กลุ่มแคร์ ปล่อย MV "กำลังใจ...จากโทนี่" เปิดเหตุผล "ทักษิณ" ร่วมคลับเฮาส์
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6166962
กลุ่มแคร์ ปล่อย MV “กำลังใจ…จากโทนี่” เปิดเหตุผล “ทักษิณ” ร่วมคลับเฮาส์ แชร์ประสบการณ์จากคนไกลบ้าน เพื่อเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (19 มี.ค.) เมื่อเวลา 20.00 น. กลุ่มแคร์ ปล่อย MV เพลง “กำลังใจ” ซึ่งร้องโดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านทางเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ความยาว 1.30 นาที โดยเป็นการนำไปทำดนตรีใหม่ พร้อมภาพเหตุการณ์สถานการณ์โควิด และสถานการณ์การต่อสู้ทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ พร้อมข้อความที่เผยถึงเหตุที่ “พี่โทนี่” มาแชร์ประสบการณ์ชีวิตร่วมคลับเฮาส์กับกลุ่มแคร์ โดยระบุว่า
ในยามที่ท้อแท้ ขอเพียงแค่คนหนึ่ง จะคิดถึงและคอยห่วงใย “กำลังใจ” คำเรียบ ๆ ง่าย ๆ แต่มีคุณค่า
ในสภาวะที่คนทั้งประเทศ ประสบกับ “มหาวิกฤต” ทั้งวิกฤตโควิดที่ลามไปถึงวิกฤตเศรษฐกิจ ทำเอาหลายคน “พลัดที่นาคาที่อยู่” เงินในกระเป๋าแทบไม่มีการเยียวยา ที่ได้รับอยู่ก็ไม่ได้ช่วยให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ชีวิตได้ หรือแม้กระทั่งวิกฤตทางการเมือง ที่ทำให้คนหนุ่มสาวรู้สึกเคว้งคว้างกับชีวิต จนต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นธรรมและเพื่อชีวิตที่ดีกว่าในอนาคตของพวกเขา โดยมีคนรุ่นเก๋าที่ยังมีไฟลุกโชน คอยเป็นกำลังใจ และเป็นแนวร่วม
“พี่โทนี่” ในฐานะ “คนไทย” คนหนึ่งเหมือนเราๆ ท่านๆ จึงฝากบทเพลงนี้ มาเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ยังสู้ชีวิต ยังสู้เพื่อสิ่งที่ตนเองเชื่อและฝันใฝ่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่แต่ละคนตั้งใจไว้ การกลับมาของ “พี่โทนี่” ในครั้งนี้ มิได้มีจุดประสงค์มากไปกว่าการ “แชร์ประสบการณ์ชีวิต” ให้แก่ทุกคน โดยไม่เลือกว่าเขาคือ “คนที่รัก” หรือ “คนที่ไม่ชอบ” เชื่อว่าสิ่งที่ “พี่โทนี่” สื่อสารในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม และมาตุภูมิ ที่เขารักและคิดถึง อยู่ทุกลมหายใจ ไม่มากก็น้อย
https://www.facebook.com/watch/?ref=external&v=266551555066530
"บขส."อ่วม เล็ง พักชำระหนี้ ค่าเช่า "สถานีขนส่งหมอชิต2 " ที่ดินรถไฟฯ
https://www.thansettakij.com/content/property/472849
"บขส."โอดหลังลดพื้นที่เช่ารฟท. 58 ไร่ รฟท.ปรับเพิ่ม 5% สถานีขนส่งหมอชิต2เล็งทำฟีดเดอร์เชื่อมสถานีกลางบางซื่อ จ่อพักชำระหนี้ เหตุโควิดรอบใหม่พ่นพิษ กระทบรายได้หด 70-80% เร่งประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ 4 แปลง มูลค่า 7.5 พันล้าน
นาย
สัญลักข์ ปัญจวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สำหรับความคืบหน้าการต่อสัญญาค่าเช่าที่ดินของบขส.ในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริเวณสถานีขนส่งหมอชิต 2 เบื้องต้นได้หารือกับรฟท.ในหลักการแล้ว ซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงคมนาคมโดยให้บขส.ดำเนินการเช่าที่ดินของรฟท.เบื้องต้นจะขอลดพื้นที่เช่าจากเดิม 72 ไร่ เหลือเพียง 58 ไร่ โดยจะคืนพื้นที่บางส่วนให้กับรฟท.ดำเนินการทำรถชัตเตอร์บัสเพื่อเชื่อมต่อระบบการเดินทาง (ฟีดเดอร์) ระหว่างสถานีกลางบางซื่อและสถานีขนส่งผู้โดยสารสถานีหมอชิต 2 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปลายปีนี้
“
ส่วนสาเหตุที่บขส.ลดค่าพื้นที่ลง เนื่องจากเล็งเห็นว่า เรามีความจำเป็นในการใช้พื้นที่เพียงเท่านี้ รวมทั้งรูปแบบการเดินทางในปัจจุบันเปลี่ยนไป หากในอนาคตมีรถไฟความเร็วสูงเข้ามาที่บริเวณสถานีกลางบางซื่อ จะส่งผลให้ปริมาณการใช้รถโดยสารของบขส.น้อยลง ซึ่งเราคงต้องวางแผนต่อไปในอนาคต”
นาย
สัญลักข์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบขส.อยู่ระหว่างตั้งคณะทำงานทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหาแนวทางการจ่ายค่าเช่าที่ดินให้รฟท. เป็นรูปธรรมและชัดเจน เนื่องจากที่ผ่านมาบขส.ได้เจรจากับรฟท.เพื่อขอผ่อนชำระค่าเช่าพื้นที่ให้กับรฟท. เบื้องต้นอาจจะมีการพักชำระหนี้ก่อน 1 เดือน เพราะติดปัญหาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้บขส.ขาดทุนและมีรายได้ลดลง กว่า 70-80% ทำให้งบประมาณในปัจจุบันของบขส.อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท หากบขส.ขาดทุนต่อเนื่องคาดว่าภายใน 2 ปี งบประมาณอาจจะหมดได้ จะเร่งดำเนินการในเรื่องนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 เดือน
“เรายืนยันยังไม่มีการย้ายพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารสถานีหมอชิต 2 ไปอยู่บริเวณย่านพหลโยธิน แน่นอน ทั้งนี้บขส.มีสนใจพื้นที่ในโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุพหลโยธิน หรือหมอชิตคอมเพล็กซ์ เพื่อดำเนินการใช้ประโยชน์ เนื่องจากนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานบอร์ด บขส.ได้มอบนโยบายในระยะแรกให้บขส.ดำเนินการนำรถตู้และรถมินิบัสเพื่อเชื่อมต่อระบบการเดินทาง (ฟีดเดอร์) เนื่องจากบขส.ลดพื้นที่เช่าลง ซึ่งต้องปรับรูปแบบการรับ-ส่งผู้โดยสารในเมืองมากขึ้นเพื่อสะดวกต่อการเดินทางขึ้นโทลล์เวย์ คาดว่าในอนาคตจะดำเนินการสร้างสะพานลอย (สกายวอล์ก) ระหว่างสถานีขนส่งหมอชิต 2 และสถานีกลางบางซื่อ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางเชื่อมถึงกันได้”
ทั้งนี้บขส.มีแผนจะเปิดประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ยังไม่ก่อให้เกิดรายได้ทั้งหมด 4 แปลง ประกอบด้วย 1.สถานีเอกมัย จำนวน 7 ไร่ วงเงิน 2,500 ล้านบาท 2.สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ (บริเวณสามแยกไฟฉาย) จำนวน 3 ไร่ วงเงิน 428 ล้านบาท 3.สถานีปิ่นเกล้า จำนวน 15 ไร่ วงเงิน 4,600 ล้านบาท 4.สถานีชลบุรี จำนวน 5 ไร่ วงเงิน 13 ล้านบาท โดยจะเปิดให้เอกชนเข้ามาพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว เพื่อสร้างรายได้ให้กับบขส.คาดว่าจะดำเนินการได้ภายใน 3 เดือน ซึ่งจะต้องนำเสนอเข้าที่ประชุม (บอร์ด) บขส.เพื่อพิจารณาเห็นชอบ
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับและติดตามการบริหารทรัพย์สิน ได้เห็นชอบตามที่ รฟท.เสนอให้พิจารณาการคิดอัตราค่าเช่าที่ดินกับบขส.ดังนี้
1.อัตราค่าเช่าจากฐานปรับเพิ่มขึ้นจากอัตราเช่าเดิม 5% ต่อปี ค่าเช่ารวมเป็นเงิน จำนวน 622 ล้านบาท โดยบขส.ได้ชำระไว้บางส่วน จำนวน 370 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนต่างสะสมค้างชำระ 251 ล้านบาท
และ 2.ฐานอัตราค่าเช่า 2.75% ของราคาประเมินที่ดิน พื้นที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ จำนวน 115,207 ตารางเมตร ให้ส่วนลด 25% และพื้นที่เชิงพาณิชย์ จำนวน 3,120 ตารางเมตร ไม่มีส่วนลด ค่าเช่ารวมเป็นเงิน จำนวน 1,145 ล้านบาท โดยบขส.ได้ชำระไว้บางส่วน จำนวน 370 ล้านบาท
มีส่วนต่างสะสมค้างชำระเป็นเงิน จำนวน 774 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าเช่าระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2547-29 กุมภาพันธ์ 2564 หากบขส.ไม่ยอมรับอัตราค่าเช่ารฟท.จะรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณาสั่งการให้บขส.ดำเนินการยุติไปก่อน หากยังคงมีข้อพิพาทระหว่างรฟท.กับบขส.ไม่ได้ข้อยุติอีก รฟท.จะดำเนินการส่งเรื่องที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับไว้พิจารณาหาทางยุติข้อพิพาทระหว่างรฟท.กับบขส.ต่อไป
สมควร? เว็บไซต์กระทรวงวัฒนธรรม ระบุ 'ประโยชน์' ของผ้าขาวม้า ใช้ยามสิ้นคิด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6166964
กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง หาข้อมูล ‘ผ้าขาวม้า’ ก่อนพบว่าประโยชน์นั้นไว้ใช้ยามสิ้นคิด ถูกระบุไว้ในเว็บไซต์ของกระทรวงวัฒนธรรม
เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมาผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้แชร์เรื่องราว ว่าตนนั้นกำลังสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลของ ‘
ผ้าขาวม้า’ และเมื่อได้เข้าไปดูข้อมูลในเว็บไซต์ของ ‘
กระทรวงวัฒนธรรม’ ซึ่งได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ไปจนถึงประโยชน์ของผ้าขาวม้า ก็สร้างความมึนงงเป็นอย่างมาก โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ได้ระบุข้อความว่า
“คือหาข้อมูลผ้าขาวม้าอยู่ ละ-ึงดูกระทรวงวัฒนธรรมไทยเขียนประโยชน์ผ้าขาวม้าข้อสุดท้าย -ูท้อ”
ก่อนจะโพสต์รูปภาพของเว็บไซต์ที่ตนกำลังหาข้อมูลอยู่ โดยให้สังเกตข้อสุดท้ายในวงกลมสีแดง ซึ่งมีข้อความระบุว่า
“28. ผูกคอตาย (ยามสิ้นคิด)”
และเมื่อ ทีมข่าวสด ได้ลองไปค้นหาข้อมูลของผ้าขาวม้าจากเว็บไซต์ของกระทรวงวัฒนธรรม ก็พบว่ามีข้อความดังกล่าวระบุอยู่จริง และถูกเผยแพร่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2558 โดยข้อมูลจะปรากฎอยู่ในหมวดเครื่องนุ่งห่ม
ทั้งนี้เว็บไซต์ดังกล่าวอยู่ในความดูแลกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งจะมีการแนะนำการท่องเที่ยว ประเพณีไทย และข้อมูลด้านวัฒนธรรมอื่น ๆ และเมื่อเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่สู่โลกโซเชียลกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ และสร้างความไม่พอใจกับชาวเน็ตกันในวงกว้าง รวมไปถึงเริ่มมีการตั้งคำถามต่าง ๆ นานาถึงความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวที่ถูกระบุไว้ ในเว็บไซต์หลักของกระทรวงวัฒนธรรม
JJNY : แคร์ปล่อย MV "กำลังใจ...จากโทนี่"│บขส.อ่วมเล็ง พักชำระหนี้│เว็บก.วัฒนธรรมระบุ'ประโยชน์'ผ้าขาวม้า│เดินหน้าแก้รธน.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6166962
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (19 มี.ค.) เมื่อเวลา 20.00 น. กลุ่มแคร์ ปล่อย MV เพลง “กำลังใจ” ซึ่งร้องโดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านทางเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ความยาว 1.30 นาที โดยเป็นการนำไปทำดนตรีใหม่ พร้อมภาพเหตุการณ์สถานการณ์โควิด และสถานการณ์การต่อสู้ทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ พร้อมข้อความที่เผยถึงเหตุที่ “พี่โทนี่” มาแชร์ประสบการณ์ชีวิตร่วมคลับเฮาส์กับกลุ่มแคร์ โดยระบุว่า
ในยามที่ท้อแท้ ขอเพียงแค่คนหนึ่ง จะคิดถึงและคอยห่วงใย “กำลังใจ” คำเรียบ ๆ ง่าย ๆ แต่มีคุณค่า
ในสภาวะที่คนทั้งประเทศ ประสบกับ “มหาวิกฤต” ทั้งวิกฤตโควิดที่ลามไปถึงวิกฤตเศรษฐกิจ ทำเอาหลายคน “พลัดที่นาคาที่อยู่” เงินในกระเป๋าแทบไม่มีการเยียวยา ที่ได้รับอยู่ก็ไม่ได้ช่วยให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ชีวิตได้ หรือแม้กระทั่งวิกฤตทางการเมือง ที่ทำให้คนหนุ่มสาวรู้สึกเคว้งคว้างกับชีวิต จนต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นธรรมและเพื่อชีวิตที่ดีกว่าในอนาคตของพวกเขา โดยมีคนรุ่นเก๋าที่ยังมีไฟลุกโชน คอยเป็นกำลังใจ และเป็นแนวร่วม
“พี่โทนี่” ในฐานะ “คนไทย” คนหนึ่งเหมือนเราๆ ท่านๆ จึงฝากบทเพลงนี้ มาเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ยังสู้ชีวิต ยังสู้เพื่อสิ่งที่ตนเองเชื่อและฝันใฝ่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่แต่ละคนตั้งใจไว้ การกลับมาของ “พี่โทนี่” ในครั้งนี้ มิได้มีจุดประสงค์มากไปกว่าการ “แชร์ประสบการณ์ชีวิต” ให้แก่ทุกคน โดยไม่เลือกว่าเขาคือ “คนที่รัก” หรือ “คนที่ไม่ชอบ” เชื่อว่าสิ่งที่ “พี่โทนี่” สื่อสารในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม และมาตุภูมิ ที่เขารักและคิดถึง อยู่ทุกลมหายใจ ไม่มากก็น้อย
https://www.facebook.com/watch/?ref=external&v=266551555066530
"บขส."อ่วม เล็ง พักชำระหนี้ ค่าเช่า "สถานีขนส่งหมอชิต2 " ที่ดินรถไฟฯ
https://www.thansettakij.com/content/property/472849
"บขส."โอดหลังลดพื้นที่เช่ารฟท. 58 ไร่ รฟท.ปรับเพิ่ม 5% สถานีขนส่งหมอชิต2เล็งทำฟีดเดอร์เชื่อมสถานีกลางบางซื่อ จ่อพักชำระหนี้ เหตุโควิดรอบใหม่พ่นพิษ กระทบรายได้หด 70-80% เร่งประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ 4 แปลง มูลค่า 7.5 พันล้าน
นายสัญลักข์ ปัญจวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สำหรับความคืบหน้าการต่อสัญญาค่าเช่าที่ดินของบขส.ในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริเวณสถานีขนส่งหมอชิต 2 เบื้องต้นได้หารือกับรฟท.ในหลักการแล้ว ซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงคมนาคมโดยให้บขส.ดำเนินการเช่าที่ดินของรฟท.เบื้องต้นจะขอลดพื้นที่เช่าจากเดิม 72 ไร่ เหลือเพียง 58 ไร่ โดยจะคืนพื้นที่บางส่วนให้กับรฟท.ดำเนินการทำรถชัตเตอร์บัสเพื่อเชื่อมต่อระบบการเดินทาง (ฟีดเดอร์) ระหว่างสถานีกลางบางซื่อและสถานีขนส่งผู้โดยสารสถานีหมอชิต 2 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปลายปีนี้
“ส่วนสาเหตุที่บขส.ลดค่าพื้นที่ลง เนื่องจากเล็งเห็นว่า เรามีความจำเป็นในการใช้พื้นที่เพียงเท่านี้ รวมทั้งรูปแบบการเดินทางในปัจจุบันเปลี่ยนไป หากในอนาคตมีรถไฟความเร็วสูงเข้ามาที่บริเวณสถานีกลางบางซื่อ จะส่งผลให้ปริมาณการใช้รถโดยสารของบขส.น้อยลง ซึ่งเราคงต้องวางแผนต่อไปในอนาคต”
นายสัญลักข์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบขส.อยู่ระหว่างตั้งคณะทำงานทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหาแนวทางการจ่ายค่าเช่าที่ดินให้รฟท. เป็นรูปธรรมและชัดเจน เนื่องจากที่ผ่านมาบขส.ได้เจรจากับรฟท.เพื่อขอผ่อนชำระค่าเช่าพื้นที่ให้กับรฟท. เบื้องต้นอาจจะมีการพักชำระหนี้ก่อน 1 เดือน เพราะติดปัญหาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้บขส.ขาดทุนและมีรายได้ลดลง กว่า 70-80% ทำให้งบประมาณในปัจจุบันของบขส.อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท หากบขส.ขาดทุนต่อเนื่องคาดว่าภายใน 2 ปี งบประมาณอาจจะหมดได้ จะเร่งดำเนินการในเรื่องนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 เดือน
“เรายืนยันยังไม่มีการย้ายพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารสถานีหมอชิต 2 ไปอยู่บริเวณย่านพหลโยธิน แน่นอน ทั้งนี้บขส.มีสนใจพื้นที่ในโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุพหลโยธิน หรือหมอชิตคอมเพล็กซ์ เพื่อดำเนินการใช้ประโยชน์ เนื่องจากนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานบอร์ด บขส.ได้มอบนโยบายในระยะแรกให้บขส.ดำเนินการนำรถตู้และรถมินิบัสเพื่อเชื่อมต่อระบบการเดินทาง (ฟีดเดอร์) เนื่องจากบขส.ลดพื้นที่เช่าลง ซึ่งต้องปรับรูปแบบการรับ-ส่งผู้โดยสารในเมืองมากขึ้นเพื่อสะดวกต่อการเดินทางขึ้นโทลล์เวย์ คาดว่าในอนาคตจะดำเนินการสร้างสะพานลอย (สกายวอล์ก) ระหว่างสถานีขนส่งหมอชิต 2 และสถานีกลางบางซื่อ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางเชื่อมถึงกันได้”
ทั้งนี้บขส.มีแผนจะเปิดประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ยังไม่ก่อให้เกิดรายได้ทั้งหมด 4 แปลง ประกอบด้วย 1.สถานีเอกมัย จำนวน 7 ไร่ วงเงิน 2,500 ล้านบาท 2.สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ (บริเวณสามแยกไฟฉาย) จำนวน 3 ไร่ วงเงิน 428 ล้านบาท 3.สถานีปิ่นเกล้า จำนวน 15 ไร่ วงเงิน 4,600 ล้านบาท 4.สถานีชลบุรี จำนวน 5 ไร่ วงเงิน 13 ล้านบาท โดยจะเปิดให้เอกชนเข้ามาพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว เพื่อสร้างรายได้ให้กับบขส.คาดว่าจะดำเนินการได้ภายใน 3 เดือน ซึ่งจะต้องนำเสนอเข้าที่ประชุม (บอร์ด) บขส.เพื่อพิจารณาเห็นชอบ
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับและติดตามการบริหารทรัพย์สิน ได้เห็นชอบตามที่ รฟท.เสนอให้พิจารณาการคิดอัตราค่าเช่าที่ดินกับบขส.ดังนี้
1.อัตราค่าเช่าจากฐานปรับเพิ่มขึ้นจากอัตราเช่าเดิม 5% ต่อปี ค่าเช่ารวมเป็นเงิน จำนวน 622 ล้านบาท โดยบขส.ได้ชำระไว้บางส่วน จำนวน 370 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนต่างสะสมค้างชำระ 251 ล้านบาท
และ 2.ฐานอัตราค่าเช่า 2.75% ของราคาประเมินที่ดิน พื้นที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ จำนวน 115,207 ตารางเมตร ให้ส่วนลด 25% และพื้นที่เชิงพาณิชย์ จำนวน 3,120 ตารางเมตร ไม่มีส่วนลด ค่าเช่ารวมเป็นเงิน จำนวน 1,145 ล้านบาท โดยบขส.ได้ชำระไว้บางส่วน จำนวน 370 ล้านบาท
มีส่วนต่างสะสมค้างชำระเป็นเงิน จำนวน 774 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าเช่าระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2547-29 กุมภาพันธ์ 2564 หากบขส.ไม่ยอมรับอัตราค่าเช่ารฟท.จะรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณาสั่งการให้บขส.ดำเนินการยุติไปก่อน หากยังคงมีข้อพิพาทระหว่างรฟท.กับบขส.ไม่ได้ข้อยุติอีก รฟท.จะดำเนินการส่งเรื่องที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับไว้พิจารณาหาทางยุติข้อพิพาทระหว่างรฟท.กับบขส.ต่อไป
สมควร? เว็บไซต์กระทรวงวัฒนธรรม ระบุ 'ประโยชน์' ของผ้าขาวม้า ใช้ยามสิ้นคิด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6166964
กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง หาข้อมูล ‘ผ้าขาวม้า’ ก่อนพบว่าประโยชน์นั้นไว้ใช้ยามสิ้นคิด ถูกระบุไว้ในเว็บไซต์ของกระทรวงวัฒนธรรม
เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมาผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้แชร์เรื่องราว ว่าตนนั้นกำลังสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลของ ‘ผ้าขาวม้า’ และเมื่อได้เข้าไปดูข้อมูลในเว็บไซต์ของ ‘กระทรวงวัฒนธรรม’ ซึ่งได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ไปจนถึงประโยชน์ของผ้าขาวม้า ก็สร้างความมึนงงเป็นอย่างมาก โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ได้ระบุข้อความว่า
“คือหาข้อมูลผ้าขาวม้าอยู่ ละ-ึงดูกระทรวงวัฒนธรรมไทยเขียนประโยชน์ผ้าขาวม้าข้อสุดท้าย -ูท้อ”
ก่อนจะโพสต์รูปภาพของเว็บไซต์ที่ตนกำลังหาข้อมูลอยู่ โดยให้สังเกตข้อสุดท้ายในวงกลมสีแดง ซึ่งมีข้อความระบุว่า
“28. ผูกคอตาย (ยามสิ้นคิด)”
และเมื่อ ทีมข่าวสด ได้ลองไปค้นหาข้อมูลของผ้าขาวม้าจากเว็บไซต์ของกระทรวงวัฒนธรรม ก็พบว่ามีข้อความดังกล่าวระบุอยู่จริง และถูกเผยแพร่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2558 โดยข้อมูลจะปรากฎอยู่ในหมวดเครื่องนุ่งห่ม
ทั้งนี้เว็บไซต์ดังกล่าวอยู่ในความดูแลกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งจะมีการแนะนำการท่องเที่ยว ประเพณีไทย และข้อมูลด้านวัฒนธรรมอื่น ๆ และเมื่อเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่สู่โลกโซเชียลกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ และสร้างความไม่พอใจกับชาวเน็ตกันในวงกว้าง รวมไปถึงเริ่มมีการตั้งคำถามต่าง ๆ นานาถึงความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวที่ถูกระบุไว้ ในเว็บไซต์หลักของกระทรวงวัฒนธรรม