............. หน้าแล้งปีนี้น้ำแห้งกว่าทุกปี น้ำกินต้องไปตักเอาจากบ่อกลางทุ่งนา ที่ชาวบ้านช่วยกันขุดขึ้นอยู่ในที่ดินของตาไหว
ช่วงสายแดดยังไม่แรงนัก พวกเด็กสาวจะชักชวนกันไปหาบน้ำ มักจะเรียกเด็กเล็กตามไปด้วยอีกสองสามคน เพื่อให้ไปกันเป็นกลุ่ม
เด็กชายน้อยจึงได้ติดสอยห้อยตามไปด้วย
เด็กชายร่างผอมพุงป่อง พัฒนาการด้านการพูดจะช้าผิดกับพี่น้องแฝดชื่อบัวผัดกับบัวเขียว เด็กข้างบ้านจะพูดเก่งมาก
เด็กอายุยังไม่เข้าเกณฑ์เข้าโรงเรียน จึงมีเวลาตามพี่สาวไปทุกที่ ถ้ามีเวลาพี่สาวจะสอนเด็กชายน้อยอ่านเขียน
จนสามารถอ่านออกเขียนได้บ้างแล้ว อ่านหนังสือได้ฉะฉานผิดกับตอนพูดจาปกติ เป็นเด็กใฝ่รู้ มีแววเรียนเก่ง
ติดที่การพูดดูซื่อ พี่สาวเกรงวันหน้าจะไม่ทันคน
เอื้อยบัวตองปีนี้อายุสิบสี่กำลังเป็นสาว ผิวขาวเหลืองอมนวล สองแก้มมีเลือดฝาด
มักมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แวะเวียนมาพูดเกี้ยว ติดอยู่ที่พ่อแม่ยังหวงด้วยยังอายุน้อยนัก จึงให้ขึ้นเรือนไป
ลูกสาวหลายบ้านได้ผัวตั้งแต่สิบสี่สิบห้า เวลาคลอดลูกทีลำบากกันมาก
ดังนั้นลูกสาวบ้านนี้จะออกจากบ้านที พ่อแม่ก็เป็นห่วงกลัวว่าไอ้หนุ่มจะมาดักฉุดเอา
วันนี้พ่อกับแม่ไปเกี่ยวหญ้าคาแต่เช้า กลับมาก็คงเย็น เกรงกลับมาจะขาดน้ำกิน
เอื้อยบัวตองเลยชวนคำหล้าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันไปหาบน้ำ
ได้คุไม้ไผ่มาหาบแล้วพากันออกจากบ้าน มีบัวผัดกับบัวเขียวสองเด็กแฝดตามไปด้วย
เอื้อยไม่ลืมจะเรียกน้อยที่กำลังเล่นกับเพื่อนในข่วงไปด้วยเพราะเห็นว่าโตพอพาออกไปไกลจากบ้านได้
ท้องนามองดูเหลืองฟาง ทำให้คนมองแสบพร่าตาไม่น้อย ยิ่งนานเปลวแดดเริ่มเต้นอยู่เหนือตอซังข้าวที่ยุบโทรม
บ้างถูกไฟไหม้เป็นวงกว้าง เดินผ่านไม่ยากนัก ด้วยแต่ละคนเท้าเปล่าเหยียบกรวดเหยียบหินจนชินไม่รู้สึกรู้สา
แต่ถ้าแดดแรงมันแสบไปทั้งตัว ด้วยยังอายุน้อยจึงทนกันยังไม่ไหว
ตลอดทางเดินไปบ่อน้ำ น้อยมักเพลิดเพลินไปกับตั๊กแตนตัวสีเขียวสดเหมือนหญ้าอ่อน
เวลามันบินจะกระพือปีกด้านในที่บางใสสีออกแดง บางทีมันเกาะคันนานิ่ง
จนเด็กชายย่องเข้าไปใกล้ คว้าก้อนดินปาใส่ ไม่ได้หมายให้ถูกตัว มันก็บินหนีไปอีกเป็นที่ชอบใจ
จนเอื้อยร้องเรียกเพราะเห็นเดินล้าหลัง
ผิดกับบัวผัดกับบัวเขียวแทบจะเกาะผ้าถุงพี่สาวไปตลอดทาง
ช่วงหนึ่งไปเจอดินขาบ ในร่องในรูมันมีงูเปาเลื้อยออกมาทำให้เด็กผู้หญิงตกใจกลัว
งูเปาหรืองูปี่แก้วบางครั้งอยู่เป็นกลุ่มเรียกงูเปาหมู่ พวกเด็กผู้ชายมักเอาไม้เขี่ยให้มันไล่เป็นที่สนุกสนาน
บ่อน้ำอยู่ถัดจากดอนหินดาน น้ำมวกสีขุ่นขาวเหมือนน้ำล้างข้าว
สองเอื้อยช่วยกันตักอย่างระวังใส่คุไม้ไผ่ น้อยรู้สึกกระหายน้ำจะก้มลงเอาหน้าลงดื่มเลยถูกดุเอา
เพราะจมูกกับแก้มมีแต่ขี้มูก แล้วไปเด็ดใบไม้มาทำเป็นกรวยตักมาให้ดื่ม
กระท่อมหลังนั้นอยู่เลยจากบ่อน้ำโดยมีต้นโพธิ์คั่นกลาง แวดล้อมด้วยต้นไม้ทำให้ดูทึบ
มียายแก่คนหนึ่งเดินออกมา หลังแกจะงอ เดินเหมือนคนป่วย คือค่อยสืบปลายเท้าไปอย่างเชื่องช้า
ก่อนจะเดินลับหายเข้าไปดงกล้วย ในมือถือมีดเหมือนว่าจะไปตัดเอาใบตอง
คำหล้าทันเห็นเลยสะกิดเอื้อยบัวตองให้มองตาม ยายคนนั้นจะต้องเป็นยายคำกอง
ที่คนในหมู่บ้านลือกันว่าแกเป็นผีโพง หลังจากตาไหวตาย ยายแกก็ป่วย นอนซมอยู่ในบ้าน
พอมีข่าวลือเรื่องผีโพง พวกลูกหลาน เลยพามานอนเฝ้ากระท่อม คอยส่งข้าวส่งน้ำมาให้
นานทีจะได้เห็นหน้าแม้ว่าจะมีชาวบ้านมาตักน้ำที่บ่อแห่งนี้ประจำ
“เขาลือกันว่า คืนเดือนดับแกจะออกมานะ ระวังตัวให้ดี พอเย็นหน่อยก็ไม่มีใครกล้ามาตักน้ำแล้ว”
คำหล้าเตือนเอื้อยบัวตองเสียงไม่เกินกระซิบ แล้วพากันเอาคานหาบน้ำขึ้นบ่า จะต้องเร่งตักให้เสร็จ
จะได้เอาเวลาไปช่วยผู้ใหญ่ทำสะตวงไว้เซ่นไหว้ภูตผี ด้วยวันพรุ่งนี้เป็นวันศีลใหญ่หรือวันพระใหญ่
ทุกคนจะหยุดการงานเพื่อไปทำบุญที่วัด แล้วกลับมาทำพิธีสังเวย ให้แก่ผีปู่ย่าบรรพบุรุษรวมทั้งสัมภเวสีทั้งหลาย
พอทุกคนมาถึงหมู่บ้าน เด็กชายน้อยต้องตื่นตากับตุงไจยที่ถูกนำมาประดับไว้สองข้างทางมุ่งหน้าสู่วัด
บางบ้านจะตั้งต้นตัวคานปอยหลวง ให้ชาวบ้านมาร่วมบุญ ที่เรียกว่า
ฮอมปอย พรุ่งนี้ก็จะนำไปถวายพระที่วัด
จะมีพิธีแห่กันอย่างสนุกสนาน เพื่อจะนำเงินปัจจัยไปร่วมสร้างถาวรวัตถุอีกมาก
ปีก่อนเอื้อยบัวตองพาน้อยไปดูกลุ่มแม่บ้านฟ้อนเล็บกัน
ต่อมาก็มีขบวนผีตาโบ๋ เด็กหลายคนร้องไห้ตกใจกลัว แต่เด็กชายน้อยไม่กลัว
พอกลับถึงบ้าน เด็กชายน้อยได้วิ่งข้ามข่วงดิน หมายใจนำเรื่องของยายคำกองเป็นผีโพง
ที่ฟังจากปากเอื้อยบัวตองกับคำหล้ามาตลอดทาง ไปบอกเล่าให้กับสิงห์คำ เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นเด็กเลี้ยงควาย
นิสัยห้าวไม่กลัวใคร ปกติจะนอนห้างนาเฝ้าฝูงควายอยู่คนเดียวไม่กลัวผีสาง
อาทิตย์หนึ่งจึงจะกลับมาเอาข้าวสาร ใจหนึ่งก็แอบมาดูหน้าบัวตอง ด้วยแอบรักตั้งแต่สมัยเรียน
สิงห์คำเรียนได้แค่ปอสอง ก็ต้องออกมาทำงานรับจ้าง แต่ติดที่เป็นคนปากหนักพูดจาเกี้ยวสาวไม่เป็น
เลยทำตีสนิทกับน้อย คอยป้องกันพวกเด็กเกเรมารังแกเพราะน้อยดูจะเป็นเด็กใสซื่อไม่ทันคน
“คืนนี้มานอนเฝ้าห้างกับอ้ายก็ได้ แล้วกลางคืนจะพาไปดูยายคำกอง”
“แต่อีป้อ อีแม่ คงไม่ให้ไป”
“ก็ไปขอสิ เป็นลูกผู้ชายจะกลัวอะไร”
เด็กชายน้อยถูกดุจนเกิดแรงฮึดด้วยใจอยากรู้ ผีโพงคืออะไร
จะได้เอาไปคุยกับเพื่อนบ้างมันจะเหมือนผีในละครวิทยุธานิทร์
ที่เอื้อยบัวตองชอบเปิดฟังตอนดึกหรือเปล่า มันจะชอบทำเสียงแหบๆ แล้วหัวเราะเสียงในลำคอ
เหยื่อจะร้องโหยหวนก่อนถูกกระชากไส้ออกมา คิดเพียงอึดใจเดียวจึงรับปากจะไปด้วย
อ้ายสิงห์คำจึงนัดหมายตอนเย็นจะมารับ
หลังจากนั้นจึงเที่ยววิ่งเล่นหาดูพวกผู้ใหญ่ทำสะตวง คือภาชนะทำจากกาบกล้วยสำหรับใส่ของเซ่นไหว้ภูตผี
คนแก่คาบบุหรี่ขี้โย มือเต็มไปด้วยเส้นเอ็น จับวัสดุมาพับเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส แล้วใช้ไม้ไผ่เหลาปลายให้แหลมเสียบให้คงรูป
กับหาวัสดุมารองเป็นพื้น บางอันอาจจะแบ่งเก้าห้องสำหรับทำพิธีส่งเคราะห์
ของที่จะบรรจุข้างในมี รูปปั้นดินเหนียวรูปคน รูปสัตว์ต่างๆ เช่น ช้าง วัว ควาย เสือ งู ไก่
นอกจากนี้ก็มีกล้วย อ้อย หมาก พริก บุหรี่ ข้าวสุก อาหารคาว อาหารหวาน
คนแก่คนนั้นยังประกอบพิธีเองด้วย โดยจะนำสะตวงนั้นไปวางยังทางสามแพร่ง และจุดธูปเทียนบูชาภูตผีปีศาจ
ยกสะตวงขึ้นจบเหนือศีรษะ และกล่าวอัญเชิญ ภูตผีปีศาจเทวดาอารักษ์ให้มารับเครื่องเซ่น
แล้วจึงวางสะตวงไว้ โดยปล่อยให้นกกามากินของในสะตวงนั้นเป็นอันเสร็จพิธี
“อย่าเข้ามาใกล้ บะลูกหล้า ไม้จะดีดตาเอา”
“พ่ออุ้ย พ่ออุ้ย อะไรมันมากินของเซ่น”
“ก็นกไง จะถามยะหยัง”
“ไม่ใช่นก ใครอ่ะ”
เด็กน้อยถามตามประสาซื่อ คนแก่ยืนคอแข็ง เรื่องอะไรจะหันไปมอง
เด็กวัยนี้จิตยังบริสุทธิ์มักเห็นในสิ่งที่ผู้ใหญ่มองไม่เห็น
คลิปตัวล่าง เสียงอ่านของ เจ้าของเรื่องเองครับ ^^ ฝากติดตามด้วยนะครับ
เด็กน้อยผจญผีโพง ทั้งฉบับอ่านเอง และเสียงอ่าน
ช่วงสายแดดยังไม่แรงนัก พวกเด็กสาวจะชักชวนกันไปหาบน้ำ มักจะเรียกเด็กเล็กตามไปด้วยอีกสองสามคน เพื่อให้ไปกันเป็นกลุ่ม
เด็กชายน้อยจึงได้ติดสอยห้อยตามไปด้วย
เด็กชายร่างผอมพุงป่อง พัฒนาการด้านการพูดจะช้าผิดกับพี่น้องแฝดชื่อบัวผัดกับบัวเขียว เด็กข้างบ้านจะพูดเก่งมาก
เด็กอายุยังไม่เข้าเกณฑ์เข้าโรงเรียน จึงมีเวลาตามพี่สาวไปทุกที่ ถ้ามีเวลาพี่สาวจะสอนเด็กชายน้อยอ่านเขียน
จนสามารถอ่านออกเขียนได้บ้างแล้ว อ่านหนังสือได้ฉะฉานผิดกับตอนพูดจาปกติ เป็นเด็กใฝ่รู้ มีแววเรียนเก่ง
ติดที่การพูดดูซื่อ พี่สาวเกรงวันหน้าจะไม่ทันคน
เอื้อยบัวตองปีนี้อายุสิบสี่กำลังเป็นสาว ผิวขาวเหลืองอมนวล สองแก้มมีเลือดฝาด
มักมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แวะเวียนมาพูดเกี้ยว ติดอยู่ที่พ่อแม่ยังหวงด้วยยังอายุน้อยนัก จึงให้ขึ้นเรือนไป
ลูกสาวหลายบ้านได้ผัวตั้งแต่สิบสี่สิบห้า เวลาคลอดลูกทีลำบากกันมาก
ดังนั้นลูกสาวบ้านนี้จะออกจากบ้านที พ่อแม่ก็เป็นห่วงกลัวว่าไอ้หนุ่มจะมาดักฉุดเอา
วันนี้พ่อกับแม่ไปเกี่ยวหญ้าคาแต่เช้า กลับมาก็คงเย็น เกรงกลับมาจะขาดน้ำกิน
เอื้อยบัวตองเลยชวนคำหล้าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันไปหาบน้ำ
ได้คุไม้ไผ่มาหาบแล้วพากันออกจากบ้าน มีบัวผัดกับบัวเขียวสองเด็กแฝดตามไปด้วย
เอื้อยไม่ลืมจะเรียกน้อยที่กำลังเล่นกับเพื่อนในข่วงไปด้วยเพราะเห็นว่าโตพอพาออกไปไกลจากบ้านได้
ท้องนามองดูเหลืองฟาง ทำให้คนมองแสบพร่าตาไม่น้อย ยิ่งนานเปลวแดดเริ่มเต้นอยู่เหนือตอซังข้าวที่ยุบโทรม
บ้างถูกไฟไหม้เป็นวงกว้าง เดินผ่านไม่ยากนัก ด้วยแต่ละคนเท้าเปล่าเหยียบกรวดเหยียบหินจนชินไม่รู้สึกรู้สา
แต่ถ้าแดดแรงมันแสบไปทั้งตัว ด้วยยังอายุน้อยจึงทนกันยังไม่ไหว
ตลอดทางเดินไปบ่อน้ำ น้อยมักเพลิดเพลินไปกับตั๊กแตนตัวสีเขียวสดเหมือนหญ้าอ่อน
เวลามันบินจะกระพือปีกด้านในที่บางใสสีออกแดง บางทีมันเกาะคันนานิ่ง
จนเด็กชายย่องเข้าไปใกล้ คว้าก้อนดินปาใส่ ไม่ได้หมายให้ถูกตัว มันก็บินหนีไปอีกเป็นที่ชอบใจ
จนเอื้อยร้องเรียกเพราะเห็นเดินล้าหลัง
ผิดกับบัวผัดกับบัวเขียวแทบจะเกาะผ้าถุงพี่สาวไปตลอดทาง
ช่วงหนึ่งไปเจอดินขาบ ในร่องในรูมันมีงูเปาเลื้อยออกมาทำให้เด็กผู้หญิงตกใจกลัว
งูเปาหรืองูปี่แก้วบางครั้งอยู่เป็นกลุ่มเรียกงูเปาหมู่ พวกเด็กผู้ชายมักเอาไม้เขี่ยให้มันไล่เป็นที่สนุกสนาน
บ่อน้ำอยู่ถัดจากดอนหินดาน น้ำมวกสีขุ่นขาวเหมือนน้ำล้างข้าว
สองเอื้อยช่วยกันตักอย่างระวังใส่คุไม้ไผ่ น้อยรู้สึกกระหายน้ำจะก้มลงเอาหน้าลงดื่มเลยถูกดุเอา
เพราะจมูกกับแก้มมีแต่ขี้มูก แล้วไปเด็ดใบไม้มาทำเป็นกรวยตักมาให้ดื่ม
กระท่อมหลังนั้นอยู่เลยจากบ่อน้ำโดยมีต้นโพธิ์คั่นกลาง แวดล้อมด้วยต้นไม้ทำให้ดูทึบ
มียายแก่คนหนึ่งเดินออกมา หลังแกจะงอ เดินเหมือนคนป่วย คือค่อยสืบปลายเท้าไปอย่างเชื่องช้า
ก่อนจะเดินลับหายเข้าไปดงกล้วย ในมือถือมีดเหมือนว่าจะไปตัดเอาใบตอง
คำหล้าทันเห็นเลยสะกิดเอื้อยบัวตองให้มองตาม ยายคนนั้นจะต้องเป็นยายคำกอง
ที่คนในหมู่บ้านลือกันว่าแกเป็นผีโพง หลังจากตาไหวตาย ยายแกก็ป่วย นอนซมอยู่ในบ้าน
พอมีข่าวลือเรื่องผีโพง พวกลูกหลาน เลยพามานอนเฝ้ากระท่อม คอยส่งข้าวส่งน้ำมาให้
นานทีจะได้เห็นหน้าแม้ว่าจะมีชาวบ้านมาตักน้ำที่บ่อแห่งนี้ประจำ
“เขาลือกันว่า คืนเดือนดับแกจะออกมานะ ระวังตัวให้ดี พอเย็นหน่อยก็ไม่มีใครกล้ามาตักน้ำแล้ว”
คำหล้าเตือนเอื้อยบัวตองเสียงไม่เกินกระซิบ แล้วพากันเอาคานหาบน้ำขึ้นบ่า จะต้องเร่งตักให้เสร็จ
จะได้เอาเวลาไปช่วยผู้ใหญ่ทำสะตวงไว้เซ่นไหว้ภูตผี ด้วยวันพรุ่งนี้เป็นวันศีลใหญ่หรือวันพระใหญ่
ทุกคนจะหยุดการงานเพื่อไปทำบุญที่วัด แล้วกลับมาทำพิธีสังเวย ให้แก่ผีปู่ย่าบรรพบุรุษรวมทั้งสัมภเวสีทั้งหลาย
พอทุกคนมาถึงหมู่บ้าน เด็กชายน้อยต้องตื่นตากับตุงไจยที่ถูกนำมาประดับไว้สองข้างทางมุ่งหน้าสู่วัด
บางบ้านจะตั้งต้นตัวคานปอยหลวง ให้ชาวบ้านมาร่วมบุญ ที่เรียกว่า ฮอมปอย พรุ่งนี้ก็จะนำไปถวายพระที่วัด
จะมีพิธีแห่กันอย่างสนุกสนาน เพื่อจะนำเงินปัจจัยไปร่วมสร้างถาวรวัตถุอีกมาก
ปีก่อนเอื้อยบัวตองพาน้อยไปดูกลุ่มแม่บ้านฟ้อนเล็บกัน
ต่อมาก็มีขบวนผีตาโบ๋ เด็กหลายคนร้องไห้ตกใจกลัว แต่เด็กชายน้อยไม่กลัว
พอกลับถึงบ้าน เด็กชายน้อยได้วิ่งข้ามข่วงดิน หมายใจนำเรื่องของยายคำกองเป็นผีโพง
ที่ฟังจากปากเอื้อยบัวตองกับคำหล้ามาตลอดทาง ไปบอกเล่าให้กับสิงห์คำ เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นเด็กเลี้ยงควาย
นิสัยห้าวไม่กลัวใคร ปกติจะนอนห้างนาเฝ้าฝูงควายอยู่คนเดียวไม่กลัวผีสาง
อาทิตย์หนึ่งจึงจะกลับมาเอาข้าวสาร ใจหนึ่งก็แอบมาดูหน้าบัวตอง ด้วยแอบรักตั้งแต่สมัยเรียน
สิงห์คำเรียนได้แค่ปอสอง ก็ต้องออกมาทำงานรับจ้าง แต่ติดที่เป็นคนปากหนักพูดจาเกี้ยวสาวไม่เป็น
เลยทำตีสนิทกับน้อย คอยป้องกันพวกเด็กเกเรมารังแกเพราะน้อยดูจะเป็นเด็กใสซื่อไม่ทันคน
“คืนนี้มานอนเฝ้าห้างกับอ้ายก็ได้ แล้วกลางคืนจะพาไปดูยายคำกอง”
“แต่อีป้อ อีแม่ คงไม่ให้ไป”
“ก็ไปขอสิ เป็นลูกผู้ชายจะกลัวอะไร”
เด็กชายน้อยถูกดุจนเกิดแรงฮึดด้วยใจอยากรู้ ผีโพงคืออะไร
จะได้เอาไปคุยกับเพื่อนบ้างมันจะเหมือนผีในละครวิทยุธานิทร์
ที่เอื้อยบัวตองชอบเปิดฟังตอนดึกหรือเปล่า มันจะชอบทำเสียงแหบๆ แล้วหัวเราะเสียงในลำคอ
เหยื่อจะร้องโหยหวนก่อนถูกกระชากไส้ออกมา คิดเพียงอึดใจเดียวจึงรับปากจะไปด้วย
อ้ายสิงห์คำจึงนัดหมายตอนเย็นจะมารับ
หลังจากนั้นจึงเที่ยววิ่งเล่นหาดูพวกผู้ใหญ่ทำสะตวง คือภาชนะทำจากกาบกล้วยสำหรับใส่ของเซ่นไหว้ภูตผี
คนแก่คาบบุหรี่ขี้โย มือเต็มไปด้วยเส้นเอ็น จับวัสดุมาพับเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส แล้วใช้ไม้ไผ่เหลาปลายให้แหลมเสียบให้คงรูป
กับหาวัสดุมารองเป็นพื้น บางอันอาจจะแบ่งเก้าห้องสำหรับทำพิธีส่งเคราะห์
ของที่จะบรรจุข้างในมี รูปปั้นดินเหนียวรูปคน รูปสัตว์ต่างๆ เช่น ช้าง วัว ควาย เสือ งู ไก่
นอกจากนี้ก็มีกล้วย อ้อย หมาก พริก บุหรี่ ข้าวสุก อาหารคาว อาหารหวาน
คนแก่คนนั้นยังประกอบพิธีเองด้วย โดยจะนำสะตวงนั้นไปวางยังทางสามแพร่ง และจุดธูปเทียนบูชาภูตผีปีศาจ
ยกสะตวงขึ้นจบเหนือศีรษะ และกล่าวอัญเชิญ ภูตผีปีศาจเทวดาอารักษ์ให้มารับเครื่องเซ่น
แล้วจึงวางสะตวงไว้ โดยปล่อยให้นกกามากินของในสะตวงนั้นเป็นอันเสร็จพิธี
“อย่าเข้ามาใกล้ บะลูกหล้า ไม้จะดีดตาเอา”
“พ่ออุ้ย พ่ออุ้ย อะไรมันมากินของเซ่น”
“ก็นกไง จะถามยะหยัง”
“ไม่ใช่นก ใครอ่ะ”
เด็กน้อยถามตามประสาซื่อ คนแก่ยืนคอแข็ง เรื่องอะไรจะหันไปมอง
เด็กวัยนี้จิตยังบริสุทธิ์มักเห็นในสิ่งที่ผู้ใหญ่มองไม่เห็น