JJNY : เงินบาทแข็ง อุปสรรคการส่งออก│ยอดขายรถยนต์หด│อ.เจษฎาฉะพรรคร่วมรบ.เล่นปาหี่│ปชป.ซัดพรรคแกนนำรบ.ขายผ้าเอาหน้ารอด

เอกชนมอง เงินบาทแข็งค่า กว่าภูมิภาคเป็นอุปสรรคการส่งออก
https://www.tnnthailand.com/news/wealth/74631/
 

 
“เอกชน ชี้ เงินบาทแข็งค่า มากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ อัตราค่าระวางเรือสูง บั่นทอนความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของผู้ส่งออก”
 
วันนี้(19 มี.ค.64) นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการส่งออกยังคงประสบปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเป็นปัญหาต่อเนื่องรวมทั้งอัตราค่าระวางเรือที่อยู่ในระดับสูงส่งผลให้ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้น ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทยังแข็งค่ามากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของผู้ส่งออก ซึ่ง ส.อ.ท.มีข้อเสนอขอให้ภาครัฐควรดำเนินมาตรการฟื้นฟูผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตามแผนให้แก่ประชาชนแล้ว เร่งแก้ไขปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ของผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) และเร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังเป็นปัญหาต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก 
  
โดย ส.อ.ท.ประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19ว่า จะยืดเยื้อไปจนถึงปลายปี และมองว่าการดำเนินการฉีดวัคซีนของภาครัฐล่าช้าเกินไป ดังนั้นผู้ประกอบการกว่า 60% จึงแสดงความพร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขอฉีดวัคซีนซิโนแวคให้กับแรงงานของแต่ละสถานประกอบการเอง โดสละ 1,000 บาท จำนวนคนละ 2 โดส โดยเฉพาะในเขตพื้นที่กรุงเทพและสมุทรสาคร ไม่เกี่ยวกับ 30 ล้านโดสหรืองบประมาณของรัฐบาล เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระภาครัฐและช่วยให้การฉีดวัคซีนเร็วขึ้น
  
ทั้งนี้ ส.อ.ท.จะหารือกระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขจังหวัด ในการเป็นผู้แทนภาคอุตสาหกรรมไทยขออนุญาตรัฐบาลให้เอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด-19 จากซิโนแวคที่ได้ขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา(อย.) แล้ว ผ่านองค์การเภสัชกรรม(อภ.) ให้แรงงานในภาคอุตสาหกรรมมากว่า 51,000 ราย จาก 109 บริษัท ใน 22 จังหวัดทั่วประเทศ ได้รับการฉีดวัคซีนในสถานที่ที่ภาครัฐจัดเตรียมให้ภายในเดือนมิ.ย.นี้ และจะเปิดรับความต้องการฉีดวัคซีนโควิด-19 เฟส 2 จากสถานประกอบการต่อไปในวันที่ 31 มี.ค.2654 เชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการ นักลงทุน และนักท่องเที่ยวให้เดินเข้ามาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในไทยมากขึ้น
 

 
ยอดขายรถยนต์หด ลุ้นงานมอเตอร์โชว์ช่วยกระตุ้นยอดขายเพิ่ม
https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/2053069
 
ยอดขายรถยนต์หด ลุ้นงานมอเตอร์โชว์ช่วยกระตุ้นยอดขายเพิ่ม
 
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือน ก.พ.ของประเทศไทยว่ามีจำนวน 155,200 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ.63 ประมาณ 3.05% และเพิ่มขึ้นจากเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา 4.78% ซึ่งเป็นการผลิตเพิ่มขึ้นจากการผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น 5.91% และมีสัดส่วน 56.90% ของยอดการผลิตทั้งหมด ขณะเดียวกัน จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือน ม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมา มีจำนวน 303,318 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 1.16% ส่วนรถจักรยานยนต์ พบว่าเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา มีผลิตรถจักรยานยนต์ได้ 218,530 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ.63 ประมาณ 1.30% และยอดการผลิตรถจักรยานยนต์เดือน ม.ค.-ก.พ. ที่ผ่านมา มีจำนวน 438,507 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 3.10%
 
สำหรับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา มีจำนวน 58,960 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา 10.9% และเพิ่มขึ้นจากเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา 6.80% ทั้งนี้ ยอดขายลดลงจากการกังวลการระบาดของโควิด-19 รอบสอง ทำให้ประชาชนต้องระวังการใช้จ่ายมากขึ้น สถาบันการเงินก็เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น คาดว่างานมอเตอร์โชว์วันที่ 24 มี.ค.ถึง 4 เม.ย.นี้ จะกระตุ้นยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นได้เช่นปีที่แล้ว และ 2 เดือนแรกของปีนี้ รถยนต์มียอดขาย 114,242 คัน ลดลง 16.2% จากปีที่ผ่านมา ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 265,771 คัน ลดลง 46%.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่