๓
หลังจากที่พิชญ์พงศ์ทักมาในวันนั้น ปาณฑราก็ไม่ลังเลที่จะทักไปคุยกับชายหนุ่มเรื่อยๆ และเมื่อได้ทำความรู้จักและศึกษานิสัยใจคอกันผ่านตัวอักษรมากขึ้น ก็ดูเหมือนทั้งสองจะเข้ากันได้ดีกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ ทัศนคติ แม้กระทั่งความชอบในเรื่องต่างๆ จากที่ก่อนหน้าเคยกังวลกับเรื่องเหล่านี้ ตอนนี้ปาณฑราก็เริ่มเบาใจขึ้นมาเปลาะหนึ่ง ส่วนที่เหลือค่อยไปวัดเอาตอนที่ได้เจอกันตัวเป็นๆ
นอกจากจะศึกษานิสัยใจคอของชายหนุ่มผ่านทางข้อความที่พิมพ์โต้ตอบกันแล้ว ปาณฑรายังเลียบๆ เคียงๆ ถามไปยังณิชชยาหรือน้ำ คนที่เธอคิดว่าน่าจะรู้จักกับชายหนุ่มไม่มากก็น้อย และหญิงสาวก็ไม่ผิดหวัง เมื่อณิชชยาเล่าให้ฟังว่าพิชญ์พงศ์นั้นเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยกับสามีของเธอ สนิทสนมกันเพราะอยู่ชุมนุมดนตรีสากลด้วยกัน และเจ้าหล่อนก็คอนเฟิร์มว่าหนุ่มในฝันของปาณฑรานั้นเป็นคนดีน่าคบหา ที่สำคัญเขายังโสดสนิท
หนึ่งเดือนผ่านไป ความสัมพันธ์ระหว่างปาณฑราและพิชญ์พงศ์ดูเหมือนจะเป็นไปในทิศทางที่ดี น่าจะเดินหน้าสานสัมพันธ์กันได้ไม่ยาก ทั้งสองจึงตัดสินใจนัดเจอกัน โดยชายหนุ่มให้สิทธิ์หญิงสาวเป็นคนเลือกสถานที่และโปรแกรมสำหรับการเจอกันครั้งแรก ซึ่งปาณฑราก็เลือกเจอกันที่ร้านริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่ง ที่มีทั้งโซนร้านอาหารและคาเฟ่ ร้านนี้เธอเคยเห็นผ่านตาอยู่หลายครั้งตามเพจรีวิวต่างๆ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปลองสักที จึงถือโอกาสนี้ไปตามรอยรีวิวเสียเลย
เมื่อถึงวันนัดปาณฑราก็ตื่นแต่เช้าตรู่ ทั้งที่เวลาตามนัดหมายคือบ่ายสองโมง หญิงสาวรื้อเสื้อผ้าทั้งหมดออกมากองบนเตียง แล้วก็หยิบชุดโน้นชุดนี้มาลองอย่างตัดสินใจไม่ถูกว่าจะใส่ชุดไหนดี ถึงจะดูดีที่สุดในสายตาเขา
สุดท้ายหญิงสาวก็ตัดสินใจเลือกชุดที่ใส่แล้วรู้สึกมั่นใจและเป็นตัวเองมากที่สุด นั่นก็คือเสื้อเปิดไหล่สีครีมกับกางเกงยีนสีเข้ม
หลังเลือกชุดได้ปาณฑราก็นั่งบรรจงแต่งหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด ส่วนผมยาวสลวยที่ปกติจะมัดรวบเป็นหางม้าก็ถูกปล่อยให้คลอเคลียแผ่นหลัง
หญิงสาวยืนสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจกนานหลายนาที เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยไร้ที่ติแล้วก็สะพายกระเป๋าใบเล็กแล้วออกจากห้องไป
ปาณฑรามาถึงก่อนเวลานัดราวครึ่งชั่วโมง วันนี้ลูกค้าภายในร้านค่อนข้างแน่นหนา แต่กลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือวุ่นวายอะไรเลยในความรู้สึกของหญิงสาว อาจเป็นเพราะการจัดร้านที่เน้นใช้กระจกใส จึงให้ความรู้สึกโปร่งและโล่ง
เมื่อเลือกที่นั่งได้ในโซนคาเฟ่ ซึ่งตกแต่งสไตล์คอนเทมโพรารี่ผสมผสานกับอินดัสเตรียล หญิงสาวก็กวาดตามองสำรวจรอบๆ ร้าน พร้อมยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเก็บภาพบรรยากาศภายในร้าน
“มาถึงนานแล้วเหรอครับ”
เสียงทุ้มที่ดังอยู่ใกล้ๆ เรียกให้คนที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการเก็บภาพมุมต่างๆ ของร้าน หันกลับมามองยังต้นเสียง คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างสงสัยก่อนจะมองซ้ายทีขวาที เผื่อว่าเขาจะพูดกับใครสักคนที่นั่งอยู่ใกล้เธอ แต่ปรากฏว่าโต๊ะรอบข้างเธอนั้นว่างเปล่า ไร้เงาของลูกค้าคนอื่น
“คุณถามฉันเหรอคะ” ปาณฑราถามพลางชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
“ใช่ครับ”
“มาถึงได้สักพักแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบขณะเดียวกันก็พยายามนึกไปด้วยว่าเธอกับชายแปลกหน้าคนนี้เคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า และคำตอบที่ได้ก็คือ ‘ไม่’ แล้วทำไมเขาถึงทำเหมือนรู้จักเธอเลยล่ะ ปาณฑรานึกสงสัย
“คุณได้สั่งอะไรไปหรือยังครับ” หนุ่มปริศนาถามขณะทรุดตัวลงนั่งยังเก้าอี้อีกฝั่งของโต๊ะ
ปาณฑราไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่กลับเป็นฝ่ายถามเสียเอง เมื่อเริ่มสังหรณ์ใจบางอย่าง “แล้วคุณคือ...”
“ผมปราชญ์ไงครับ”
หญิงสาวตะลึงงัน ดวงตากลมโตเบิกโพลงและอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้รับรู้
“คุณแป้งเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” พิชญ์พงศ์เอ่ยถามอย่างห่วงใยเมื่อเห็นอาการเหมือนตกใจของอีกฝ่าย
“ปะ เปล่าค่ะ” กว่าปาณฑราจะหาเสียงตัวเองเจอ เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวจึงขอไปตั้งหลักสักหน่อย “คุณสั่งอะไรรอไปก่อนเลยนะคะ ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่ง” พูดจบก็เดินลิ่วๆ ออกไปราวกับมีเรื่องด่วน
---------------------------------------------------------------------------------
ยัยแป้งตะลึงในความหล่อของคุณปราชญ์แน่เลย
หัวใจพลิกล็อค...บทที่ 3
นอกจากจะศึกษานิสัยใจคอของชายหนุ่มผ่านทางข้อความที่พิมพ์โต้ตอบกันแล้ว ปาณฑรายังเลียบๆ เคียงๆ ถามไปยังณิชชยาหรือน้ำ คนที่เธอคิดว่าน่าจะรู้จักกับชายหนุ่มไม่มากก็น้อย และหญิงสาวก็ไม่ผิดหวัง เมื่อณิชชยาเล่าให้ฟังว่าพิชญ์พงศ์นั้นเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยกับสามีของเธอ สนิทสนมกันเพราะอยู่ชุมนุมดนตรีสากลด้วยกัน และเจ้าหล่อนก็คอนเฟิร์มว่าหนุ่มในฝันของปาณฑรานั้นเป็นคนดีน่าคบหา ที่สำคัญเขายังโสดสนิท
หนึ่งเดือนผ่านไป ความสัมพันธ์ระหว่างปาณฑราและพิชญ์พงศ์ดูเหมือนจะเป็นไปในทิศทางที่ดี น่าจะเดินหน้าสานสัมพันธ์กันได้ไม่ยาก ทั้งสองจึงตัดสินใจนัดเจอกัน โดยชายหนุ่มให้สิทธิ์หญิงสาวเป็นคนเลือกสถานที่และโปรแกรมสำหรับการเจอกันครั้งแรก ซึ่งปาณฑราก็เลือกเจอกันที่ร้านริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่ง ที่มีทั้งโซนร้านอาหารและคาเฟ่ ร้านนี้เธอเคยเห็นผ่านตาอยู่หลายครั้งตามเพจรีวิวต่างๆ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปลองสักที จึงถือโอกาสนี้ไปตามรอยรีวิวเสียเลย
เมื่อถึงวันนัดปาณฑราก็ตื่นแต่เช้าตรู่ ทั้งที่เวลาตามนัดหมายคือบ่ายสองโมง หญิงสาวรื้อเสื้อผ้าทั้งหมดออกมากองบนเตียง แล้วก็หยิบชุดโน้นชุดนี้มาลองอย่างตัดสินใจไม่ถูกว่าจะใส่ชุดไหนดี ถึงจะดูดีที่สุดในสายตาเขา
สุดท้ายหญิงสาวก็ตัดสินใจเลือกชุดที่ใส่แล้วรู้สึกมั่นใจและเป็นตัวเองมากที่สุด นั่นก็คือเสื้อเปิดไหล่สีครีมกับกางเกงยีนสีเข้ม
หลังเลือกชุดได้ปาณฑราก็นั่งบรรจงแต่งหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด ส่วนผมยาวสลวยที่ปกติจะมัดรวบเป็นหางม้าก็ถูกปล่อยให้คลอเคลียแผ่นหลัง
หญิงสาวยืนสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจกนานหลายนาที เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยไร้ที่ติแล้วก็สะพายกระเป๋าใบเล็กแล้วออกจากห้องไป
ปาณฑรามาถึงก่อนเวลานัดราวครึ่งชั่วโมง วันนี้ลูกค้าภายในร้านค่อนข้างแน่นหนา แต่กลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือวุ่นวายอะไรเลยในความรู้สึกของหญิงสาว อาจเป็นเพราะการจัดร้านที่เน้นใช้กระจกใส จึงให้ความรู้สึกโปร่งและโล่ง
เมื่อเลือกที่นั่งได้ในโซนคาเฟ่ ซึ่งตกแต่งสไตล์คอนเทมโพรารี่ผสมผสานกับอินดัสเตรียล หญิงสาวก็กวาดตามองสำรวจรอบๆ ร้าน พร้อมยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเก็บภาพบรรยากาศภายในร้าน
“มาถึงนานแล้วเหรอครับ”
เสียงทุ้มที่ดังอยู่ใกล้ๆ เรียกให้คนที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการเก็บภาพมุมต่างๆ ของร้าน หันกลับมามองยังต้นเสียง คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างสงสัยก่อนจะมองซ้ายทีขวาที เผื่อว่าเขาจะพูดกับใครสักคนที่นั่งอยู่ใกล้เธอ แต่ปรากฏว่าโต๊ะรอบข้างเธอนั้นว่างเปล่า ไร้เงาของลูกค้าคนอื่น
“คุณถามฉันเหรอคะ” ปาณฑราถามพลางชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
“ใช่ครับ”
“มาถึงได้สักพักแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบขณะเดียวกันก็พยายามนึกไปด้วยว่าเธอกับชายแปลกหน้าคนนี้เคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า และคำตอบที่ได้ก็คือ ‘ไม่’ แล้วทำไมเขาถึงทำเหมือนรู้จักเธอเลยล่ะ ปาณฑรานึกสงสัย
“คุณได้สั่งอะไรไปหรือยังครับ” หนุ่มปริศนาถามขณะทรุดตัวลงนั่งยังเก้าอี้อีกฝั่งของโต๊ะ
ปาณฑราไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่กลับเป็นฝ่ายถามเสียเอง เมื่อเริ่มสังหรณ์ใจบางอย่าง “แล้วคุณคือ...”
“ผมปราชญ์ไงครับ”
หญิงสาวตะลึงงัน ดวงตากลมโตเบิกโพลงและอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้รับรู้
“คุณแป้งเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” พิชญ์พงศ์เอ่ยถามอย่างห่วงใยเมื่อเห็นอาการเหมือนตกใจของอีกฝ่าย
“ปะ เปล่าค่ะ” กว่าปาณฑราจะหาเสียงตัวเองเจอ เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวจึงขอไปตั้งหลักสักหน่อย “คุณสั่งอะไรรอไปก่อนเลยนะคะ ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่ง” พูดจบก็เดินลิ่วๆ ออกไปราวกับมีเรื่องด่วน