ฝั่งเราฐานะดีกว่าสามี ครอบครัวสามีไม่ได้ลำบากยากแค้นอะไรนะคะแต่เมื่อเทียบกับครอบครัวฝั่งเรา ทางครอบครัวเราฐานะดีกว่า พ่อแม่เราไม่ต้องการให้เราส่งเงินให้เพราะท่านมีอยู่แล้วไม่ต้องการความช่วยเหลือจากลูกมีแต่จะให้ลูกแต่เราก็ส่งให้ท่านทุกเดือนนะคะเดือนละ 2,000ตอนแรกจะให้ 7000 เพราะเรามีตึกอาคารพาณิชย์ที่ซื้อไว้ก่อนย้ายมาอยู่กับสามีเราให้เขาเช่า ก็คือเราไม่ได้อยู่บ้านเลยให้พ่อแม่เป็นธุระจัดการส่วนนี้เวลามีคนมาเช่าให้เช่าเดือน7,000 เราจะยกเงินส่วนนี้ให้พ่อแม่แต่พ่อไม่เอาพ่อบอกว่าถ้าจะให้เอาแค่ 2,000พอส่วนฝั่งสามีพ่อแม่แยกทางกันสามีโอนให้แม่ 7,000 โอนให้พ่อ 2,000 ไม่รวมค่าประกันนะคะค่าประกันไม่รู้ประกันอะไรนะคะแม่สามีเป็นคนทำให้พ่อแต่คนจ่ายคือสามีปีละ 4,000กว่า+ เห็นว่าถ้าตายจะได้เงินทำศพอะไรนี้แหละค่ะส่งมาหลายปีแล้ว บ้างเดือนสามีจะให้เราซื้อของแห้งส่งไปให้พ่อเขาต่างหากครั้งละ1-2,000ส่วนแม่สามีอยู่ใกล้กันไปมาหาสู่กันทุกเดือน 1-2 ครั้ง แม่สามีอยู่กับครอบครัวลูกสาว น้องสาวสามีเขามีลูก2 คน เวลาเราไปเยี่ยมหาจะซื้อของฝากไปตลอดบ้างครั้งก็พาไปกินข้าวนอกบ้าน หมดครั้งละ 1-3000 เรากับสามีเป็นคนจ่ายตลอดน้องสาวเขาไม่เคยช่วยเลย (ไม่รวมของฝากบางทีเป็นขนมเป็นพวก KFC กล่องใหญ่ชุด 500-600) อาจจะดูเหมือนว่าแม่สามีอยู่กับลูกสาวลูกสาวเลี้ยง แต่จริงๆไม่ใช่ แม่สามีต่างหากที่เป็นคนเลี้ยง คือน้องสาวสามีท้องตั้งแต่อายุ 17เขาอายุห่างจากพี่ชาย6-7ปี พอคลอดคนแรกไม่นานก็ท้องอีกคน พอลูกเข้าประถมแม่สามีก็เอาหลานไปเลี้ยงที่บ้านนอกลูกสาวจะได้ทำงานสักทีเพราะตลอดเวลา 4-5 ปีเลี้ยงลูกอย่างเดียว จะได้ไม่ต้องอ้างว่าต้องเลี้ยงลูก ด้วยความที่ไม่มีความรู้อะไรมีแค่วุฒิม 3ทำงานได้เดือน8-9000บ.ส่วนสามีเขาได้เดือนละ 15-16,000บ. ทำงานได้ 2-3 ปีก็กู้ซื้อบ้านราคา 2.8ธนาคารให้ผ่านด้วยไม่รู้ใช้เกณฑ์อะไรวัด เราเตือนแล้วจะไหวหรอแต่พูดอะไรมากไม่ได้พูดไปก็ทะเลาะกัน แม่สามีก็โทรมาไม่อยากให้ลูกสาวซื้อกลัวไม่ไหวแต่คนจะเอาห้ามได้หรอ พอเขาซื้อบ้านเขาก็เอาลูกกับแม่เขามาอยู่ด้วยแต่ก่อนสามีให้แม่เขาเดือนละ 5พันแต่ตั้งแต่น้องสาวซื้อบ้าน สามีให้เพิ่มเป็น7พัน ที่ให้เพิ่มเพราะเรากับสามีมองว่าเงินเดือนแค่นั้นน่ะมันไม่พอกินหรอกส่งบ้านเดือนละ 14,800 ก็เลยเพิ่มให้แม่อีก 2,000 เพื่อช่วยเหลือน้องผ่านแม่เอาไปเลี้ยงหลานๆ แต่มันก็ไม่พอรายจ่ายเยอะ แม่สามีขยันมากเหมือนเอาแม่สามีมาลำบากเลยแกอายุ56แล้วอยู่บ้านนอกก็ดีแล้ว กลับมาอยู่นี่แกเป็นแม่ครัวโรงงาน เข้างานตี5ออกงานบ่าย2 งานแม่ครัวงานหนักได้เดือนละ 12,000 พอ4โมงเย็นแกก็ไปรับจ๊อบทำงานแม่บ้านให้เจ้านายวันละ 2 ชั่วโมงได้อีกเดือนละ 5,000 บาท วันหยุดวันอาทิตย์บางอาทิตย์แกก็ไม่หยุดแกจะรับออเดอร์จากคนในโรงงานทำไก่อบโอ่งขายขยันมาก ที่สำคัญมีเงินเหลือปล่อยกู้กินดอกคนในโรงงานอีกเก็บเงินเก่งและขยัน
แล้วปัญหาที่เรากังวลก็เกิดขึ้นจริงๆเมื่อเขาซื้อบ้านได้เกือบปี เขาโทรมาร้องห่มร้องไห้กับพี่ชายว่าติดหนี้บัตรเครดิต80,000+บอกว่าไม่ไหวแล้วช่วยหน่อยพอถามทำอะไรถึงติดเยอะขนาดนี้เขาก็บอก ใช้จ่ายซื้อของในบ้านนี่แหละ(จริงๆตั้งแต่ซื้อบ้านก็มีปัญหาตั้งแต่เดือนแรกยืมเงินเราทุกเดือนแต่ยืมไม่กี่พันยืมแล้วก็คืนแล้วก็ยืมใหม่เป็นแบบนี้วนไป) แต่เขาไม่บอกแม่เขานะทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันสงสัยกลัวโดนว่า ขอยืมตังค์เราตอนแรกขอให้สามีเอารถยนต์เข้าไฟแนนซ์เดี๋ยวเขาจะผ่อนเองสามีกับเราไม่เอาด้วยเพราะมองแล้วถ้าเอาเข้าคนผ่อนก็คงไม่พ้นเรากับสามี เลยให้เขายืม20,000 สามีก็โทรหาแม่เล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟังแม่สามีก็เลยเอาทองไปจำใช้หนี้ที่เหลือให้ลูก 20,000 2ปีแล้วไม่ได้คืนสักบาทแต่เราก็ไม่เคยทวงนะถือว่าช่วยเหลือกันไปเขาคงไม่ทำแบบนี้อีกคงเข็ดแล้วถือว่าเป็นประสบการณ์ แต่ที่ไหนได้กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาแม่สามีโทรมาระบายว่าติดหนี้บัตรเครดิตอีกแล้วครั้งนี้ 50,000 กว่าแต่ครั้งนี้เขาไม่เล่าให้เราฟังนะ แม่สามีก็เอาทองไปจำใช้หนี้ให้อย่างเคย และก่อนหน้านี้ทีเราไปเยี่ยมหาเขา เขามาพูดกับเราว่าถ้าลูกเขาโตขึ้นขอให้สามีกับเราช่วยลูกเขาหน่อยนะเขาคงไม่มีปัญญาหาเงินส่งเสียลูกได้มากกว่านี้เรานี่พูดอะไรไม่ออกเลย(เราเองก็ยังไม่มีลูกเพิ่งจะปล่อยได้ 1 ปีกว่าแต่ยังไม่ติด) บางทีเขาก็พูดลอยๆถ้ามีลูกยากก็ไม่ต้องมีลูกหรอกเอาเงินมาเลี้ยงหลานดีกว่าก็คือลูกเขา) ไม่นานมานี้เราทะเลาะกับสามีเรื่องที่เขาพาครอบครัวไปกินข้าวนอกบ้านเพราะตั้งแต่โควิทรายรับลดไปเยอะแต่รายจ่ายยังเท่าเดิมคือเราผ่อนบ้าน 2 ที่เกือบ 30,000(บ้านที่อยู่ปัจจุบันกับอาคารพาณิชย์) แค่นี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆเลย รายรับลดลงตั้งแต่ปีที่แล้วกำลังดีขึ้นโควิทกลับมาระบาดอีกละเงินเก็บไม่เพิ่มขึ้นเลยมีแต่ลด สามีก็ยังทำตัวเหมือนเดิม สามีหาเงินได้ก็ให้เราเป็นคนเก็บเราจะเป็นคนคำนวณค่าใช้จ่ายบางเดือนติดลบต้องเอาเงินเก็บออกมาใช้แต่ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมหาแม่เขาก็จะซื้อของไปฝากตลอดบ่อยครั้งก็พากินข้าวนอกบ้านหมดไม่ใช่น้อยๆเราเลยเริ่มเอ่ยปากเพลาๆบ้างช่วงนี้ไม่ค่อยมีเงินแต่ก็จบแค่นั้นไม่ได้ทะเลาะกัน แต่เรามาปรี๊ดแตกเพราะเขาซื้อกีต้าร์ให้หลานคือแม่สามีโทรมาบอกหลานสาวอยากได้กีต้าร์ ไม่รู้ไปคุยตอบตกลงกันตอนไหน สามีบอกให้เราซื้อกีต้าร์ให้หน่อยเราก็ต้องซื้อให้เพราะสามีตอบตกลงกับแม่เขาแล้ว เราเลยโมโหมากๆเงินไม่ได้เหลือกินเหลือใช้อย่างเมื่อก่อน(ปกติทุกวันเกิดหลานเรากับสามีจะซื้อให้ตลอดนะคะซื้อเค้กซื้อของขวัญให้ แต่นี่ไม่ใช่วันเกิดและที่สำคัญช่วงนี้ไม่มีเงิน)ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเงินแต่สามีก็ยังทำตัวเหมือนเดิมทำตัวเหมือนมีเงินเราโมโหมากๆเลยระเบิดอารมณ์ระบายเรื่องทั้งหมด วันนั้นเลยทะเลาะกันหนัก แต่สามีก็ยอมเรานะคะ เพราะที่เราพูดก็เรื่องจริงทั้งนั้น เคลียร์กันได้ พ่อแม่เราตั้งแต่มีโควิทถามเราตลอดมีเงินใช้ไหมมีเงินใช้หรือเปล่าถ้าไม่มีจะส่งเงินไปให้ใช้กลัวแต่เราจะไม่มีเงินใช้แต่เราก็ไม่เคยเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่เรานะคะ แต่ครอบครัวสามีไม่เคยถามเลยว่ามีเงินใช้หรือเปล่าแล้วสามีก็ยังทำตัวเหมือนเดิมทำตัวมีเงินทั้งที่รายรับลดไปเยอะ เราโมโหสามีนี่แหละ
สามีภรรยาคู่ใดที่ครอบครัวอีกฝ่ายมี ฐานะลำบากแล้วมีวิธีจัดการยังไงถ้าคนของเราช่วยแต่ครอบครัวเขา
แล้วปัญหาที่เรากังวลก็เกิดขึ้นจริงๆเมื่อเขาซื้อบ้านได้เกือบปี เขาโทรมาร้องห่มร้องไห้กับพี่ชายว่าติดหนี้บัตรเครดิต80,000+บอกว่าไม่ไหวแล้วช่วยหน่อยพอถามทำอะไรถึงติดเยอะขนาดนี้เขาก็บอก ใช้จ่ายซื้อของในบ้านนี่แหละ(จริงๆตั้งแต่ซื้อบ้านก็มีปัญหาตั้งแต่เดือนแรกยืมเงินเราทุกเดือนแต่ยืมไม่กี่พันยืมแล้วก็คืนแล้วก็ยืมใหม่เป็นแบบนี้วนไป) แต่เขาไม่บอกแม่เขานะทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันสงสัยกลัวโดนว่า ขอยืมตังค์เราตอนแรกขอให้สามีเอารถยนต์เข้าไฟแนนซ์เดี๋ยวเขาจะผ่อนเองสามีกับเราไม่เอาด้วยเพราะมองแล้วถ้าเอาเข้าคนผ่อนก็คงไม่พ้นเรากับสามี เลยให้เขายืม20,000 สามีก็โทรหาแม่เล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟังแม่สามีก็เลยเอาทองไปจำใช้หนี้ที่เหลือให้ลูก 20,000 2ปีแล้วไม่ได้คืนสักบาทแต่เราก็ไม่เคยทวงนะถือว่าช่วยเหลือกันไปเขาคงไม่ทำแบบนี้อีกคงเข็ดแล้วถือว่าเป็นประสบการณ์ แต่ที่ไหนได้กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาแม่สามีโทรมาระบายว่าติดหนี้บัตรเครดิตอีกแล้วครั้งนี้ 50,000 กว่าแต่ครั้งนี้เขาไม่เล่าให้เราฟังนะ แม่สามีก็เอาทองไปจำใช้หนี้ให้อย่างเคย และก่อนหน้านี้ทีเราไปเยี่ยมหาเขา เขามาพูดกับเราว่าถ้าลูกเขาโตขึ้นขอให้สามีกับเราช่วยลูกเขาหน่อยนะเขาคงไม่มีปัญญาหาเงินส่งเสียลูกได้มากกว่านี้เรานี่พูดอะไรไม่ออกเลย(เราเองก็ยังไม่มีลูกเพิ่งจะปล่อยได้ 1 ปีกว่าแต่ยังไม่ติด) บางทีเขาก็พูดลอยๆถ้ามีลูกยากก็ไม่ต้องมีลูกหรอกเอาเงินมาเลี้ยงหลานดีกว่าก็คือลูกเขา) ไม่นานมานี้เราทะเลาะกับสามีเรื่องที่เขาพาครอบครัวไปกินข้าวนอกบ้านเพราะตั้งแต่โควิทรายรับลดไปเยอะแต่รายจ่ายยังเท่าเดิมคือเราผ่อนบ้าน 2 ที่เกือบ 30,000(บ้านที่อยู่ปัจจุบันกับอาคารพาณิชย์) แค่นี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆเลย รายรับลดลงตั้งแต่ปีที่แล้วกำลังดีขึ้นโควิทกลับมาระบาดอีกละเงินเก็บไม่เพิ่มขึ้นเลยมีแต่ลด สามีก็ยังทำตัวเหมือนเดิม สามีหาเงินได้ก็ให้เราเป็นคนเก็บเราจะเป็นคนคำนวณค่าใช้จ่ายบางเดือนติดลบต้องเอาเงินเก็บออกมาใช้แต่ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมหาแม่เขาก็จะซื้อของไปฝากตลอดบ่อยครั้งก็พากินข้าวนอกบ้านหมดไม่ใช่น้อยๆเราเลยเริ่มเอ่ยปากเพลาๆบ้างช่วงนี้ไม่ค่อยมีเงินแต่ก็จบแค่นั้นไม่ได้ทะเลาะกัน แต่เรามาปรี๊ดแตกเพราะเขาซื้อกีต้าร์ให้หลานคือแม่สามีโทรมาบอกหลานสาวอยากได้กีต้าร์ ไม่รู้ไปคุยตอบตกลงกันตอนไหน สามีบอกให้เราซื้อกีต้าร์ให้หน่อยเราก็ต้องซื้อให้เพราะสามีตอบตกลงกับแม่เขาแล้ว เราเลยโมโหมากๆเงินไม่ได้เหลือกินเหลือใช้อย่างเมื่อก่อน(ปกติทุกวันเกิดหลานเรากับสามีจะซื้อให้ตลอดนะคะซื้อเค้กซื้อของขวัญให้ แต่นี่ไม่ใช่วันเกิดและที่สำคัญช่วงนี้ไม่มีเงิน)ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเงินแต่สามีก็ยังทำตัวเหมือนเดิมทำตัวเหมือนมีเงินเราโมโหมากๆเลยระเบิดอารมณ์ระบายเรื่องทั้งหมด วันนั้นเลยทะเลาะกันหนัก แต่สามีก็ยอมเรานะคะ เพราะที่เราพูดก็เรื่องจริงทั้งนั้น เคลียร์กันได้ พ่อแม่เราตั้งแต่มีโควิทถามเราตลอดมีเงินใช้ไหมมีเงินใช้หรือเปล่าถ้าไม่มีจะส่งเงินไปให้ใช้กลัวแต่เราจะไม่มีเงินใช้แต่เราก็ไม่เคยเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่เรานะคะ แต่ครอบครัวสามีไม่เคยถามเลยว่ามีเงินใช้หรือเปล่าแล้วสามีก็ยังทำตัวเหมือนเดิมทำตัวมีเงินทั้งที่รายรับลดไปเยอะ เราโมโหสามีนี่แหละ