คุณคิดว่าการปฏิเสธเพื่อนที่ขายประกันสุขภาพให้ตัวเองได้ และไปเล่าให้เพื่อนคนอื่นฟังด้วยความภูมิใจเป็นการฉลาดจริงๆไหม?

สถานการณ์สมมุติ
A เป็นเพื่อนกับ B
A:  นี่ B สนใจทำประกันสุขภาพไหม เนื่องจากว่า เวลาป่วยหนักๆนี่ ค่ารักษาถึงขั้นล้มละลาย หรือ ไม่มีเงินรักษาได้เลยนะ บางเคส นอน รพ นานๆ + ค่าผ่าตัด สูงกว่า 5-10 ล้าน เล่นเอาหมดทรัพย์กันได้เลยนะ ก็เล่าแพคเกจให้ฟัง และ บลาๆๆ

B:  ไม่สนใจ ด้วยเหตุผลร้อย 8 พัน 9 (เล่าก่อนว่า B มีกำลังสามารถทำได้ แต่มีอคติที่ว่า สังคม ชอบมีเสียงแปลกๆว่า การขายประกันนั้นน่ารังเกียจ และถ้าซื้อเดี๋ยวจะถูกมองว่าโง่)

A : โอเค ถ้าเผื่อสนใจก็ติดต่อได้นะ
หลังจากนั้น B ก็ไปเล่าให้เพื่อนๆฟังว่าเนี่ย ตูรอดมาได้เว้ย พวกเอ็ง ระวังโดนไอ A หลอกขายประกันนะ จนเพื่อนๆก็ไม่กล้าซื้อ กลัวจะโดนล้อว่าถูกหลอก
หลังจากนั้นผ่านไป B เกิดเป็นมะเร็ง ค่ารักษารวม 3 ล้าน ++ ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา

คำถามคือ B ที่คิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไรหรอก แล้วเที่ยวไปโพทนา ให้คนอื่นฟังด้วย ให้คนอื่นเชื่อตามตัวเอง ฉลาด หรือว่า โง่ กันแน่ ?? คือถ้าไม่ซื้อ แล้วไม่โพทนาจะไม่เท่าไรนะ ไม่ผิดหรอก คนเรามีสิทธิเลือก แต่การไปเครม ความคิดคนอื่นให้คิดเหมือนตัวเอง นี่สิผิด เพราะคนอื่นเขาอาจจะใส่ใจในสุขภาพก็ได้ เช่นสมมุติเขาแบ่ง Port จัดสรรค์หมวดสุขภาพทั้งหมด ไว้เป็นสัดส่วนที่เยอะ สำคัญกว่าหมวดอื่นมันก็มีปะ บางคนจัดสรรค์หมวดกินเหล้ามากกว่าจ่ายสุขภาพก็มีปะ มันอยู่ที่การเลือกจัดสรรค์แต่ละคน อยู่เครมความคิดว่าตัวเองถูกเสมอ อีกอย่างสิ่งที่เขาขายก็เป็น "อาชีพสุจริต ไปว่าเขาหลอกได้ยังไร" คุณเองก็ไม่ขายของ ก็ ขายบริการ ต่อให้คุณทำเงินเดือน คุณก็ไปสมัครงานเพื่อเสนอขายตัวเองเช่นกัน ทุกอย่างมันคือการขาย และเป็นอาชีพสุจริตทั้งนั้น และการที่เขาอาจจะชักชวนคุณทำแบบเขา แล้วคุณไปขายประกัน แล้วคุณขายไม่ได้ นั่นก็เป็นเรื่องความสามารถทางการขายของคุณ ไม่ใช่ว่า เขาหลอกไปขายประกัน

ต่อให้เป็นอาชีพอื่น เช่นงานขายตรง มันก็เป็นอาชีพที่มีเกรียติ การที่มีคนขึ้นระดับเพชร ระดับ มากกว่านั้น ที่รายได้หลักแสนๆ หลักล้าน ต่อเดือน เขาทำได้ แล้วคุณทำไม่ได้ ก็ไม่ใช่ไปว่าเขาหลอกคุณมาทำ คุณต้องพิจารณาตัวเองแล้วมากกว่าว่าตัวเองทำไมทำไม่ได้ แล้วการที่คุณไปโพทนาปิดโอกาสรวย โอกาสสร้างรายได้คนอื่น มันไม่ใช่ฉลาดเลยนะ จริงไหม?? ยิ่งถ้าคุณทำธุรกิจส่วนตัว คุณยิ่งต้องเข้าใจ คุณอาจจะมีเซลล์ คุณเลยอาจไม่เข้าใจ แต่เซลล์เขาก็ต้องหาทางปิดการขายเช่นกัน ขอแค่สิ่งที่เซลล์นำเสนอเป็นข้อเท็จจริงก็โอเค บางทีบริษัทคุณอาจจะเล็กๆ เอาของจีนไร้คุณภาพ มาขาย แบบนี้ หลอกลวงหนักกว่าเยอะนะ เพราะขายประกัน มันยังเครมได้จริงเวลาป่วย ขายตรงบางยี่ห้อ สรรพคุณก็มีงานวิจัย รางวัลรับรองมาตราฐาน แต่การที่คุณเอาสินค้าจากจีนแบบห่วยๆมา แบบนี้ อะไรหลอกกว่ากัน??
ส่วนตัวไม่ได้ทำทั้งขายประกันและขายตรง ไม่ต้องหลังไมค์มา แต่แค่ทนไม่ได้กับสังคมที่บางทีบิดเบือนซะ อาชีพสุจริต กลายเป็นอาชีพน่าอาย ทั้งที่อาชีพน่าอายพวกนี้ อาจสร้างรายได้หลักแสน หลักหล้าน ให้คุณก็ได้ ต่อให้ไม่ทำธุรกิจ ก็ล้วนดีต่อตัวคุณ (ในกรณีที่คุณ จัดสรรค์หมวดนี้ไว้เยอะ เพราะเห็นความสำคัญ)

ถ้าจะบอกว่าประกันตื้อขาย แล้วปรกติคุณถ้าคุณขายของ คุณต้องการปิดการขายให้ได้ไหม?
ถ้าคุณจะบอกว่าต่างกันตรงที่ว่าพวกนี้ฟังไม่รู้เรื่อง ปฏิเสธไปแล้วก็ยังตื้อ  คุณอย่าเหมารวม เพราะทุกธุรกิจมันก็มีทั้งเซลล์ที่ดี และ เซลล์ที่ไม่ดี จริงไหม??
เช่นคุณไปที่คลีนิคความงาม วันนี้คุณไม่ทำ สักพักเขาก็จะโทรมาตื้อคุณอยู่ดีให้ทำโน่นทำนี่ หรือว่าวันนี้คุณไม่ซื้อรถ เซลล์ขายรถบางคนก็จะโทรมาตื้อจนกว่า คุณจะซื้อกับเซลล์คนอื่นไปแล้ว และในขณะเดียวกัน ก็มีเซลล์คลีนิคบางคน เซลล์ขายรถบางคนที่เสนอขาย ครั้งเดียว จากนั้นเขาก็ไม่โทรหาคุณอีกเลย หรือว่าเพื่อนคุณพึ่งเปิดร้านอาหารแล้วบางคนก็จะพยายามชวนให้คุณไปกินร้านเขาให้ได้ พูดแล้วพูดอีก  และในขณะเดียวกัน ก็จะมีกลุ่มที่เพื่อนเปิดร้านอาหารเหมือนกัน ชักชวนให้คุณมากินครั้งเดียว ถ้าคุณยังไม่ไปกิน เขาก็ไม่ชวนคุณอีก เขาก็โพสต์รูปอาหารยั่วตายั่วใจเรื่อยๆ ลูกค้าเยอะขึ้น รู้สึกฟีดแบค ลูกค้า ดี คุณเข้าไปกินเอง ดังนั้นไม่ว่าธุรกิจไหนๆก็ตาม เซลล์ หรือ เจ้าของที่ทำหน้าที่เซลล์ด้วย ก็ใช้หลากหลายวิธี มีทั้งวิธีที่คุณชอบ และวิธีที่คุณไม่ชอบ ปนกันไป เพียงแต่ว่าธุรกิจเพื่อนคุณ หรือธุรกิจที่คุณเจอ อาจจะเป็นแบรนด์เลกๆ กลางๆ ฐานลูกค้า หรือคนรู้จัก อาจจะจำกัด คุณเลยเจอใน "รูปแบบกระจาย" เช่น เจอเคสแบบนี้กับเซลล์บริษัทนี้ ที บริษัทนี้ที ทำนิสัยแบบที่คุณ "ไม่ชอบ"

แต่พอกลายเป็นธุรกิจประกัน หรือขายตรง ที่มัน Success ส่วนใหญ่มันใหญ่มาก ดังนั้น นักธุรกิจ หรือเซลล์ก็จะเยอะมากๆๆ ดังนั้น ไม่แปลกใจที่คุณจะพบเจอเซลล์ที่ใช้วิธีที่คุณไม่ชอบ ในแบบเดียวกับกรณีที่เล่าไปในธุรกิจอื่นๆเช่นกัน ดังนั้น "อย่าเหมารวม" ว่าธุรกิจนั้นจะเป็นยังไร คุณสนใจตัวคุณพอว่า คุณต้องการหรือไม่ ถ้าไม่ต้องการ หรือลองไปทำแล้วไม่สำเร็จ ก็อย่าไปเอาตัวเองเป็น บรรทัดฐาน ขวาง คนอื่น เพราะคุณ "อาจจะ" ขัดโอกาสการสร้างรายได้ของคนอื่น หรือยกระดับชีวิตคนอื่น ในสิ่งที่คุณทำไม่ได้ ก็ได้

แถมอีกนิด ถ้าคุณจะบอกว่าเพื่อนไม่ได้เจอกันเป็น 5-10 ปี ไม่เคยคุยกัน อยู่ดีๆทักมาขายประกัน อ้าว ก็สมมุติคุณเปิดร้าน คนที่คุณสนิทจริงๆมีกี่คน อ่ะ เผื่อคุณไม่ได้ทำธุรกิจ อาจไม่เคยเจอสถานการณ์ งั้นยกตัวอย่าง ที่คนแต่งงานแล้วจะเข้าใจ คุณจะจัดงานแต่งงาน แน่นอนคุณใช้เงินเยอะแน่ในการจัดงานแต่งงาน บางคนล้านกว่า ถ้าคุณคิดว่าชวนเฉพาะเพื่อนสนิทคุณคิดว่าค่าซองจะพอไหม??? คุณก็จะต้องมีการทักหาเพื่อนที่ไม่ได้คุยกันหลายปี ให้มาร่วมงาน อย่าหลอกตัวเองนะ ว่านอกจากคำยินดี คุณไม่หวังซอง ให้ขาดทุนน้อยที่สุด หรือ เท่าทุน หรือ กำไร??? ถ้าคุณไม่ได้ทำธุรกิจ คุณน่าจะนึกกรณีเช่นนี้ออก นี่ก็เป็นการขายเช่นกัน ขาย Event คุณจะเรียกสวยหรูยังไงก็ตาม มันคือการขาย เพราะคุณหวังซอง ไม่งั้นคุณก็เขียนชัดๆไปเล้ย "งานฉันไม่รับซอง"  นึกออกรึยัง??
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่