คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 20
ถ้าไม่นับข้อดีโลกสวยที่คนไทยไม่สนใจ (ใครสนใจจะกลายเป็นพวกโลกสวย) อย่างการลดการสร้างมลพิษ จากการใช้เครื่องยนต์น้ำมัน เผาเชื้อเพลิงฟอสซิลแบบไม่มีประสิทธิภาพ
ก็มีข้อดีที่น่าสนใจดังนี้
- ราคาถูก ณ ตอนนี้มันก็ถูกจริงๆนะครับ ราคาอาจจะออกมาล้าน เกินล้าน แต่ไปดูออพชั่นทั้งหลายที่มากับรถแล้วมันคุ้มกว่ารถน้ำมัน โดยเฉพาะรถยนต์ค่ายจีน งานประกอบ อ๊อฟชั่น เทคโนโลยีเกินค่ายญี่ปุ่นไปเยอะมาก ดีเท่ารถยุโรป แต่ราคาถูกกว่าญี่ปุ่น ถ้ารถรุ่นประหยัดจริงๆทำราคาได้ 3-4 แสนบาทสบายๆ และต่อไปจะถูกกว่านี้ ยิ่งถ้ามีแคมเปญสนับสนุนจากรัฐบาลจะถูกกว่านี้อีก ไม่อยากเจาะจงรุ่น แต่รถแบรนด์จีนที่ดีเท่ารถยุโรปราคา 3-4 ล้านบาทสามารถขายในจีนได้ในราคา 5 แสนบาทเท่านั้นเอง ขายไทยได้ซัก 8-9 แสนนี่คนแย่งกันซื้อแล้วครับ
- ประหยัดเชื้อเพลิง ตก 50-60 สต. ต่อกิโลเมตร ถูกกว่าติดแก๊ส ยิ่งรถติดยิ่งประหยัดกว่ารถยนต์เยอะมาก ชาร์ตเต็มวิ่งได้ 350กม. เสียค่าไฟ 200บาท..
- ค่าบำรุงรักษาอย่าง SUV ตกประมาณ 8,000 บาทต่อแสน กม. ในขณะรถน้ำมันคลาสเดียวกันมักจะตก 3-4 หมื่นบาทต่อแสน กม. จากการเสื่อมของชิ้นส่วน และของเหลวที่ต้องเปลี่ยนมากกว่า
- ชาร์ตในบ้านตอนกลางคืนได้เอง โดยไม่ต้องแวะปั๊ม
- การเปิดปั๊มชาร์ตไฟฟ้าง่ายกว่าการเปิดปั๊มน้ำมัน เพียงแค่มีที่จอดรถ 2-3 คันก็ติดตั้งอุปกรณ์เปิดปั๊มชาร์ทได้แล้ว ไม่ต้องมีถังเก็บ ไม่ต้องมีระบบต่างๆเหมือนปั๊มน้ำมัน อนาคตมีปั๊มเกลื่อนแน่นอน และปั๊มใหญ่มีจุดเติมน้ำมันได้แค่ไม่ถึง 10 หัวในขณะที่ปั๊มขาร์จรถไฟฟ้าสามารถติดตั้งเครื่องชาร์จได้มากเท่าพื้นที่จอดรถในปั๊ม
- แรงงงงง.... กว่ารถน้ำมันมาก SUV หน้าตาบ้านๆเหยียบ 0-100 ชนะกระบะดีเซลบ้าพลังสบายๆ ตรงนี้ใครไม่ลองไม่รู้จริงๆ อย่าให้รูปลักษณ์หลอกตา
- เงียบ.. ยิ่งรวมๆกับอ๊อฟชั่นไฮเทคที่ให้มาแล้ว สุนทรีย์การขับขี่ของแท้
- จอดติดเครื่องเปิดแอร์รอในรถได้ โดยไม่มีเสียงเครื่อง ควัน ความร้อน รบกวนคนรอบๆข้าง เปิดแอร์นอนทั้งคืนก็ยังทำได้ แบตลดไปไม่เท่าไหร่
- เอาเครื่องใช้ไฟฟ้า 220v มาต่อใช้กับตัวรถได้โดยไม่ต้องกลัวแบตหมด ยกตัวอย่างไปแคมปิ้ง ต่อพัดลม ไฟ ทีวี PS5 เล่นได้สบายๆ
Edit ข้อดีเพิ่ม ลืมไปได้ไงเนี่ย
- นอกจากบำรุงรักษาถูกแล้ว อายุใช้งาน อายุประกันแบตยังยาวนานมากอีกด้วย ประกันแบต 8 ปี กว่าแบตเริ่มเสื่อมจริง 10 ปี นอกนั้นชิ้นส่วนอื่นๆส่วนใหญ่ก็ยังใช้งานได้ปกติดี ต่างจากรถน้ำมัน 10 ปี อาจไม่คุ้มซ่อมแล้ว
ข้อเสีย
- ระยะทางรุ่นที่ขายตอนนี้ทำระยะทางได้ประมาณ 380 กม.ต่อชาร์ต (วิ่งจริงปกติได้ประมาณ 340-350) แต่รุ่นที่จะมาขายครึ่งปีหลังเคลมไว้ที่ 5xx กม.ต่อชาร์ต การเดินทางไกลอาจชาร์จนานกว่าก็จริง แต่ไม่ต้องรอคิวเพราะหัวชาร์จในปั๊มจะมีมากกว่าปั๊มน้ำมัน และมีเทคโนโลยีชาร์จเร็วในครึ่งชม. ได้ 80% ซึ่งก็รองรับการเดินทางไกล 800-900 กม. ได้สบายๆ โดยแวะปั๊มครึ่งชม.
- โรงงานซัพพลายเชน ชิ้นส่วนรถยนต์ทั้งหลายต้องปิดตัวลงไปอีกหลายโรง คนตกงานอีกอื้อ อันนี้ไม่ได้มุขเพราะรถยนต์ใช้ชิ้นส่วนจากซัพพลายเยอะจริงๆ
รถไฟฟ้ายังไงมันก็มาแน่ล่ะครับ รวมๆมันดีกว่ากันมากจริงๆใครได้สัมผัสติดใจทุกคน กระแสต่อต้านผมว่าอคติอ่ะส่วนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่คือผู้ที่เสียประโยชน์อ่ะเยอะ ค่ายใหญ่ญี่ปุ่นทำตัวขวางคลองเพราะถ้าเอารถไฟฟ้ามาลุยกันจริงๆกำไรเขาจะลดลงมหาศาล แถมความได้เปรียบเดิมๆก็หมดไป แต่ยังไงก็ขวางไม่อยู่หรอกครับ
Edit เพิ่ม..
อคติเกี่ยวกับรถไฟฟ้า VS ความจริง
- รถไฟฟ้าแบตแพง ถ้าเสียทีจ่ายเป็นแสนนะ
* เทคโนโลยีแบตรถ EV ทุกวันนี้มีต้นทุนการผลิตประมาณ $200 ต่อ 1 kWh แบตรถไฟฟ้ารุ่นขายดีจะจุประมาณ 50 kWh ดังนั้นราคาแบตจะอยู่ที่เป็นเงินไทยสองแสนห้าหมื่นบาทจริง
แต่.. นั่นเป็นเงินราคาค่าตัวรถที่คุณจ่ายไปแล้ว แบตแพงแลกกับการไม่ต้องจ่ายค่าระบบเครื่องยนต์ระบบเกียร์ อายุแบต EV ในสเป็คจริงใช้งานได้จริงๆคือประมาณ 15 ปี โดยมันจะเสื่อมถึง 20-30% เมื่ออายุได้ 10 ปี(แต่ก็ยังใช้ได้ แค่ระยะทางวิ่งสั้นลง) และแบตรถไฟฟ้าที่ขายทุกรุ่นทุกวันนี้จะรับประกันตัวแบตที่ 8 ปี หรือระยะทางวิ่งประมาณแสนหกถึงแสนแปดกิโลเมตร
นั่นหมายถึง.. คุณจะต้องซื้อแบตลูกใหม่เร็วที่สุดคืออีก 8 ปีข้างหน้า และราคาแบตจะลดลงแบบก้าวกระโดด แบตราคา $200 วันนี้ 10 ปีที่แล้วมันราคา $3,000 ครับ และมันจะลดราคาลง 13-18% ในทุกๆปีและจะลดลงในอัตราก้าวกระโดด แบตสเปคเดียวกันราคาสองแสนห้าวันนี้ในอีก 8-10 ปีข้างหน้า (เมื่อหมดประกัน) มันจะราคาแค่ประมาณหมื่นต้นๆหรือถูกกว่านั้น นั่นจะทำให้ค่าเปลี่ยนแบตรวมๆแล้วมันถูกกว่าค่าดูแลเครื่องยนต์มากๆ หรือคุณจะเลือกขายแบตรถคุณเป็นมือสอง(การเปลี่ยนรถยนต์เป็น EV จะเป็นที่นิยมในอีกไม่นานนี้) หรือเลือกแบตเสปคสูงขึ้นมาใส่รถ เพื่อเพิ่มระยะวิ่งต่อชาร์ตก็ได้ ก็ลองเปรียบเทียบกับการดูแลรถน้ำมันอายุเท่าๆกันดู
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือโวล์สวาเกนประกาศชัดเจนว่าปี 2023 ต้นทุนแบตของ WG จะอยู่ที่ $90/kWh ซึ่งนั่นก็จะทำให้รถ EV ของค่ายนี้ถูกกว่ารถน้ำมันแล้ว
- รถไฟฟ้าวิ่งไกลออกต่างจังหวัดไม่ได้หรอก
* มันวิ่งได้ครับ คนใช้วิ่งออกต่างจังหวัดเยอะแยะ มีแอพมีที่ชาร์จในทางสายหลักทั่วประเทศเอกชนเปิดให้ชาร์จฟรี การต้องไปขอชาร์จกับสถานีหน่วยงานรัฐแบบมึนๆงงๆเป็นเรื่องเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
การชาร์จคือขับรถเข้าที่จอด เสียบสาย แล้วก็ไปทำธุระในปั๊ม ครึ่งชม.กลับมาคุณได้แบต 80% การเติมน้ำมันใช้เวลา 5 นาทีจริง แต่คุณต้องขับไปรอคิว ขับไปจอด แล้วไปทำธุระ เฉลี่ยคนเราก็แวะปั๊มครึ่งชม.อยู่แล้วถ้าเดินทางไกล
ในอนาคตเมื่อรถ EV มากขึ้น ที่ชาร์ตก็มากขึ้นอยู่ดี เพราะหัวชาร์จไม่ได้ลงทุนมากมาย แค่มีที่จอดก็พอแล้ว ชาร์จในเซเว่น คาเฟ่ โรงแรมก็ได้
ข้อสังเกตุคือ เมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงอย่างออกต่างจังหวัด แบตจะลดเร็วระยะทางปกติ 350 โลอาจลดเป็นสองร้อยต้นๆ ต้องวางแผนชาร์ทให้ดี ถ้าเดินทางไกลบ่อยๆไกลๆซื้อรุ่นแบตใหญ่ หรือใช้รถ PHEV หรือรถน้ำมันเถอะ
- เป็นกระแสชั่วคราวเท่านั้นแหละ
* ไม่ เป็นสิ่งที่ทั้งโลกพยายามเปลี่ยนมาใช้ ไทยเป็นฐานผลิตรถน้ำมันญี่ปุ่นมายาวนานมาก บอร์ดรถ EV ของรัฐบาลยังเคาะแผนให้ทุก รง. ในไทยต้องผลิตรถไฟฟ้าทั้งหมด 50% ของยอดขายทั้งหมดใน 5 ปีข้างหน้า และต้องผลิตรถไฟฟ้า 100%(คือเลิกผลิตรถน้ำมัน) ในอีก 14ปี
- ซื้อตอนนี้ของเล่นคนรวย ซื้อมาราคาตกเจ็บแน่ รอให้เค้าใช้กันเยอะๆก่อน
* ซื้อรถอะไรมันก็เจ็บทั้งนั้นแหละเพระรถคือลดไม่มีเพิ่มหรอก (คุณว่าจริงไหม?) ถ้ารอได้มันก็ดีที่สุดจริงๆครับ ต่อไปก็จะราคาถูกกว่านี้ วิ่งได้ไกลกว่านี้ อาจจะมีเคมเปญ โครงสร้างภาษีใหม่ จากรัฐบาลมาสนับสนุนให้รถมันถูกได้แน่นอนอยู่แล้ว
แต่ถ้ามีความจำเป็นซื้อรถเร็วๆนี้ ถ้ารับเรื่องระยะวิ่งต่อชาร์ทได้
ถ้าข้อดีของ EV ตอนโจทย์ ประหยัด ทน ดูแลถูก เชื้อเพลิงถูก ชาร์จที่บ้านได้ แรง เงียบ ขับดี อายุใช้งานยาวนานมาก รถ EV หลายๆรุ่นผมว่าค่าใช้จ่ายการใช้งานถูกกว่ารถน้ำมันแล้วในวันนี้ ทั้งรุ่นล้านต้น กับรุ่น 3-4 แสน
- รถ EV มลพิษเยอะ จากแบตเตอรี่ และต้องใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมาปั่นไฟอยู่ดี
* ไม่จริง เทสล่า WG และค่ายใหญ่ๆในจีนให้ข้อมูลตรงกันว่าวัสดุแบต EV รีไซเคิลได้ 95% การผลิตไฟฟ้าต่อให้เอาถ่านหินมาเข้าโรงงานปั่นไฟทั้งหมด รวมแล้วก็ปล่อยมลพิษน้อยกว่ารถนำมัน การกำจัดมลพิษจากขั้นตอนการผลิตไฟก็ง่ายกว่ามาแก้ที่ท่อไอเสียรถยนต์ทุกคัน รถแก๊ส ปัญหารถน้ำมันคือมันไม่มีประสิทธิภาพ ยิ่งรถติดยิ่งปล่อยมลพิษมากเข้าไปอีก แถมด้วยความร้อน
- เอาไฟฟ้ามาใช้กับรถ EV ต่อไปไฟฟ้าไม่พอใช้ ไม่มั่งคงทางพลังงาน
* แล้วซื้อน้ำมันมาใช้มั่นคงหรือครับ?
ประเทศไทยใช้ไฟมากขึ้นทุกวงการ ทุกปี จากการขยายตัวอยู่แล้วครับ แผนพัฒนาชาติเค้าเตรียมไว้แล้วล่ะ ใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องทำตามแผนให้ได้ ถ้าไฟทั้งประเทศไม่พอใช้ในอนาคตมันคือปัญหาของรัฐบาล แต่ถ้าคุณหาน้ำมัน หรือชิ้นส่วนรถยนต์มาใส่รถน้ำมันในอนาคตไม่ได้ มันเป็นปัญหาของคุณ
- มีแต่รุ่นถูกไปเลย รุ่นล้านต้น แล้วก็รุ่นแพงเว่อร์ๆ
* มันเป็นรุ่นที่ราคาเทียบกับการใช้งานเริ่มสู้รถน้ำมันได้ กับต้นทุนการผลิตแบตตอนนี้ ต่อไปผลิตแบตได้ถูกลง มีการสนับสนุนที่ดีจะถูกกว่ารถน้ำมันได้ทุกรุ่น
- ถ้ารถถูก ต่อไปรถก็ติดน่ะซิ
* รถมากกว่าถนนติดแน่นอนอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยมลพิษกับความร้อนจากรถทุกคันบนถนนจากรถ EV จะไม่ทำให้เมืองกรุง หรือเมืองใหญ่ๆเป็นนรกแบบทุกวันนี้ จะแก้รถติดต้องไปแก้ที่จิตสำนึกคนใช้รถ ไม่ใช่ชนิดเชื้อเพลิงรถ
- รถจีนกระจอก รังเกียจคนจีน ซื้อรถคันละล้านทำไม ไม่ซื้อคันละห้าแสนสองคัน ไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยเหตุผลกับใครได้ โดยไม่หลุดคำหยาบหรือดูถูกคนอื่นออกมา
* เชิญห้องราชดำนา ผมดูข้อมูลจะไปซื้อรถ
ก็มีข้อดีที่น่าสนใจดังนี้
- ราคาถูก ณ ตอนนี้มันก็ถูกจริงๆนะครับ ราคาอาจจะออกมาล้าน เกินล้าน แต่ไปดูออพชั่นทั้งหลายที่มากับรถแล้วมันคุ้มกว่ารถน้ำมัน โดยเฉพาะรถยนต์ค่ายจีน งานประกอบ อ๊อฟชั่น เทคโนโลยีเกินค่ายญี่ปุ่นไปเยอะมาก ดีเท่ารถยุโรป แต่ราคาถูกกว่าญี่ปุ่น ถ้ารถรุ่นประหยัดจริงๆทำราคาได้ 3-4 แสนบาทสบายๆ และต่อไปจะถูกกว่านี้ ยิ่งถ้ามีแคมเปญสนับสนุนจากรัฐบาลจะถูกกว่านี้อีก ไม่อยากเจาะจงรุ่น แต่รถแบรนด์จีนที่ดีเท่ารถยุโรปราคา 3-4 ล้านบาทสามารถขายในจีนได้ในราคา 5 แสนบาทเท่านั้นเอง ขายไทยได้ซัก 8-9 แสนนี่คนแย่งกันซื้อแล้วครับ
- ประหยัดเชื้อเพลิง ตก 50-60 สต. ต่อกิโลเมตร ถูกกว่าติดแก๊ส ยิ่งรถติดยิ่งประหยัดกว่ารถยนต์เยอะมาก ชาร์ตเต็มวิ่งได้ 350กม. เสียค่าไฟ 200บาท..
- ค่าบำรุงรักษาอย่าง SUV ตกประมาณ 8,000 บาทต่อแสน กม. ในขณะรถน้ำมันคลาสเดียวกันมักจะตก 3-4 หมื่นบาทต่อแสน กม. จากการเสื่อมของชิ้นส่วน และของเหลวที่ต้องเปลี่ยนมากกว่า
- ชาร์ตในบ้านตอนกลางคืนได้เอง โดยไม่ต้องแวะปั๊ม
- การเปิดปั๊มชาร์ตไฟฟ้าง่ายกว่าการเปิดปั๊มน้ำมัน เพียงแค่มีที่จอดรถ 2-3 คันก็ติดตั้งอุปกรณ์เปิดปั๊มชาร์ทได้แล้ว ไม่ต้องมีถังเก็บ ไม่ต้องมีระบบต่างๆเหมือนปั๊มน้ำมัน อนาคตมีปั๊มเกลื่อนแน่นอน และปั๊มใหญ่มีจุดเติมน้ำมันได้แค่ไม่ถึง 10 หัวในขณะที่ปั๊มขาร์จรถไฟฟ้าสามารถติดตั้งเครื่องชาร์จได้มากเท่าพื้นที่จอดรถในปั๊ม
- แรงงงงง.... กว่ารถน้ำมันมาก SUV หน้าตาบ้านๆเหยียบ 0-100 ชนะกระบะดีเซลบ้าพลังสบายๆ ตรงนี้ใครไม่ลองไม่รู้จริงๆ อย่าให้รูปลักษณ์หลอกตา
- เงียบ.. ยิ่งรวมๆกับอ๊อฟชั่นไฮเทคที่ให้มาแล้ว สุนทรีย์การขับขี่ของแท้
- จอดติดเครื่องเปิดแอร์รอในรถได้ โดยไม่มีเสียงเครื่อง ควัน ความร้อน รบกวนคนรอบๆข้าง เปิดแอร์นอนทั้งคืนก็ยังทำได้ แบตลดไปไม่เท่าไหร่
- เอาเครื่องใช้ไฟฟ้า 220v มาต่อใช้กับตัวรถได้โดยไม่ต้องกลัวแบตหมด ยกตัวอย่างไปแคมปิ้ง ต่อพัดลม ไฟ ทีวี PS5 เล่นได้สบายๆ
Edit ข้อดีเพิ่ม ลืมไปได้ไงเนี่ย
- นอกจากบำรุงรักษาถูกแล้ว อายุใช้งาน อายุประกันแบตยังยาวนานมากอีกด้วย ประกันแบต 8 ปี กว่าแบตเริ่มเสื่อมจริง 10 ปี นอกนั้นชิ้นส่วนอื่นๆส่วนใหญ่ก็ยังใช้งานได้ปกติดี ต่างจากรถน้ำมัน 10 ปี อาจไม่คุ้มซ่อมแล้ว
ข้อเสีย
- ระยะทางรุ่นที่ขายตอนนี้ทำระยะทางได้ประมาณ 380 กม.ต่อชาร์ต (วิ่งจริงปกติได้ประมาณ 340-350) แต่รุ่นที่จะมาขายครึ่งปีหลังเคลมไว้ที่ 5xx กม.ต่อชาร์ต การเดินทางไกลอาจชาร์จนานกว่าก็จริง แต่ไม่ต้องรอคิวเพราะหัวชาร์จในปั๊มจะมีมากกว่าปั๊มน้ำมัน และมีเทคโนโลยีชาร์จเร็วในครึ่งชม. ได้ 80% ซึ่งก็รองรับการเดินทางไกล 800-900 กม. ได้สบายๆ โดยแวะปั๊มครึ่งชม.
- โรงงานซัพพลายเชน ชิ้นส่วนรถยนต์ทั้งหลายต้องปิดตัวลงไปอีกหลายโรง คนตกงานอีกอื้อ อันนี้ไม่ได้มุขเพราะรถยนต์ใช้ชิ้นส่วนจากซัพพลายเยอะจริงๆ
รถไฟฟ้ายังไงมันก็มาแน่ล่ะครับ รวมๆมันดีกว่ากันมากจริงๆใครได้สัมผัสติดใจทุกคน กระแสต่อต้านผมว่าอคติอ่ะส่วนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่คือผู้ที่เสียประโยชน์อ่ะเยอะ ค่ายใหญ่ญี่ปุ่นทำตัวขวางคลองเพราะถ้าเอารถไฟฟ้ามาลุยกันจริงๆกำไรเขาจะลดลงมหาศาล แถมความได้เปรียบเดิมๆก็หมดไป แต่ยังไงก็ขวางไม่อยู่หรอกครับ
Edit เพิ่ม..
อคติเกี่ยวกับรถไฟฟ้า VS ความจริง
- รถไฟฟ้าแบตแพง ถ้าเสียทีจ่ายเป็นแสนนะ
* เทคโนโลยีแบตรถ EV ทุกวันนี้มีต้นทุนการผลิตประมาณ $200 ต่อ 1 kWh แบตรถไฟฟ้ารุ่นขายดีจะจุประมาณ 50 kWh ดังนั้นราคาแบตจะอยู่ที่เป็นเงินไทยสองแสนห้าหมื่นบาทจริง
แต่.. นั่นเป็นเงินราคาค่าตัวรถที่คุณจ่ายไปแล้ว แบตแพงแลกกับการไม่ต้องจ่ายค่าระบบเครื่องยนต์ระบบเกียร์ อายุแบต EV ในสเป็คจริงใช้งานได้จริงๆคือประมาณ 15 ปี โดยมันจะเสื่อมถึง 20-30% เมื่ออายุได้ 10 ปี(แต่ก็ยังใช้ได้ แค่ระยะทางวิ่งสั้นลง) และแบตรถไฟฟ้าที่ขายทุกรุ่นทุกวันนี้จะรับประกันตัวแบตที่ 8 ปี หรือระยะทางวิ่งประมาณแสนหกถึงแสนแปดกิโลเมตร
นั่นหมายถึง.. คุณจะต้องซื้อแบตลูกใหม่เร็วที่สุดคืออีก 8 ปีข้างหน้า และราคาแบตจะลดลงแบบก้าวกระโดด แบตราคา $200 วันนี้ 10 ปีที่แล้วมันราคา $3,000 ครับ และมันจะลดราคาลง 13-18% ในทุกๆปีและจะลดลงในอัตราก้าวกระโดด แบตสเปคเดียวกันราคาสองแสนห้าวันนี้ในอีก 8-10 ปีข้างหน้า (เมื่อหมดประกัน) มันจะราคาแค่ประมาณหมื่นต้นๆหรือถูกกว่านั้น นั่นจะทำให้ค่าเปลี่ยนแบตรวมๆแล้วมันถูกกว่าค่าดูแลเครื่องยนต์มากๆ หรือคุณจะเลือกขายแบตรถคุณเป็นมือสอง(การเปลี่ยนรถยนต์เป็น EV จะเป็นที่นิยมในอีกไม่นานนี้) หรือเลือกแบตเสปคสูงขึ้นมาใส่รถ เพื่อเพิ่มระยะวิ่งต่อชาร์ตก็ได้ ก็ลองเปรียบเทียบกับการดูแลรถน้ำมันอายุเท่าๆกันดู
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือโวล์สวาเกนประกาศชัดเจนว่าปี 2023 ต้นทุนแบตของ WG จะอยู่ที่ $90/kWh ซึ่งนั่นก็จะทำให้รถ EV ของค่ายนี้ถูกกว่ารถน้ำมันแล้ว
- รถไฟฟ้าวิ่งไกลออกต่างจังหวัดไม่ได้หรอก
* มันวิ่งได้ครับ คนใช้วิ่งออกต่างจังหวัดเยอะแยะ มีแอพมีที่ชาร์จในทางสายหลักทั่วประเทศเอกชนเปิดให้ชาร์จฟรี การต้องไปขอชาร์จกับสถานีหน่วยงานรัฐแบบมึนๆงงๆเป็นเรื่องเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
การชาร์จคือขับรถเข้าที่จอด เสียบสาย แล้วก็ไปทำธุระในปั๊ม ครึ่งชม.กลับมาคุณได้แบต 80% การเติมน้ำมันใช้เวลา 5 นาทีจริง แต่คุณต้องขับไปรอคิว ขับไปจอด แล้วไปทำธุระ เฉลี่ยคนเราก็แวะปั๊มครึ่งชม.อยู่แล้วถ้าเดินทางไกล
ในอนาคตเมื่อรถ EV มากขึ้น ที่ชาร์ตก็มากขึ้นอยู่ดี เพราะหัวชาร์จไม่ได้ลงทุนมากมาย แค่มีที่จอดก็พอแล้ว ชาร์จในเซเว่น คาเฟ่ โรงแรมก็ได้
ข้อสังเกตุคือ เมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงอย่างออกต่างจังหวัด แบตจะลดเร็วระยะทางปกติ 350 โลอาจลดเป็นสองร้อยต้นๆ ต้องวางแผนชาร์ทให้ดี ถ้าเดินทางไกลบ่อยๆไกลๆซื้อรุ่นแบตใหญ่ หรือใช้รถ PHEV หรือรถน้ำมันเถอะ
- เป็นกระแสชั่วคราวเท่านั้นแหละ
* ไม่ เป็นสิ่งที่ทั้งโลกพยายามเปลี่ยนมาใช้ ไทยเป็นฐานผลิตรถน้ำมันญี่ปุ่นมายาวนานมาก บอร์ดรถ EV ของรัฐบาลยังเคาะแผนให้ทุก รง. ในไทยต้องผลิตรถไฟฟ้าทั้งหมด 50% ของยอดขายทั้งหมดใน 5 ปีข้างหน้า และต้องผลิตรถไฟฟ้า 100%(คือเลิกผลิตรถน้ำมัน) ในอีก 14ปี
- ซื้อตอนนี้ของเล่นคนรวย ซื้อมาราคาตกเจ็บแน่ รอให้เค้าใช้กันเยอะๆก่อน
* ซื้อรถอะไรมันก็เจ็บทั้งนั้นแหละเพระรถคือลดไม่มีเพิ่มหรอก (คุณว่าจริงไหม?) ถ้ารอได้มันก็ดีที่สุดจริงๆครับ ต่อไปก็จะราคาถูกกว่านี้ วิ่งได้ไกลกว่านี้ อาจจะมีเคมเปญ โครงสร้างภาษีใหม่ จากรัฐบาลมาสนับสนุนให้รถมันถูกได้แน่นอนอยู่แล้ว
แต่ถ้ามีความจำเป็นซื้อรถเร็วๆนี้ ถ้ารับเรื่องระยะวิ่งต่อชาร์ทได้
ถ้าข้อดีของ EV ตอนโจทย์ ประหยัด ทน ดูแลถูก เชื้อเพลิงถูก ชาร์จที่บ้านได้ แรง เงียบ ขับดี อายุใช้งานยาวนานมาก รถ EV หลายๆรุ่นผมว่าค่าใช้จ่ายการใช้งานถูกกว่ารถน้ำมันแล้วในวันนี้ ทั้งรุ่นล้านต้น กับรุ่น 3-4 แสน
- รถ EV มลพิษเยอะ จากแบตเตอรี่ และต้องใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมาปั่นไฟอยู่ดี
* ไม่จริง เทสล่า WG และค่ายใหญ่ๆในจีนให้ข้อมูลตรงกันว่าวัสดุแบต EV รีไซเคิลได้ 95% การผลิตไฟฟ้าต่อให้เอาถ่านหินมาเข้าโรงงานปั่นไฟทั้งหมด รวมแล้วก็ปล่อยมลพิษน้อยกว่ารถนำมัน การกำจัดมลพิษจากขั้นตอนการผลิตไฟก็ง่ายกว่ามาแก้ที่ท่อไอเสียรถยนต์ทุกคัน รถแก๊ส ปัญหารถน้ำมันคือมันไม่มีประสิทธิภาพ ยิ่งรถติดยิ่งปล่อยมลพิษมากเข้าไปอีก แถมด้วยความร้อน
- เอาไฟฟ้ามาใช้กับรถ EV ต่อไปไฟฟ้าไม่พอใช้ ไม่มั่งคงทางพลังงาน
* แล้วซื้อน้ำมันมาใช้มั่นคงหรือครับ?
ประเทศไทยใช้ไฟมากขึ้นทุกวงการ ทุกปี จากการขยายตัวอยู่แล้วครับ แผนพัฒนาชาติเค้าเตรียมไว้แล้วล่ะ ใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องทำตามแผนให้ได้ ถ้าไฟทั้งประเทศไม่พอใช้ในอนาคตมันคือปัญหาของรัฐบาล แต่ถ้าคุณหาน้ำมัน หรือชิ้นส่วนรถยนต์มาใส่รถน้ำมันในอนาคตไม่ได้ มันเป็นปัญหาของคุณ
- มีแต่รุ่นถูกไปเลย รุ่นล้านต้น แล้วก็รุ่นแพงเว่อร์ๆ
* มันเป็นรุ่นที่ราคาเทียบกับการใช้งานเริ่มสู้รถน้ำมันได้ กับต้นทุนการผลิตแบตตอนนี้ ต่อไปผลิตแบตได้ถูกลง มีการสนับสนุนที่ดีจะถูกกว่ารถน้ำมันได้ทุกรุ่น
- ถ้ารถถูก ต่อไปรถก็ติดน่ะซิ
* รถมากกว่าถนนติดแน่นอนอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยมลพิษกับความร้อนจากรถทุกคันบนถนนจากรถ EV จะไม่ทำให้เมืองกรุง หรือเมืองใหญ่ๆเป็นนรกแบบทุกวันนี้ จะแก้รถติดต้องไปแก้ที่จิตสำนึกคนใช้รถ ไม่ใช่ชนิดเชื้อเพลิงรถ
- รถจีนกระจอก รังเกียจคนจีน ซื้อรถคันละล้านทำไม ไม่ซื้อคันละห้าแสนสองคัน ไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยเหตุผลกับใครได้ โดยไม่หลุดคำหยาบหรือดูถูกคนอื่นออกมา
* เชิญห้องราชดำนา ผมดูข้อมูลจะไปซื้อรถ
แสดงความคิดเห็น
เห็นกระแสคนเห่อรถ EV แล้วรถน้ำมันจะหมดไป สงสัยว่าตอนนี้รถ EV ดีกว่ารถใช้น้ำมันตรงไหน?
1.ราคาถูกกว่า
2.อะไหล่ถูกกว่า พวกค่าบำรุงรักษารถจะถูกกว่า
3.แบตเตอรี่ทนกว่า คิดราคาต่อหน่วย ถูกกว่าน้ำมัน เห็นว่าชาร์ตไฟ 10 บาทวิ่งได้ 100 กิโล
4.ชาร์ตไฟง่ายกว่าเติมน้ำมันไม่ต้องแวะปั๊ม ชาร์ตที่บ้านได้เลย
ตกลงตอนนี้รถ EV ดีกว่าน้ำมันหรือยัง หรือทั้ง 4 ข้อนี้เป็นแค่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ตอนนี้มันถูกกว่าหรือยัง