ตอนนี้เราทำงานในหน่วยงานราชการในอำเภอนึง แต่ด้วยว่าเราต้องการทำอาชีพเสริม เพราะมีภาระหนี้บ้านเข้ามา และพอมีเงินทุน เราก็เลยอยากทำร้านอาหารที่ที่นี่ยังไม่มี เราเลยเสนอแม่ว่า อยากทำร้านชาบูแบบเสียบไม้พร้อมขายเครื่องดื่ม อกฮ ไปด้วย ซึ่งหัวเมืองใหญ่ๆ ในกทม ก็มีไปนานแล้วแหละ แม่เราก็โอเค อยากทำแบะจะทำช่วย
เราก็เริ่มลองไปดูทำเล ได้เป็นร้านในตลาดกลางคืน วัยรุ่นๆเลย เราว่าโอเคมาก ค่าเช่าไม่เเพง
ใจเราอยากจะค่อยๆเป็นค่อยๆไป ตัดสินใจดีๆก่อน เพราะถ้าลงทุนแล้วเราไม่อยากเจ็บหนัก ทำน่ะทำแน่นอน แต่เรามองว่ามีปัญหาใหญ่ตรงที่
1.เราทำงานในอำเภอนึงแต่ร้านจะไปอยู่อีกอำเภอนึง ห่างกัน 30 กม. มีรถคันเดียว ซึ่งเเม่ต้องขับไปที่ร้านก่อน แล้วเราเลิกงานแล้วจะตามไปยังไง? เราเลี้ยงหมา 1 ตัว กิจวัตรคือต้องพาวิ่งเข้าห้องน้ำตอนเย็นทุกวัน เลิกงานต้องพาหมาเดินก่อน รถเมล์หมดหกโมงเย็น ไปถึงร้าน เกือบทุ่ม แล้วร้านปิดเที่ยงคืน ต้องกลับพร้อมกันตรงนี้แก้ปัญหายังไม่ได้
2. เรามองว่าการเปิดร้านแบบนี้คือมีร้านเปล่าๆ ทุกอย่างใหม่หมด เราอยากจะค่อยๆเลือก ค่อยๆเตรียม แล้วเอาให้พร้อมไปเลย ทั้งสถานที่ ทั้งรสชาติอาหสร คุยกันให้ชัด เอาให้จบ ค่อยเปิด ได้พร้อม แต่แม่เรารับมากกกกกกก ดูร้านวันนี้ พรุ่งนี้ไปลองนั่งดูตลาด อักสองวันให้ทำสัญญาเลย แล้วจากนี้อีก 19 วันจะเปิดร้านแล้ว และจะเปิดให้ได้ ทั้งๆที่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเลย
ถามหน่อยนะคะว่า เร็ว ไปไหม เราประกาศเลยว่าไม่พร้อมไม่เปิด ก็ไม่พอใจเรา บอกว่าทำไมจะทำไม่ได้ เคยทำมาแล้ว รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง
3. เรามองว่า แม่เขาก็เปิดร้านอาหารเลี้ยงเรามาช่วงนึง หลายปีจนเราเข้ามหาลัย แล้วเลิกขาย ก็รู้ว่าเขามี ปสก แต่ตอนนั้นกับตอนนี้แม่เราอายุต่างกัน 20 ปี แรงจะมีขนาดไหนเชียว ผญ. อายุจะ 60 แล้ว ต้องไปเปิดร้านเตรียมของ แล้วกลับดึกๆ เราเป็นลูก เราห่วง
แต่เขาเอาแต่พูดว่า ไหว ทำได้ เรามองว่าไม่ไหวแน่ ตอนแรกจะไม่เอาลูกจ้างด้วยซ้ำ เราบอกไม่ได้ ต้องมี แต่ใครจะไปไว้ใจมครได้สมัยนี้ เรากังวลเรื่องสุขภาพแม่อีก
4. ความเห็นเราไม่ตรงกันเลย ตอนนี้แม่จัดการทุกอย่าง ด้วยความรีบๆๆๆๆ วันเดียวดูโต๊ะ ดูหม้อ ดูนั่นนี่ เราเลยบอกไม่ต้องรีบ ช่วยกัน แม่ก็อกว่าจะไม่ทัน ซึ่งเรายังย้ำว่าไม่ทันก็ไม่เปิด เราอยากตั้งโต๊ะตั้งนั้นก็ไม่เห็นด้วย ตั้งเคาเตอร์ก็ไม่เห็นพ้อง แค่ชื่อร้านยังตั้งไม่ได้เลย แต่จะให้เร่งทำโลโก้ เหนื่อยใจ เรื่องหม้อชาบู เราอยากได้หลายสี เเม่ก็ว่าทำเล่น เอ้า แล้วหลายสีทำไม่ได้ อันนี้อยากถามทุกคนเลยว่า หม้อหลายสีกับสีเดียวไปเลยอันไหนดีกว่า แล้วเพราะอะไรคะ เราไม่เข้าใจจริงๆ เรื่องความเห็นไม่ตรงกันเราเป็นห่วงสุดๆ เราเป็นคนใจร้อน ปากไว ทะเลาะกันแน่นอน
เรามองว่าเรา อยากจัดร้านให้เรียบง่าย แล้วก็ทันสมัย แม้เรามาล่ะ ต้องมีผ้าใบ ต้องมีไวนิล เราบอกไม่ผ้าใบ ไม่ไวนิล เราจะติดม่านแบบทึบแสง เพราะถ้าไม่อยากให้เห็นหลังร้านก็เอาแบบทันสมัยก็ได้ แกว่าเชย สารพัด จะขัดกัน เรามองว่าจะรอดไหม
เราไม่อยากเสี่ยงมาก แต่ความคิดแม่คือ ไม่เสี่ยงไม่รู้ เราก็ไม่รู้จะพูดยังไง เหนื่อยใจ อยากหาจุดตรงกลาง ตอนนี้แม่อยากทำอะไรให้ทำไปก่อน ขัดได้ก็ขัดแต่ขัดแล้วก็น้อยครั้งจะไม่ทะเลาะกัน นี่ก็งอนเราอีก เราเสียงดังใส่เพราะเราไม่เข้าใจว่าแกจะว่าอะไรเรานัก พอเราออกความเห็น
5.เราห่วงเรื่องการบริการและบริหารร้าน เราว่งแผนในหัวเป็นขั้นตอนหมด แต่ฟังจากแม่แล้ว โอ้ววววว ไม่นะ มันไม่มช่แบบนั้นนะแม่ ร้านในฝันเราไม่ใช่แบบนี้
แต่ดีที่แม่ฟังความเห็นเราบ้าง และยอมให้เราดูแลเริ่องเงิน (ก็ทุนจองเราทั้งก้อน)
ร้านเรายังไงก็ต้องทำ แต่ปัญหาก็แก้ไม่ได้ มองจ้างหน้าแล้วเห็นแต่คำว่าเหนื่อย 😞😣😓
จะทำร้านอาหาร แต่ความคิดขัดแย้งกับแม่ตั้งแต่เริ่ม
เราก็เริ่มลองไปดูทำเล ได้เป็นร้านในตลาดกลางคืน วัยรุ่นๆเลย เราว่าโอเคมาก ค่าเช่าไม่เเพง
ใจเราอยากจะค่อยๆเป็นค่อยๆไป ตัดสินใจดีๆก่อน เพราะถ้าลงทุนแล้วเราไม่อยากเจ็บหนัก ทำน่ะทำแน่นอน แต่เรามองว่ามีปัญหาใหญ่ตรงที่
1.เราทำงานในอำเภอนึงแต่ร้านจะไปอยู่อีกอำเภอนึง ห่างกัน 30 กม. มีรถคันเดียว ซึ่งเเม่ต้องขับไปที่ร้านก่อน แล้วเราเลิกงานแล้วจะตามไปยังไง? เราเลี้ยงหมา 1 ตัว กิจวัตรคือต้องพาวิ่งเข้าห้องน้ำตอนเย็นทุกวัน เลิกงานต้องพาหมาเดินก่อน รถเมล์หมดหกโมงเย็น ไปถึงร้าน เกือบทุ่ม แล้วร้านปิดเที่ยงคืน ต้องกลับพร้อมกันตรงนี้แก้ปัญหายังไม่ได้
2. เรามองว่าการเปิดร้านแบบนี้คือมีร้านเปล่าๆ ทุกอย่างใหม่หมด เราอยากจะค่อยๆเลือก ค่อยๆเตรียม แล้วเอาให้พร้อมไปเลย ทั้งสถานที่ ทั้งรสชาติอาหสร คุยกันให้ชัด เอาให้จบ ค่อยเปิด ได้พร้อม แต่แม่เรารับมากกกกกกก ดูร้านวันนี้ พรุ่งนี้ไปลองนั่งดูตลาด อักสองวันให้ทำสัญญาเลย แล้วจากนี้อีก 19 วันจะเปิดร้านแล้ว และจะเปิดให้ได้ ทั้งๆที่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเลย
ถามหน่อยนะคะว่า เร็ว ไปไหม เราประกาศเลยว่าไม่พร้อมไม่เปิด ก็ไม่พอใจเรา บอกว่าทำไมจะทำไม่ได้ เคยทำมาแล้ว รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง
3. เรามองว่า แม่เขาก็เปิดร้านอาหารเลี้ยงเรามาช่วงนึง หลายปีจนเราเข้ามหาลัย แล้วเลิกขาย ก็รู้ว่าเขามี ปสก แต่ตอนนั้นกับตอนนี้แม่เราอายุต่างกัน 20 ปี แรงจะมีขนาดไหนเชียว ผญ. อายุจะ 60 แล้ว ต้องไปเปิดร้านเตรียมของ แล้วกลับดึกๆ เราเป็นลูก เราห่วง
แต่เขาเอาแต่พูดว่า ไหว ทำได้ เรามองว่าไม่ไหวแน่ ตอนแรกจะไม่เอาลูกจ้างด้วยซ้ำ เราบอกไม่ได้ ต้องมี แต่ใครจะไปไว้ใจมครได้สมัยนี้ เรากังวลเรื่องสุขภาพแม่อีก
4. ความเห็นเราไม่ตรงกันเลย ตอนนี้แม่จัดการทุกอย่าง ด้วยความรีบๆๆๆๆ วันเดียวดูโต๊ะ ดูหม้อ ดูนั่นนี่ เราเลยบอกไม่ต้องรีบ ช่วยกัน แม่ก็อกว่าจะไม่ทัน ซึ่งเรายังย้ำว่าไม่ทันก็ไม่เปิด เราอยากตั้งโต๊ะตั้งนั้นก็ไม่เห็นด้วย ตั้งเคาเตอร์ก็ไม่เห็นพ้อง แค่ชื่อร้านยังตั้งไม่ได้เลย แต่จะให้เร่งทำโลโก้ เหนื่อยใจ เรื่องหม้อชาบู เราอยากได้หลายสี เเม่ก็ว่าทำเล่น เอ้า แล้วหลายสีทำไม่ได้ อันนี้อยากถามทุกคนเลยว่า หม้อหลายสีกับสีเดียวไปเลยอันไหนดีกว่า แล้วเพราะอะไรคะ เราไม่เข้าใจจริงๆ เรื่องความเห็นไม่ตรงกันเราเป็นห่วงสุดๆ เราเป็นคนใจร้อน ปากไว ทะเลาะกันแน่นอน
เรามองว่าเรา อยากจัดร้านให้เรียบง่าย แล้วก็ทันสมัย แม้เรามาล่ะ ต้องมีผ้าใบ ต้องมีไวนิล เราบอกไม่ผ้าใบ ไม่ไวนิล เราจะติดม่านแบบทึบแสง เพราะถ้าไม่อยากให้เห็นหลังร้านก็เอาแบบทันสมัยก็ได้ แกว่าเชย สารพัด จะขัดกัน เรามองว่าจะรอดไหม
เราไม่อยากเสี่ยงมาก แต่ความคิดแม่คือ ไม่เสี่ยงไม่รู้ เราก็ไม่รู้จะพูดยังไง เหนื่อยใจ อยากหาจุดตรงกลาง ตอนนี้แม่อยากทำอะไรให้ทำไปก่อน ขัดได้ก็ขัดแต่ขัดแล้วก็น้อยครั้งจะไม่ทะเลาะกัน นี่ก็งอนเราอีก เราเสียงดังใส่เพราะเราไม่เข้าใจว่าแกจะว่าอะไรเรานัก พอเราออกความเห็น
5.เราห่วงเรื่องการบริการและบริหารร้าน เราว่งแผนในหัวเป็นขั้นตอนหมด แต่ฟังจากแม่แล้ว โอ้ววววว ไม่นะ มันไม่มช่แบบนั้นนะแม่ ร้านในฝันเราไม่ใช่แบบนี้
แต่ดีที่แม่ฟังความเห็นเราบ้าง และยอมให้เราดูแลเริ่องเงิน (ก็ทุนจองเราทั้งก้อน)
ร้านเรายังไงก็ต้องทำ แต่ปัญหาก็แก้ไม่ได้ มองจ้างหน้าแล้วเห็นแต่คำว่าเหนื่อย 😞😣😓