ย้อนรอยที่มาของตราสัญลักษณ์ ไอ้ปืนใหญ่อาเซนอล ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน


 การเดินทางของสโมสร อาร์เซนอล
“ ชัยชนะเกิดขึ้นจากการร่วมมือกัน”
.
.
.
 ทางแอดมินได้ย้อนประวัติ ของสองทีมยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษไปก่อนหน้านี้แล้ว วันนี้ทางแอดมินจะขอยกอีกหนึ่งทีมจากเกาะอังกฤษ สโมสรที่มีชื่อว่า อาร์เซนอลหรือฉายา เดอะกันเนอร์ ที่ทุกคนรู้จักนั่นเอง
.
.
.
 อาร์เซนอล ถึงแม้ว่าผลงานในปัจจุบันจะไม่เป็นที่น่าประทับใจของสาวกมากนัก แต่ในอดีตพวกเขา
ถือเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่เลยแหละ ทำให้วันนี้เราต้องมาเล่าถึงความเป็นมาของสโมสร อาร์เซนอลกันอีกครั้ง
.
.
 ย้อนไปเมื่อปี 1886 ยุคแรกของสโมสร มีกลุ่มคนงานโรงงานผลิตอาวุธรอยัลอาร์เซนอล ในย่านวูวิชแห่งกรุงลอนดอนได้ร่วมก่อตั้งทีมฟุตบอลในนามสโมสรไดอัลสแควร์ การแข่งขันครั้งแรกของพวกเขา คือการเจอกับทีม อีสเทิร์น วันเดอเรอร์ส และเป็นฝ่ายทีมคนงานไดอัลสแควร์ ที่เก็บชัยชนะไป 6-0 หลังจากนั้นได้ไม่นานสโมสร ไดอัลสแควร์ ก็ได้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น รอยัลอาร์เซนอล และยังคงแข่งขันเกมรายการท้องถิ่นเช่นเดิม
.
.
 ในปี 1888 สโมสรก็ได้สร้างตราสัญลักษณ์ขึ้นมาเป็นครั้งแรก โดยได้แรงบันดาลใจจากย่านวูวิชซึ่งเป็นที่ตั้งของพวกเขานั่นเอง
.
.
 ต่อมาเมื่อปี 1891 สโมสร รอยัลอาร์เซนอล ได้ก้าวขึ้นสู่ระดับฟุตบอลอาชีพ และได้ทำการเปลี่ยนชื่อสโมสรอีกครั้งเป็น วูวิชอาร์เซนอล
โดยได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกในดิวิชั่น 2 เป็นครั้งแรกในปี1893 และพวกเขาใช้เวลา 10ปีก้าวขึ้นสู่ลีกสูงสุดอย่างดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จในปี 1904
แต่ด้วยช่วงยุคแรกๆนี้ พวกเขาประสบปัญหาทางการเงินทำให้เกือบต้องยุบทีมแต่โชคดีที่ เฮนรี่ นอร์ริสนักธุรกิจแห่งกรุงลอนดอลได้เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร และนี้คือจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่
.
.
 ปี1913 วูลิชอาร์เซนอลได้ตกชั้นกลับสู่ดิวิชั่น2 พวกเขาจึงตัดสินใจย้ายสนาม อาร์เซนอลสเตเดียมไปอยู่ย่านไฮบิวรี่ ลอนดอนเหนือ และตัดสินใจ ตัดคำว่า วูลิช ออกจากชื่อสโมสร
จึงเหลือเพียงชื่อสโมสรฟุตบอล อาร์เซนอล ที่ทุกคนรู้จักกันมาจนถึงทุกวันนี้
.
.
 หลังจากสโมสรได้ย้ายมาอยู่ ลอนดอนเหนือเป็นที่เรียบร้อย ตราสโมสรก็ได้ถูกเปลี่ยนอีกครั้งแต่ยังคง ปืนใหญ่ 3 กระบอกบนตราสัญลักษณ์เหมือนเดิม
.
.
 จากสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้จบลงในปี1919 หลังจากยุติการแข่งขันไป 5 ปี สมาคมฟุตบอลอังกฤษได้ประกาศเพิ่มทีมในดิวิชั่น 1 จากเดิม 20 ทีมมาเป็น 22 ทีม
.
.
 โดยอาร์เซนอลได้อันดับที่ 5 ในฟุตบอลดิวิชั่น 2 ในฤดูกาล1914 -1915 (ฤดูกาลสุดท้ายก่อนจะหยุดแข่งขัน) ดังนั้นพวกเขาจึงได้โควต้า
กลับขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 อีกครั้ง นับจากการเลื่อนชั้นครั้งนี้ พวกเขาก็ไม่เคยตกชั้นอีกเลย (การได้มาซึ่งโควต้าเลื่อนชั้นในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งระหว่างสโมสรอาเซนอลและท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เพราะทีมร่วมเมืองลอนดอนมองว่าสิทธิ์ในการเลื่อนชั้นควรเป็นของพวกเขา แต่กลับเป็นอาร์เซนอลที่ได้ไปด้วยเหตุผลทางการเมือง)
.
.
 ปี 1922 พวกเขาทำการเปลี่ยนตราสโมสรอีกครั้งโดยลดจำนวนกระบอกปืนใหญ่ในตราสัญลักษณ์ให้เหลือเพียงกระบอกเดียว โดยเหตุผลที่ยังคงรูปปืนใหญ่ไว้เพื่อเป็นการเชิดชูและระลึกถึงความภาคภูมิใจของชาววูลิชอาร์เซนอล แต่ตราสโมสรอันนี้ถูกใช้เพียง 3 ฤดูกาลเท่านั้นก่อนที่จะถูกเปลี่ยนอีกครั้งในปี1925
.
.
 ในปีนี้ ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงเลยก็ว่าได้ เมื่อสโมสรได้แต่งตั้งให้
เฮอร์เบิร์ต แชปแมน เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม โดยก่อนหน้านี้ แชปแมนได้พา ฮัดเดอร์ฟิลด์ทาวน์ คว้าแชมป์ลีก 2 สมัยซ้อนในฤดูกาล 1923/24 และ 1924/25 ก่อนที่จะมารับตำแหน่งกับอาร์เซนอล นอกจากได้ผู้จัดการทีมคนใหม่แล้ว สโมสรก็ได้ตราสัญลักษณ์ใหม่เช่นกัน โดยยังคงรูปวงรีแบบเดิมและ ลดขนาดกระบอกปืนใหญ่ให้เล็กลง และกลับข้างปลายกระบอกปืนไปอีกฝั่ง
.
.
 ในช่วงที่ แชปแมน ได้มาคุมทีมนั้นเขาได้พาเดอะกันเนอร์ส ก้าวสู่ความยิ่งใหญ่โดยพาสโมสรคว้าแชมป์เอฟเอคัพ 1929/30 และ แชมป์ลีก 2 ฤดูกาลติดต่อกัน ในปี 1930/31 และ 1932/33 หลังจากแชปแมนพาทีมขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ไม่นาน ก็ได้เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจอย่างไม่คาดคิดเมื่อ แชปแมนได้เสียชีวิตอย่างกระทันหันด้วยโรคปอดบวม ทำให้สโมสรต้องแต่งตั้ง โจ ชอว์ และ จอร์จ อัลลิสัน เข้ามารับช่วงต่อจากแชปแมนอย่างฉุกละหุก ก่อนที่ทั้งสองจะช่วยกันสานต่อความยิ่งใหญ่ พาเดอะกันเนอร์สคว้า แชมป์ลีก 3 สมัยและ เอฟเอคัพอีก 1 สมัย
.
.
 แต่สโมสรก็ครองความยิ่งใหญ่บนเกาะอังกฤษได้เพียงไม่นาน หลังจากนั้นผลงานของพวกเขาก็ตกลงเรื่อยๆ ก่อนที่ฟุตบอลทุกรายการจะถูกยุติด้วยสงครามโลกครั้งที่ 2
.
.
 เมื่อสงครามโลกได้จบลง ทอม วิทเทคเกอร์ ได้สืบทอดตำแหน่งของอัลลิสันต่อ เขาบริหารสโมสรให้กลับมาประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ลีกได้อีกครั้งในในฤดูกาล 1947/48
ในขณะที่ตราสโมสรก็ถูกเปลี่ยนหลังจากคว้าแชมป์ได้ไม่นาน
.
.
 การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นปี 1949 โดยครั้งนี้ถือว่าเปลี่ยนรูปลักษณ์ ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ โดยการใช้รูปโล่เป็นพื้นหลังและมีสัญลักษณ์ปืนใหญ่ต้นกำเนิดพวกเขาอยู่ตรงกลาง นอกจากนี้ยังเพิ่มตัวอักษรซึ่งแสดงถึงความสำคัญของบรรดาสาวกเดอะกันเนอร์ส โดยสโมสรได้เพิ่มคำภาษาลาตินลงในตราสโมสรว่า “ Victoria Concordia Crescit ” ซึ่งความหมายคือ “ ชัยชนะเกิดขึ้นจากความสามัคคี”
.
.
 ผ่านมา 53 ปีสโมสรได้เดินทางเข้าสู่ยุคของ อาร์แซน แวงเกอร์ปรมากุญซือชาวฝรั่งเศส และตราสโมสรได้ถูกเปลี่ยนใน ปี 2001 ครั้งนี้ได้เปลี่ยน
ให้ดูดีขึ้นจาก 53 ปีที่ผ่านมา ด้วยการตลาดที่เข้ามาทำให้ตราสัญลักษณ์ ถูกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแทนสีทอง และตัวหนังสือก็เขียนให้อ่านง่ายขึ้น
.
.
 1 ปีผ่านมาตราสโมสรได้ถูกเปลี่ยนอีกครั้ง ครั้งนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายของสโมสร การย้ายฐานทัพมาสู่เอมิเรตส์สเตเดี้ยม และปรับเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ของเดอะกันเนอร์ส ให้ดูทันสมัยมากขึ้น
โดยคงคอนเซปเดิมที่เป็น ปืนใหญ่และโล่ไว้แต่ได้ตัดคำออก และตราสโมสรนี้ถูกใช้มาจนถึงปัจจุบัน
.
.
 จากประวัติศาสตร์ 100 ปีของสโมสรที่ถูกสร้างมาจากความสามัคคีของคนในท้องถิ่นนั้นด้วยพลังนี้ทำให้สโมสรอันเป็นที่รักของพวกเขายิ่งใหญ่ พวกเขาได้ผ่านเรื่องราวทั้งร้ายและดี ผ่านจุดสูงสุดและจุดตกต่ำมาแล้ว
.
.
 ประสบการณ์เหล่านี้ได้หล่อหลอมให้สโมสรที่มีชื่อว่าอาร์เซนอลหรือที่ชาวไทยเรียกกันว่าปืนใหญ่ ได้รู้ว่าไม่ว่าสถานะการณ์ในปัจจุบันจะดีหรือไม่ดีแค่ไหนเดอะกันเนอร์ส ยังคงอยู่ในใจสาวกทุกคนตลอดไป 
.
#Goalstorm #โกลสตรอม #อาร์เซนอล #ฟุตบอลโลก2022 #เซียนเกลี้ยง

ที่มาที่มา

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่