สวัสดีครับผมอยากเอาประสบการณ์ในชีวิตมาเล่าให้พี่น้องในนี้ฟังเพื่อเป็นอุทาหรณ์ และเตือนสติให้กับคู่รักอีกหลายคู่ที่ได้อ่าน เพราะผมก็เคยเป็นคนหาความรู้จากที่นี่
เรื่องมีอยู่ว่า ผมกับแฟนผมรักกันมา 22 ปี เรามีลูกด้วยกันหนึ่งคนเราฝ่าฟันอะไรมาด้วยกันมากมายทั้งสุขและทุกข์ ทุกครั้งที่ผมท้อผมก็ยังมีแฟนและลูก ที่มีกำลังใจในการทำงาน ที่ต้องต่อสู้เพื่อพวกเขา ผมมีแฟนตอนอายุ 17 ตั้งแต่เรียนอยู่ ปวช ด้วยกัน ในชีวิตของผมไม่เคยคบกับผู้หญิงหรือคุยกับผู้หญิงคนไหนเลย จนมาเจอแฟนผม และเกิดเรื่องเมื่อ 7 ปีก่อน ผมได้เข้าไปอ่านเกี่ยวกับเรื่องเที่ยวผู้หญิง(นวดกระปู๋) ซึ่งตอนนั้นเกิดความคึกคนองอยากที่จะลองไปเที่ยว แต่แล้วแฟนผมก็จับได้ว่า ผมโทรเข้าไปที่ร้านที่อยากจะเข้าไป(เวลาที่โทร 5 วินาที สิ่งที่ถามทางร้านมีน้องเข้าร้านหรือยัง) ซึ่งตอนนั้นผมรู้สึกได้ว่ามันผิด มันเหมือนมีจิตใต้สำนึกที่คิดนอกใจแฟนของผม ซึ่งในตอนนั้นแฟนผมไม่ได้ทำอะไรหรือนอกใจผมเลย และแฟนของผมยังเป็นแม่ที่ดีของลูกผมด้วย เลยกลายเป็นปมในใจแฟนผมจนถึงทุกวันนี้ ในเวลานั้นเค้าได้หนีออกจากบ้านไป 2 วัน พร้อมกับลูก ซึ่งผมรู้สึกผิดและโกรธตัวเองสิ่งเดี่ยวที่ทำได้ผมตามหาเข้าทุกที่ๆคิดว่าแฟนผมจะไป เผื่อที่จะอธิบายให้ฟัง ผมโทรหาเขาทุกวินาทีไม่ได้นอนโทรตลอดเวลาหวังว่าแฟนผมจะรับสาย(แต่แล้วเค้าก็รับสายแฟรผมก็ไม่เชื่อเรื่องที่ผมพูด หาว่าผมแก้ตัว) ผมรู้ว่าแฟนผมอยู่ที่ไหนผมขับรถไปรับแฟนกลับบ้านและแล้วเราก็กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม พ่อแม่ลูก ผมรู้ดีว่าถ้าขาดพวกเขาไปผมคงอยู่ไม่ได้ มันเป็นบทเรียนให้ผมจำจนถึงทุกวันนี้เวลาผ่านไปผมทำทุกอย่างที่จะทำให้แฟนผมและลูกมีความสุข ผมตั้งใจทำงานหาเงินที่จะมาใช้จ่ายในครอบครัว ปกติครอบครัวผมเป็นคนฐานะระดับกลาง ส่วนแฟนผมเป็นคนที่สู้ชีวิตและเป็นคนเรียนดี นิสัยดีและยังเก่งภาษา หัวไว ตอนนั้นผมคิดไว้เลยว่าผมคงฝากชีวิตไว้กับแฟนคนนี้ได้และต้องเป็นแม่ที่ดีสำหรับลูกผมๆคงเลือกไม่ผิดคน แฟนของผมครอบครัวแตกแยก พ่อแม่ของแฟนผมเลิกกัน แฟนผมต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยจนจบ ปวช เราก็ไปต่อที่มหาลัยคนละที่ ผมก็ยังคบกับแฟนผมมาโดยตลอดจนจบมหลัย ช่วงที่เรียนแฟนผมเป็นคนเก่งทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ผมก็ช่วยแฟนทำงานเพราะเงินที่กู้เรียนมาไม่พอใช้ ผมก็แบ่งเงินที่ได้จากแม่ผมครึ่งหนึ่งให้เข้าใช้เพราะค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้ ทั้งที่แฟนผมกู้เรียนจนจบมหาลัย และได้ทำงานเลย หนึ่งเดือนต่อมาเราก็ได้แต่งงานกันและมีลูกด้วยกันหนึ่งคน ผมให้แฟนของผมมาเลี้ยงลูกและดูบัญชี ตอนนั้นผมลาออกจากเซล์ขายรถและมาเปิดร้านตกแต่งบ้านซึ่งตอนนั้นหาเงินได้มากมาย ซื้อบ้าน คอนโด รถ ผมทำงานทุกวัน ช่วงนั้นรายได้ดีมาก จนตอนรัฐประหาร อะไรก็ดูแย่ไม่ต่างจากยุคนี้เลย ร้านเริ่มขาดทุน(เปิดหน้าร้านในห้างต้นทุนสูงรายได้น้อยลง)และเงินไม่มีที่จะผ่อนบ้านและคอนโด โดนยึดบ้านและคอนโด ต้องมาเช่าร้านริมถนน ขอยืมเงินพี่สาวเพื่อประคับประคองให้มีรายได้ ทำทุกอย่างเผื่อให้มีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว โดยที่ไม่มีเวลาดูแลลูกและเล่นกับลูกเลย และแล้วความซวยก็ยังไม่หมด เมื่อ 3 ปีที่แล้วผมได้ทราบว่าแฟนของผมเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่3 ผมเสียใจมากและเคลียด หาวิธีที่ได้เงินมาเยอะ ตอนนั้นผมถามตัวเองว่าทำไมไม่เกิดกับผมอยากให้แฟนผมอยู่กับลูกนานๆ และผมก็หาความรู้จากที่นี่เรื่องมะเร็งและเรื่องราวของคนที่เป็นมะเร็งมากมาย ตอนนั้นผมทำทุกอย่างที่จะให้แฟนของผมหายและมีชีวิตอยู่ ผมขอแค่ให้แฟนผมเห็นลูกของเราเรียนจบ มหาลัยก็ยังดี แฟนผมอายุ 34 ผมทำทุกอย่างเผื่อรักษาแฟนผม ฉายแสงคลีโม จากก้อนเนื้อที่ใหญ่ 4 ซน ซึ่งมันค่อนข้างใหญ่แต่แล้วโชคก็ยังเข้าข้าง ก้อนเนื้อได้เล็กลง จากการทำคลีโมและได้ตัดเต้านมทิ้งเพราะว่าอาจจะเป็นซ้ำอีก การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดีแต่คุณหมอก็บอกว่าเซล์มะเร็งยังไม่หมดอาจจะเกิดขึ้นมาส่วนอื่นได้ เราก็ทำการรักษาตอนนั้นแฟนผมน้ำหนักเกินร้อย กก มีโรคเยอะแยะมาก ทั้งความดัน เบาหวาน โรคซึ่มเศร้า แต่ผมไม่ย่อท้อต้องดูแลรักษาแฟนผมให้ดีขึ้น ผมทำงาน 2 ที่เพื่อที่จะหาเงินมาใช้จ่าย และแล้วผมก็ลาออกจากงานธนาคารเพื่อที่จะมาอยู่กับแฟน ไปส่งลูกเรียนและรับลูก อยากใช้ชีวิตครอบครัวให้มีความสุข พอเพียงอยู่อย่างพอมีพอกิน ผมได้ทำงานรับจ้างตกแต่งทุกอย่าง และทำฟราม์แมวขายแมว ปกติแล้วแฟนผมจะขายแมวโดยส่วนใหญ่แฟนผมจะเป็นคนดูแลแมว แฟนผมรักแมวและเลี้ยงมานาน ตั้งแต่ไปผ่าตัดมาแฟนผมไม่สามารถเข้าไปดูแลแมวได้เลยเพราะว่าแพ้ทรายแมว คลีโมอาจมีผล
แฟนผมแพ้หนักมากเกือบทำให้แฟนผมต้องตาย 2 ครั้ง แต่ที่ยังดีผมส่งแฟนไป รพ ได้ทัน ถ้าไม่ทันก็อาจเสียชีวิตแล้ว. และแล้วจุดเริ่มต้นของชีวิตผมก็พัง แฟนผมอยากที่จะไปผ่าตัดกระเพราะ เค้าบอกผมว่าอยากทำก่อนเป็นมะเร็ง(ก่อนโควิค) เพราะว่าถ้าผ่าแล้วโรคเบาหวานความดันจะไม่เป็นอีก ผมก็มองว่าอาจจะทำให้สุขภาพร่างกาย ผมคงคิดว่าคงผ่านความตายมาแล้วอยากจะให้ร่างกายแข็งแรงอยากอยู่กับผมและลูกไปนานๆ แฟนผมเค้าได้ไปศึกษา และก็หา รพ ที่จะผ่าตัดจนไปเจอ. รพ ที่ภูเก็ต และใช้สิทธิของรัฐ ผมจ่ายเงินไม่เกิน หกหมื่นบาท จากแสนกว่าบาท ผมไม่ต้องตัดสินใจเลยผมพาแฟนผมไป ขับรถทั้งคืนเพื่อไปผ่าตัด ผลการฝ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดีเมื่อปีที่แล้ว 3 วันที่อยู่. รพ แล้วก็ขับรถกลับมาเพื่อพักพื้น ช่วงนั้นผมมีชีวิตที่มีความสุขมาก ผมอยากให้แฟนผมมีความสุข มีอยู่วันหนึ่งผมเห็นแฟนผมถ่ายรูปแมวลงในเพจไม่สวยกล้องไม่ชัดผมก็ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้แฟนผม ช่วงนั้นผมรู้สึกได้เลยว่าแฟนผมเปลี่ยนไป เมื่อมีโทรศัพท์เครื่องนี้ วันๆเล่นแต่โทรศัพท์ทั้งวัน และก็คุยกับคนต่างชาติ บางครั้งผมส่งสัยทำมั้ยต้องคุยทั้งวันทั้งคืนเค้าบอกว่าจะได้เก่ง(ภาษา เยอรมัน) ปกติแล้วผมไม่เคยไปยุ่งโทรศัพท์แฟนผมเลยและผมก็ไม่ได้คิดอะไร จนวันหนึ่งผมเริ่มสังเกตุว่าทำมั้ยคุยกับผู้ชายคนนี้บ่อยจัง(ผมไม่ได้นอนห้องเดี่ยวกับแฟนผมมาปีแล้วเพราะลูกเริ่มโตผมก็อยากให้นอนกับแม่ บ้านที่ผมเช่าอยู่ผมจะนอนชั้นล่างแฟนและลูกผมจะนอนชั้นสาม ) คุยจนผมหึงหวงเริ่มทะเลอะกันหนักขึ้นและผมเองรู้ตัวเองว่าโมโหร้าย แต่ไม่เคยใช้กำลังกับแฟนผมเลย จนเป็นสาเหตุของการหย่า แฟนผมเป็นคนขอหย่า ช่วงนั้นตัวผมทั้งโกรธเศร้าทุกอย่างมาพร้อมกันหมด ยังคิดว่าคงเป็นเรื่องไม่จริง แฟนผมพูดเรื่องที่จะไปเที่ยว อดีตเค้าเคยบอกว่าถ้าเขาอยากไปก็จะไปและแล้วแฟนผมก็ทำจริงตอนนั้นเหมือนหมดทุกอย่างในชีวิตผมต้องทำให้ลูกต้องไปพบกับจิตแพท์เพื่อเยียวยา เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเราตกลงกันว่าเราจะอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมแต่สถานะเปลี่ยนไป ผมยังเข้าข้างตัวเองว่าเรายังเป็นครอบครัวเหมือนเดิม ยังรักกันและผมก็ยังแย่เยาะเหมือนที่เคยเป็นมาแต่ก่อน โดนที่ผมไม่รู้ตัวและแล้ว สิ้นเดือน ม.ค. เข้าก็ออกไปพร้อมกับลูก โดยที่ไม่กลับมาอีกเลยจนถึงทุกวันนี้ ผมมารู้ที่หลังว่าแฟนผมเตรียมการทุกอย่างไว้หมอแล้วส่วนลูกผมก็ไปอยู่กับแม่แฟน เพราะว่าลูกกลัวผม ส่วนแฟนของผมไปอยู่ที่เยอรมันกับคนที่คุยด้วย เค้าบอกกับผมว่าเราเป็นเพื่อนกันได้นะ ซึ่งผมทำใจไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ เค้าจะคบกับฝรั่งคนนี้ เมื่อเดือนที่แล้วผมได้ผูกคอตาย ช่วงที่ผมปล่อยมือไปแล้วมันเหมือนในอดีตออกมาในหัวผม มันเหมือนคนหน้ามืดและอยู่ภาพลูกของผมก็ลอยออกมาเรายังไม่ได้บอกลาลูกเลยและผมก็ใช้มือดึงเชือกขึ้นมา (ผมแรงเยอะออกกำลังกายทุกวัน)สิ่งที่ผมคิดผมก็โทรไปหาลูกผมว่า. “อยากให้ป๋ามีอยู่ดูแลหนูมั้ย ลูกผมก็ไม่อยากให้ผมฆ่าตัวตาย”ก่อนหน้าผมได้ส่งภาพและข้อความที่จะลาตาย(วันนั้นผมอยากจะฆ่าแฟนผมและฆ่าตัวเองตายตามแต่ผมสงสารลูก) ไม่อยากให้เค้ามีปมในใจ. ไม่อยากให้เป็นเด็กมีปัญหาเพราะตอนนั้นผมไม่เหลืออะไรเลย แฟนก็ไป ลูกก็ไม่อยู่ เงินผมก็ไม่มี เงินที่ผมหาได้ผมให้ลูกค้าผมโอนเข้าบัญชีแฟนผมหมด ทุกครั้งที่ผมจะใช้เงินผมต้องไปหยิบจากกระเป๋าตังแฟนผม ปัจจุบันแฟนผมก็ยังไม่กลับมาตอนนี้ผมได้แต่เลี้ยงแมวขายแมวให้รอที่แฟนผมจะกลับมา ผมแค่มาแชร์ประสบการณ์ให้ทุกคนได้อ่าน
-ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไงต่อไป
-ผมมันเลวใช่มั้ยที่คิดนอกใจ
ใครเคยโดนแฟนทิ้งบ้าง
เรื่องมีอยู่ว่า ผมกับแฟนผมรักกันมา 22 ปี เรามีลูกด้วยกันหนึ่งคนเราฝ่าฟันอะไรมาด้วยกันมากมายทั้งสุขและทุกข์ ทุกครั้งที่ผมท้อผมก็ยังมีแฟนและลูก ที่มีกำลังใจในการทำงาน ที่ต้องต่อสู้เพื่อพวกเขา ผมมีแฟนตอนอายุ 17 ตั้งแต่เรียนอยู่ ปวช ด้วยกัน ในชีวิตของผมไม่เคยคบกับผู้หญิงหรือคุยกับผู้หญิงคนไหนเลย จนมาเจอแฟนผม และเกิดเรื่องเมื่อ 7 ปีก่อน ผมได้เข้าไปอ่านเกี่ยวกับเรื่องเที่ยวผู้หญิง(นวดกระปู๋) ซึ่งตอนนั้นเกิดความคึกคนองอยากที่จะลองไปเที่ยว แต่แล้วแฟนผมก็จับได้ว่า ผมโทรเข้าไปที่ร้านที่อยากจะเข้าไป(เวลาที่โทร 5 วินาที สิ่งที่ถามทางร้านมีน้องเข้าร้านหรือยัง) ซึ่งตอนนั้นผมรู้สึกได้ว่ามันผิด มันเหมือนมีจิตใต้สำนึกที่คิดนอกใจแฟนของผม ซึ่งในตอนนั้นแฟนผมไม่ได้ทำอะไรหรือนอกใจผมเลย และแฟนของผมยังเป็นแม่ที่ดีของลูกผมด้วย เลยกลายเป็นปมในใจแฟนผมจนถึงทุกวันนี้ ในเวลานั้นเค้าได้หนีออกจากบ้านไป 2 วัน พร้อมกับลูก ซึ่งผมรู้สึกผิดและโกรธตัวเองสิ่งเดี่ยวที่ทำได้ผมตามหาเข้าทุกที่ๆคิดว่าแฟนผมจะไป เผื่อที่จะอธิบายให้ฟัง ผมโทรหาเขาทุกวินาทีไม่ได้นอนโทรตลอดเวลาหวังว่าแฟนผมจะรับสาย(แต่แล้วเค้าก็รับสายแฟรผมก็ไม่เชื่อเรื่องที่ผมพูด หาว่าผมแก้ตัว) ผมรู้ว่าแฟนผมอยู่ที่ไหนผมขับรถไปรับแฟนกลับบ้านและแล้วเราก็กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม พ่อแม่ลูก ผมรู้ดีว่าถ้าขาดพวกเขาไปผมคงอยู่ไม่ได้ มันเป็นบทเรียนให้ผมจำจนถึงทุกวันนี้เวลาผ่านไปผมทำทุกอย่างที่จะทำให้แฟนผมและลูกมีความสุข ผมตั้งใจทำงานหาเงินที่จะมาใช้จ่ายในครอบครัว ปกติครอบครัวผมเป็นคนฐานะระดับกลาง ส่วนแฟนผมเป็นคนที่สู้ชีวิตและเป็นคนเรียนดี นิสัยดีและยังเก่งภาษา หัวไว ตอนนั้นผมคิดไว้เลยว่าผมคงฝากชีวิตไว้กับแฟนคนนี้ได้และต้องเป็นแม่ที่ดีสำหรับลูกผมๆคงเลือกไม่ผิดคน แฟนของผมครอบครัวแตกแยก พ่อแม่ของแฟนผมเลิกกัน แฟนผมต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยจนจบ ปวช เราก็ไปต่อที่มหาลัยคนละที่ ผมก็ยังคบกับแฟนผมมาโดยตลอดจนจบมหลัย ช่วงที่เรียนแฟนผมเป็นคนเก่งทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ผมก็ช่วยแฟนทำงานเพราะเงินที่กู้เรียนมาไม่พอใช้ ผมก็แบ่งเงินที่ได้จากแม่ผมครึ่งหนึ่งให้เข้าใช้เพราะค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้ ทั้งที่แฟนผมกู้เรียนจนจบมหาลัย และได้ทำงานเลย หนึ่งเดือนต่อมาเราก็ได้แต่งงานกันและมีลูกด้วยกันหนึ่งคน ผมให้แฟนของผมมาเลี้ยงลูกและดูบัญชี ตอนนั้นผมลาออกจากเซล์ขายรถและมาเปิดร้านตกแต่งบ้านซึ่งตอนนั้นหาเงินได้มากมาย ซื้อบ้าน คอนโด รถ ผมทำงานทุกวัน ช่วงนั้นรายได้ดีมาก จนตอนรัฐประหาร อะไรก็ดูแย่ไม่ต่างจากยุคนี้เลย ร้านเริ่มขาดทุน(เปิดหน้าร้านในห้างต้นทุนสูงรายได้น้อยลง)และเงินไม่มีที่จะผ่อนบ้านและคอนโด โดนยึดบ้านและคอนโด ต้องมาเช่าร้านริมถนน ขอยืมเงินพี่สาวเพื่อประคับประคองให้มีรายได้ ทำทุกอย่างเผื่อให้มีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว โดยที่ไม่มีเวลาดูแลลูกและเล่นกับลูกเลย และแล้วความซวยก็ยังไม่หมด เมื่อ 3 ปีที่แล้วผมได้ทราบว่าแฟนของผมเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่3 ผมเสียใจมากและเคลียด หาวิธีที่ได้เงินมาเยอะ ตอนนั้นผมถามตัวเองว่าทำไมไม่เกิดกับผมอยากให้แฟนผมอยู่กับลูกนานๆ และผมก็หาความรู้จากที่นี่เรื่องมะเร็งและเรื่องราวของคนที่เป็นมะเร็งมากมาย ตอนนั้นผมทำทุกอย่างที่จะให้แฟนของผมหายและมีชีวิตอยู่ ผมขอแค่ให้แฟนผมเห็นลูกของเราเรียนจบ มหาลัยก็ยังดี แฟนผมอายุ 34 ผมทำทุกอย่างเผื่อรักษาแฟนผม ฉายแสงคลีโม จากก้อนเนื้อที่ใหญ่ 4 ซน ซึ่งมันค่อนข้างใหญ่แต่แล้วโชคก็ยังเข้าข้าง ก้อนเนื้อได้เล็กลง จากการทำคลีโมและได้ตัดเต้านมทิ้งเพราะว่าอาจจะเป็นซ้ำอีก การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดีแต่คุณหมอก็บอกว่าเซล์มะเร็งยังไม่หมดอาจจะเกิดขึ้นมาส่วนอื่นได้ เราก็ทำการรักษาตอนนั้นแฟนผมน้ำหนักเกินร้อย กก มีโรคเยอะแยะมาก ทั้งความดัน เบาหวาน โรคซึ่มเศร้า แต่ผมไม่ย่อท้อต้องดูแลรักษาแฟนผมให้ดีขึ้น ผมทำงาน 2 ที่เพื่อที่จะหาเงินมาใช้จ่าย และแล้วผมก็ลาออกจากงานธนาคารเพื่อที่จะมาอยู่กับแฟน ไปส่งลูกเรียนและรับลูก อยากใช้ชีวิตครอบครัวให้มีความสุข พอเพียงอยู่อย่างพอมีพอกิน ผมได้ทำงานรับจ้างตกแต่งทุกอย่าง และทำฟราม์แมวขายแมว ปกติแล้วแฟนผมจะขายแมวโดยส่วนใหญ่แฟนผมจะเป็นคนดูแลแมว แฟนผมรักแมวและเลี้ยงมานาน ตั้งแต่ไปผ่าตัดมาแฟนผมไม่สามารถเข้าไปดูแลแมวได้เลยเพราะว่าแพ้ทรายแมว คลีโมอาจมีผล
แฟนผมแพ้หนักมากเกือบทำให้แฟนผมต้องตาย 2 ครั้ง แต่ที่ยังดีผมส่งแฟนไป รพ ได้ทัน ถ้าไม่ทันก็อาจเสียชีวิตแล้ว. และแล้วจุดเริ่มต้นของชีวิตผมก็พัง แฟนผมอยากที่จะไปผ่าตัดกระเพราะ เค้าบอกผมว่าอยากทำก่อนเป็นมะเร็ง(ก่อนโควิค) เพราะว่าถ้าผ่าแล้วโรคเบาหวานความดันจะไม่เป็นอีก ผมก็มองว่าอาจจะทำให้สุขภาพร่างกาย ผมคงคิดว่าคงผ่านความตายมาแล้วอยากจะให้ร่างกายแข็งแรงอยากอยู่กับผมและลูกไปนานๆ แฟนผมเค้าได้ไปศึกษา และก็หา รพ ที่จะผ่าตัดจนไปเจอ. รพ ที่ภูเก็ต และใช้สิทธิของรัฐ ผมจ่ายเงินไม่เกิน หกหมื่นบาท จากแสนกว่าบาท ผมไม่ต้องตัดสินใจเลยผมพาแฟนผมไป ขับรถทั้งคืนเพื่อไปผ่าตัด ผลการฝ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดีเมื่อปีที่แล้ว 3 วันที่อยู่. รพ แล้วก็ขับรถกลับมาเพื่อพักพื้น ช่วงนั้นผมมีชีวิตที่มีความสุขมาก ผมอยากให้แฟนผมมีความสุข มีอยู่วันหนึ่งผมเห็นแฟนผมถ่ายรูปแมวลงในเพจไม่สวยกล้องไม่ชัดผมก็ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้แฟนผม ช่วงนั้นผมรู้สึกได้เลยว่าแฟนผมเปลี่ยนไป เมื่อมีโทรศัพท์เครื่องนี้ วันๆเล่นแต่โทรศัพท์ทั้งวัน และก็คุยกับคนต่างชาติ บางครั้งผมส่งสัยทำมั้ยต้องคุยทั้งวันทั้งคืนเค้าบอกว่าจะได้เก่ง(ภาษา เยอรมัน) ปกติแล้วผมไม่เคยไปยุ่งโทรศัพท์แฟนผมเลยและผมก็ไม่ได้คิดอะไร จนวันหนึ่งผมเริ่มสังเกตุว่าทำมั้ยคุยกับผู้ชายคนนี้บ่อยจัง(ผมไม่ได้นอนห้องเดี่ยวกับแฟนผมมาปีแล้วเพราะลูกเริ่มโตผมก็อยากให้นอนกับแม่ บ้านที่ผมเช่าอยู่ผมจะนอนชั้นล่างแฟนและลูกผมจะนอนชั้นสาม ) คุยจนผมหึงหวงเริ่มทะเลอะกันหนักขึ้นและผมเองรู้ตัวเองว่าโมโหร้าย แต่ไม่เคยใช้กำลังกับแฟนผมเลย จนเป็นสาเหตุของการหย่า แฟนผมเป็นคนขอหย่า ช่วงนั้นตัวผมทั้งโกรธเศร้าทุกอย่างมาพร้อมกันหมด ยังคิดว่าคงเป็นเรื่องไม่จริง แฟนผมพูดเรื่องที่จะไปเที่ยว อดีตเค้าเคยบอกว่าถ้าเขาอยากไปก็จะไปและแล้วแฟนผมก็ทำจริงตอนนั้นเหมือนหมดทุกอย่างในชีวิตผมต้องทำให้ลูกต้องไปพบกับจิตแพท์เพื่อเยียวยา เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเราตกลงกันว่าเราจะอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมแต่สถานะเปลี่ยนไป ผมยังเข้าข้างตัวเองว่าเรายังเป็นครอบครัวเหมือนเดิม ยังรักกันและผมก็ยังแย่เยาะเหมือนที่เคยเป็นมาแต่ก่อน โดนที่ผมไม่รู้ตัวและแล้ว สิ้นเดือน ม.ค. เข้าก็ออกไปพร้อมกับลูก โดยที่ไม่กลับมาอีกเลยจนถึงทุกวันนี้ ผมมารู้ที่หลังว่าแฟนผมเตรียมการทุกอย่างไว้หมอแล้วส่วนลูกผมก็ไปอยู่กับแม่แฟน เพราะว่าลูกกลัวผม ส่วนแฟนของผมไปอยู่ที่เยอรมันกับคนที่คุยด้วย เค้าบอกกับผมว่าเราเป็นเพื่อนกันได้นะ ซึ่งผมทำใจไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ เค้าจะคบกับฝรั่งคนนี้ เมื่อเดือนที่แล้วผมได้ผูกคอตาย ช่วงที่ผมปล่อยมือไปแล้วมันเหมือนในอดีตออกมาในหัวผม มันเหมือนคนหน้ามืดและอยู่ภาพลูกของผมก็ลอยออกมาเรายังไม่ได้บอกลาลูกเลยและผมก็ใช้มือดึงเชือกขึ้นมา (ผมแรงเยอะออกกำลังกายทุกวัน)สิ่งที่ผมคิดผมก็โทรไปหาลูกผมว่า. “อยากให้ป๋ามีอยู่ดูแลหนูมั้ย ลูกผมก็ไม่อยากให้ผมฆ่าตัวตาย”ก่อนหน้าผมได้ส่งภาพและข้อความที่จะลาตาย(วันนั้นผมอยากจะฆ่าแฟนผมและฆ่าตัวเองตายตามแต่ผมสงสารลูก) ไม่อยากให้เค้ามีปมในใจ. ไม่อยากให้เป็นเด็กมีปัญหาเพราะตอนนั้นผมไม่เหลืออะไรเลย แฟนก็ไป ลูกก็ไม่อยู่ เงินผมก็ไม่มี เงินที่ผมหาได้ผมให้ลูกค้าผมโอนเข้าบัญชีแฟนผมหมด ทุกครั้งที่ผมจะใช้เงินผมต้องไปหยิบจากกระเป๋าตังแฟนผม ปัจจุบันแฟนผมก็ยังไม่กลับมาตอนนี้ผมได้แต่เลี้ยงแมวขายแมวให้รอที่แฟนผมจะกลับมา ผมแค่มาแชร์ประสบการณ์ให้ทุกคนได้อ่าน
-ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไงต่อไป
-ผมมันเลวใช่มั้ยที่คิดนอกใจ