน้อยแล้วไม่บินนะ
ทั้งหมดนี่ผมไม่ได้โฆษณานะครับ แต่ก่อนจะบินกับ ZIPAIR ผมก็ต้องศึกษา Background ของบริษัทมาก่อนจริงไหมครับ ฮ่าๆๆ
แล้วฝูงบินของสายการบินนี้หล่ะ เป็นยังไงบ้าง น่าไว้วางใจไหม ?
ช่วงหลังๆ ผมชมคอนเท้นท์เกี่ยวกับ Aviation และ Aviation Safety บ่อยเหมือนกัน เลยค่อนข้างเลือกอากาศยานในการบินด้วยเพื่อความอุ่นใจของตัวเองครับ เพราะแพนิคเก่งมาก ๕๕๕
"ฝูง" บินของสายการบินนี้มีเครื่องบินทั้งหมดสองลำ ใช้เครื่องบินเป็น Boeing B788 (787-8) Dreamliner ทั้งหมด ทั้งคู่ผลิตที่ Everett และเคยเป็นเครื่องที่ให้บริการกับ JAL มาก่อน ทะเบียน JA822J กับ JA825J สลับสับเปลี่ยนกันบินเรื่อยๆ ครับ สำหรับเครื่องบินแล้วผมไม่มีปัญหาเลย 788 ผมนั่งมาหลายรอบแล้ว ผมชอบด้วยซ้ำ เพราะว่าความดันปรับได้เสมือนอยู่ในอากาศที่ความสูงระดับ 6000 ฟุท (1800 เมตร) ซึ่งต่ำกว่าเครื่องบินยุคก่อนหน้าอย่าง 777 ที่ Pressurize cabin ได้เสมือนความสูง 8000 ฟุท (2400 เมตร) จากระดับน้ำทะเลครับ ซึ่งความรู้สึกมันต่างกันพอสมควรเลยนะ ผมนั่ง 787 มายังไม่เคยรู้สึกอึดอัด หูอื้อ หรือหายใจไม่ออกซักครั้งเลยครับ และภายในห้องโดยสารก็ค่อนข้างเงียบกว่า 777 พอสมควร แต่ว่าก็ยังดังอยู่นะ
**Hold my ANC headphone**
JA825J
JA822J
เข้าส่วนรีวิวจริงๆ แล้วนะ
สำหรับ ZIPAIR จะมีที่นั่งให้เลือก 2 ประเภท เป็น Standard (Economy) กับ Full Flat (Business Class) ซึ่งผมนั่งแบบ Standard และเป็นการเลือกที่ผิดมากครับ ฮ่าๆๆๆ
เช็คอิน
เริ่มที่เช็คอินก่อน เข้าใจว่าปกติสายการบินจะเช็คอินแบบออโต้ให้ถ้าเป็นช่วงปกติ แต่ช่วงโควิดก็ต้องยืนยันตัวตนและ Eligibility ด้วยเอกสารต่างๆ นาๆ เลยใช้ออโต้เช็คอินไม่ได้ครับ
ทีนี้ผมพลาดเองแหละที่อ่านไม่ดี ผมจองน้ำหนักไป 23+14 กิโลกรัม แต่ผมคิดเอาเองว่ารวมกันแล้วเป็นน้ำหนักกระเป๋า 37 กิโลกรัม ซึ่งความจริงแล้วมันทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะ 23 + 14 หมายความว่า 23 กิโลกรัม 1 ใบ และ 14 กิโลกรัม 1 ใบครับ
กระเป๋าของผมหนัก 23 ปลายๆ ใบเดียว เลยต้องเอาซอสปรุงรสออก รอดไป แต่เจ้าหน้าที่ที่เค้าเตอร์เข้มมากๆ 23+14 คือ 23+14 จะใช้ใบเดียว 37 โลไม่ได้ และน้ำหนักเกินไม่ได้เลย ถ้าอยากโหลดกระเป๋าใหญ่ ต้องซื้อแบบ 32KG ใบเดียวครับ และเปลี่ยน + ซื้อเพิ่มหน้าเค้าเตอร์ไม่ได้แล้ว ถ้าเอาน้ำหนักมาเกินคือต้องเอาออกเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ผมผิดเองที่ผมอ่านรายละเอียดไม่ดี แต่คิดว่าควรจะมีขายแพ็คเกจเสริมหน้าเค้าเตอร์ครับ เพราะผมยินดีจ่ายเต็มที่ถ้าผมน้ำหนักเกิน ดีนะไม่ใส่มาเต็มสูบ 30 กว่าโล ไม่งั้นบันเทิงแน่ๆ
รูปลักษณ์ของตัวอากาศยาน
รูปลักษณ์ของเครื่องบินภายนอกต้องใส่ใจไหมครับ ฮ่าๆๆ ผมว่ามันรู้สึกธรรมดา เรียบๆ แต่รู้สึกมันดูแก่ๆ ยังไงไม่รู้สิครับ แต่เอาเถอะ นอกจากก่อนขึ้นเครื่องกับหลังลงเครื่อง ก็น่าจะไม่ได้เห็นกันแล้วหล่ะมั้งครับ
ห้องโดยสาร
เดินเข้ามาภายใน Cabin สิ่งแรกที่ผมรู้สึกเลยคือมัน "ใหม่" มาก ใหม่เหมือนเครื่องบินที่รู้เลยว่าไม่ค่อยมีคนนั่งหลังจากรีโนเวทครับ นี่คือเครื่องบินที่ผมเคยนั่งแล้วภายในใหม่ที่สุดละ ภายในตกแต่งขาวดำ สีพื้นๆ ดูร่วมสมัยและโมเดิร์นมากครับ เครื่องแบบของลูกเรือก็เข้ากันกับธีมในห้องโดยสารมากๆ ด้วยนะ
ที่นั่งสำหรับผู้โดยสาร ด้านหน้ามีปลั๊กไฟ 110V 60Hz จริงๆ Adapter ส่วนใหญ่น่าจะไม่มีปัญหากับเต้าตัวนี้ แต่เช็คสเปคที่ตัวปลั๊กก่อนก็ดีครับ และมีช่อง USB Power out อีกตัวนึง ไม่แน่ใจว่าจ่ายไฟที่แรงดันและกระแสเท่าไหร่ครับ น่าจะ 5V 2A แหละ Power outlet ตรงที่นั่งนี่ชาร์จมือถือกับแลปทอปได้สบายๆ ครับ ไม่ต้องห่วงแบตหมดเลย
สองภาพนี้ยืมภาพมาจาก zipair.net ครับ
ที่นั่งยังมีโต๊ะพับ อันนี้น่าจะทั่วๆไป กับด้านบน ตอนแรกผมคิดว่ามันคือที่วางขวดน้ำเพราะ Block มันตรงกับขวดน้ำแบรนด์ที่ซื้อกินบนเครื่องเป๊ะ และมันกันลื่นได้ดีมากๆ แต่จากที่ไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมในเว็บมา เขาบอกว่าเป็นที่วางแท๊บเลตครับ แต่นั่นแหละ มันวางขวดน้ำได้ดีมากๆ และหนึบมากๆ
ส่วนพวกปุ่มมาตรฐานก็มีหมดครับ เรียก Cabin Crew เปิดไฟ ปิดไฟ เครื่องบินรุ่นนี้จะไม่มีม่านพลาสติกไว้ปิดหน้าต่าง แต่ใช้เป็นกระจก Electrochromic Glass ไว้ตัดแสงจากภายนอกเอาครับ เลือกระดับได้ กดแล้วรอหน่อยนะ มันไม่ได้ทันทีทันใดครับ
Leg room ผมไม่ได้อ่านสเปค ไม่เคยอยู่ในสายตาผมเลยเพราะว่าเป็นคนไม่ค่อยสูง ง่ายๆ ก็คือขาสั้นครับ สำหรับของ ZIPAIR ผมว่า Leg room ก็น่าจะทั่วๆ ไปนะ รู้สึกได้ว่ากว้างกว่า LCC ยอดฮิตของคนไทยพอสมควร
"นางไม่มีจอ แต่นางมีไวฟายฟรี"
Speedtest จากเน็ตบนเครื่องบิน
และที่เซอร์ไพรส์ผม เพราะผมไม่ค่อยศึกษาฟีเจอร์ของสายการบินนั้นๆ เลยก่อนบิน คือ ZIPAIR เปิดให้ใช้ On Board Free WiFi ตลอดเส้นทาง ซึ่งความเร็วมันเร็วขนาดอัพรูปขึ้นเฟสสบายๆ ครับ ผมอัพไปเป็น 10 ตัสในเฟสส่วนตัวอ่ะครับ นอกจากจะเล่นเน็ตได้ พวก Flight information อะไรพวกนี้คืออยู่ใน Portal ของไวฟายหมดเลยครับ ดู Altitude ได้ ดู GPS ได้ ดูได้หมด จริงๆ บริการตัวนี้ปกติถ้าขายบนสายการบินอื่นๆ ทั้ง LCC และ Full Service ราคาขูดรีดมากๆ ครับ 200MB หลายร้อยบาทก็มี แต่เจ้านี้ฟรีทั้งเส้นทาง ผมว่านี่แหละน่าจะเป็น Killer Feature ของ ZIPAIR ได้เลยครับ แต่ถ้าคนใช้บริการเต็มผังที่นั่งน่าจะช้าลงเยอะครับ เที่ยวบินของผมน่าจะบินกันไม่เกิน 20 คน ไวฟายเลยใช้ได้สะดวก แถมน่าจะหลับกันหมด มีผมสนุกกับของเล่นอยู่คนเดียว ฮ่าๆๆๆ
In Flight Information
Team WiFi > Entertainment Screen
อาหารบนเครื่อง
อ๋อ ผมจองอาหารไปกินบนเครื่องด้วยนะ ผมเลือกเป็น Butter Curry Chicken ครับ
อร่อยมาก รสไม่แรงเกิน กลิ่นหอม ข้าวญี่ปุ่นเป็นข้าว อาหารเกรดเดียวกับ JAL แน่นอนครับ คุ้มค่า เป็นครั้งเดียวที่ผมสั่งอาหารบนเครื่องของ LCC แล้วรู้สึกว่าสมควรค่าแก่การสั่ง คุ้มราคา ไม่เสียดายเงินเลย ปกติผมสั่งเพราะหิว แต่ไม่คาดหวังอะไรเลยครับ แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปมากๆ กินหมดเกลี้ยงทั้งๆ ที่เพิ่งกินข้าวเย็นมาก่อนบิน 2 ชม.
เกลี้ยง
ราคา
สำหรับ Standard Seat แบบที่ผมนั่ง ราคาเปล่าๆ อยู่ที่ประมาณ 5900 บาท ศึกษารายละเอียดพวก Allowance of carry bag กันเอาเองนะครับ
ถ้าซื้อบริการทั้งหมด น้ำหนัก อาหาร อย่างผม ราคาจะตกอยู่ประมาณ 8500 บาท ซึ่งโคตร โคตร โคตร คุ้มครับ และถ้าบิน Full Flat เบ็ดเสร็จก็จะตกอยู่ประมาณ 20000 บาท ราคาพอๆ กับบิน Economy ของ สายการบิน Full Service และทั้งหมดที่ผมเล่าให้ฟังมา คือเหตุผลที่ว่าทำไมผมบอกว่าผมคิดผิดที่นั่ง Economy ครับ เพราะเซอร์วิสขนาดนี้ เครื่องใหม่ขนาดนี้ ถ้าได้กลับประเทศอีกในช่วงโควิด ผมล่ะอยากจอง Business จริงๆ
สรุปเลยแล้วกัน
ถ้าเปิดประเทศกันหมดเมื่อไหร่ ผมไม่รู้ว่าทุกอย่างจะเป็นแบบนี้อยู่หรือเปล่า แต่จากที่ผมนั่งตอนนี้ นี่คือ LCC ที่คุ้มค่าราคาที่สุดตั้งแต่ผมเคยนั่งมาครับ ราคาไม่ถูกที่สุด แต่เทียบคุณภาพและเซอร์วิส โดยเฉพาะไวฟายฟรี ถ้าไม่มีโควิด ผมว่าสายการบินโลว์คอสท์เจ้าอื่นๆ น่าจะต้องปรับตัวกันยกใหญ่เลยครับ หลายอย่างมันคนละระดับกันเลย อาหาร ฟีเจอร์เซ็ต บริการของลูกเรือสำหรับผม ผมคิดว่าเทียบเท่า JAL ด้วยซ้ำครับ
ข้อเสียเดียวคือเรื่องกระเป๋าผมที่กล่าวไว้ตอนต้นนั่นแหละ ผมว่าน่าจะยืดหยยุ่นและมีแพคเกจขายหน้าเค้าเตอร์หน่อย เข้าใจว่าขนของใต้เครื่องด้วย แต่ No room for error อย่างนี้แอบโหดไปหน่อยครับ
ค ว ร ค่ า แก่การมาสัมผัสประสบการณ์ LCC ยุคใหม่จริงๆ ครับ
สวัสดีครับ
//
แทน
[CR] รีวิวสายการบิน ZIPAIR Tokyo เที่ยวบิน ZG52 จากสุวรรณภูมิสู่นาริตะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้