เมื่อแต่งงานแล้ว แบ่งค่าใช้จ่ายในบ้านและเรื่องลูกกับสามีหรือกับภรรยาอย่างไร

สวัสดีค่ะ  รบกวนขอคำปรึกษาและขอบ่น ขอระบาย หน่อยนะคะ

เกริ่นก่อนนะคะ เรากับแฟนคบกันมา 4 ปี อยู่บ้านใครบ้านมัน ไม่ได้อยู่ก่อนแต่ง
หลังเลิกงานก็จะมาเจอกัน กินข้าวกัน ค่าอาหารก็จะเป็นเขาออกบ้าง เราออกบ้าง หรือหารกันบ้าง 
เวลาไปเที่ยวด้วยกัน ก็แบ่งๆ กันออก เช่น เขาออกค่าที่พัก เราก็ออกค่าน้ำมัน อะไรประมาณนี้ค่ะ 

ทีนี้พอแต่งงานกัน (แต่งงานกันเมื่อปีที่แล้ว) และย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของเขา
เรามีปัญหากันเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งก่อนแต่งงานเราไม่ได้คุยหรือตกลงอะไรกันก่อนว่าใครจะจ่ายในส่วนไหนบ้าง

1. เริ่มจากเรื่องค่าอาหารแต่ละมื้อนะคะ ปกติจะซื้ออาหารมากินกัน ก็ยังเป็นเหมือนตอนเป็นแฟนกันคือ เค้าออกบ้าง เราออกบ้าง หารกันบ้าง
    คราวนี้มันเกิดปัญหาทางคำพูดคือ เขาจะชอบว่า ว่าเราออกค่าอาหารอะไรบ้าง ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเขาเลย ซึ่งบางมื้อกิน 5-600 บาท เขาเป็นคนออก (เวลาไปกินร้านอาหารนะคะ ซึ่งนานๆ ที ไม่ได้บ่อย) แต่กับเรา เราจะจ่ายให้เขาเวลาที่กินมื้อละ 100-200 เท่านั้น มันต่างกัน เขาออกเยอะกว่า ประมาณนี้ ก็จะเกิดการทะเลาะกัน มันทำให้เรารู้สึกแย่มากๆ เพราะในความรู้สึกเรา เราก็พยายามออกแล้วนะ ไม่ได้ให้เขาเลี้ยงไปสะทุกมื้อ หรือเวลาที่เขาไม่มีเงิน เราก็ออกให้เขา เขาไม่เคยจำหรือนึกถึงเลย โดยส่วนตัวก่อนเกิดปัญหาเราไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยว่าเราเป็นคนออกเงิน หรือต้องหารกัน เพราะเราคิดว่าอยู่ด้วยกัน กินด้วยกันอยุ่แล้ว เราไม่ซีเรียสอะไร แต่พอโดนเขาว่าเราบ่อยๆ มันทำให้เรารู้สึกน้อยใจ และคิดว่าทำไมเขาคิดแบบนี้กับเรา ประมาณนี้ค่ะ
ครอบครัวอื่นมีปัญาหาแบบนี้บ้างมั้ยคะ แล้วตกลงจัดสรรกันยังไงบ้าง

2. ค่าใช้จ่ายของใช้ส่วนตัว อันนี้ของของเรา เราก็ซื้อเองอยู่แล้ว เช่น ยาสระผม ครีมอาบน้ำ ครีม อะไรประมาณนี้อ่าค่ะ ของส่วนตัวเขา เขาก็จ่ายเองนะคะ ซึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไร ทีนี้เรื่องที่มีปัญหาคือ เขาจะบ่นว่าเขารับภาระของใช้ในบ้าน เขาต้องใช้เงินเขาซื้อเอง อย่างเช่นพวก ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างจาน ขนมอะไรแบบนี้ เวลาที่ไปซุปเปอร์จ่ายตังค์ของพวกนี้ สมมุติทั้งหมด 1000 บาท บางครั้งเราก็ยื่นให้เขา 300 ประมาณนี้ บางครั้งเขาก็รับไว้ บางครั้งเขาก็ว่าเราทำไมไม่หาร บางครั้งเขาก็ไม่รับเงินที่เราให้ คือแล้วแต่อารมณ์เขาค่ะ  คำถามคือเราควรทำตัวยังไงคะ ที่ทำอยู่มันผิดมั้ย เอาเปรียบเขามั้ย หรือควรหารครึ่งๆ ทุกๆอย่าง กันไปเลย

3. ค่าใช้จ่ายของลูก ค่าฝากครรภ์ เรามีการเก็บเงินกันคนละจำนวนเท่ากันบาทต่อเดือน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการทำประกันให้ลูก หรือเผื่อฉุกเฉินเกี่ยวกับลูก อันนี้ก็จ่ายกันปกติไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนค่าฝากครรภ์ ก็หารกัน เช่นเดือนนี้ เขาออก อีกเดือนเราก็เป็นคนออก หรือบางเดือนก็หารกันคนละครึ่งเลย  ส่วนค่าใช้จ่ายที่ต้องซื้อของเตรียมสำหรับลูกออกมา ก็หารกันคนละครึ่งบ้าง เขาจ่ายเองทั้งหมดบ้างค่ะ แต่ละบ้านเป็นยังไงบ้างคะ ?

4. เรื่องนี้ขอความเห็นหน่อยค่ะ คือตอนนี้เราขายรถเก่งที่มีอยู่ไป (รถที่เราซื้อตั้งแต่ก่อนรู้จักกับเขา) เพราะติดไฟแนนซ์ที่เคยเอาไปรีไฟแนนซ์มา และต้องส่งอีก 3 ปี ซึ่งเราคำนวณแล้วว่า ค่างวดมันเท่ากันกับผ่อนรถใหม่ และรถเริ่มมีปัญหาซ่อมบำรุงเยอะขึ้น เราจึงตัดสินใจขายเพราะว่าขายแล้วปิดไฟแนนซ์แล้ว ยังพอมีเงินเหลือกลับมาเพื่อไปดาวน์รถใหม่อยู่บ้าง บวกกับอยากเปลี่ยนเป็นรถที่ใหญ่กว่าเดิมขึ้นมาหน่อย เพราะกำลังมีจะลูกน้อยค่ะ
(ลืมบอกไปค่ะ เราทำงานเป็นเซลล์นะคะ ต้องขับรถออกไปหาลูกค้าตามต่างจังหวัด และตอนนี้เรากำลังตั้งครรภ์อยู่ท้องเริ่มใหญ่ จึงไม่ได้ออกไปหาลูกค้า แล้วทำงานที่ออฟฟิตแทน เราจึงตัดสินใจง่ายขึ้นในการขายรถ เพราะไม่ต้องมาเสียค่างวดโดยที่ยังไม่ได้ใช้รถ กะว่าหลังคลอดจึงจะออกรถใหม่เพื่อมาทำงานค่ะ ตอนนี้ก็ให้สามีไปรับ ไปส่งที่ทำงานแทน เพราะที่ทำงานไม่ไกลจากที่บ้านค่ะ)

มีอยุ่วันนึง เราพูดกับสามีว่า ถ้าสมมุติเรากู้คนเดียวไม่ผ่าน ถ้าต้องใช้คนค้ำ หรือกู้ร่วม เธอช่วยเราหน่อยได้ไหม (ด้วยความที่เราเป็นเซลล์ เลยกังวลกับเรื่องนี้)
คำตอบที่ได้คือ ทำไมเขาต้องช่วย ช่วยแล้วเขาได้อะไร รถเดิมเขาเก่ากว่าเราอีก เขาออกรถของเขาเองไม่ดีกว่าหรอ 
ตอนนั้นเรารู้สึกชะงักในคำตอบของเขา เรารู้สึกจุกในใจว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ รถที่ออกมายังไงก็ต้องได้ใช้ด้วยกัน  เรากำลังขอความช่วยเหลือจากสามีอยู่ เรารู้สึกสามีใจดำกับเราจัง เราไม่ได้ขอให้เขามาผ่อนรถให้เรา หรือให้สามีมาช่วยออกค่าผ่อนรถให้เลย เรารับภาระนี้ทั้งหมด เงินดาวน์ก็มาจากเงินขายรถและเงินเก็บของเราเอง เรานอยมากๆ เลยค่ะ  

ไม่รู้ว่าเราคิดมากไปมั้ย หรือเพราะเราท้องอยู่จึงทำให้เรานอยขนาดนี้ เราคิดไปถึงว่า เราเลือกสามีผิดรึเปล่า เรารู้สึกเขาไม่ได้ support อะไรเราได้เลย เราควรจัดการความรู้สึกตัวเองยังไงดีคะ หรือเราคิดมากกว่าเกินไป เพราะเราเคยเห็นบางครอบครัวที่สามีดูแลภรรยาทุกเรื่อง แต่ในเคสของเรา เราคิดว่าเราแฟร์กับเขามากๆ แล้ว เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ส่วนเรื่องงานบ้านเราก็แบ่งกันทำ ในส่วนของเราก็ซักผ้า ตากผ้า กวาดบ้าน ล้างจานก็ผลัดๆ กันทำ เขาก็จะดูแลในส่วนอื่นค่ะเช่นรถน้ำต้นไม้ ตัดต้นไม้ ถูบ้านบ้าง ดูแลบ้านอื่นๆ  เวลามีของในบ้านชำรุด
เขาจะชอบตำหนิเราเสมอว่าเราทำอะไรบ้าง เขาบอกเขาเหนื่อย เขาน่ะเสียเปรียบเรา เราไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้เลย งานบ้านตอนเขาไม่มีเรา เขาก็ทำเองอยู่แล้ว เงินทองตอนไม่มีเราก็หมดน้อยกว่านี้  อะไรแบบนี้ 
เราเสียใจมากๆ ค่ะ เราคิดว่าเราทำดีแล้ว หรือมันยังไม่พอคะ เราเองก็ทำงานนอกบ้าน เงินเขาก็ไม่เคยมาให้เรา แยกกระเป๋ากัน เราว่าเราก็ไม่ได้เกาะเขากินนะ ทำไมถึงคิดเล็กคิดน้อยกับเราจัง มันจุ๊กจิ๊กมากเลยค่ะ ซึ่งแต่ละเรื่องนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน หรือเรื่องงานบ้าน เราคิดว่าสามารถจัดการเองได้หมด เขาไม่ต้องช่วยอะไรเลยก็ได้ เพื่อตัดปัญหาการบ่นของเขา ถ้าทำแบบนั้นมันก็ทำให้เรารู้สึกอีกว่า เราจะมีสามีไปทำไมกัน สู้เราอยู่คนเดียวไม่ดีกว่าหรอ เราแค่ต้องการสามีที่ช่วยเหลือเราได้บ้าง support เราได้บ้าง ไม่ต้องเปย์ มาเลี้ยงเราทุกอย่างหรอกค่ะ ขอแค่รู้สึกว่าเขาสามารถดูแลเราได้ ไม่ต้องเจอคำพูดแย่ๆ อะไรแบบนี้เท่านั้นเอง

ปล. ค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ เราสองคนไม่ได้จ่ายอะไรนะคะ เพราะอยู่ที่บ้านซึ่งเป็นออฟฟิตของบริษัทพ่อเขา ตัวเขาก็ทำงานอยู่ที่นี่ ส่วนเราทำงานเป็นเซลล์ทำงานอยู่อีกบริษัทค่ะ

กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา ถ้าพิมพ์ ตกหล่น งงๆ สับสนๆ หรือย้อนแย้งในตัวเอง ก็ขออภัยด้วยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่