หลังบททดสอบที่ 3 เอมิเลียกับมิเนอร์วาร์

ตัดตอนที่ช่วงที่เอมิเลียเจอกับมิเนอร์วาร์ เจอกันในนิยายมาครับ ผมนี่ชอบช่วงที่แม่มดคุยกันมากมันดูเหมือนจะมีอะไร หรือเกี่ยวข้องกับ lore หลักๆของ Re:zero เยอะ  อย่างส่วนนี้เผื่อใครที่สนใจอยากอ่านลองลองๆแปลมาให้อ่านดูครับ

เอมิเลียที่กลับมาจากบททดสอบที่ 3 แล้วเจอกับทุ่งหญ้าและโต๊ะน้ำชา ในนิยายอธิบายว่าโต๊ะน้ำชาของเอคิโดน่านั้นรายล้อมไปด้วยเก้าอี้ 6 ตัว มีชุดขนมและน้ำชาเท่ากับจำนวนของเก้าอี้ (ซึ่งในอนิเมะมีแค่เก้าอี้ 2 ตัว) ดูๆแล้ว เหมือนเหล่าแม่มดกำลังนั่งคุยกันแล้วต้องแยกหายกันไปกลางคันโดยที่ไม่ได้เก็บข้าวเก็บของ

[เอมิเลียและมิเนอร์วาร์] แปลมาอาจแปลผิดไปบ้างขอโทษไว้ล่วงหน้านะครับ

“—เธออาจจะพยายามทำตัวเหมือนเป็นแม่มด แต่การกรายนิ้วแตะสิ่งของพวกนั้น เธอจะต้องเสียใจภายหลังแน่”

“—?!”

ตกใจจากเสียงที่ไม่คุ้นเคยที่จู่ๆเรียกเธอจากข้างหลัง เอมิเลียพยายามหันกลับไปทันที— และใจของเธอหล่นลึกลงอีก เพราะนิ้วเดียวที่แตะด้านหลังของศรีษะเธอ ส่งผลให้ร่างกายของเธอนั่นขยับเขยื้อนไม่ได้แม้แต่น้อย

“…อา.”

มันมิใช่เพราะว่าเธอถูกยับยั้งด้วยกำลัง—เธอเองตางหากที่อยู่นิ่งจากความกดดันที่ท่วมท้นอย่างแท้จริง
ผู้ที่แค่อยู่ด้านหลังของเอมิเลีย เป็นสิ่งที่อยู่เกินความเข้าใจของเธอ แค่รวมทั้งออร่าและสัมผัสที่นิ้วเดียวของเธอนั่น เอมิเลียรู้สึกร่างกายของเธอชาไปทั้งตัวอย่างฉับพลัน

เธอสัมผัสได้ว่าถ้าเธอหันกลับไป หรือด้วยความตั้งใจเพียงเล็กน้อยของคนข้างหลังเธอ เธอจะถูกทำลายทันทีและสลายไปอย่างสิ้นเชิง

“เด็กดี ถูกต้องแล้วที่ไม่หันหลังกลับมามอง เพราะว่าฉัน..”

“คุ-คุณ คือ..?”

“ฉันนะเหรอ ก็.... คือแม่มดแสนน่ากลัวที่ทำให้ขนเธอเธอลุกไปทั้งตัวไงล่ะ”

แม่มด—คำเพียงคำเดียวบีบรัดหัวใจของเอมิเลียไว้แน่น ทำให้แค่การหายใจยิ่งยากขึ้นไปอีก
เอมิเลีย ผู้ที่มักจะป้ายสีว่าเป็นแม่มดเพราะรูปลักษณ์ของเธอ มีความรู้สึกที่ซับซ้อนกับคำนี้ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่นั้นดูเหมือนจะเกินความความเข้าใจเดิม ๆ ทั้งหมดของเธอ

สิ่งทั้งหมดที่ถูกเรียกว่าแม่มดอย่างแท้จริงนั้น จะถูกปกคลุมไปด้วย miasma หนาแน่นอย่างนี้เหรอ?

“…หืมม, คงเป็นอย่างนี้แหละนะ เอาล่ะ มันคงมีแค่ผู้ชายที่มีดวงตาที่ดูแย่ๆคนเดียวสินะที่เป็นคนแปลกประหลาด”

“ดวงตาที่ดูแย่ๆ? คุณหมายถึง..คุณกำลังพูดถึงสุบารุหรือเปล่าคะ?”

“เห..”

ส่งเสียงดุดันที่ออกมาจากการหายใจ แม่มดรู้สึกชื่นชมเอมิเลียที่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้

“ทันทีที่เธอได้ยินเสียงชื่อของเด็กชายคนนั้น เธอตื่นตัวเลยเหรอ? เยี่ยมจริงๆ แต่เธอคงยังไม่รู้สึก หรือรับรู้กับสถานการณ์ที่เกิดอยู่สินะ? ใช่ไหม? แล้ว...แล้วเธอคิดอย่างไรกับเด็กชายคนนั้นละ?”

“สุบารุบอกว่าเขารักฉัน ... เขาเป็นผู้ชายที่ค่ามากสำหรับฉัน แต่ว่า..”

“อ โอ..? หืมม อย่างงั้นสินะ เอาล่ะ จริงๆ มันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละสำหรับฉัน”

ถึงเอมิเลีย เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคุณแม่มดต้องไม่สนใจคำถามที่เธอเป็นคนถามขึ้นมาเอง

แต่ถึงอย่างนั้น ในเวลาเดียวกันเธอความรู้สึกกลัวต่อแม่มดที่อยู่ด้านหลังเธอก็ค่อยๆจางลง

เธอไม่ทราบตุผล บางทีเธออาจจะบอกได้ว่าแม่มดนี้ไม่อนุญาตให้สนทนากับเธอ

พึ่งพาสัญชาติญาณ เอมิเลียกลืนน้ำลาย แล้วก็ทำใจของเธอให้แข็ง เธอจึงพูดขึ้นว่า

“คุณคือแม่มด ใช่ไหม...คะ? นั่นหมายถึงคุณคือหนึ่งในเพื่อนๆของเอคิโดน่าที่พูดถึง?”

“อืมมม มันก็ไม่ใช่ว่าเด็กคนนั้นเคยจะเรียกพวกเราว่าเป้นเพื่อ-น.. เดี๋ยวๆ ฉันเดาว่าต้องเรียกพวกเราว่าเพื่อนแน่ๆ เรียกด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มด้วย”

“ฉันไม่รู้เรื่องใบหน้าที่ยิ้มแย้ม... แต่ถ้าคุณอยู่ทีนี่ เอคิโดน่าอยู่ไหน?”

ตั้งแต่ครั้งแรก เอคิโดน่าอารมณ์เสียมาตลอดทุกทีที่เจอกับเอมิเลีย ดังนั้น เธอรู้สึกว่าเอคิโดน่าที่เผลอพูดถึงเพื่อนๆของเธอ หน้าของเธอไม่ได้เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจหรือโออ้วดอะไรอย่างนั้นเลย

ได้ยินคำตอบของเอมิเลีย แม่มดเลยตอบว่า “ตอนนี้หยุดก่อน” โทนเสียงของเธอทุ้มลงไปเล็กน้อย “เขาบอกว่าเขาไม่อยากเจอเธอน่ะ ดูเหมือนว่าเขามีช่วงเวลาๆแย่ๆ ในบททดสอบ”

“..ครั้งล่าสุดที่เจอเอคิดน่า ฉันคงทำร้ายจิตใจเธอน่าดู”

เอมิเลียไม่สามารถจะลืมความเกลียดชังที่อยู่ในคำพูดและสีหน้าของเอคิโดน่าได้เลย ตอนที่จบบททดสอบที่สอง

ถ้ามันหมายถึงว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้คุยกับเอคิโดน่าจริงๆ เอมิเลียคงจะเสียใจมากๆ

ถึงอย่างนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเอมิเลียกับเอคิโดน่า เป็นความสัมพันธ์แบบที่ยอมรับผลที่เกิดขึ้นแบบซึ่งหน้าโดยที่ไม่มีใครเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ถ้าเอมิเลียถูกเกลียดเพราะอย่างนั้น เธอก็อยากจะรับผิดชอบในสิ่งที่เธอเลือก

“มันไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจ มันหมายถึงว่าเขายอมรับผลของบททดสอบ เธอค่อนข้างน่าชื่นชมนะ รู้ไหม เพราะคนพาล(เอคิโดน่า)พูดแต่สิ่งแย่ๆใส่เธอตลอด..”

“นั่นเป็นเพราะเอคิโดน่าพูดกับฉัน ฉันคิดว่าการดีลกับคนที่ไม่ยอมพูดกับฉันนั้นยากยิ่งกว่าอีก ถ้าฉันสามารถทำได้นะ ฉันก็อยากจะหันหน้าไปคุยกับคุณเหมือนกัน แต่ว่า”

“—เธอจะทำอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าเธอทำอย่างนั้น กำปั้นของชั้น ที่ปล่อยให้ผู้คนมากมายตายไปจะร้องไห้ออกมา”

เธอพูดเสียงแข็ง แต่ว่าเป็นคำพูดที่ไม่มีเสี้ยวของการปรุงแต่ง เอมิเลียขนลุกไปทั้งตัวอีกครั้งหนึ่ง

คำพูดของแม่มดหมายถึงการแบกรับน้ำหนักของผู้คนที่เธอปล่อยให้ตายจริงๆ น้ำหนักเหล่านั้นยังคงอยู่ในขณะที่แม่มดพูดต่อไปว่า “คนที่ต้องมาทำหน้าที่นี้จริงๆ จะต้องเป็นเอคิโดน่า แต่กลับทิ้งหน้าที่ผู้คุมเสียเอง ฉันเลยต้องมาเป็นแทนใน ณ จุดนี้ —การทดสอบครั้งที่สาม เธอเห็นอะไรเหรอ?”

“โลกอันแสนเศร้ามากมาย มีเสียงพูดว่านี่เป็นหายนะที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ มันจะเกิดขึ้นจริงๆหรือที่ฉันเห็นทั้งหมด มันคืออนาคตจริงๆเหรอ?”

“ถ้ามองจากเอคิโดน่า มันก็เป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้น”

แม่มดถอนหายใจอย่างแรก เมื่อเธอตอบคำถามของเอมิเลีย มันเกือบจะเหมือนเป็นการตอกย้ำ แต่ก็ยังกำกวมพอทีจะบอกว่าไม่แน่ใจ ถึงจะเป็นแค่การประดิษฐ์ประดอยคำพูด มันก็คงจะฟังดูสบายใจสำหรับเธอ แต่ว่า
“อนาคตที่เธอเห็นนั้นอาจจะเป็นจริงในสักวัน หรือเธออาจจะไม่เห็นมันเกิดขึ้นเลย อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่สิ่งที่สมมติขึ้นมาเฉยๆ เด็กคนนั้นน่ะยุติธรรมกับเรื่องพวกนี้มาก แต่ก็นะ ความจริงที่แสดงให้เธอเห็นแต่อนาคตตที่ทิ้งแต่รสชาติแย่ๆในปากของเธอ นั่นหมายถึงว่าเด็กคนนั้นเกลียดเธอจริงๆ”

“ยุติธรรม แต่.....เอคิโดน่านี่เป็นนิสัยไม่ดีจริงๆ ใช่ไหม?”

“แค่ "นิสัยไม่ดี" คงจะเบาไปล่ะมั้ง”
แม่มดแสดงความคิดเห็นที่เอมิเลียพูดถึงเอคิโดน่า แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อจากนั้น
และก็ มองจากเอมิเลีย คำอธิบายของแม่มดก็ถือว่าเป็นข่าวดี

“ทำไมเธอถึงรู้สึกโล่งอกล่ะ?”
“เอ๊ะ?”
“ฉันถามว่า เธอทำหน้าสบายใจอย่างนั้นได้ไง เห็นแต่อนาคตที่เลวร้ายขนาดนั้น แล้วทำไม”
“แต่มันก็ไม่แน่นอนใช่ไหมล่ะ”
“อนาคตที่ฉันเห็นมันคือผลลัพธ์จากการเลือกของฉัน แต่มันก็ยังมีอนาคตที่ไม่ได้จะจบลงอย่างนั้น ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะ ว่าฉันจะไม่เป็นไร ฉันจะกำมือและสู้ต่อ”
“—”

มันอาจจะมีแต่อนาตที่เจ็บปวด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความหวัง เธอได้เรียนรู้มากแล้ว
ถ้าเอมิเลียจะเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจ ความทรงจำของพ่อแม่ พี่ชายของเธอจะช่วยเธอเอง และถ้าเธอเกือบจะยอมแพ้ ความรู้สึกที่ถูกเขียนไว้บนกำแพงเหล่านั้นจะช่วยจุดไฟในใจของเธอขึ้นมาอีก

“ถ้ามีอนาคตที่เศร้ารออยู่ ฉันจะวิ่งอ้อมมันไป ถ้าทำไม่ได้ ฉันจะกระโดดข้ามมันโดยแรงทั้งหมดที่ฉันมี ถ้ามีใครที่ตกหล่นระหว่างทาง ฉันจะเอื้อมมือลากเขาขึ้นมา ถ้าฉันทำสิ่งเหล่านี้ ฉันมั่นใจว่าฉันจะสามารถลบคราบน้ำตาทั้งหมดจากก่อนหน้านี้”

“เธอพูดอย่างนั้นด้วยความมั่นใจ ประมาทมาก เธออาจจะต้องจบลงแบบพังทลายโดยไม่รู้ตัวนะ”

“ถ้ามีแค่ฉันล่ะก็ อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว”

เอมิเลียยืดอกตอบกลับคำยั่วอารมของแม่มด
ในตอนนี้เอมิเลียมีผู้คนอีกมากมายที่เธอสามารถจะพึ่งพิงได้รอบตัวเธอ 
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหมายถึงว่า มันเป็นเรื่องดีที่จะพึ่งพิงพวกเขาอย่างตามืดบอด
แต่ถ้าพวกเขาพึ่งพาเธอ และเธอพึ่งพาเขา พวกเราก็จะอยู่ด้วยกันตลอด
แม้ว่าเธอนั้นจะพึ่งพาคนอื่น เอมิเลียก็จะพัฒนาตัวเองไปด้วย
มันคือตัวเลือกที่เธอไม่สามารถเลือกได้ตั้งแต่ก่อน เพราะขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง และความกลัวอนาคต

“.....แข็งแกร่งดีนะ เธอเนี่ย ตรงจุดนี้น่ะ ต่างกับแม่เธอมาก”

“รู้เรื่องท่านแม่ของฉันด้วยเหรอ!?”

ความเชื่อมโยงที่ไม่คาดคิด ทำให้เอมิเลียตกใจ ท่าทีของเอมิเลียทำให้แม่มดลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เธอจะถอนลมหายใจออกมา
“อื้ม รู้ดีเลยล่ะ แต่บอกไม่ได้หรอก เพราะฉันสัญญาว่าจะไม่บอก”

“—“

ห้วงลึกของอารมณ์ และเสียงสะท้อนของบาดแผลที่ยังไม่ได้รักษา ซึมอยู่ในเสียงของแม่มดทำให้คำพูดของเอมิเลียติดอยู่ในคอ
ถ้าเธอซื่อสัตย์กับตนเอง เธอก็อยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับแม่ของเธอ แต่ว่า..

“เข้าใจแล้ว งั้นฉันก็จะไม่ถามอะไรอีก”

“...เธอโอเคกับอย่างงั้นเหรอ”

“ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่ไม่อยากบอก แต่คุณบอกไม่ได้ และก็..”

ชั่วขณะหนึ่ง เธอหยุดและหลับตาลงนึกถึงแม่ของเธอ

“แม่ของฉันน่ะ คือ ฟอร์ทูน่า บททดสอบช่วยให้ฉันจำแม่ได้ แค่นั้นก็พอสำหรับฉันแล้ว”
ตอนที่เธอยังเด็ก เอมิเลียภูมิใจที่มีแม่สองคน จนถึงในปัจจุบันเธอก็อาจจะบอกได้ว่าเธอมีพ่อสอง— ไม่ใช่สิ สามคน ถึงอย่างนั้น 
ฉันจำแม่ได้ ฉันจำพ่อได้ และฉันจำพี่ชาย และทุกคนในป่านั้นได้ แค่นั้นก็มากเกินพอ... นี่เป็นเพราะบททดสอบของเอคิโดน่า ดังนั้น..”

“แผนชั่วร้ายของเด็กคนนั้นก็ได้ผลดีบ้างเหมือนกันสินะ”

เอมิเลียที่กำลังวางมือลงบนหน้าอกและนึกถึงครอบครัวของเธอ เสียงของแม่มดดูเหมือนเกือบจะขัดเล็กน้อย หรือว่าเอมิเลียจะได้ยินผิด แต่มันเหมือนกับเสียงสะอื้น

“...นี่คุณ... ร้องไห้อยู่เหรอ”

“...! ฉันไม่ได้....ร้องไห้! ฉันไม่ได้ร้อง ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะร้องไห้.. ไม่มีอีกแล้ว”

“ไม่มีใครต้องมีสิทธิ์ในการ.."

ร้องไห้ เอมิเลียกำลังจะพูดคำนั้นเมื่อหันหลังกลับไป เพื่อเช็ดน้ำตาของแม่มด
เธอไม่รู้สึกอีกแล้วถึงแรงกดดันจากคราวแรกที่เจอกันแม่มดเธออยากจะยืนคุยกับเธอ
แต่เอมิเลียที่กำลังจะพยายามหันไป แม่มดก็

เอมิเลียหันไป มือโอบหัวของเธอ กอดเธอไว้ที่บางสิ่งที่นุ่ม เธอรู้ตัวได้ทันทีว่ากำลังถูกกอดอยู่
หน้าของเธอ วางลงอยู่ที่หน้าอกของแม่มดซึ่งป้องกันไม่ให้เธอขยับ

“ไม่หันกลับมาน่ะถูกต้องแล้วไง บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ เด็กดื้อ”

(ต่อ..ด้านล่าง)

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่