สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแบ่งปันประสบการณ์การเอาสารไบโอออกจากจมูกค่ะ
เริ่มต้นคือเมื่อประมาณ14ปีที่แล้วเราได้ไปฉีดจมูกที่คลีนิกแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว โดยทราบว่าสารที่ใช้ฉีดจมูกคือสารไบโอ ตอนนั้นที่ตัดสินใจฉีดจมูกแทนการเสริมซิลิโคนเพราะคำบอกเล่าที่ว่าฉีดแล้วโด่งเลย สวยเลย ไม่ต้องพักฟื้นและเพื่อนๆที่ไปฉีดมาก็ไม่มีปัญหาอะไรเราเลยสนใจเพราะงานของเราขอวันหยุดยากมาก ผลที่ได้คือจมูกโด่งขึ้นแต่ทรงไม่สวยอย่างที่คิดอ้วน ๆ กลม ๆ หลังจากนั้นหลายปีจึงไปฉีดฟิลเลอร์เพิ่มอีก2ครั้ง จนโด่งและได้ทรงจมูกที่ต้องการ สุดท้ายในยุคที่ฮิตจมูกทรงหยดน้ำ เราก็ไปเติมปลายจมูกโดยใช้กระดูกอ่อนหลังหู เป็นอันจบได้รูปทรงจมูกที่ต้องการ
หลังจากนั้นหลายปีไม่มีปัญหาอะไรและเราก็ไม่ได้ทำอะไรกับจมูกอีก จนหลัง ๆ เผลอไปกระแทกจมูกหลายครั้ง ระยะหลังจมูกเริ่มบวมแดงง่าย ผิวจมูกเริ่มบางใส มีเส้นเลือดฝอยขึ้นที่ดั้งจมูกและเริ่มเจ็บแปลบที่ปลายจมูก (ความจริงอยากแก้จมูกมาตลอด แต่รู้มาว่าแก้จมูกฉีดสารเป็นเรื่องใหญ่และเสี่ยงหลายอย่าง ถ้ามันไม่มีปัญหาอะไรก็ไม่ต้องยุ่งกับมัน) แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ถ้าทิ้งไว้ไม่จมูกทะลุก็เน่าแน่ ๆ เราจึงหาข้อมูลและตระเวนปรึกษากับคลีนิกหลายแห่ง แต่ก็ไม่มีที่ไหนรับประกันได้ว่าจะแก้ปัญหาของเราได้ บางที่บอกว่าขูดครั้งเดียวไม่จบ ต้องมาขูดเรื่อยๆ แค่คิดก็ไม่ไหวแล้ว แล้วจมูกเราจะรับความเสียหายได้มากแค่ไหน บางที่ก็ไม่รับแก้เลย บอกตรง ๆ ว่าเครียดมาก รู้สึกสิ้นหวังT_T แล้วเราก็ได้มาเจอรีวิวแก้จมูกฉีดสารที่ณพลักษณ์คลีนิก ศึกษาข้อมูลได้สักพักก็ตัดสินใจเข้าไปปรึกษาที่คลีนิก
วันที่เข้าไปปรึกษาทางคลีนิกมีเอกสารให้เราอ่านก่อนอย่างละเอียดและได้พบกับคุณเฟียต(ภรรยาคุณหมออรรธพันธ์) คุณเฟียตดูสภาพจมูกเราและอธิบายทุกอย่างให้ฟังอย่างละเอียดพร้อมประเมินค่าผ่าตัด เคสเราคุณเฟียตบอกว่าไม่น่าจะได้เสริมซิลิโคนเพราะผิวจมูกบางมาก อาจจะต้องผ่าตัดรอบสองเพื่อปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ (เคสเราค่าเสียหาย160,000+ปลูกถ่ายอีก1แสน) ยอมรับว่าตอนแรกก็คิดว่าแพงมาก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจผ่า เราได้ผ่าวันที่26 ก.พ. 64 ก่อนผ่าตัดคุณหมอได้ให้ยาป้องกันการติดเชื้อมาทาน, ไปตรวจโควิทและแจ้งผลคุณหมอภายใน24ชั่วโมง
- 26 ก.พ. 64 ขั้นตอนผ่าตัดก็เหมือนหลายกระทู้ที่เพื่อน ๆ เคยได้อ่านคือล้างหน้า5รอบ แปรงฟัน2รอบและใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ด้วยเพราะการผ่าตัดใช้เวลาค่อนข้างนาน เรื่องความสะอาดไม่ต้องพูดถึง แล้วก็เริ่มฉีดยาชาค่ะ คุณหมอมือเบาสมคำร่ำลือจริง ๆ เจ็บแค่เข็มแรก ๆ แต่เจ็บนิดเดียวเหมือนฉีดสิว ระหว่างผ่าคุณหมอจะชวนคุยตลอดบอกว่าสภาพจมูกเป็นยังไงบ้าง มีตรงไหนเสียหายบ้าง ของเรากระดูกอ่อนปลายจมูกแตกจากการเย็บกระดูกอ่อน รู้สึกตัวอีกทีก็เสร็จแล้ว ใช้เวลาประมาณ6ชั่วโมง คุณหมอเอาสารฉีดออกได้98% เคสเราไม่ได้เสริมแท่งจริง ๆ อย่างที่ประเมินไว้ เพราะผิวหนังบางมาก ถ้าเสริมซิลิโคนไปอาจจะทะลุ ตอนแรกก็แอบเสียใจอยู่บ้างเหมือนกันแต่คิดในแง่ดีเราโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้เอาสารอันตรายออกจากร่างกายโดยที่ผิวจมูกไม่เสียหายเลย ของเรามีขวดเดรนเลือดติดตัวมาด้วย หลังผ่าตัดคุณหมอให้ดูสารฉีดที่เอาออกมาจากจมูกและแนะนำวิธีปฏิบัติตัวหลังผ่า วันที่4มี.ค 64 เอาขวดเดรนเลือดออกและรอปลูกถ่ายเนื้อเยื่อวันที่6 มี.ค.64
ตอนนี้เราได้ผ่าตัดปลูกถ่ายเนื้อเยื่อแล้ว กำลังรักษาตัวอยู่ค่ะ ความกังวล ความทุกข์ใจทุกครั้งที่ส่องกระจกหายไปหมดแล้วเหมือนยกภูเขาออกจากอก ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เริ่มปรึกษาจนถึงวันนี้คุณหมอและคุณเฟียตให้คำปรึกษาแนะนำอย่างใกล้ชิด (เรามีปัญหาเรื่องภูมิแพ้ คัดจมูกด้วย) แนะนำอาหารการกิน วิธีปฏิบัติตัวเพื่อให้เป็นผลดีกับแผลกับการสร้างเนื้อเยื่อของเรามากที่สุด กระทู้นี้เราตั้งใจเขียนขึ้นเพราะไม่อยากให้ใครต้องทุกข์ใจแบบเรา อย่าปล่อยปัญหาทิ้งไว้นานนะคะ ของเราปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป รู้ตัวอีกทีก็เกือบสายไปแล้วTT เราไม่เคยเขียนแชร์ประสบการณ์หรือรีวิวอะไรที่ไหนมาก่อน แต่คิดว่าประสบการณ์ของเราครั้งนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ หลายคน ถ้าผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วยค่ะ สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ ที่มีปัญหาเดียวกันนะคะ ขอบคุณค่ะ
แก้จมูกฉีดสารที่ณพลักษณ์คลีนิก
เริ่มต้นคือเมื่อประมาณ14ปีที่แล้วเราได้ไปฉีดจมูกที่คลีนิกแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว โดยทราบว่าสารที่ใช้ฉีดจมูกคือสารไบโอ ตอนนั้นที่ตัดสินใจฉีดจมูกแทนการเสริมซิลิโคนเพราะคำบอกเล่าที่ว่าฉีดแล้วโด่งเลย สวยเลย ไม่ต้องพักฟื้นและเพื่อนๆที่ไปฉีดมาก็ไม่มีปัญหาอะไรเราเลยสนใจเพราะงานของเราขอวันหยุดยากมาก ผลที่ได้คือจมูกโด่งขึ้นแต่ทรงไม่สวยอย่างที่คิดอ้วน ๆ กลม ๆ หลังจากนั้นหลายปีจึงไปฉีดฟิลเลอร์เพิ่มอีก2ครั้ง จนโด่งและได้ทรงจมูกที่ต้องการ สุดท้ายในยุคที่ฮิตจมูกทรงหยดน้ำ เราก็ไปเติมปลายจมูกโดยใช้กระดูกอ่อนหลังหู เป็นอันจบได้รูปทรงจมูกที่ต้องการ
หลังจากนั้นหลายปีไม่มีปัญหาอะไรและเราก็ไม่ได้ทำอะไรกับจมูกอีก จนหลัง ๆ เผลอไปกระแทกจมูกหลายครั้ง ระยะหลังจมูกเริ่มบวมแดงง่าย ผิวจมูกเริ่มบางใส มีเส้นเลือดฝอยขึ้นที่ดั้งจมูกและเริ่มเจ็บแปลบที่ปลายจมูก (ความจริงอยากแก้จมูกมาตลอด แต่รู้มาว่าแก้จมูกฉีดสารเป็นเรื่องใหญ่และเสี่ยงหลายอย่าง ถ้ามันไม่มีปัญหาอะไรก็ไม่ต้องยุ่งกับมัน) แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ถ้าทิ้งไว้ไม่จมูกทะลุก็เน่าแน่ ๆ เราจึงหาข้อมูลและตระเวนปรึกษากับคลีนิกหลายแห่ง แต่ก็ไม่มีที่ไหนรับประกันได้ว่าจะแก้ปัญหาของเราได้ บางที่บอกว่าขูดครั้งเดียวไม่จบ ต้องมาขูดเรื่อยๆ แค่คิดก็ไม่ไหวแล้ว แล้วจมูกเราจะรับความเสียหายได้มากแค่ไหน บางที่ก็ไม่รับแก้เลย บอกตรง ๆ ว่าเครียดมาก รู้สึกสิ้นหวังT_T แล้วเราก็ได้มาเจอรีวิวแก้จมูกฉีดสารที่ณพลักษณ์คลีนิก ศึกษาข้อมูลได้สักพักก็ตัดสินใจเข้าไปปรึกษาที่คลีนิก
วันที่เข้าไปปรึกษาทางคลีนิกมีเอกสารให้เราอ่านก่อนอย่างละเอียดและได้พบกับคุณเฟียต(ภรรยาคุณหมออรรธพันธ์) คุณเฟียตดูสภาพจมูกเราและอธิบายทุกอย่างให้ฟังอย่างละเอียดพร้อมประเมินค่าผ่าตัด เคสเราคุณเฟียตบอกว่าไม่น่าจะได้เสริมซิลิโคนเพราะผิวจมูกบางมาก อาจจะต้องผ่าตัดรอบสองเพื่อปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ (เคสเราค่าเสียหาย160,000+ปลูกถ่ายอีก1แสน) ยอมรับว่าตอนแรกก็คิดว่าแพงมาก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจผ่า เราได้ผ่าวันที่26 ก.พ. 64 ก่อนผ่าตัดคุณหมอได้ให้ยาป้องกันการติดเชื้อมาทาน, ไปตรวจโควิทและแจ้งผลคุณหมอภายใน24ชั่วโมง
- 26 ก.พ. 64 ขั้นตอนผ่าตัดก็เหมือนหลายกระทู้ที่เพื่อน ๆ เคยได้อ่านคือล้างหน้า5รอบ แปรงฟัน2รอบและใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ด้วยเพราะการผ่าตัดใช้เวลาค่อนข้างนาน เรื่องความสะอาดไม่ต้องพูดถึง แล้วก็เริ่มฉีดยาชาค่ะ คุณหมอมือเบาสมคำร่ำลือจริง ๆ เจ็บแค่เข็มแรก ๆ แต่เจ็บนิดเดียวเหมือนฉีดสิว ระหว่างผ่าคุณหมอจะชวนคุยตลอดบอกว่าสภาพจมูกเป็นยังไงบ้าง มีตรงไหนเสียหายบ้าง ของเรากระดูกอ่อนปลายจมูกแตกจากการเย็บกระดูกอ่อน รู้สึกตัวอีกทีก็เสร็จแล้ว ใช้เวลาประมาณ6ชั่วโมง คุณหมอเอาสารฉีดออกได้98% เคสเราไม่ได้เสริมแท่งจริง ๆ อย่างที่ประเมินไว้ เพราะผิวหนังบางมาก ถ้าเสริมซิลิโคนไปอาจจะทะลุ ตอนแรกก็แอบเสียใจอยู่บ้างเหมือนกันแต่คิดในแง่ดีเราโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้เอาสารอันตรายออกจากร่างกายโดยที่ผิวจมูกไม่เสียหายเลย ของเรามีขวดเดรนเลือดติดตัวมาด้วย หลังผ่าตัดคุณหมอให้ดูสารฉีดที่เอาออกมาจากจมูกและแนะนำวิธีปฏิบัติตัวหลังผ่า วันที่4มี.ค 64 เอาขวดเดรนเลือดออกและรอปลูกถ่ายเนื้อเยื่อวันที่6 มี.ค.64
ตอนนี้เราได้ผ่าตัดปลูกถ่ายเนื้อเยื่อแล้ว กำลังรักษาตัวอยู่ค่ะ ความกังวล ความทุกข์ใจทุกครั้งที่ส่องกระจกหายไปหมดแล้วเหมือนยกภูเขาออกจากอก ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เริ่มปรึกษาจนถึงวันนี้คุณหมอและคุณเฟียตให้คำปรึกษาแนะนำอย่างใกล้ชิด (เรามีปัญหาเรื่องภูมิแพ้ คัดจมูกด้วย) แนะนำอาหารการกิน วิธีปฏิบัติตัวเพื่อให้เป็นผลดีกับแผลกับการสร้างเนื้อเยื่อของเรามากที่สุด กระทู้นี้เราตั้งใจเขียนขึ้นเพราะไม่อยากให้ใครต้องทุกข์ใจแบบเรา อย่าปล่อยปัญหาทิ้งไว้นานนะคะ ของเราปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป รู้ตัวอีกทีก็เกือบสายไปแล้วTT เราไม่เคยเขียนแชร์ประสบการณ์หรือรีวิวอะไรที่ไหนมาก่อน แต่คิดว่าประสบการณ์ของเราครั้งนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ หลายคน ถ้าผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วยค่ะ สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ ที่มีปัญหาเดียวกันนะคะ ขอบคุณค่ะ